คิดว่าคงมีหลายๆคนที่อยู่วงการไอที โดยเฉพาะพวก Programmer แต่ว่าภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง เลยอยากขอคำแนะนำหน่อยว่าแต่ละคนมีวิธีการฝึก การแก้ปัญหายังไง
เผื่อว่าจะได้เอามาเป็นแนวทางให้ตัวเอง
ของผมเล่นเวปแต่เด็ก (ในสมัยที่ไม่มีเวปภาษาไทย) ก็เลยอ่านมาเยอะ รอดไป (ฮา) พูดก็ไก่กา ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีปัญหา 555
บริษัทผมมีนโยบาย ใครไม่เก่งอังกฤษพอ ตูจับเทรน (หลังเลิกงาน) ด้วย แต่ผมได้เลเวล 6 ซึ่งผ่านเกณฑ์พอดีเลยไม่ต้องเรียน ...
แต่วิธีที่พี่สาวผมใช้คือ ดูหนัง ดูละคร (ซีรีส์) ภาษาอังกฤษแบบไม่เปิดซับน่ะครับ แล้วก็เลียนแบบสำเนียงการพูดด้วยนะ (แต่ที่ทำให้เค้าเก่งขึ้นไปอีกคือไปอยู่เมืองนอกอีกหกปีน่ะคับ ^^' แต่ตอนอยู่เมืองไทยก็เก่งมากอยู่แล้วนะ)
ผมใช้วิธีเปิดซับอังกฤษเอาครับ จะได้รู้ด้วยว่าไอ้ที่ออกเสียงแบบนี้คือคำว่าอะไร
เปิดซับแล้วก็อ่านแต่ซับครับ ไม่ได้ทักษะการฟัง (อันนี้สำคัญมาก)
คนไทยส่วนใหญ่อ่านเขียนได้ดีแล้ว (เขียนได้ดีกว่าฝรั่งแท้ ๆ หลายคนอีก) แต่ฟังพูดต้องฝึกครับ
ต้องอ่านให้เป็นก่อนครับ ไม่งั้นก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
ผมว่าที่สอนกันในระดับมัธยมศึกษาก็เพียงพอแล้วนะผมว่า ...
หรือว่าโรงเรียนผมสอนดีเกินโรงเรียนอื่นหว่า :P (โรงเรียนวัดนะครับ)
ทักษะการฟังก็สำคัญครับ การเรียนการสอนในบ้านเรานั้นผิดหลักการเรียนรู้ด้านภาษาอย่างแรง เพราะเน้นที่การอ่านเสียส่วนใหญ่ การอ่านให้เราได้แค่คำศัพท์ รูปแบบประโยคและไวยากรณ์ ซึ่งพอถึงเวลากลับฟังไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว เพราะตามสปีดการออกเสียไม่ทัน, รูปแบบประโยคโดนลดรูปจากที่เคยอ่านๆมา,สำเนียงการออกเสียง ดังนั้นเราควรคุ้นเคยกับการฟังด้วยครับ ในที่สุดแล้วทักษะทั้งสี่อย่างที่เกิดจากการฝึกฝนไปพร้อมๆกันจะทำให้ภาษาของเราดีอย่างรวดเร็ว
ผมอ่านซับนรก 555+
ซ้ำ
ปิดซับฟังสองรอบครับ รอบต่อไปเปิดซับแล้วออกเสียงตาม
ที่ยากคือเขียนและพูด เพราะทำด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนฟังและแนะนำครับ
lewcpe.com, @wasonliw
อ่านเยอะๆครับ อ่าน อ่าน อ่าน อ่าน อ่านอะไรก็ได้ครับ เว็บ คอมเมนต์ผู้อ่าน หนังสือ หรือแม้แต่การ์ตูนที่เอามาแปลในอินเตอร์เนต ฯลฯ(ภาษาอังกฤษนะครับ)แล้วมันก็จะค่อยๆซึมเข้าไปในหัวเราเองโดยอัตโนมัติ อ่านแบบเอาใจความก่อนไม่เน้นต้องรู้ศัพท์ทุกคำครับอันนี้ แต่ถ้าศัพท์คำไหนไม่เข้าใจจริงๆก็ค่อยเปิดดิกหรือเสิร์ช Google หาความหมายเอาก็ยังได้ สมัยนี้ง่ายมากๆครับ ขอแค่มีความอยากรู้ว่า"เอ๊ะ คำนี้แปลว่าอะไร เห็นบ่อยๆ"
เช่นเดียวกับการพูดและเขียน อยากเก่งอะไรก็ทำสิ่งนั้นเยอะๆครับ ไม่ยากๆ ค่อยๆฝึกไปทุกวัน
ป.ล.อ่านสิ่งที่เรามีความสนใจ จะช่วยให้อยากอ่านมากขึ้นนะครับ
อย่าเพิ่งรีบเปิด dict ครับ ให้ลองเดาความหมายจาก context ก่อน (อันนี้สำคัญมาก)
ปล. เปิดดิก ผมนึกถึงคำว่า "open d_ck" ... ลามกไปป่าวหว่า ??
