ในอดีตเรามักได้ยินข่าวคนงานจีนของบริษัท Foxconn ซึ่งผลิตสินค้าให้กับแอปเปิล มีสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ข่าวล่าสุดมาจากบริษัทจีนอีกแห่งหนึ่งชื่อ Wintek (ซึ่งทั้งคู่มีเจ้าของเป็นคนไต้หวัน แต่เปิดโรงงานในจีนแผ่นดินใหญ่)
ตัวแทนคนงานในโรงงานของ Wintek ที่เมืองซูโจว ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงสตีฟ จ็อบส์ ว่าการผลิตในโรงงานแห่งนี้ใช้สารที่ชื่อ hexyl hydride หรืออีกชื่อคือ n-hexane ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของคนงานเป็นอย่างมาก ในจดหมายเขียนว่ากำไรของแอปเปิลและ Wintek มาจากสุขภาพของคนเหล่านี้ที่ต้องเสียสละ ตามรายงานของแอปเปิลเองเคยบอกว่ามีคนงานต้องเข้าโรงพยาบาล 137 ราย
ข้าง Wintek ยอมรับว่าเคยใช้สารนี้แทนแอลกอฮอล์ในการผลิตจอภาพแบบทัชสกรีน แต่หลังจากพบว่ามีผลต่อสุขภาพ จึงได้กลับมาใช้แอลกอฮอล์ดังเดิม โดยระยะเวลาที่ใช้ n-hexane อยู่ระหว่างปี 2008-2009
ฝ่ายคนงานระบุว่า Wintek ไม่จ่ายค่าชดเชยให้สมกับที่ควรได้ และพยายามใช้เรื่องค่าชดเชยกดดันให้คนงานลาออก พนักงานเทคนิควัย 27 ปีคนหนึ่งซึ่งป่วยจากสารนี้ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า "ขอให้แอปเปิลเคารพและให้เกียรติเรา หวังว่าแอปเปิลจะยอมขอโทษเรา"
อาการป่วยจาก n-hexane จะทำให้มือและเท้าเหงื่อออก มือชา เกิดการปวดที่เท้า เหนื่อยและเป็นลม และระยะยาวอาจกระทบต่อระบบประสาทได้ คนงานบอกว่ามีอุปกรณ์ป้องกันก็จริง แต่พื้นที่ทำงานอากาศถ่ายเทไม่สะดวก แม้ Wintek จะยอมเปลี่ยนสารแต่ก็ไม่ปรับปรุงพื้นที่ในการทำงาน
ที่มา - รอยเตอร์
Comments
โอ้ น่ากลัวจริง
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ความสุขของเรา ความทุกข์ของคนอื่น
ผู้ใช้สนุกรื่นรมย์กับการลากนิ้วบน Touch Screen
แต่ผู้ผลิตกลับต้องมือพิการด้านชา
มันก็เหมือนกันหมดแหละครับ ข้าวที่เรากินกันเกษตรกรยังไม่ได้กินเลยโดนพ่อค้าคนกลางกดราคาต้องกินแต่พวกข้าวคุณภาพต่ำ
เฮาคือผู้อยู่เบื้องหลัง
แอปเปิลน่าจะมีปฏิกิริยาทางบวกกับจดหมายนี้นะครับ เพราะเท่าที่อ่านจากข่าวด้านบนได้ความมาว่าแอปเปิลใส่ใจกับพนักงานมากๆ
"At Apple, our most important resource, our soul, is our people"
ว่าแต่เค้านับคนเหล่านี้เป็นพนักงานของเค้ารึเปล่าหว่า
ผมว่าไม่นะ
คู่ค้าทางธุรกิจ ไม่เห็นต้องสน
ทำไมมีอะไรกับ apple นี่ส่งจดหมายหา จ๊อบส์ ตลอดแกป่วยอยู่นะเนี่ย
อ่านย่อหน้าสุดท้ายแล้วงงมีอุปกรณ์ป้องกันแต่อากาศไม่ถ่ายเทนี่ไม่ใช่หน้าที่โรงงานเหรอ ?
My iOS apps
My blog
พูดถึง Apple ก็นึกถึง Steve ทั้งนั้นแหละครับ
อารมณ์คล้าย ๆ ว่ามีปัญหาบริการมือถือก็ Call Center กด 0 (ศูนย์)
เล่นเกมออนไลน์แล้วมีปัญหา คิดถึง GM
นึก GM ถึงอันนี้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10224719/X10224719.html#12
{$user} was not an Imposter
สุดตีนนน Customer Support อย่างนี้จริง ขอคารวะ 3 จอกเลย
มันเกี่ยวอะไรกับ apple? เค้าต้องการให้ apple ไปกดดัน Wintek ให้จ่ายค่าทดแทน เหรอครับ?
