จากข่าว iOS 4 เก็บข้อมูลพิกัดทุกคนไว้โดยตั้งใจ ล่าสุดมีคนออกมาตอบโต้แทนแล้ว เป็นนักศึกษาที่ทำวิจัยในหัวข้อเกี่ยวกับ "Forensic Computing" ชื่อ Alex Levinson โดยได้ออกมาชี้แจงถึง 3 ประเด็นคือ
1. Apple ไม่ได้เอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้แต่อย่างใด โดยตลอดการทำงานวิจัยที่ผ่านมาเขาตรวจสอบทราฟฟิกที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ไม่มีซักครั้งที่มีการส่งข้อมูลนี้กลับไป ข้อมูลพิกัดนั้นจะถูกใช้จากโปรแกรมเช่น Maps และ Camera
ไฟล์นี้เป็นไฟล์ Log ที่ถูกสร้างจากสัญญาณวิทยุ (Cellphone Tower) และเซนเซอร์หาตำแหน่ง ถ้าเป็น iOS ต่ำกว่าเวอร์ชั่น 4 จะชื่อว่า h-cells.plist ขณะที่เวอร์ชั่น 4 เป็นต้นมาถูกเปลี่ยนเป็น Consolidated.db ตลอดการทำงานของเขาร่วมกับตัวแทนฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย ไฟล์นี้ได้ถูกนำไปรวบรวมเป็นหลักฐานอีกด้วย ส่วนประเด็นเรื่องการเปลี่ยนชื่อก็เป็นเรื่องของการสนับสนุนฟีเจอร์ "Multitasking and Background Location Services" รวมถึงการเข้าถึง และใช้งานไฟล์นี้จาก API ที่ iOS เตรียมไว้ให้
เขาตรวจพบมันก่อน และได้นำเสนอมาก่อนหน้านั้นแล้ว ประเด็นนี้แรง เพราะเหน็บสองนักวิจัยของ O’Reilly ว่าไม่ได้ศึกษางานวิจัยประเด็นนี้ในสาขาอื่นให้ดีก่อน แล้วมาอ้างว่าเป็นผู้ค้นพบ ทำให้เขาเสียผลประโยชน์
ท้ายๆ บล็อกมีกล่าวถึงงานของตัวเองซึ่งเริ่มศึกษามาตั้งแต่ปี 2010, ข้อมูลที่เขาตรวจสอบพบ และนำไปใช้ประโยชน์กับงานด้านกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันก็กำลังศึกษาเพิ่มเติม ส่วนใครอยากรู้รายละเอียดลึกๆ ไปหาอ่านดูหนังสือของเขาที่ชื่อว่า iOS Forensic Analysis: for iPhone, iPad, and iPod touch มีเนื้อหาที่อธิบายถึงไฟล์ consolidated.db ด้วย
แถมท้ายขำๆ นิดนึงเพื่อยืนยันว่าเขาต้องพบข้อมูลนี้ก่อนใครแน่นอนเพราะวันที่ iPhone 4 วางจำหน่ายเขาเป็นคนแรกๆ ของแถวที่เข้าคิวรอซื้อกันเลยทีเดียว
ที่มา - Alex Levinson
Comments
ส่ิงที่เค้าค้นพบ
เค้าไม่ได้ค้นพบก่อนแน่ๆ อย่างน้อยคนสร้างมันกับทีมก็ต้องรู้แหละ ไม่ใช่ธรรมชาตินะที่ต้องไปค้นพบ= ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ขอบคุณที่ทักท้วงครับ
อะไรที่คนสร้างเค้าแอบไว้หรือไม่บอกแล้วเราไปหาเจอผมว่าก็ใช้คำว่าค้นพบได้ครับ เพราะไปค้น > แล้วพบ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
+1 ใช่ครับ โดยเฉพาะ Source Code ที่คนอื่นเขียนไว้ หลายคนมักจะค้นพบว่าเขียนใหม่น่าจะเข้าใจง่ายกว่า --" (โดยเฉพาะเขียนต่อจากคนเขียน Code อย่างเดียวไม่กำกับคอมเม้นต์)
แล้วมันใจได้อย่างไรว่า ถ้าที่เอา code ที่เขียนใหม่ไปใปทำงานต่อจะไม่รู้สึกแบบเดียวกันว่า "ตูเขียนใหม่ดีกว่า" :P
ผมว่าคำว่า "เข้าใจง่ายกว่า" หมายถึงคนที่ค้นพบอ่ะครับ พอคนอื่นไปเอาดู คนอื่นก็จะค้นพบ "ว่าเขียนเองเขียนใหม่ เข้าใจง่ายกว่า" เหมือนกัน หึหึ
นำไปใช้ประโยชน์กับงานด้านกฎหมาย หมายถึงใช้เป็นหลักฐานมัดตัวเรารึเปล่าครับ ผมว่ายังไงคนทำผิดต้องหาทางลบไฟล์ทิ้งแน่ๆ
ซื้อก่อนไม่ได้แปลว่าต้องพบก่อนนี่ครับ ดูวันเวลาที่ตีพิมพ์เอกสารดีกว่าครับ ยืนยันได้ดีกว่าว่าใครพบก่อนใคร
แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมว่ามันก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดีจนกว่าจะได้ยินจากประกาศของแอปเปิลเอง ซึ่งคิดว่าตอนนี้กำลังหาคำตอบแบบที่เหมาะสมอยู่
วันที่เขาเผยแพร่บทความวิชาการ 04-January 07
วันที่หนังสือถูกตีพิมพ์ครั้งแรก December 27, 2010
:)
ในส่วนที่ผมบอกว่า มันใช้ตัดสินไม่ได้ว่าใครพบก่อน ส่วนนั้นผมชี้ให้เจ้าของบทความเห็นเฉยๆ ครับ
ส่วนตัวแล้วผมไม่สนหรอกว่าใครพบก่อน ยังไงซะ ... ผมก็ได้แตะไอโฟนแค่บางเวลา (ที่คนใช้มันใช้ไม่เป็น) ครับ
ส่วนตัวแล้วไม่สนใจระบบปิดครับ
แต่ในแวดวงวิชาการ จะค่อนข้าง serious เรื่องการค้นพบ ถ้าพบแล้วลงตีพิมพ์ ก็ถือว่าประกาศข้อค้นพบนั้นก่อน
คนที่หลังที่จะมาพูดเรื่องเดียวกัน หรือมาประกาศว่าค้นพบ ก็อาจจะหน้าแตกได้ ถ้าไม่ค้นให้ดีว่ามีคนประกาศไปก่อนหรือไม่
จะมาบอกว่าตนเองดังกว่า ประกาศที่หลัง คนเอาไปลงข่าวเยอะ คงไม่ได้ คนที่ค้นพบที่หลังต้องอ้างอิงคนแรก หากพบว่ามีอะไรที่แตกต่างจากคนแรกที่ค้นพบ ดังนั้น เรื่อง Citation ก็สำคัญเช่นกัน เป็นนักวิจัย ถ้าทำงานแล้ว "หน้าแตก" คงไม่ดี อับอายทั้งแวดวงวิชาการ+สื่อมวลชน
+1 ครับ สายวิชาการ ซีเรียสมาก
+1 ครับ เรียนอยู่ที่เมืองนอก เรื่องพวกนี้สำคัญมาก
ป.ล. คนมักชอบทำตัวเองให้เป็นระบบปิด
+1
+1 ด้านงานวิจัยแข่งขันกันที่ความเร็วในการได้รับการตีพิมพ์
ข่าวแอปเปิ้ลกรีฑาทัพมากันเลยแฮะ
ลองดูหน้าแรกจะเห็นว่ามีแต่ข่าวแอปเปิลครับ
ถือเป้นสัญญาณที่ดี มีข่าวถี่แบบนี้แสดงว่าใกล้เปิดตัว iPhone 5?
เกี่ยว ?
อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ เป็นความเชื่อที่ออกแนวไสยฯ ขาดหลักพิสูจน์ทางวิทยฯ
ผู้ปกครองควรแนะนำ เด็กและสตรีมีครรภ์อย่างร้องทัก (เพราะคนโดนทักจะมึนงง)
ผมว่ามันคล้ายกับเวลามีนักร้องมาออกรายการ ถี่ๆ ก่อนที่จะออกอัลบั้มใหม่ นั่นแหละครับ...
เอ สรรพนามบุคคลที่สามในกรณีการนำเสนอข่าวไม่น่าจะใช้คำเรียกว่า "เค้า" นะครับ ดูไม่เป็นทางการเลย ใช้ "เขา" จะสวยงามกว่าไหม?
แก้แล้วครับ ขอบคุณครับ
ผมว่าเข้าไม่ใช้ Open source น่ะที่ต้องมาบอกว่า file นี้ใช้ทำอะไรยังไงส่ะหมด ขอให้เป็นความเป็นส่วนตัวก็พอ(คือไม่ส่งข้อมูลกลับ Server) แต่เป็นการเก็บข้อมูลเพื่อความปลอดภัยไว้สำหรับเมือเกิดเหตุใดๆ แล้วจำเป็นต้องใช้ข้อมูลก็สามารถเรียกใช้ข้อมูลได้(เช่นเมือผมโดนฆ่าตายแล้วโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าตำรวจสามารถดึงข้อมูลจากในโทรศัพท์เพื่อหาข้อมูลคนรายได้มากยิ่งขึ้น) ผมว่าเป็นเรื่องดีน่ะคับที่มีการเก็บแบบนี้
ถ้าเก็บไว้แล้วแอบส่งทีกลับทีหลังล่ะครับ (เช่นเอาไปใช้วิจัยตลาด) อะไรแบบนี้
อย่าเก็บดีกว่านะ โทรศัพทืก็คือโทรศัพท์ อย่าให้มันทำงานเป็นอย่างอื่นเลย (เช่นตอนนี้เป็นอุปกรณ์คอยแทร๊คว่าเราไปที่ไหนมาบ้าง)
อีกอย่าง เกิดคุณภรรยาหาวิธีดึงข้อมูลออกมาจากโทรศัพท์ได้ล่ะก็ งานเข้าคุณสามีแน่ 555 (แต่ผมว่าคุณเธอคงใช้วิธีโทรเช็คตามปรกติแหละ)
แล้วเวลาที่โดนโทรเช็ค .. @mr_tawan ทำไงอ่ะคับ
ขออนุญาตถามไว้เปนวิทยาทาน ขอบคุณคับ ^/\^
ถ้ากลัวโดนจับได้ ไม่บริโภคสินค้าที่มี facetime , แหมถ้าแฟนโทรมาแล้วบอกให้เปิด facetime ละก็ จบกันเลย T_T
apple น่าจ้างน้องคนนี้ไปเป็นโฆษก
ถ้าตอบได้ไม่หล่อเท่าลุง Cook อยากได้โฆษกที่พูดน้อยๆ แบบลุง Jobs ดีกว่าครับ
ไม่อยากให้เป็นสงครามน้ำลายน่ะ
ข้อ 1 น่าจะผิดแล้วล่ะมั้ง เพราะ Apple เคยส่งจดหมายเพื่อชี้แจ้งรายละเอียดของการเก็บข้อมูลตำแหน่ง ว่าจะส่งข้อมูลกลับไปยัง Apple ทุก 12 ชั่วโมง ที่เก็บไว้เป็นแค่ History แต่ข้อมูลจริงๆ ส่งกลับไปตั้งนานแล้ว
PC World
เข้ามาอ่าน Comment ก่อนอ่านข่าวอีก เหอะๆ
รอฟังแอปเปิลดีกว่า
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
มากันครบหรือยังครับ 55
ข้อ 1. จะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ได้ส่งข้อมูลกลับไปที่ apple
ใช้วิธีอะไรตรวจสอบ traffic ?
ไม่จำเป็นว่าจะต้องส่งข้อมูลกลับไปที่ apple ก็ได้ แต่ส่งไปที่เซิฟเวอร์อื่นๆ ip อาจจะไม่ใช่ของ apple แต่ apple เป็นเจ้าของ
จริงหรอ? และจะเขียนโค็ดให้เก็บทำซากอะไรในเมื่อเก็บไปก็ไม่ได้เอาไปใช้
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
"ข้อมูลพิกัดนั้นจะถูกใช้จากโปรแกรมเช่น Maps และ Camera"
เค้าก็บอกอยู่ว่าใช้ อ่านข่าวจบหรือยังครับเนี่ย
แถมเอาไปใช้เป็นหลักฐานได้อีกตะหาก -*-
ที่เป็นประเด็นคือทำไมต้องเก็บไว้ทั้งหมดครับ เพราะสองโปรแกรมนั่นใช้มันแค่ข้อมูลล่าสุด
ส่วนเรื่องเอามาใช้เป็นหลักฐานทางกฏหมาย ผมว่า user คงไม่ happy เท่าไหร่นะ
อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกว่าออกมาแก้ต่างให้ Apple เลยนะ แถมยิ่งมัดอีกว่าเอาไว้ใช้เป็นหลักฐานเอาผิดเจ้าของเครื่องได้
ดูแล้วเหมือนแค่อยากโต้ว่าเป็นคนเจอก่อน ก็เท่านั้น
มีข่าวในทีวี ด้วย แต่แบบยังไม่ได้แก้ต่าง บอกมี ส.ส. USA ไม่เห็นด้วย แรงจริง
มาฮาหัวข้อข่าว ยังกะข่าวเว็บ soccersuck XD
+1 เหมือนจริง ๆ
สรุปว่าไอ้หมอนี่หาเรื่องดังโดยการเกาะกระแสของ iPhone สินะ :-)