+1 เดาความหมายจากcontextสำคัญจริงๆ
ไม่ลามกหรอกครับ อิอิ
ผมขอแม่ไปอยู่เมืองนอก (ที่ไม่มีคนไทย) 1 ปี (แม่ดันให้แฮะ)
ช่วยได้เยอะเลยครับ ที่เหลือกลับมาศึกษาต่อเอง เช่น อ่านเวบภาษาอังกฤษ ดูหนังเยอะๆ จะได้ไม่ลืม :D
น้องสาวผมถูกส่งไปเรียนเมืองนอก แล้วกลับมาบ่นว่าภาษาอังกฤษแย่ลง เพื่อนของน้องเขาก็ว่ามางี้เหมือนกัน (เด็กเอแบคกันหมดเลยนะ ผมด้วย)
ไม่รู้เพราะว่าไปฟินแลนด์หรือเปล่า 555
ตอนกลับมา ผมกับเพื่อนๆก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่เอาเข้าจริงดูเทสก่อนไปกับหลังไปนี่ต่างกันลิบลับเลย
แต่ถ้าแย่ลงจริงๆก็เพราะอาจจะเจอเพื่อนคนไทยตลอดเวลาก็ได้ครับ (เหมือนเพื่อนผมอีกกลุ่ม) ทำให้เกาะกลุ่มคนไทยกันมากกว่าแล้วทำให้ไม่ค่อยได้สื่อสารกับฝรั่งอย่างเต็มที่และรู้จักการเอาตัวรอดทางภาษาน้อยลง
ผมไปอยู่เมืองที่แทบไม่มีคนไทยเลย 555 (Arkansas, USA) มันก็เลยช่วยได้เยอะมาก (ทำรายงานส่งเป็นภาษาัอังกฤษครั้งแรกตอนนั้นเกือบกระอักเลือดตาย แต่พวกใกล้ตายนี่แหละทำให้ทักษะดีขึ้น ^^)
อ้อ มีเรื่องเล่าเพื่อนผมอีกคนเคยร้องไห้เลยล่ะเพราะคิดว่าตัวเองมาอเมริกาแล้วภาษายังห่วยแตก แต่ตอนสอบเอนท์(สมัยนั้น) ภาษาอังกฤษดันติดอันดับ Top ของประเทศไทยเลยนะนั่น :)
อ่านอย่างเดียวครับ ชอบคอม ลงทุนเดือนละร้อยกว่าบาท หนังสือคอมเดือนละเล่มก็ได้ หรืออยากเริ่มต้นลองหาหนังสือนิยายสั้นๆ สำหรับเด็ก เล่มละไม่ถึงร้อย เริ่มจาก lv1 ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้ศัพท์ สักพักจะได้ tense โดยไม่รู้ตัวเอง
ส่วนเรื่องเขียน ถ้าอ่านได้พอสมควรก็ไม่ยาก ฟังอันนี้ดู series เยอะๆ ครับ รอบแรกอาจเปิดซับอังกฤษ รอบสองก็ดูสดๆ เลย พูดอันนี้ยากสุด แต่ถ้าอยากได้จริงๆ ก็หาเพื่อนที่เป็นฝรั่ง ไม่ก็เข้าไปเรียนครับ
ถ้าอ่านตัว phonetic ได้ ภาษาอังกฤษเราจะไพเราะขึ้นมาก (แต่มันยากที่สุดเลย)
ขอแบ่งบันประสบการณ์ครับ ผมเองก็ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกันแต่มีโอกาสได้ไปดูงานต่างประเทศประมาณ 4 เดือนเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้พูดภาษาไทยกับใครเลย (ยกเว้นโทรศัพท์กลับบ้าน) เชื่อมั้ยครับจากที่อ่านได้ฟังได้ แต่พูดไม่คล่อง มันกับกลายเป็นลื่นไหลไปเองโดยธรรมชาติเหมือนมีองค์ลง แต่พอกลับมาสักพักเทพก็ไปครับแต่ดีกว่าเก่า
ไม่มีเคล็ดลับอะไร นอกจากอ่านเยอะๆ ฟังเยอะๆ พูดเยอะๆ ผมชอบดูซีรีย์ฝรั่งช่อง Universal แล้วก็จะนั่งพูดตามเหมือนคนบ้าเลยครับ (เวลาดูคนเดียวนะครับ) แต่มันการฝึกออกเสียงได้ดีครับ ถ้าชอบวิธีเพื้ยนๆแบบผมก็ลองดูครับ
^^
ส่วนตัวผมได้ทักษะจากการอ่าน Error กับ Notify ของ Windows ครับ สมัย Win98 แฮงค์บ่อยแต่ใจรัก :P
วาง Dict ไว้ข้างๆ เครื่องเวลาใช้กันเลยทีเดียว ส่วนไวยากรณ์ก็ได้จากตรงนี้เหมือนกันเพราะ OS มักจะใช้ภาษาทางการอยู่บ้าง
ที่เหลือก็ได้จากหนังสืออ่านเพราะพอเข้ามหาวิทยาลัยเนี่ย หนังสือคอมพ์เยอะมากครับ แต่ส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ ผมเข้าปีแรกไม่กล้าหยิบเลย :S
นานๆ เข้าเริ่มเสียดายเลยหยิบมาพยายามอ่านให้เข้าใจเลยได้ใช้ถึงทุกวันนี้ :)
ส่วนทักษะการฟังอาศัยรายการวิทยุภาษาอังกฤษที่หาได้ทั่วไป เปิดวิทยุก็มี ทักษะการเขียนได้จากการถาม ช่วงที่ Private Game Server เข้ามาใหม่ๆ อาศัยถามจากคนต่างประเทศครับ (เพราะในประเทศยังมีคนเข้าใจจริงๆ น้อยมาก)
ข้อเสียของการอ่านเป็นพื้นฐานก็มีเรื่องทักษะพูดครับ เนื่องจากผ่าน internet กันอย่างเดียว ไม่ได้ฝึก :S
ป.ล. สังเกตว่าผมฝึกแบบมีแรงจูงใจมากกว่าขยันไปนั่งเรียนภาษาตรงๆ :)
ขั้นตอนที่ผมฝึกนะครับ ใช้เวลา 1 ปี จากที่ฟัง/พูด ไม่คล่องเลย กลายเป็นคนที่มั่นใจในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ
ฝึกภาษา มันต้องมี passion+inspiration ถึงจะไปได้เร็ว
ช่วงที่ใช้ภาษาหนักมากๆ ผมถึงขนาดฝันเป็นภาษาอังกฤษเลย
ผมฝันเป็นภาษา Python อ่ะ
เย้ย tab กันวุ่นเล้ย
ใช้งานเยอะ ๆ เข้าเว็บข่าวภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้ดูไวยกรณ์ที่ถูกต้องแบบเป็นทางการ