น่าจะแบบนี้มั้งครับ
ตรงที่มีแสง
ผมก็ว่ากรณีนี้ไม่เกี่ยวกับแอปเปิลเท่าไรนะครับ เพียงแต่คนงานอาจโหนกระแสแอปเปิลให้เป็นข่าวดังๆ หวังผล
"จะทำให้มือและเท้าเหงื่อออก มือช้า"
น่าจะเป็น "มือชา" รึเปล่าครับ
แก้แล้วครับ
นั่นสิ เกี่ยวกับ Apple ด้วยหรือ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ของเขาดังจริงๆ อย่างนี้คงเข้าข่ายหลายยี่ห้ออยู่นะ
เป็นหนึ่งเหตุผลที่พวกเราควรจะใช้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ทุกยี่ห้อ ทุกหยาดหยดจริงๆ เปลี่ยนมือถือเป็นว่าเล่น ใช่จะนำแฟชั่น กลับเป็นการทำร้ายโลกและเพื่อนมนุษย์เราด้วยกันทั้งนั้น
An apple a day keeps the doctor away.
อ่าว... มันเกี่ยวกับ Apple ตรงไหนเนี่ย
ทาง Wintek เปลี่ยนสารเองไม่ใช่หรือ ??
ตีัวัวกระทบคราด
ตีศาสดาสะเทือน Wintek
แล้วเจ้าอื่นไม่สั่งของจาก Wintek เลยหรือไงนี่
เหมือนข่าววงการแฟชั่นใช้แรงงานเด็กในประเทศด้อยพัฒนา ทำให้ภาพพจน์ของสินค้าเสีย
จนเจ้าของสินค้าต้องแก้ไขอะไรสักอย่าง แบบนี้มั้ง
Apple คงงง อะไรๆ ก็ตรู
ผมว่าเรื่องนี้อยู่ที่ sub มากกว่า ต้องไปรับผิดชอบพนักงานกันเอง เข้าไปดูเว็บก็ผลิตอะไรต้องหลายอย่าง ไม่ใช่เป็นบริษัทลูกขออง Apple ซักหน่อย
http://www.wintek.com.tw
คนที่ใช้ iphone ใช้อย่างหน้าระรื่น ไม่ได้เห็นความหลังความสำคัญเลย
อ่านข่าวเบื้องหลัง แซดมากๆ ครับผม กว่าจะได้ออกมาเป็นไอโฟน
ผมยกย่อง และเป็นสาวก Apple มานาน
แต่เรื่องนี้ หวังว่า Apple คงจะมีคุณธรรมนะ
อย่าเหมือนนายกฯ บางประเทศ ช่างไร้คุณธรรมจริงๆ
ในมุมนี้ Apple คือ "ผู้บริโภค" สินค้าจากโรงงานนี้ ไงครับ
ก็เหมือนที่เราพยายามห้าม "ผู้บริโภค" ไม่ซื้อสินค้าลักลอบ ไม่ซื้อของโจร ไม่สนับสนุนสินค้าจากโรงงานเถื่อน
"ผู้บริโภค" ทำให้เกิด Demand และซื้อของไปในราคาถูกได้ด้วยการที่ "ผู้ผลิต" ผลักภาระขาดทุนมาที่ฝ่ายแรงงาน จึงควรรับผิดชอบกับเรื่องนี้บ้าง
ถ้ามองแบบเห็นแกตัว นะ ถ้า โรงงานมันไม่ได้มาตราฐานมากหรือไม่สนใจพนักงาน พวกพนักงานก็ไม่ต้องไปทำงานให้มันดิง ง่ายจะตายเดี๋ยวโรงงานมันก็สำลักออเดอร์ส่งงานไม่ทันโดนปรับ เจ๊งตายแล้วนิ เหอๆ แต่ในความเป็ยจริงคือ คนต้องกินต้องใช้ นี้แบบเห็นแก่ตัว ถ้าแบบมีมนุษย์ธรรมก็ น่าเห็นใจเค้าอ่า เราควรลดสินค้าพวกนี้กันเถอะ มองสองด้าน
ในความคิดของผม เราก็ไม่ควรลดการบริโภคสินค้าพวกนี้ครับ ไม่งั้นคนงานเหล่านี้ก็จะตกงานเพราะต้องลดกำลังผลิต
