การเปิดตัว Galaxy S III เมื่อคืนนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจและน่าพูดถึงหลายอย่าง แต่ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ "ทิศทาง" การพัฒนาของสมาร์ทโฟนระดับ flagship ในรอบปีล่าสุด
ถ้าเรานำการเปิดตัว iPhone 4S ของแอปเปิลในปีที่แล้วมาเทียบ เราจะเห็นว่าถึงแม้รายละเอียดจะแตกต่าง แต่ไอเดียหรือคอนเซปต์ที่ทั้งสองบริษัทนำเสนอเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือ "นวัตกรรมย้ายมาอยู่ที่ซอฟต์แวร์" (อ่านบทความ อย่าเพิ่งผิดหวังกับ iPhone 4S ประกอบ)
สเปกด้านฮาร์ดแวร์ของ Galaxy S III ถือว่าปรับปรุงขึ้นมาหลายจุด และแน่นอนว่ามันเป็นมือถือที่สเปกดีที่สุดในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย (และคงจะครองตำแหน่งนี้ไปอีกพักใหญ่)
แต่ถ้าเราพิจารณาให้ละเอียดขึ้น ก็จะเห็นว่าสเปกที่เพิ่มขึ้นของ S III ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากมือถือรุ่นก่อนๆ ของซัมซุงแบบสุดขั้วมากนัก จุดที่เปลี่ยนเยอะที่สุดคงเป็นซีพียู Exynos แบบควอดคอร์ แต่ซีพียูควอดคอร์บนมือถือก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะคู่แข่งอย่าง HTC ออก HTC One X มาก่อนหน้าแล้ว
ประเด็นที่หลายคนผิดหวังคงเป็นเรื่องจอภาพ เพราะสุดท้ายแล้ว S III ใช้จอ HD Super AMOLED ตัวเดียวกับ Galaxy Nexus (Pentile!) ความละเอียดเท่ากัน แค่ขนาดใหญ่กว่ากันเล็กน้อย ส่วนกล้องถ้าวัดตามสเปกยังอยู่ที่ 8MP เท่ากับ S II เพียงแต่นวัตกรรมไปอยู่ที่ฝั่งซอฟต์แวร์กล้องแทน (เช่น เปิดกล้องเร็ว โหมดถ่ายแบบพิเศษต่างๆ)
สเปกด้านอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรใหม่มากนัก (แต่ใส่เข้ามาให้ครบถ้วนขึ้น) เช่น แรม 1GB, ความจุ 16/32/64GB, NFC, Wi-Fi N, Bluetooth 4.0 การรองรับเครือข่ายเป็น LTE ตามสมัยนิยม
จุดที่น่าสนใจในฝั่งฮาร์ดแวร์คงอยู่ที่ระบบชาร์จไร้สาย (ซึ่งว่ากันตามตรง Palm Pre ก็ทำมาก่อนแล้ว) แต่ซัมซุงกลับไม่พูดถึงเรื่องนี้มากนัก คาดว่ายังทำไม่เสร็จครับ
นวัตกรรมจริงๆ ของ Galaxy S III มาอัดแน่นอยู่ในฝั่งซอฟต์แวร์เกือบหมด โดยพื้นฐานแล้ว ตัวระบบปฏิบัติการยังเป็น Android 4.0 ICS โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ "ฟีเจอร์อำนวยความสะดวก" ที่ช่วยเติมเต็มให้ S III กลายเป็นสินค้าคอนซูเมอร์ที่สมบูรณ์มากขึ้นต่างหาก
ในงานเปิดตัวมือถือของซัมซุงปีก่อนๆ เราพูดกันถึง TouchWiz ที่ปรับแต่งหน้าตาของ Android ให้สวยขึ้น เพิ่มการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสังคมต่างๆ ให้มากขึ้น ซึ่งบริการพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับคู่แข่ง (อย่าง Sense) มากนัก
แต่ในระยะหลัง เราเริ่มเห็นฟีเจอร์ประสานงานกับเนื้อหาดิจิทัลบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น (ในกรณีของซัมซุงก็คือแอพตระกูล Hub ต่างๆ) และฟีเจอร์เฉพาะทางอย่างปากกา S Pen ที่เริ่มใช้ใน Galaxy Note ซึ่งก็มีประโยชน์จริงสำหรับการจดโน้ตหรือวาดภาพ
