เว็บไซต์ Sortable ได้จัดทำ infographic เกี่ยวกับผลกระทบของ iPad ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยข้อมูลที่น่าสนใจหลักๆ ก็คือ iPad เครื่องหนึ่งนั้นจะปล่อยคาร์บอนเป็นปริมาณเทียบเท่าได้กับการขับรถเป็นระยะทาง 515 ไมล์ (หรือประมาณ 828 กิโลเมตร) โดย iPad รุ่นที่ 3 นั้นปล่อยคาร์บอนออกมามากที่สุด คิดเป็นปริมาณกว่า 180 กิโลกรัม ส่วน iPad รุ่นแรกและ iPad 2 ปล่อยคาร์บอนคิดเป็นปริมาณ 130 กิโลกรัมและ 105 กิโลกรัมตามลำดับ ซึ่งเมื่อคิดปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยโดย iPad ทั้ง 55 ล้านเครื่องที่ถูกขายออกไปแล้วนั้น ก็จะอยู่ที่ 7,590,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณของคาร์บอนที่ถูกปล่อยโดยรถยนต์ 1,265,000 คันในหนึ่งปี
นอกจากเรื่องของปริมาณคาร์บอนแล้วก็ยังมีข้อเท็จจริงอื่นๆ ที่น่าสนใจใน infographic นี้อีกอย่างเช่นเรื่องของ data center พลังงานแสงอาทิตย์ที่แอปเปิลกำลังสร้างอยู่ในขณะนี้
Comments
=[]=
มันปล่อยออกมาได้ยังไงครับ ในเมื่อมันใช้ไฟฟ้า ><
ลองดูใน infographic ครับ มันมาจากการผลิต การขนส่ง แม้กระทั่งการใช้งานของเราเองซึ่งการเสียบชาร์จไฟอะไรแบบนี้ก็ล้วนมีการปล่อยคาร์บอนทั้งนั้นครับ
กระบวนการผลิตไฟฟ้าก็ปล่อยคาร์บอนได้เยอะครับ ทั้งจากโรงงานไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหิน โรงงานไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันครับ
My Twitter
สงสัยจริงๆม่ดราม่า ว่าipadมันปล่อยCo2 ออกมาทางไหนหรือครับ ?
เกิดจากกระบวนการผลิตครับ
เยอะ
จริงๆถ้าจะเทียบแบบนี้แม้แต่การกินข้าวยังปล่อย CO2 ออกมาเลย
ถ้าผมเป็น samsung thailand จะขอซื้อลิขสิทธิ์ infographic นี้มาพิมพ์ แล้วเอาไปแจกแถวงานเปิดขาย iPad ในเมืองไทย โดยให้คนแจกใส่เสื้อกลุ่ม green peace :P
Samsung คงไม่กล้าครับ เพราะเข้าตัวเองทั้งนั้น
กลัวว่าถ้ามีคนทำของแทปเเล็ตตัวอื่นมาจะหนักกว่าอ่ะสิครับ ขนาดประเด็นโรงงานนรกยังไม่มีค่ายไหนเอาไปเล่นเลยครับ
คงกลัวเข้าตัวเหมือนกันนั่นแหละ = =
ฮา "โรงงานนรก"
ผมว่า ถ้ามีคนเล่น 2 ประเด็นนี้ รับรองว่าค่ายนั้นก็ต้องโดนวิเคราะห์แบบเดียวกัน ซึ่งผมคิดว่า ค่ายอื่นก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร เผลอ ๆ หนักกว่าด้วย ซึ่งถ้าทำไปแล้ว ก็จะย้อนศรมาโดนตนเอง หนักกว่าเดิม จึงไม่มีใครกล้าเล่นกับ Apple
ที่เขาวิเคราะห์หรือสืบเรื่องโรงงานนรกขึ้นมา ก็แค่อยากดัง เพราะถ้าทำอะไรเกี่ยวกับ Apple คนจะสนใจมาก
คิดได้นะครับไม่เข้าตัวเองเลย
เอาใหม่ๆ ถ้าผมเป็นซัมซุงไทยแลนด์นะครับ ผมก็คงจ้างคนไปโพสภาพนี้ในเว็บต่างๆเยอะๆ(เหมือนกับที่ซัมซุมจ้างหน้าม้ามาโพสเชียร์ของตัวเองในบางเว็บบ่อยๆ) สร้างร่างโคลนมาตอบกระมู้ตัวเองปั่นกระแส อิๆง่ายๆไม่เข้าตัวและได้ผล ^^
แต่ในที่สุดก็จะมีคนสงสัยว่าบริษัทอื่นเป็นยังไงบ้างอยู่ดี แล้วทีนี้ก็จะซวยแบบถ้วนหน้า...
Dream high, work hard.