ผมไม่ได้สนับสนุนให้บริโภคเพิ่มขึ้นนะ ผมแค่คิดว่า เราจะไปตั้งแง่กับพวกนี้ไม่ได้ แทนที่จะทำอย่างงั้นเราควรมีแผนการที่เปนรูปธรรมมากกว่านี้
วิธีที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาคือกดดันให้ Apple และผู้บริโภคสินค้าจากโรงงานเหล่านี้ รายอื่นๆทั้งหมด ส่งสัญญาณบีงคับให้โรงงานเหล่านี้ เอาเงินกำไรส่วนหนึ่งไปปรับปรุงสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน
หรือวิธีอื่นๆเช่น เปิดมูลนิธิบริจาคเงิน ที่จะมอบเงินสนับสนุนบริษัทต่้างๆ ภายใต้สัญญาว่า ต้องใช้เงินจำนวนนี้ปรับปรุงสภาพ
ในทางเศรษฐศาสตร์เราต้องตัดใจยอมให้บริษัทเหล่านี้มีกำไรครับ แม้ว่าจะฝืนความรู้สึกเรา เพราะถ้าเราไปบอยคอตต์ แบน ให้บริษัทพวกนี้ไม่ได้กำไร ผลเสียมักตกอยู่กับพนักงานตาดำๆ ไม่มีเงินจ้าง ถูกเลิกจ้าง ให้ออก ตัวบริษัทอย่างมากก็ปิดตัว แล้วก็มีบริษัทใหม่มาทำเหมือนเดิม
ก็เหมือนนิทานเรื่องเหลือบกับหมาจิ้งจอก
และถ้าบริษัทพวกนี้ไม่มีกำไร สวัสดิภาพพนักงานจะมาจากไหน การปรับปรุงคุณภาพชีวิตพนักงาน ก็เงินอยู่ดีนะครับ
ผมว่าแนวคิดนี้คงเป็นไปได้ยากครับเพราะในความเป็นจริงแล้วการให้เงินกับโรงงานผลิตชิ้นส่วนมากขึ้นเพื่อให้โรงงานมีกำไรมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าโรงงานจะนำเงินส่วนนั้นไปพัฒนาระบบสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้นเสมอไป ทางโรงงานอาจจะนำกำไรส่วนนี้ไปใช้วางแผนทางธุรกิจส่วนอื่นตามที่ตัวเองเห็นว่าเหมาะสมมากกว่า เช่น มีหนี้ค้างชำระก็ต้องเอาเงินไปใช้ก่อน เงินทุนหมุนเวียนน้อย เพิ่มกำลังการผลิต เปลี่ยนชิ้นส่วนในโรงงาน เป็นต้น และที่สำคัญถึงแม้โรงงานจะบอกว่าเอาเงินส่วนนี้ไปพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานเอาใจใส่พนักงานโรงงานตามที่ต้องการแล้ว เรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่พิสูจน์ความจริงได้ยากอยู่ดี จะให้บริษัทว่าจ้างส่งคนไปตรวจสอบบัญชีการใช้จ่ายการเงินของโรงงานก็ใช่ที่ แถมตรวจแค่บัญชีไม่พอยังต้องตรวจสภาพจริงอีก ต้องคอยตรวจเป็นระยะ ๆ อีก เสียทั้งเวลาเสียทั้งทรัพยากรโดยใช่ที่
ผมว่าหลักการที่ว่าตัวเองย่อมหาผลประโยชน์ให้ตัวเองมากที่สุดในรูปแบบที่ตัวเองต้องการตามกลไกตลาดนั้นดีอยู่แล้วครับ ผู้ผลิตพยายามลดต้นทุนรวม ผู้ซื้อก็พยามยามซื้อของที่ถูกที่สุด ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย สุดท้ายจุดสมดุลก็จะมาเอง
That is the way things are.