สำหรับกรณีของ S III ของใหม่ในฝั่งซอฟต์แวร์จะเลิกพูดถึงฟีเจอร์เก่าๆ ของ TouchWiz แล้ว แต่หันมาเน้นเรื่องฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในประเด็นต่างๆ แทน เช่น
ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้จะเห็นว่ามันไม่ได้ทำอะไรใหม่มากนัก แต่ช่วยให้ทำงานแบบเก่าๆ ได้สะดวกขึ้นมาก
ผมคิดว่าฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์เกือบทั้งหมดที่ว่ามานี้ (ซัมซุงเรียกว่า TouchWiz Nature UX) จะเซ็ตมาตรฐานแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของซัมซุงในอีก 1-2 ปีข้างหน้า และมือถือซัมซุงรุ่นถัดๆ ไปจะมีฟีเจอร์พวกนี้เข้ามาเป็นมาตรฐาน และกลายเป็นจุดสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งในท้องตลาดได้ต่อไป (ได้เยอะน้อยขึ้นกับราคานะ :P)
สิ่งที่แถลงในงานด้วยแต่โดนข่าวตัวมือถือกลบซะมิด ก็คือแอพและบริการออนไลน์อื่นๆ ที่เปิดตัวพร้อมกัน
ที่เป็นข่าวมีดังนี้
สิ่งที่น่าผิดหวังอยู่บ้างคือข่าวลือ S-Cloud บริการกลุ่มเมฆของซัมซุงยังไม่เป็นความจริง ทำให้ซัมซุงยังไม่มีอาวุธไปต่อกรกับ iCloud ของแอปเปิลได้ตรงๆ ในตอนนี้ (แต่สุดท้ายมันจะเกิดขึ้นแน่ๆ)
ต้องยอมรับว่าฮาร์ดแวร์มือถือพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากๆ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ เมื่อปี 2009-2010 เรายังใช้มือถือจอละเอียด 320x480 กันอยู่เลย มาวันนี้หน้าจอเขยิบขึ้นมาที่ 1280x720 กันแล้ว ส่วนซีพียูก็จากหลัก MHz ก็เปลี่ยนมานับเป็น GHz และจำนวนคอร์ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าๆ ตัว
เราอาจใช้กฎของมัวร์มาอธิบายพัฒนาการของสเปกฮาร์ดแวร์ (นอกเหนือไปจากซีพียู) ได้บ้าง แต่ความต้องการใช้งานฝั่ง demand side ของผู้บริโภคมันไม่ได้เติบโตด้วยอัตราเท่ากันนะครับ เมื่อจอภาพชัดในระดับหนึ่ง ซีพียูเร็วขึ้นจนถึงระดับหนึ่งที่พอใช้งานทั่วๆ ไปได้ไหลลื่น คนส่วนใหญ่ย่อมไม่ต้องการจอภาพ 4 นิ้วขนาด 2560x1336 หรือซีพียู 2.5GHz แปดคอร์กันสักเท่าไร
ผมเชื่อว่าตอนนี้โลกของฮาร์ดแวร์มือถือเริ่มมาถึงทางตันแล้ว เราใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาชนิดว่าเมื่อ 4-5 ปีก่อนคงจินตนาการกันไม่ถึง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ iPhone 4S, iPad รุ่นสาม หรือ Galaxy S III มันเปลี่ยนจากรุ่นเดิมไม่เยอะนัก ความต่างของสเปกลดลงเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนรุ่นช่วง 2-3 ปีก่อน
ทิศทางของโลกสมาร์ทโฟนจึงต้องหมุนออกไปทางอื่น ที่ผมคิดออกมี 2 ทาง (ที่เดินไปด้วยกันได้) นั่นคือ
ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นในฝั่งซอฟต์แวร์กันอีกเยอะ ที่เห็นอยู่ในวันนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ (และแน่นอนว่าเป็นโอกาสทองของผู้พัฒนาแอพทั่วโลกด้วย กรณีของ Instagram น่าจะพิสูจน์ชัดเจน)
Galaxy S III จะเป็นมือถือขายดีแน่นอน แต่น่าซื้อแค่ไหนคงต้องมาดูราคาเปิดตัวในประเทศไทยกันอีกทีครับ
Comments
คืออยากทราบว่า วัสดุของตัวเครื่องทำมาจากอะไร..............
