Fuji Keizai คาดว่าอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในญี่ปุ่นจะโตสามเท่าในปี 2030 เป็น 4 แสนล้านเยน (ประมาณ 9.03 หมื่นล้านบาท) หลังธุรกิจในญี่ปุ่นหันมาใช้หุ่นยนต์ช่วยทำงาน เนื่องจากประเทศกำลังขาดแคลนแรงงานและเผชิญกับสังคมสูงวัย
โดยสถาบัน Recruit Works คาดว่าญี่ปุ่นจะขาดแคลนแรงงาน 11 ล้านคนภายในปี 2040 ขณะที่อีกสถาบันแห่งหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลคาดว่าภายในปี 2065 ประชากรเกือบ 40% จะมีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ในเดือนมกราคม ข้อมูลจากผลสำรวจบริษัทญี่ปุ่นราว 11,000 แห่ง พบ 53.4% กำลังต้องการพนักงานประจำ ส่วนแรงงานพาร์ทไทม์ขาดแคลนราว 30.6% โดยกลุ่มร้านอาหารขาดแคลนพนักงานมากที่สุด
แรงงานหุ่นยนต์เริ่มเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของแรงงานที่ขาดแคลน เช่น ร้านอาหาร Skylark ใช้หุ่นยนต์ประมาณ 3,000 ตัวในการเสิร์ฟอาหาร และร้านอาหารอีกแห่งในกรุงโตเกียวนำหุ่นยนต์มาช่วยแบ่งเบางานของพนักงานสูงวัยประมาณ 50%
นอกจากนั้น แรงงานหุ่นยนต์ยังถูกใช้ดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่น เนื่องจากรัฐบาลคาดว่าจะขาดแคลนคนดูแลผู้สูงอายุ 570,000 รายภายในปีงบประมาณ 2040 พนักงานในสถานดูแลผู้สูงอายุทางตอนใต้ของโตเกียวจึงหันมาใช้อุปกรณ์อัตโนมัติยกตัวผู้สูงอายุ ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม และช่วยในการสื่อสารได้ด้วย
ที่มา: TechCrunch via Bloomberg
Comments
แรงงาาน => แรงงาน
เจอร้านหนึงเข้าไป ลูกค้ากับพนักงานแทบไม่เจอหน้ากันเลย กดสั่งผ่าน Tablet พนักงานมาส่งไม่ก็หุ่นวิ่งมาส่ง จ่ายเงินก็กดเครื่องจ่ายอีก อีกหน่อยมนุษย์จะเป็นไงกันต่อไม่มีปฏิสัมพันธ์ไรกันเลย
ก็ต้องปรับตัวให้เข้ายุคสมัย จะไปคิดไรมากแค่ไปกินข้าวทำไมต้องคุยอะไรกับพนักงานเยอะแยะ ปกติผมไปกินข้าวก็ไม่ได้รู้สึกอยากคุยกับพนักงานยกเว้นจะสั่งอาหาร เรียกบ่อยๆก็เกรงใจมีระบบสั่งก็รู้สึกสบายใจตอนสั่งขึ้นเยอะ
ก็อีกหน่อยคนไม่ต้องคุยกับใตร นี่แค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ คนก็คุยกับ มีเพื่อนเป็น AI สังคมมนุษย์มันแปลกๆ สัตว์สังคม กลายเป็นอยู่คนเดียวมากขึ้น ญี่ปุ่นน่าจะเป็นแนวนี้มานานเพราะโตแล้วแยกบ้านไป แก่แล้วอยู่คนเดียวอีก
สั่งเครื่องมันก็ดี ยิ่งต่างชาติผมอ่านพูดญี่ปุ่นไม่ได้มันก็สะดวกดีละครับ ผมยังอยากได้ที่ไทยแบบนี้บ้างเลย
ร้านขายของอนาคตมีแต่เครื่อง ไม่จ้างคน คนตกงาน มันกระทบไปหมด ธุรกิจกำไรใช้คนน้อย ระยะยาวคนไม่มีเงิน ระบบก็อยู่กันไม่ได้ พอยาวๆ มาก คนตายไปก็อาจจะอยู่ได้แต่ลด scale ระบบ ลดขนาดห้างร้าน
% ผู้สูงอายุเยอะมาก บ้านเราจะไปในแนวทางเดียวกันด้วยมั้ยเนี่ย เห็นว่าแต่ละปีเด็กเกิดใหม่ก็น้อยลงเรื่อยๆ ด้วยละ
robotic ไม่ได้แย่หรอกนะ แต่เหมือนการใช้งานจริงยังไม่ค่อยได้เรื่อง เหมือนยังเอ๋อๆ เอามาใช้จริงแล้วเหมือนสร้างปัญหามากกว่า คนได้ประโยชน์จริงๆ มีแค่เจ้าของบริษัทนั้นๆ เช่น ร้านอาหาร-หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร, บริษัทส่งของ-ระบบรถส่งของไร้คน
อย่างเคยเห็นของจีน ที่มีหุ่นส่งอาหาร ขับไปติดเนินชะลอความเร็ว(speed bump) คนก็ยืนมองกันอยู่สักพักก่อนที่จะไปช่วยกันเข็นให้พ้นเนินนั้น
อีกเคสก็คือ detect ผิดพลาดแล้วชนกันเองระหว่างรถไร้คนขับ (ไม่เสียหายมาก) จอดแหงะสักพักแล้วขับแยกย้ายกันไปต่อ