ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่าพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ได้รับการสนับสนุนจาก ธปท. ซึ่งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอความเห็น และปรับปรุงเนื้อหาให้มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หนึ่งในประเด็นของ พ.ร.ก. ไซเบอร์ คือการกำหนดให้สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ยกระดับการดูแลลูกค้า และต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายหากละเลยมาตรฐานที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนด จนส่งผลให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย
โดยภายในต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ธปท. เตรียมออกประกาศเพื่อกำหนดมาตรฐานสำหรับสถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินที่ได้รับใบอนุญาตประเภทเงินอิเล็กทรอนิกส์ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด จะต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้า
สาระสำคัญของมาตรฐานที่ต้องดำเนินการมีดังนี้:
ส่วนกระบวนการเยียวยาความเสียหายภายใต้ พ.ร.ก. ฉบับใหม่ เริ่มจากประชาชนที่ได้รับความเสียหายสามารถแจ้งเหตุไปยัง ศปอท. (ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ผ่าน AOC 1441 เพื่อให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ
เมื่อได้รับแจ้ง สำนักงานการเงินจะกักเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมต้องสงสัย แบ่งออกเป็นสองส่วน:
ธปท. เสริมว่า ต่อให้พระราชกำหนดฯ จะกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ หากไม่ทำตามมาตรฐานที่ผู้กำกับดูแลกำหนด ก็ขอให้ประชาชนระวังในการใช้บริการทางการเงิน และตรวจสอบการทำธุรกรรมให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1/2568 จำนวนเคสแอปดูดเงินในไทยเป็นศูนย์ แสดงให้เห็นว่า มาตรการการป้องกันจากฝั่งของ Mobile Banking Security ได้รับการจัดการอย่างดี และมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะมิจฉาชีพพัฒนาและอัปเดตเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่ความเสียหายที่เกิดจากการหลอกโอนเงินในช่วงเวลาเดียวกัน มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 5,142 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลง แต่ยังเป็นจำนวนที่สูงมาก และต้องมีการจัดการอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันในอนาคต
ที่มา: Media Briefing แบงก์ชาติกำหนดมาตรฐานของภาคธนาคารในการร่วมรับผิดชอบตาม พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
Comments
ขอเบอร์ฉุกเฉินรวมด้วย
เช่น ถ้ารู้ตัวว่าโดนหลอก กดโทร XXXX แล้วระบบจะแจ้งอายัดชั่วคราวไปทุกธนาคารทุกบัญชีที่ผูกกับเบอร์ที่ใช้โทร แล้วต้องสแกนหน้าปลดล็อคหรืออะไรก็ว่าไป จะได้จำกัดความเสียหายได้เร็ว จำง่ายๆไม่ต้องแยกตามธนาคาร
น้ำยาล้างห้องน้ำอยู่ในทุกบ้าน แต่ไม่มีใครหยิบมากินเล่น ก็เพราะมีความรู้
ถ้ากระจายความรู้ให้ทั่วถึง มิจฉาชีพมันมีไม่กี่แพทเทิร์นหรอก
แต่คนที่มีนำยาล้างห้อง และไฮเตอร์ ไม่รู้ว่าถ้ามันผสมกันแล้วจะเกิดก๊าซพิษ
พรก ออกมาก็ใช่ว่าทุกคนจะรู้รายละเอียด
หน่วยงานรัฐไม่ยอมอัพ software จะไม่เอาผิดหน่อยเหรอครับ เห็นโดนฝังเว็บพนันเกลื่อนเลย
รุ่นที่ไม่เชื่อใคร นอกจากมิจฉาชีพ เขาบอกอะไรเชื่อหมด พอมีคนเตือนก็เถียงด้วย ไม่ตั้งคำถามกับมิจฉาชีพด้วย ตอบแทนมิจฉาชีพอีกต่างหาก น่ากลัว ยิ่งมีเงินเข้าถึงเงินได้นี้ ยิ่งน่ากลัว