ถ้าอยากได้ sense การใช้ภาษาอังกฤษ แนะนำว่า chat คุยกับฝรั่งจะดีมาก ๆ เลยครับ ส่วนเว็บ chat ดี ๆ ก็นี่เลย facebook , badoo ก็ได้ครับ
แต่ถ้าให้ดีที่สุดก็คือไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้ใช้ภาษาอังกฤษแน่นอน ทั้งพูด อ่าน เขียน
ของผมอีกอย่างคือ ... ต้องประชุม conferrence กับเมืองนอกทุกวันจันทร์ ช่วยได้เยอะครับ555+
อีกอย่างก็มีเพื่อนเป็น Native เยอะ ๆ น่ะล่ะ พูดภาษาไทยคุยกันไม่รู้เรื่อง สุดท้ายต้ัองอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ 555+
หลักๆก็คืออ่านกับฟังแฮะ เท่าที่อ่านคอมเม้นในนี้ดู แปลกใจนิดๆเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะแนะนำสถาบันสอนภาษากันซะอีก
もういい
เล่น FM ช่วยได้เหมือนกันนะ
ผมว่ามันอยู่ที่ความคุ้นเคยนะ ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ในอาทิตย์เดียว ทุกๆครั้งที่เราตั้งใจฟังภาษาอังกฤษถึงแม้จะไม่เข้าใจก็อย่านึกว่าผ่านแล้วผ่านเลยนะครับ สมองส่วนหน้าจะมีการตอบสนองต่อทักษะทางภาษา ยิ่งกระตุ้นมันด้วยการสื่อสารมากเท่าไรมันก็พัฒนามากขึ้นเท่านั้น แต่อัตราการพัฒนาของเซลส์เครื่อข่ายสมองค่อนข้างช้า อาจใช้เวลาเป็นปีๆ ถึงจะเชื่อมโย่งเซลส์ประสาทได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ แต่นั้นเท่ากับว่าคนที่เรียนคอสสอนภาษาแสนแพงอย่างไงก็ไม่เก่งเท่าคนที่คลุกคลีกับภาษาวันละนิดๆเป็นปีๆแน่นอน ยิ่งถ้าหัดพูดให้ได้ก่อน อ่านหรือเขียนจะยิ่งทำให้สมองส่วนหน้าพัฒนาได้เร็วกว่า การเริ่มที่ฟัง แย่สุดคืออ่านและเขียน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ฝึกฝนทางใหนเลยครับ
ส่วนตัวผมทำงานกับบริษัทฝรั่งเศส เวลาประชุมกันที ไทย ฝรั่งเศส อังกฤษ ตีกันยุ่งไปหมด
ปัญหา..ส่วนใหญ่ คือ การฟังไม่ออกครับ (แก้ตรงนี้ก่อนครับ) 1. ถ้ามีตังส์ แนะนำไปเรียนต่างประเทศ ครับ 5-6 เดือนเห็นผลครับ..(อันนี้ได้ฟัง+พูด) 2. ถ้าไม่มีเริ่มทีดูหนัง "ต้อง" ไม่มี sub-title ครับ แนะนำ LOST ครับ 6 Seasons เห็นผลเช่นกัน(อันนี้ได้แค่ฟัง) -- นางเอก sexy ครับ -- 3. เขียน Blog ส่วนตัวครับ..แปลจากข่าวมั่ง(แล้วเอามาลง blognone) หรือ เขียนจากประสบการณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ (อันนี้ได้ เขียน) -- ผิดมั่งถูกมั่ง..ถ้ามีฝรั่งมา comment มันเข้าใจ..ก็แสดงว่าผ่านละครับ
เหนืออื่นใด skill (ทักษะ) ทุก skill ฝึกกันได้ครับ(เขียนโปรแกรม, ภาษา, ดนตรี, การเรียน ฯลฯ) ..มันจะยากตอนเริ่ม.. อดทนและฝึกฝน
สู้ๆ..ครับ
LOST ใช่เลยได้ฟังทุกสำเนียง โดยไม่ต้องไปไหน เกาหลี อังกฤษ สก็อต ออสเตรีย ฝรั่งเศส อีรัก อเมริกัน แอฟริกา เรียกว่าเพลินสำเนียงแถมสนุกด้วย อันนี้คอนเพิร์ม
เริ่มจากดูหนังภากย์ไทยเปิดซับอังกฤษก่อนก็ได้ครับ
สักพักค่อยเปลี่ยนเป็น sound track ไม่มีซับ
ไม่มีประโยชน์ครับ โดยเฉพาะภากย์พันธมิตร
55555 ภากย์พันธมิตร จำได้ กล้องไปจ้องที่ขาม้า เค้าก็ภากย์ว่า "นี้คือขาม้า" จะพูดไปทำไม... แต่ฮาาาา
เป็นทีมพากย์ที่พากย์ได้ฮาที่สุดในโลกแล้วครับ :D
หนังจีนเรื่องไหนทีมนี้พากย์จะสนุกขึ้นอีกประมาณ 50%
แต่อย่าพากษย์หนังญี่ปุ่นนะ จะดูไม่รู้เรื่อง - -'
หนังญี่ปุ่นจำเป็นพากย์ด้วยหรอ เย้ย! เราดูหนังเรื่องเดี่ยวกับเขาไม่น่ะ แต่ "พากย์" เขียนแบบนี้น่ะครับ
ผมเคยดูเรื่อง Swing Girl (ล่ะมั้ง ไม่มั่นใจว่าใช่มั้ย) ซึ่งมันก็เป็นหนังค่อนข้างตลก แต่ก็มีความเป็นดราม่าอยู่
แต่ทีมที่พากย์ไทยนี่เล่นเอาดูไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเลยฟังเสียงญี่ปุ่นแล้วเปิดซับเอา
ส่วนหนังจีนผมว่าทีมพันธมิตรก็ดีแล้วล่ะ เพราะว่า ... เค้าพากย์ได้โล้งเล้ง ๆ เหมือนเสียงในฟิลม์
ถ้าพันธมิตรพากย์หนังแบบนั้นคงฮาน่าดู
หนังแบบนั้นหนังอะไรหรือครับ? ถ้าคิดเหมือนกันผมบอกคุณ @mr_tawan ด้วยครับว่าคือหนัง... :P
จำได้ว่ามีคนเคยเปิดหนัง AV กำลังภายในให้ดูนะครับ
มันฮาสุด ๆ เลย ทนดูได้แป๊บเดียว 555
ทนดูได้แป๊บเดียว แล้วไปไหนต่ออ่ะ เย้ย! ไปกันใหญ่แล้วพอๆ :D ( @mr_tawan คิดตรงกันแล้วครับ)
5555
ซ้ำครับ --พอดีกด F5-- ดูคนตอบครับ
มาเสริมอีกอย่าง มีเมียเป็นฝรั่ง! Oh yeah
อันนี่ได้แน่นอน....