ดูวิดีโอ hands-on แล้วบอกว่าเป็นพลาสติกนะครับ (ที่ทำออกมาเลียนแบบโลหะ)
แบบนี้จิง เครื่องคงถูก มีให้ลุ้นเสียงดังกรอบแกร๊บ ที่ฝาหลังไหมรุ่นนี้
ดูถูก กันเกินไปแล้ว
55555
เข้ามาฮา ฮ่าๆๆๆ
ตั้งแต่ใช้ SS มายังไม่เคยเจอฝาหลังกรอบแกร๊บเลย
SII เบียด-บิด นิดก็ดังแล้ว ไม่ก็ฝาหลุด แต่หลังๆใส่เคสไม่เจออาการนั้นแล้ว แต่รุ่นนี้ดูแล้วแน่นหนาดี
จริงง่ะ T.T ผมใช้ SII มาสี่เครื่อง เจอไม่แน่น สีขาวเครื่องเดียว แต่ไม่ถึงกับมีเสียงกรอบแกรบนะ
Captivate ถ้าไม่ใส่ Case ล๊อคไว้นี่นานๆไปตัวสไลด์ล๊อคฝากรอบแกรบเหมือนกันครับ
ผมรู้สึกได้ว่าตอนเปิดฝาหลัง Note มันพร้อมจะหักตลอดเวลา ดังกร๊อปแก๊ปๆ
ฝาหลังกรอบแกรบแท้ ราคา 240฿ (ของ SII ซื้อมาเก็บไว้ spare)
เข้ามาฮา ^^
เอาแล้ว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แล้วมันดียังไงหรอคับ งงๆ
Polycarbonate มันก็ plastic นั่นล่ะครับ
อย่าเข้าใจว่าพลาสติกก็เหมือนกันหมดนะครับ Polycarbonate มันก็อันเดียวกับที่ใช้ใน N9, Lumia 800/900 หรือ One X แหละครับ ตัววัสุดมันมีความแข็งแรงทนทานมาก ความยืดหยุ่นต่ำ ทำให้คงรูปได้ดี ไม่ได้มีคุณสมบัติแย่เหมือนพลาสติกทั่วไป เอามาใช้ทำผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น กระจกห้องนักบิน (ระดับ F-22 ก็ใช้) โล่ห์ปราบจลาจล หรือพวกแว่นดำน้ำเลยนะครับ
เรื่องความแข็งแรงทนทานอะไรพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เค้าจะสื่อหรอกครับ(ส่วนตัวผมก็คิดว่ามันไร้สาระเพราะไม่คิดจะเอามือถือไปขว้างเล่นหรือกัน .50Cal อยู่แล้ว ทำตกก็ไม่เคยจนมันบุบสลายซักที) คิดว่าเค้าคงคิดเหมือนผมคือ หน้าตามันดูแย่เพราะพลาสติก และผิวสัมผัสอาจจะดูแย่เพราะเป็นพลาสติก(ต้องรอทดสอบ)
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
กันเป็นรอยขุดขีดครับ (ไอความทนทานที่พูดถึงกันอะ) ^ ^ ง่ายๆ (สั้นๆ ได้ใจความ)
จะกันได้ดีแค่ไหนถ้ามันยังเป็นรอยขนแมวได้สุดท้ายมันก็ค่อนข้างไร้ค่าครับ มันจะมีประโยชน์สำหรับพวกที่ไม่ค่อยรักษามือถือมากกว่า อย่างดีก็อาจจะดูโทรมช้า ขึ้นกับลักษณะการใช้งานแต่สุดท้ายก็เป็นรอยเหมือนกันอยู่ดี เอาเข้าจริงๆถ้าเปลี่ยนเป็นโลหะไปเลยยังจะทำให้รอยมองไม่เห็นได้ดีกว่าด้วยซ้ำไปนะครับ
อีกส่วนที่น่ากังวลคือขอบโครเมี่ยมนี่แหละ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
