Tags:
Forums: 

ข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยี ในช่วงปี 2553

โดย พาร์ โบทส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่นของอีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น

        ***********************

“สำหรับปี 2553 ผมคาดว่าบริษัทต่างๆ จะยังคงดำเนินการตัดสินใจอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการจัดซื้อเทคโนโลยี เพื่อให้ได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าจากการลงทุน ปัจจุบัน เราได้ยินลูกค้าพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3 ด้านที่จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อธุรกิจ นั่นคือ การประหยัดพลังงาน, เวอร์ช่วลไลเซชั่น และคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปรับใช้เทคโนโลยีทั้ง 3 ส่วนนี้ควบคู่กันไป ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ กล่าวคือ ระบบเวอร์ช่วลไลเซชั่นและคลาวด์คอมพิวติ้งจะต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของการประหยัดพลังงานเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น”

ในสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก ดูเหมือนว่าจะมีแรงกระตุ้นมากเป็นพิเศษสำหรับภาครัฐในการประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐานไอที ตัวอย่างเช่น โครงการ SOE (Standard ICT Operating Environment) ในสิงคโปร์ และโครงการอื่นๆ ในมาเลเซียและเวียดนาม ได้รับการพัฒนาก้าวหน้ากว่าภาคเอกชน รัฐบาลของประเทศต่างๆ กำลังดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัว ส่วนในภาคเอกชน องค์กรธุรกิจเอสเอ็มอีหลายๆ แห่งกำลังปรับใช้ระบบคลาวด์สาธารณะ โดยพึ่งพาเทคโนโลยีไอทีเพิ่มมากขึ้น จุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเซกเมนต์ต่างๆ ของตลาดในการปรับใช้ระบบคลาวด์ส่วนตัวหรือ “Private Cloud” ก็คือ การผนวกรวมโครงสร้างพื้นฐานไอที เช่น ระบบสตอเรจ ระบบประมวลผล (เซิร์ฟเวอร์) และเครือข่าย (ทั้งไฟเบอร์แชนเนลและไอพี) ทั้งหมดนี้คือ รากฐานที่จำเป็นสำหรับพัฒนาการขั้นถัดไป โดยจะนำพาองค์กรไปยังขั้นตอนต่างๆ บนเส้นทางการพัฒนาระบบเวอร์ช่วลไลเซชั่น และท้ายที่สุดแล้ว ก็จะก้าวไปสู่ “ระบบคลาวด์ส่วนตัว” ที่เหมาะสมกับองค์กรนั้นๆ

ในตลาดโทรคมนาคม การพัฒนาระบบเวอร์ช่วลไลเซชั่นจะมีข้อแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ นอกจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการปรับใช้ “ระบบคลาวด์ส่วนตัว” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันแล้ว ยังจะต้องก้าวเข้าสู่ตลาด “ผู้ให้บริการโฮสติ้ง” อีกด้วย นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถจัดหาบริการและคุณประโยชน์เพิ่มเติมแก่ลูกค้า บริษัทโทรคมนาคมจะต้องมุ่งเน้นการสร้างเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่นที่เชื่อมโยงกับ “ระบบคลาวด์ภายนอก” เพื่อให้ลูกค้าสามารถ “แบ่งเบาภาระ” ด้านงานประมวลผลไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของผู้ให้บริการโทรคมนาคม ทั้งในแบบเฉพาะกิจ ระยะสั้น หรือระยะยาว

สำหรับตลาดสตอเรจ เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช การขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน และการแบ่งระดับชั้นของสตอเรจ จะยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง เพราะจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก ทั้งนี้ รายงานของไอดีซีระบุว่า ปริมาณข้อมูลดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่าตั้งแต่ปี 2551 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายไอทีทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1.2 เท่า ด้วยเหตุนี้ บริษัทต่างๆ จึงต้องมองหาหนทางที่จะรับมือกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเปลี่ยนจากการซื้ออุปกรณ์สตอเรจและเซิร์ฟเวอร์และหันไปจัดสรรงบประมาณให้กับโครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ช่วลไลซ์และระบบคลาวด์แทน

เมื่อก่อนนี้ มักจะได้ยินผู้คนพูดกันว่าพวกเขาต้องการที่จะใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมต่อไปจนกว่าเสื่อมสลายและใช้งานไม่ได้ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ตอนนี้ใครๆ ก็เล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ในการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีใหม่ก่อนที่ระบบเดิมจะเสียหายจนใช้การไม่ได้ ทั้งนี้เพราะการปรับรื้อโครงสร้างเทคโนโลยีในคราวเดียวย่อมจะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับการปรับเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

        ******************
Get latest news from Blognone