ได้อะไร..= ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ขอบคุณทุกคนมาก คิดว่าข้อมูลนี้คงมีประโยชน์กับหลายๆคน
หลายอย่างที่ทำก็มีคนอธิบายไปหมดแล้ว ดังนั้นขอเข้ามาเก็บเทคนิคและขอบคุณทุกๆ ท่าน
download VOA จากเวบบิต เสียงพูดช้ากว่าปกติ1/3เท่า ฟังบ่อยให้จับคำได้ แล้วค่อยฟังแบบปกติ อย่าเครียดที่ฟังไม่่ ออกให้นึกถึงว่าฝรั่งเป็นเด็ก3ขวบพูดไม่ชีัด จับได้คล้ายคำไหนคือคำนั้น
ไม่มีใครเล่นเกมเหมือนผมเหรอนี่ - -" พวก STAR WARS KOTOR, Civilization, The Elder Scrolls นี่ก็ช่วยได้นะ
ปล. เล่นเป็นแต่เกม RPG+RTS เท่านั้นนะ อย่างอื่นไม่ไหว เวียนหัว
ผมเล่น Trauma Team (ภาคต่อของ Trauma Center) ได้ศัพท์แพทย์มาเยอะครับ ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่อง 555
เกมทนายก็ได้เยอะนะครับ สนุกด้วย
ลองแล้วอ่านกันตาแฉะเลย แต่สนุกจริงๆ
อ่านเพลินครับ เล่นไปสักพักก็จะโกน Take that แล้วคนใกล้ๆ ก็หันมามองผม 555+
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ผมเล่น Civilization นะ บางคำไม่รุ้ความหมายจำได้แต่มันเพิ่มลดค่าอะไร
ถ้าไม่ได้พูดภาษาอังกฤษกับใคร คือเน้นเรื่องของการอ่านให้เข้าใจ ผมแนะนำให้ท่องศัพท์ก่อนเลยครับ โดยเฉพาะที่เราต้องใช้บ่อยๆ จากนั้นก้ค่อยเรียนรู้เรื่องโครงสร้างประโยค
หากจำเป็นต้องมีการสนทนากับชาวต่างชาติ ก็ต้องเริ่มฝึกฟังสำเนียงจากภาพยนต์หรือฟังจาก Youtube เพื่อให้เข้าใจ ควบคู่ไปกับการฝึกพูด ซึ่งหากไม่มีใครให้พูดด้วยคงจะยาก แนะนำให้ไปเรียนการพูดตามสถาบันหรือมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติยิ่งดี
เหมือนๆหรือใกล้เคียงกับที่ตอบกันด้านบนครับ คือ 1. ปูไวยากรณ์พื้นฐานก็ดีครับ จะได้เขียน/พูด ได้ถูกต้อง และเป็นที่ประทับใจของเจ้าของภาษา 2. อ่านข่าว/นิยาย/เรื่องสั้นภาษาอังกฤษ ลองอ่าน Romance of the Three Kingdoms สัก 3 รอบครับ (แล้วจะคบไม่ได้) 3. ดูหนังฟังเพลงภาษาอังกฤษครับ ค่อยเป็นไปก็ได้ เริ่มจากดูซับก็ได้นะ (ผมก็ทำงั้น) แล้วค่อยขยับไปฟังข่าว CNN กับ BBC ถ้าฟังได้รู้เรื่องก็ผ่านไปเยอะแล้ว 4. หาเพื่อนต่างชาติสนทนาด้วย เริ่มจากคุยออนไลน์ก่อนก็ได้ สะดวกดี ฝึกได้ทั้งภาษาเขียนและภาษาพูด
การได้ไปเรียนหรือทำงานต่างประเทศที่ใช้อังกฤษเป็นภาษาทางการ ก็ช่วยได้ แต่ควรมีพื้นภาษาบ้าง เพราะหลายที่เขาก็ไม่รับ ถ้าภาษาไม่ผ่าน ส่วนเรื่องสำเนียงเนี่ย ต้องฝึกกันเองครับ แต่ผมว่าคุยให้รู้เรื่องก็ดีแล้ว (ยกเว้น ถ้าเป็นทางการ ต้องคำนึงเรื่องไวยากรณ์)
อีกวิธีไม่ขอนับรวมกับด้านบน คือ หาแฟนแหม่มครับ
My Blog
ขั้นตอนเหมือนกันเลยครับ ยกเว้นขอที่ไม่นับ เพราะหาแฟนแหม่ม มันอยากกว่าฝึกภาษาอีกครับสำหรับกีกไม่มีเวลา
ปล. ตอนนี้ภาษาอังกฤษผมเริ่มทดถ่อยมากอีกครั้ง รับรู้ได้อย่างเดียว เพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้กับใคร ถ้าอยากจำนานๆ ต้องหมั่นนำมาใช้ หรือมาพูดบ่อยๆ ด้วยครับ
ส่วนใหญ่จะทำแนวทางกันเลยนะพวกกีกเนี่ย เน้น"ช่วยตัวเอง"เป็นหลักโดยมิได้นัดหมายกัน
เข้ามาฮากลุ่มเล่นเกมส์ 555
ภาษาไม่ใช่ความรู้(Knowledge)ครับ มันคือทักษะ(Skill)
จะเชี่ยวชาญได้ต้องฝึกฝนและใช้งานบ่อยๆ แต่ก่อนจะนำไปใช้งาน ต้องมีความรู้ก่อนว่าจะใช้ยังไงให้ถูก (งงมั้ย) ไม่งั้นก็จะกลายเป็นภาษาแบบเมียเช่าไป
แนะนำให้หาหนังสือ Grammar ของ Betty Azar มาอ่าน (อย่าไปอ่านเล่มแปลไทยนะ) หน้าตาประมาณนี้ http://www.amazon.com/Fundamentals-English-Grammar-Betty-Schrampfer/dp/0132353350/ref=sr_1_1?ie=UTF8&s=books&qid=1280026222&sr=8-1 ผมว่าคนเขียนแบ่งส่วนให้ค่อยๆศึกษาเองได้ง่ายดี
พอมีความรู้แล้ว ก็นำไปฝึกฝนต่อด้วยวิธีที่บนๆแนะนำมาแล้ว ดูหนังเปิด sub ภาษาอังกฤษไปก่อน ไม่ต้องไปหักดิบ มันจะรู้สึกว่ายากเกินไป ดูไปกด pause เปิดดิกไปด้วย เดี๋ยวก็รู้เรื่องเอง ศัพท์ไม่ต้องท่อง ถ้าอ่านเยอะฟังเยอะจริง เดี๋ยวมันมาเอง
รู้สึกผมจะซื้อเล่มนี้ฉบับแปลไทยมา เหตุที่ซื้อไทยเพราะราคาถูกกว่าต้นฉบับมาก
พึ่งโหลด e-book มาครับ
ขอบคุณที่แนะนำครับ ^^
ลองแปลข่าวใน blognone วันละข่าวครับ รับรองเดือนนึงสกิลเพิ่มกระฉูด
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ของผมเล่นเวปแต่เด็ก (ในสมัยที่ไม่มีเวปภาษาไทย) ก็เลยอ่านมาเยอะ รอดไป (ฮา) พูดก็ไก่กา ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีปัญหา 555
บริษัทผมมีนโยบาย ใครไม่เก่งอังกฤษพอ ตูจับเทรน (หลังเลิกงาน) ด้วย แต่ผมได้เลเวล 6 ซึ่งผ่านเกณฑ์พอดีเลยไม่ต้องเรียน ...
แต่วิธีที่พี่สาวผมใช้คือ ดูหนัง ดูละคร (ซีรีส์) ภาษาอังกฤษแบบไม่เปิดซับน่ะครับ แล้วก็เลียนแบบสำเนียงการพูดด้วยนะ (แต่ที่ทำให้เค้าเก่งขึ้นไปอีกคือไปอยู่เมืองนอกอีกหกปีน่ะคับ ^^' แต่ตอนอยู่เมืองไทยก็เก่งมากอยู่แล้วนะ)
ผมใช้วิธีเปิดซับอังกฤษเอาครับ จะได้รู้ด้วยว่าไอ้ที่ออกเสียงแบบนี้คือคำว่าอะไร
เปิดซับแล้วก็อ่านแต่ซับครับ ไม่ได้ทักษะการฟัง (อันนี้สำคัญมาก)
คนไทยส่วนใหญ่อ่านเขียนได้ดีแล้ว (เขียนได้ดีกว่าฝรั่งแท้ ๆ หลายคนอีก) แต่ฟังพูดต้องฝึกครับ
ต้องอ่านให้เป็นก่อนครับ ไม่งั้นก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
ผมว่าที่สอนกันในระดับมัธยมศึกษาก็เพียงพอแล้วนะผมว่า ...
หรือว่าโรงเรียนผมสอนดีเกินโรงเรียนอื่นหว่า :P (โรงเรียนวัดนะครับ)
ทักษะการฟังก็สำคัญครับ การเรียนการสอนในบ้านเรานั้นผิดหลักการเรียนรู้ด้านภาษาอย่างแรง เพราะเน้นที่การอ่านเสียส่วนใหญ่ การอ่านให้เราได้แค่คำศัพท์ รูปแบบประโยคและไวยากรณ์ ซึ่งพอถึงเวลากลับฟังไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว เพราะตามสปีดการออกเสียไม่ทัน, รูปแบบประโยคโดนลดรูปจากที่เคยอ่านๆมา,สำเนียงการออกเสียง ดังนั้นเราควรคุ้นเคยกับการฟังด้วยครับ ในที่สุดแล้วทักษะทั้งสี่อย่างที่เกิดจากการฝึกฝนไปพร้อมๆกันจะทำให้ภาษาของเราดีอย่างรวดเร็ว
ผมอ่านซับนรก 555+
ซ้ำ
ปิดซับฟังสองรอบครับ รอบต่อไปเปิดซับแล้วออกเสียงตาม
ที่ยากคือเขียนและพูด เพราะทำด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนฟังและแนะนำครับ
lewcpe.com, @wasonliw
อ่านเยอะๆครับ อ่าน อ่าน อ่าน อ่าน อ่านอะไรก็ได้ครับ เว็บ คอมเมนต์ผู้อ่าน หนังสือ หรือแม้แต่การ์ตูนที่เอามาแปลในอินเตอร์เนต ฯลฯ(ภาษาอังกฤษนะครับ)แล้วมันก็จะค่อยๆซึมเข้าไปในหัวเราเองโดยอัตโนมัติ อ่านแบบเอาใจความก่อนไม่เน้นต้องรู้ศัพท์ทุกคำครับอันนี้ แต่ถ้าศัพท์คำไหนไม่เข้าใจจริงๆก็ค่อยเปิดดิกหรือเสิร์ช Google หาความหมายเอาก็ยังได้ สมัยนี้ง่ายมากๆครับ ขอแค่มีความอยากรู้ว่า"เอ๊ะ คำนี้แปลว่าอะไร เห็นบ่อยๆ"
เช่นเดียวกับการพูดและเขียน อยากเก่งอะไรก็ทำสิ่งนั้นเยอะๆครับ ไม่ยากๆ ค่อยๆฝึกไปทุกวัน
ป.ล.อ่านสิ่งที่เรามีความสนใจ จะช่วยให้อยากอ่านมากขึ้นนะครับ
อย่าเพิ่งรีบเปิด dict ครับ ให้ลองเดาความหมายจาก context ก่อน (อันนี้สำคัญมาก)
ปล. เปิดดิก ผมนึกถึงคำว่า "open d_ck" ... ลามกไปป่าวหว่า ??
+1 เดาความหมายจากcontextสำคัญจริงๆ
ไม่ลามกหรอกครับ อิอิ
ผมขอแม่ไปอยู่เมืองนอก (ที่ไม่มีคนไทย) 1 ปี (แม่ดันให้แฮะ)
ช่วยได้เยอะเลยครับ ที่เหลือกลับมาศึกษาต่อเอง เช่น อ่านเวบภาษาอังกฤษ ดูหนังเยอะๆ จะได้ไม่ลืม :D
น้องสาวผมถูกส่งไปเรียนเมืองนอก แล้วกลับมาบ่นว่าภาษาอังกฤษแย่ลง เพื่อนของน้องเขาก็ว่ามางี้เหมือนกัน (เด็กเอแบคกันหมดเลยนะ ผมด้วย)
ไม่รู้เพราะว่าไปฟินแลนด์หรือเปล่า 555
ตอนกลับมา ผมกับเพื่อนๆก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่เอาเข้าจริงดูเทสก่อนไปกับหลังไปนี่ต่างกันลิบลับเลย
แต่ถ้าแย่ลงจริงๆก็เพราะอาจจะเจอเพื่อนคนไทยตลอดเวลาก็ได้ครับ (เหมือนเพื่อนผมอีกกลุ่ม) ทำให้เกาะกลุ่มคนไทยกันมากกว่าแล้วทำให้ไม่ค่อยได้สื่อสารกับฝรั่งอย่างเต็มที่และรู้จักการเอาตัวรอดทางภาษาน้อยลง
ผมไปอยู่เมืองที่แทบไม่มีคนไทยเลย 555 (Arkansas, USA) มันก็เลยช่วยได้เยอะมาก (ทำรายงานส่งเป็นภาษาัอังกฤษครั้งแรกตอนนั้นเกือบกระอักเลือดตาย แต่พวกใกล้ตายนี่แหละทำให้ทักษะดีขึ้น ^^)
อ้อ มีเรื่องเล่าเพื่อนผมอีกคนเคยร้องไห้เลยล่ะเพราะคิดว่าตัวเองมาอเมริกาแล้วภาษายังห่วยแตก แต่ตอนสอบเอนท์(สมัยนั้น) ภาษาอังกฤษดันติดอันดับ Top ของประเทศไทยเลยนะนั่น :)
อ่านอย่างเดียวครับ
ชอบคอม ลงทุนเดือนละร้อยกว่าบาท หนังสือคอมเดือนละเล่มก็ได้
หรืออยากเริ่มต้นลองหาหนังสือนิยายสั้นๆ สำหรับเด็ก เล่มละไม่ถึงร้อย เริ่มจาก lv1 ไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวก็ได้ศัพท์ สักพักจะได้ tense โดยไม่รู้ตัวเอง
ส่วนเรื่องเขียน ถ้าอ่านได้พอสมควรก็ไม่ยาก
ฟังอันนี้ดู series เยอะๆ ครับ รอบแรกอาจเปิดซับอังกฤษ รอบสองก็ดูสดๆ เลย
พูดอันนี้ยากสุด แต่ถ้าอยากได้จริงๆ ก็หาเพื่อนที่เป็นฝรั่ง ไม่ก็เข้าไปเรียนครับ
ถ้าอ่านตัว phonetic ได้ ภาษาอังกฤษเราจะไพเราะขึ้นมาก (แต่มันยากที่สุดเลย)
ขอแบ่งบันประสบการณ์ครับ ผมเองก็ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกันแต่มีโอกาสได้ไปดูงานต่างประเทศประมาณ 4 เดือนเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้พูดภาษาไทยกับใครเลย (ยกเว้นโทรศัพท์กลับบ้าน) เชื่อมั้ยครับจากที่อ่านได้ฟังได้ แต่พูดไม่คล่อง มันกับกลายเป็นลื่นไหลไปเองโดยธรรมชาติเหมือนมีองค์ลง แต่พอกลับมาสักพักเทพก็ไปครับแต่ดีกว่าเก่า
ไม่มีเคล็ดลับอะไร นอกจากอ่านเยอะๆ ฟังเยอะๆ พูดเยอะๆ
ผมชอบดูซีรีย์ฝรั่งช่อง Universal แล้วก็จะนั่งพูดตามเหมือนคนบ้าเลยครับ (เวลาดูคนเดียวนะครับ)
แต่มันการฝึกออกเสียงได้ดีครับ ถ้าชอบวิธีเพื้ยนๆแบบผมก็ลองดูครับ
^^
ส่วนตัวผมได้ทักษะจากการอ่าน Error กับ Notify ของ Windows ครับ
สมัย Win98 แฮงค์บ่อยแต่ใจรัก :P
วาง Dict ไว้ข้างๆ เครื่องเวลาใช้กันเลยทีเดียว
ส่วนไวยากรณ์ก็ได้จากตรงนี้เหมือนกันเพราะ OS มักจะใช้ภาษาทางการอยู่บ้าง
ที่เหลือก็ได้จากหนังสืออ่านเพราะพอเข้ามหาวิทยาลัยเนี่ย
หนังสือคอมพ์เยอะมากครับ แต่ส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ ผมเข้าปีแรกไม่กล้าหยิบเลย :S
นานๆ เข้าเริ่มเสียดายเลยหยิบมาพยายามอ่านให้เข้าใจเลยได้ใช้ถึงทุกวันนี้ :)
ส่วนทักษะการฟังอาศัยรายการวิทยุภาษาอังกฤษที่หาได้ทั่วไป เปิดวิทยุก็มี
ทักษะการเขียนได้จากการถาม ช่วงที่ Private Game Server เข้ามาใหม่ๆ อาศัยถามจากคนต่างประเทศครับ (เพราะในประเทศยังมีคนเข้าใจจริงๆ น้อยมาก)
ข้อเสียของการอ่านเป็นพื้นฐานก็มีเรื่องทักษะพูดครับ เนื่องจากผ่าน internet กันอย่างเดียว ไม่ได้ฝึก :S
ป.ล. สังเกตว่าผมฝึกแบบมีแรงจูงใจมากกว่าขยันไปนั่งเรียนภาษาตรงๆ :)
ขั้นตอนที่ผมฝึกนะครับ ใช้เวลา 1 ปี จากที่ฟัง/พูด ไม่คล่องเลย กลายเป็นคนที่มั่นใจในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ
ผมโชคดีหน่อย ตรงที่ได้บ.ทำงานเป็นของชาวต่างชาติที่ย้ายมาทำงานในไทย เลยมีโอกาสได้ฝึกได้พูดทุกวัน สามเดือนแรกนี่ สื่อสารกันได้แย่มากเลย แต่พอผ่านไปซักพัก เริ่มคุ้นชินและดีขึ้นเรื่อยๆ
ฝึกภาษา มันต้องมี passion+inspiration ถึงจะไปได้เร็ว
ช่วงที่ใช้ภาษาหนักมากๆ ผมถึงขนาดฝันเป็นภาษาอังกฤษเลย
ผมฝันเป็นภาษา Python อ่ะ
เย้ย tab กันวุ่นเล้ย
ใช้งานเยอะ ๆ เข้าเว็บข่าวภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้ดูไวยกรณ์ที่ถูกต้องแบบเป็นทางการ