แน่นอนว่ามันไม่ได้กัน 100% เขาก็ต้องทำให้มือถือทนทานได้ส่วนนึงก็ยังดีครับ เพราะเขามองผู้ใช้ทั่วไป เขาคงไม่ทำมือถือมาให้นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์อะไรขนาดนั้นหรอก ง่ายๆอีกหล่ะ
+1
เพชร มันก็ถ่าน(Carbon) นั่นล่ะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คือสกัดจากใยอาหารเหรอครับ โพลีคาร์บอเนต
19,900 บาทครับ ราคาที่ผมคิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว และ คนน่าจะซื้อกันเยอะ เพราะมันลดกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเพิ่มไปผมว่ามนก็แพงเกินนะ ^^
ขอใช้ Note ต่อไป
ตอนนี้ก็เหลือแต่ "ราคา" เท่าไหร่ ?
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
น่าสนใจครับ เพราะในขณะเดียวกัน HTC กลับเลือกที่จะทำให้ Sense เข้าใกล้ Android ตัวหลักมากขึ้น แม้ 4.0 ที่เพิ่งออกมาจะยังไม่ใกล้ แต่ก็เริ่มเห็นหลายอย่างตัดออกไป พิงหลัง Google ICS ที่ดีอยู่แล้วให้มากขึ้น
ถ้า Samsung เลือกทางนี้ก็แปลว่าจะยิ่งห่างจาก Android ของ Google ไปเรื่อยๆ ครับ จนสุดท้ายแล้วอาจมี Android - Samsung Edition ที่ไม่ขึ้นกับตัวหลักของ Google เลย ต้องดูกันยาวๆ ครับ ว่าสุดท้ายใครจะดีกว่ากัน
ถ้าจริง บอกตามตรงว่าไม่ค่อยเชื่อมือ Samsung เท่าไรเลยครับ
ขนาด HTC ว่าเซียนๆด้าน optimize, custom ลูกเล่นยังออกมายอมรับกลายๆเลยว่า Sense UI มันเริ่มไปไกลจนกินทรัพยากรเยอะเกินไปแล้ว จนรุ่นหลังๆต้องตัดออก/ยกเครื่องกันหลายส่วน
ส่วน Samsung ไม่เคยแสดงให้เห็นเลยว่าทำ optimize, custom ได้ดี ตั้งแต่รอมรุ่นก่อนๆสมัย SI ที่อืดและกระตุกมาก จนมาถึง SII ที่มี 2.3 มาช่วยและใช้ความแรงของ CPU เข้าข่มจนลื่นได้น่าประทับใจ
+1 ครับ Samsung ทำ Rom มาห่วยมากตั้งแต่แรกๆ แต่ไม่แน่ตัว S3 อาจจะทำ รอมมาเทพก็ได้ใครจะไปรู็ ^^
คิดเหมือนกันครับ รอดูต่อไปครับ
ที่ SI อืด และ กระตุก เป็นเพราะใช้ระบบไฟล์แบย rfs น่ะครับ...
(ซึ่งทาง samsung เป็นผู้พัฒนาระบบ แล้วเคลมว่ามันไวกว่า ext4 ของandroid ที่เป็นต้นฉบับ แต่ดันกลับเป็นฆ่าตัวตาย เพราะมันอืดมากถึงมากที่สุด จนคนต้อง root แล้ว convert rfs to ext4 กันเลยทีเดียว)
แต่พอมา SII ก็มาใช้ ext4 แล้ว + CPU แรง ก็เลยเร็วขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็ยอมรับจริงครับว่า ROM ฝั่ง Samsung เขียนมาไม่ดีจริงