เมื่อต้นปี 2011 ช่วงที่เหตุการณ์ประท้วงในแอฟริกาเหนือหรือ Arab Spring กำลังเริ่มต้นขึ้น บริษัทอย่าง Twitter เคยออกมาเรียกร้อง "เสรีภาพในการแสดงออก" ขอไม่ให้บล็อคข้อความทวีตที่เป็นเครื่องมือสื่อสารสำคัญของผู้ประท้วงในหลายประเทศ
หนึ่งปีผ่านไป Twitter ออกมาพูดเรื่องนี้อีกครั้ง บอกว่าบริษัทยังเชื่อมั่นในเสรีภาพของการแสดงออกเหมือนเดิม แต่บริษัทก็พบปัญหาจากกฎเกณฑ์ในประเทศต่างๆ มากขึ้น และในหลายกรณี ถ้า Twitter ไม่ยอมลบหรือบล็อคข้อความทวีตบางอัน ก็จะไม่สามารถทำธุรกิจในประเทศนั้นๆ ได้เลย
ดังนั้น Twitter จึงยอมทำ "ระบบเซ็นเซอร์ข้อความทวีต" ซึ่งจะใช้ในบางประเทศเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และบริษัทพยายามจะให้กระบวนการเซ็นเซอร์โปร่งใสที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จึงจับมือกับหน่วยงานด้านสิทธิออนไลน์อย่าง EFF และมหาวิทยาลัยต่างๆ นำ "คำขอให้เซ็นเซอร์ทวีต" ไปแสดงไว้บนเว็บไซต์ Chilling Effects ให้สาธารณะสามารถดูได้ (ฝั่งกูเกิลมีอะไรที่คล้ายๆ กันคือ Google Transparency Report)
ที่มา - Twitter Blog
Comments
อย่างเช่น "ดงบังวงแตก" ?
แป๊ก
I need healing.
อย่าบอกว่าวงแตก เขาไม่ได้วงแตกเขาแค่แยกกันทำงานนะ!!!
เหมือนเมื่อก่อนศาสดาก็แค่แยกกันทำงานกับ apple
ฮา
May the Force Close be with you. || @nuttyi
พอเริ่มเป็นธุรกิจ การจะตั้งมั่นอยู่ในอุดมการณ์มันก็ยากขึ้น
คงไม่อยากเหมือน gg ในจีนกระมัง
ก็เหมือนไปแล้วนิคะ Sina เอย Weibo เอย
แล้วเว็บ Chilling Effects ก็จะโดน block สินะ
pittaya.com