ถ้าอยากได้ sense การใช้ภาษาอังกฤษ แนะนำว่า chat คุยกับฝรั่งจะดีมาก ๆ เลยครับ
ส่วนเว็บ chat ดี ๆ ก็นี่เลย facebook , badoo ก็ได้ครับ
แต่ถ้าให้ดีที่สุดก็คือไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้ใช้ภาษาอังกฤษแน่นอน ทั้งพูด อ่าน เขียน
ของผมอีกอย่างคือ ... ต้องประชุม conferrence กับเมืองนอกทุกวันจันทร์ ช่วยได้เยอะครับ555+
อีกอย่างก็มีเพื่อนเป็น Native เยอะ ๆ น่ะล่ะ พูดภาษาไทยคุยกันไม่รู้เรื่อง สุดท้ายต้ัองอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ 555+
หลักๆก็คืออ่านกับฟังแฮะ เท่าที่อ่านคอมเม้นในนี้ดู แปลกใจนิดๆเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะแนะนำสถาบันสอนภาษากันซะอีก
もういい
เล่น FM ช่วยได้เหมือนกันนะ
ผมว่ามันอยู่ที่ความคุ้นเคยนะ ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ในอาทิตย์เดียว ทุกๆครั้งที่เราตั้งใจฟังภาษาอังกฤษถึงแม้จะไม่เข้าใจก็อย่านึกว่าผ่านแล้วผ่านเลยนะครับ สมองส่วนหน้าจะมีการตอบสนองต่อทักษะทางภาษา ยิ่งกระตุ้นมันด้วยการสื่อสารมากเท่าไรมันก็พัฒนามากขึ้นเท่านั้น แต่อัตราการพัฒนาของเซลส์เครื่อข่ายสมองค่อนข้างช้า อาจใช้เวลาเป็นปีๆ ถึงจะเชื่อมโย่งเซลส์ประสาทได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ แต่นั้นเท่ากับว่าคนที่เรียนคอสสอนภาษาแสนแพงอย่างไงก็ไม่เก่งเท่าคนที่คลุกคลีกับภาษาวันละนิดๆเป็นปีๆแน่นอน ยิ่งถ้าหัดพูดให้ได้ก่อน อ่านหรือเขียนจะยิ่งทำให้สมองส่วนหน้าพัฒนาได้เร็วกว่า การเริ่มที่ฟัง แย่สุดคืออ่านและเขียน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ฝึกฝนทางใหนเลยครับ
ส่วนตัวผมทำงานกับบริษัทฝรั่งเศส เวลาประชุมกันที ไทย ฝรั่งเศส อังกฤษ ตีกันยุ่งไปหมด
ปัญหา..ส่วนใหญ่ คือ การฟังไม่ออกครับ (แก้ตรงนี้ก่อนครับ)
1. ถ้ามีตังส์ แนะนำไปเรียนต่างประเทศ ครับ 5-6 เดือนเห็นผลครับ..(อันนี้ได้ฟัง+พูด)
2. ถ้าไม่มีเริ่มทีดูหนัง "ต้อง" ไม่มี sub-title ครับ แนะนำ LOST ครับ 6 Seasons เห็นผลเช่นกัน(อันนี้ได้แค่ฟัง) -- นางเอก sexy ครับ --
3. เขียน Blog ส่วนตัวครับ..แปลจากข่าวมั่ง(แล้วเอามาลง blognone) หรือ เขียนจากประสบการณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ (อันนี้ได้ เขียน) -- ผิดมั่งถูกมั่ง..ถ้ามีฝรั่งมา comment มันเข้าใจ..ก็แสดงว่าผ่านละครับ
เหนืออื่นใด skill (ทักษะ) ทุก skill ฝึกกันได้ครับ(เขียนโปรแกรม, ภาษา, ดนตรี, การเรียน ฯลฯ)
..มันจะยากตอนเริ่ม..
อดทนและฝึกฝน
สู้ๆ..ครับ
LOST ใช่เลยได้ฟังทุกสำเนียง โดยไม่ต้องไปไหน
เกาหลี อังกฤษ สก็อต ออสเตรีย ฝรั่งเศส อีรัก อเมริกัน แอฟริกา เรียกว่าเพลินสำเนียงแถมสนุกด้วย อันนี้คอนเพิร์ม
เริ่มจากดูหนังภากย์ไทยเปิดซับอังกฤษก่อนก็ได้ครับ
สักพักค่อยเปลี่ยนเป็น sound track ไม่มีซับ
ไม่มีประโยชน์ครับ โดยเฉพาะภากย์พันธมิตร
55555 ภากย์พันธมิตร จำได้ กล้องไปจ้องที่ขาม้า เค้าก็ภากย์ว่า "นี้คือขาม้า" จะพูดไปทำไม... แต่ฮาาาา
เป็นทีมพากย์ที่พากย์ได้ฮาที่สุดในโลกแล้วครับ :D
หนังจีนเรื่องไหนทีมนี้พากย์จะสนุกขึ้นอีกประมาณ 50%
แต่อย่าพากษย์หนังญี่ปุ่นนะ จะดูไม่รู้เรื่อง - -'
หนังญี่ปุ่นจำเป็นพากย์ด้วยหรอ เย้ย! เราดูหนังเรื่องเดี่ยวกับเขาไม่น่ะ
แต่ "พากย์" เขียนแบบนี้น่ะครับ
ผมเคยดูเรื่อง Swing Girl (ล่ะมั้ง ไม่มั่นใจว่าใช่มั้ย) ซึ่งมันก็เป็นหนังค่อนข้างตลก แต่ก็มีความเป็นดราม่าอยู่
แต่ทีมที่พากย์ไทยนี่เล่นเอาดูไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเลยฟังเสียงญี่ปุ่นแล้วเปิดซับเอา
ส่วนหนังจีนผมว่าทีมพันธมิตรก็ดีแล้วล่ะ เพราะว่า ... เค้าพากย์ได้โล้งเล้ง ๆ เหมือนเสียงในฟิลม์
ถ้าพันธมิตรพากย์หนังแบบนั้นคงฮาน่าดู
หนังแบบนั้นหนังอะไรหรือครับ? ถ้าคิดเหมือนกันผมบอกคุณ @mr_tawan ด้วยครับว่าคือหนัง... :P
จำได้ว่ามีคนเคยเปิดหนัง AV กำลังภายในให้ดูนะครับ
มันฮาสุด ๆ เลย ทนดูได้แป๊บเดียว 555
ทนดูได้แป๊บเดียว แล้วไปไหนต่ออ่ะ เย้ย! ไปกันใหญ่แล้วพอๆ :D
( @mr_tawan คิดตรงกันแล้วครับ)
5555
ซ้ำครับ --พอดีกด F5-- ดูคนตอบครับ
มาเสริมอีกอย่าง มีเมียเป็นฝรั่ง! Oh yeah
อันนี่ได้แน่นอน....