อ่านดีๆ ครับ
ไม่ครับ มันพลาดตรงกลไกตลาดครับ
กลไกตลาด สมการมีแค่สองฝั่ง ผู้ผลิต vs ผู้บริโภค
กรณีของที่ไม่มีใครในห่วงโซ่เป็นเจ้าของหรือไม่มีบทบาทในสมการ จะถูกล่วงละเมิด หรือโดนตักตวงผลประโยชน์อย่างมาก ถ้าไม่มีกลไกใดๆมาช่วยระงับยับยั้ง (รัฐ, NGO หรือองค์กรคุ้มครองต่างๆ) ไม่ว่าจะเป็น ทรัพยากรทางธรรมชาติ ของสาธารณสมบัติ
ถ้าผู้บริโภคไม่ตระหนักรู้ว่า สินค้าตัวเองชุ่มไปด้วยเลือด (เวอร์ไปนิด) และยังต้องการแต่ของที่ถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ในโลกนี้ ผู้ผลิตก็ทำทุกวิธีเท่าที่ทำได้เท่าที่ยังไม่เกินกฎหมายกำหนด
ผมไม่ได้คิดว่ากรณีนี้ Apple จะต้องรับผิดชอบตรงๆ แต่ถ้า Apple จะริเริ่มการเปลี่ยนแปลง ก็เป็นที่น่าชื่นชนครับ
ถูกครับ ตราบใดที่โรงงานยังปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเช่น กม.แรงงาน กม.โรงงาน ก็ถือว่ายังไม่ได้กระทำผิด ส่วนที่จะช่วยเหลือให้ดีกว่ากม. จะเป็นการขอความร่วมมือ โดยอาจจะเป็นองค์กรของรัฐ เป็นต้น
จะกดดันหรือมีสัญญายังไงก็ไม่ 100% ทุกเรื่องหรอกครับ โรงงานพวกนี้ก็อยากกำไรมากที่สุดเหมือนกัน Apple อาจจะมีระเบียบข้อบังคับอยู่แล้วก็ได้ อย่างบริษัทที่ผมทำงานอยู่มีข้อบังคับเรื่อง safety แต่ผู้รับเหมาบางรายก็ไม่ทำตามอยู่ดีเพราะอยากทำได้เร็ว ได้มาก ไม่สนว่าต้องเสี่ยง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อันนั้นเปนเรื่องของระบบที่ไม่รัดกุมครับ ก็คงต้องคิดระบบที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาใช้
มีประโยคที่ผมติดมาคือ "ต้องทำให้ผลประโยชน์ของเขา เปนไปในทิศทางเดียวกับผลประโยชน์ของเรา"
ผมว่าไม่ได้เกี่ยวไรก่ะ Apple เลยนะ
เกี่ยวกับ กระทรวงแรงงาน กรมโรงงาน หน่วยงานควบคุมคุณภาพโรงงาน
หรืออะไรทำนองนี้ ของจีนมากกว่า
แต่ มิสเตอร์สตีฟ จ็อป คงตอบกลับไปว่า
ผมเอง ยังเอาตัวไม่รอดเลยค๊าบ
แทนที่จะร้องเรียนหน่วยงานที่เกียวข้องในประเทศตัวเองนะ :)
สงสัยว่าถ้าไม่เอาชื่อ Apple มาลงให้เป็นข่าวแล้วกลัวคนจะไม่สนใจหรือยังไง?
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ก็อาจจะไม่เหลือที่พึ่งนอกจากการออกสื่อโดยอ้าง apple แล้วก็ได้ สภาพชีวิตแรงงานจีนเหมือนภาคต่อของ fast food nation นั่นแหละ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ถ้าแบบนั้นก็ยังโอเคหรอกครับ
แต่ไปเรียกร้องเจาะจงให้ Apple ขอโทษ ผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องนะ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
อารมณ์เดียวกับผู้ประท้วงไปร้องเรียนนายก ทั้งที่มีหน่วยงานดูแลโดยตรง และนายกไม่ควรล้วงลูกเข้าไปแก้ปัญหารายคนนั่นล่ะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
Steve Jobs เป็นข่าวได้ตลอด
ข่าวนี้มีอะไรมากกว่า ร้องเรียนหรือเปล่านะ ฟังดูน่าฉงน เหมือน กาแฟยี่ห้อดังยังไม่รู้
ผมว่าเขาไม่ได้จะเรียกร้องอะไรจาก Apple หรอก แต่
ถ้าไม่เขียนถึง Apple จะมีคนสนใจข่าวนี้สักกี่คนเชียว
+1 เป็นกลยุทธที่คิดมาแล้วครับ ว่าอยากเป็นข่าว เผื่อจะมีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลจริงจัง
ผมก็สูดหายใจอยู่ทุกวัน สงสัยต้องบ้ายสาขาแล้ว ;P