ไม่หรอกครับ ตอนโรงงานนรกนี่ข่าวถูกประโคมใส่แอปเปิลหนักมาก มีข่าวนี้ไปโพสลงลงทุกๆที่ บางเว็บบอร์ดนี่เห็นเอามาลงซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ใครจ้างไว้รึเปล่า โดยเฉพาะกลุ่มตลาดหลัก(เว็บเด็กดี) พวกนี้ไม่มีใครสงสัยหรอกครับ ป้อนอะไรมาเชื่อหมดแหละครับ 555
ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า บลาๆๆๆ รวมกันแล้วเยอะกว่าไอแพดอีกมั้ง
เหยดดดดดด
ผมว่าถ้าจะให้ดี เขาควรทำของยี่ห้ออื่นมาเปรียบเทียบด้วยนะ ขนาดผมไม่ใช่สาวกแอปเปิ้ลยังรู้สึกเลยว่าแบบนี้มันรังแกแอปเปิ้ลเกินไป
ผมว่าเป็นข้อเสียของการเป็นผู้นำในตลาดนะ เหมือนกับที่คนไทยเรียกผงซักฟอกว่าแฟ๊บนั่นแหละครับ
พูดถึงแทบเล็ตก็ต้องนึกถึง iPad เวลาจะเล่นอะไรเกี่ยวกับแทบเล็ต iPad ก็ต้องโดนก่อนอยู่แล้ว
คิดเหมือนกันคับปกติแล้วแหละ ของแทปเล็ตอื่นอ่านจะทำมาตอนหลังถ้ามีคนเอาไปประโคมข่าว แต่ถ้าไม่มีเป็นผมก็คงขี้เกียจทำนะ 555
ความจริงข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่ apple report มานะครับ อยู่ในเรื่อง environmental report มีข้อมูลให้ดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้างครับ http://www.apple.com/environment/reports/
ตอนนี้บริษัทใหญ่ๆ หันมาสนใจเรื่อง environment มากขึ้นจากเดิมแล้วครับ บริษัททาง electronic ที่ถือว่าเป็น green company เด่นๆ ก็คือ Nokia เคยได้แชมป์ตามที่ Greenpeace จัดอันดับมาหลายสมัยครับ แต่ล่าสุดตกไปที่ 3 เสียแชมป์ให้กับ HP อันดับสองคือ Dell ครับ (สองบริษัทนี้เด่นในเรื่องการจัดการพลังงานที่ยั่งยืน กับการลด CO2 remission แต่เรื่อง green product ยังไม่ดีเท่าที่ควรครับ) http://www.greenpeace.org/international/en/campaigns/climate-change/cool-it/Campaign-analysis/Guide-to-Greener-Electronics/
บริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่อง Green product ที่สุดตอนนี้คือ Nokia ครับ แต่ Apple กำลังมาแรงครับ หน้านี้เป็น eco profile ของ Nokia ครับ มีมือถือทุกรุ่นเลย 3310 ก็มีนะครับ หุหุ http://www.nokia.com/global/about-nokia/people-and-planet/sustainable-devices/eco/eco-profiles/
ปล.เวปนี้เป็น sustainability report ของ Samsung ครับ http://www.samsung.com/us/aboutsamsung/citizenship/oursustainabilityreports.html
ข้อมูลออกมาเป็นรูปภาพชัดเจนดูง่ายดีครับ
That is the way things are.
55 ต่อ 1 อัตราส่วนยังน้อยนะเทียบรถยนต์
ปลูกข้าวยังปล่อยคาร์บอนมากกว่าเลย..
อ้างอิงจากที่ไหนครับ
เอ่อ... ความรู้วิทยาศาสตร์ม.ปลายก็มีนะครับ การปลูกข้างจะเกิดการขังน้ำ ทำให้เกิดการหมัก และได้ CH4 (มีเทน) ออกมาครับ ซึ่งตัวนี้แหละที่อเมริกาด่าพวกประเทศเกษตรกรรมว่าก็ปล่อยแก๊สเรือนกระจกไม่ต่างจากอุตสาหกรรมเลย เพราะ CH4 เป็นแก๊สเรือนกระจกดีกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า (1600 เท่า ถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิด)
เรื่อง CH4 นี้ไม่ทราบ แต่ถ้าหมายถึง CO2 ผมคิดว่าพืชน่าจะช่วยลด CO2 ซะอีก
พืชก็หายใจครับ ตอนกลางคืนจะปล่อย CO2 ออกมา เค้าจึงบอกว่าอย่าเอาต้นไม้ไว้ใกล้ ๆ ตอนนอน เพียงแต่ว่าจะปล่อยน้อยกว่าที่ดูดเข้าไปในเวลากลางวัน
เป็นกระบวนการคิดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เมื่อก่อน ใช้กระบวนการคล้ายๆแบบนี้มาสอนเด็ก เอาแค่ดินสอ 1 แท่ง ทำจากอะไร
ไม้ ยางลบ สีเคลือบ ไส้คาร์บอน ทองเหลืองรัดยางลบ แล้วแตกอีก
ยางลบ ทำจากอะไร มาจากไหน แต่เด็กรุ่นกลังกิจกรรมพวกนี้เข้าถึงน้อยลง เรื่องใส่ใจสิ่งแวดล้มแค่ใช้ดินสอ ให้หมดแท่ง ถ้าทุกตนช่วยกัน ก็ช่วยลดการผลิตได้
บางคนเข้าใจผิดว่าทิ้งขยะลงถังช่วยสิ่งแวดล้อม แต่มันเป็นเพียงการจับขยะให้ไปอยู่ถูกที่แค่นั้น ถ้าจะให้ดีคือการทำไม่ให้มีขยะมาทิ้งมากกว่า
ง่ายๆซื้อของร้านสะดวกซื้อ ออกมาเิาถุงทิ้งตรงถังขยะหน้าร้านไม่ได้ช่วยโลกเลย
ถ้าเราไม่จำเป็นต้องใช้ถุง ก็ไม่เอาถุงจากร้าน ก็ไม่เกิดขยะมาทิ้งหน้าร้าน จริงไหม
แต่เรื่องนี้ ลองมองข้ามยี่ห้อหรือตราสินค้า เพาทะทุกค่ายเกิดได้เหมือนกัน
เรามาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมดีไหม
ผมไม่เคยเอาถุงเซเว่นเลยคับโดยเฉพาะเวลามีกระเป๋าสะพาย ยกเว้นซื้อน้ำขวดเย็นๆ 2-3 ขวด 555
ผมชอบใช้ของนานๆนะถ้าไม่แย่จริงก็พยายามจะไปเปลี่ยน ยิ่งยังเรียนอยู่ด้วยยิ่งต้องประหยัด ^^
แต่หลังๆ Spica ผมรีสตารท์ตัวเองบ่อยไปหน่อย พอร์ตมินิยูเอสบีก็ใช้ไม่ได้ ชาร์จได้อย่างเดียว คงต้องเปลี่ยนแล้วหล่ะ = =
ถุง กับ 7-11
มันเป็นอะไรที่คู่กันไม่ใช่เหรอครับ :-)
Hong Kong 7-11 เขาไม่เคยให้ถุงนะครับ เหมือนจะคิดเงินด้วยถ้าเอา แต่ผมก็ไม่เคยขอ
คงมีแต่ 7-11 ไทย ก้มหน้านับเงินแปปเดียว แถมแล้วแถมอีก แยกใส่ไม่พอ ซ้อนถุงให้อีก
เพิ่ม 7 -11 ไต้หวัน อีกประเทศครับ ถ้าจะเอาถุงจริงๆคิดถุงละ 1 NTD ครับ
ตอนนี้ถ้าซื้อของเล็กๆน้อยๆผมก็พยายามไม่เอาถุงเหมือนกันครับ ยกเว้นมันเยอะจนถือไม่ไหวจริงๆ เพราะผมไม่พกกระเป๋า
สรุป ไม่มีอะไรดีครับ เราไม่ควรใช้อะไรเลย แม้แต่โทรศัพทฺ์ -*-
+1
Coder | Designer | Thinker | Blogger
การทำการเกษตรปล่อยคาร์บอนมากกว่าอุตสาหกรรมทั่วโลกรวมกันเสียอีก
เหอๆ
มันน่าจะมีเทียบต่อเครื่องกับหลายๆเจ้านะ กะระดับไม่ถูกเลย
not fair
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ใช่การไม่ใช้ครับ แต่ใช้อย่างรู้คุณค่าและใช้ให้คุ้มค่า ส่วนคนที่บอกว่าก็มันเงินฉัน ใช่ครับเงินคุณแต่โลกเราไม่ใช่แค่คุณ
ผมว่ามันดูดีนะ
คือการปล่อย CO2 ระดับนี้เทียบเท่าการซื้อหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ปีติดต่อกันตามภาพ หากเราคิดดูว่าเราใช้ iPad แค่อ่านหนังสือพิมพ์บน NewsStand แค่ "ฉบับเดียว" ทุกวัน 3 ปีแทนการซื้อซึ่งก็อาจเป็นปกติของหลายๆคนอยู๋แล้ว ก็คุ้มค่า CO2 ที่แลกกันแล้ว (อย่าลืมว่าค่า CO2 Emissions นี้รวม Customer Use แล้ว) นี่ยังไม่รวมการใช้งานทั่วไปอย่างอื่นๆอีกมากมายที่ Tablet จะทำได้ซึ่งก็ควรถือเป็นโบนัสทั้งหมดเพราะหักลบกับการอ่านหนังสือพิมพ์ไปหมดแล้วตั้งแต่แรก
ส่วน Datacenter ที่ใช้พลังงาน 100Megawatts เพื่อบริการ iTunes + iCloud ต่อปีนี่ไม่รู้จะเอาไปเทียบกับอะไร แต่เมื่อคิดว่ามีอุปกรณืที่ใช้บริการถึงกว่า 400 ล้านเครื่อง (iPad iPhone iPod ยังไม่รวม PC Mac)แล้วมันก็ดูไม่แย่นักเท่ากับอุปกรณ์ iOS 1 เครื่องใช้พลังงานจาก Datacenter เท่ากับบ้าน 0.0002 หลังต่อปีหรือ 5,000 เครื่อง = บ้าน 1 หลัง
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
เห๋นด้วยต้องมองที่ความคุ้มค่า
เปรียบเทียบได้ดีครับ