ได้อะไร..= ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ขอบคุณทุกคนมาก คิดว่าข้อมูลนี้คงมีประโยชน์กับหลายๆคน
หลายอย่างที่ทำก็มีคนอธิบายไปหมดแล้ว ดังนั้นขอเข้ามาเก็บเทคนิคและขอบคุณทุกๆ ท่าน
download VOA จากเวบบิต เสียงพูดช้ากว่าปกติ1/3เท่า ฟังบ่อยให้จับคำได้ แล้วค่อยฟังแบบปกติ อย่าเครียดที่ฟังไม่่ ออกให้นึกถึงว่าฝรั่งเป็นเด็ก3ขวบพูดไม่ชีัด จับได้คล้ายคำไหนคือคำนั้น
ไม่มีใครเล่นเกมเหมือนผมเหรอนี่ - -"
พวก STAR WARS KOTOR, Civilization, The Elder Scrolls นี่ก็ช่วยได้นะ
ปล. เล่นเป็นแต่เกม RPG+RTS เท่านั้นนะ อย่างอื่นไม่ไหว เวียนหัว
ผมเล่น Trauma Team (ภาคต่อของ Trauma Center) ได้ศัพท์แพทย์มาเยอะครับ ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่อง 555
เกมทนายก็ได้เยอะนะครับ สนุกด้วย
ลองแล้วอ่านกันตาแฉะเลย แต่สนุกจริงๆ
อ่านเพลินครับ เล่นไปสักพักก็จะโกน Take that
แล้วคนใกล้ๆ ก็หันมามองผม 555+
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ผมเล่น Civilization นะ บางคำไม่รุ้ความหมายจำได้แต่มันเพิ่มลดค่าอะไร
ถ้าไม่ได้พูดภาษาอังกฤษกับใคร คือเน้นเรื่องของการอ่านให้เข้าใจ ผมแนะนำให้ท่องศัพท์ก่อนเลยครับ โดยเฉพาะที่เราต้องใช้บ่อยๆ จากนั้นก้ค่อยเรียนรู้เรื่องโครงสร้างประโยค
หากจำเป็นต้องมีการสนทนากับชาวต่างชาติ ก็ต้องเริ่มฝึกฟังสำเนียงจากภาพยนต์หรือฟังจาก Youtube เพื่อให้เข้าใจ ควบคู่ไปกับการฝึกพูด ซึ่งหากไม่มีใครให้พูดด้วยคงจะยาก แนะนำให้ไปเรียนการพูดตามสถาบันหรือมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติยิ่งดี
เหมือนๆหรือใกล้เคียงกับที่ตอบกันด้านบนครับ คือ
1. ปูไวยากรณ์พื้นฐานก็ดีครับ จะได้เขียน/พูด ได้ถูกต้อง และเป็นที่ประทับใจของเจ้าของภาษา
2. อ่านข่าว/นิยาย/เรื่องสั้นภาษาอังกฤษ ลองอ่าน Romance of the Three Kingdoms สัก 3 รอบครับ (แล้วจะคบไม่ได้)
3. ดูหนังฟังเพลงภาษาอังกฤษครับ ค่อยเป็นไปก็ได้ เริ่มจากดูซับก็ได้นะ (ผมก็ทำงั้น) แล้วค่อยขยับไปฟังข่าว CNN กับ BBC ถ้าฟังได้รู้เรื่องก็ผ่านไปเยอะแล้ว
4. หาเพื่อนต่างชาติสนทนาด้วย เริ่มจากคุยออนไลน์ก่อนก็ได้ สะดวกดี ฝึกได้ทั้งภาษาเขียนและภาษาพูด
การได้ไปเรียนหรือทำงานต่างประเทศที่ใช้อังกฤษเป็นภาษาทางการ ก็ช่วยได้ แต่ควรมีพื้นภาษาบ้าง เพราะหลายที่เขาก็ไม่รับ ถ้าภาษาไม่ผ่าน ส่วนเรื่องสำเนียงเนี่ย ต้องฝึกกันเองครับ แต่ผมว่าคุยให้รู้เรื่องก็ดีแล้ว (ยกเว้น ถ้าเป็นทางการ ต้องคำนึงเรื่องไวยากรณ์)
อีกวิธีไม่ขอนับรวมกับด้านบน คือ หาแฟนแหม่มครับ
My Blog
ขั้นตอนเหมือนกันเลยครับ
ยกเว้นขอที่ไม่นับ เพราะหาแฟนแหม่ม มันอยากกว่าฝึกภาษาอีกครับสำหรับกีกไม่มีเวลา
ปล. ตอนนี้ภาษาอังกฤษผมเริ่มทดถ่อยมากอีกครั้ง รับรู้ได้อย่างเดียว เพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้กับใคร
ถ้าอยากจำนานๆ ต้องหมั่นนำมาใช้ หรือมาพูดบ่อยๆ ด้วยครับ
ส่วนใหญ่จะทำแนวทางกันเลยนะพวกกีกเนี่ย เน้น"ช่วยตัวเอง"เป็นหลักโดยมิได้นัดหมายกัน
เข้ามาฮากลุ่มเล่นเกมส์ 555
ภาษาไม่ใช่ความรู้(Knowledge)ครับ
มันคือทักษะ(Skill)
จะเชี่ยวชาญได้ต้องฝึกฝนและใช้งานบ่อยๆ
แต่ก่อนจะนำไปใช้งาน ต้องมีความรู้ก่อนว่าจะใช้ยังไงให้ถูก (งงมั้ย)
ไม่งั้นก็จะกลายเป็นภาษาแบบเมียเช่าไป
แนะนำให้หาหนังสือ Grammar ของ Betty Azar มาอ่าน (อย่าไปอ่านเล่มแปลไทยนะ)
หน้าตาประมาณนี้
http://www.amazon.com/Fundamentals-English-Grammar-Betty-Schrampfer/dp/0132353350/ref=sr_1_1?ie=UTF8&s=books&qid=1280026222&sr=8-1
ผมว่าคนเขียนแบ่งส่วนให้ค่อยๆศึกษาเองได้ง่ายดี
พอมีความรู้แล้ว ก็นำไปฝึกฝนต่อด้วยวิธีที่บนๆแนะนำมาแล้ว
ดูหนังเปิด sub ภาษาอังกฤษไปก่อน ไม่ต้องไปหักดิบ มันจะรู้สึกว่ายากเกินไป
ดูไปกด pause เปิดดิกไปด้วย เดี๋ยวก็รู้เรื่องเอง
ศัพท์ไม่ต้องท่อง ถ้าอ่านเยอะฟังเยอะจริง เดี๋ยวมันมาเอง
รู้สึกผมจะซื้อเล่มนี้ฉบับแปลไทยมา เหตุที่ซื้อไทยเพราะราคาถูกกว่าต้นฉบับมาก
พึ่งโหลด e-book มาครับ
ขอบคุณที่แนะนำครับ ^^
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ลองแปลข่าวใน blognone วันละข่าวครับ รับรองเดือนนึงสกิลเพิ่มกระฉูด
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com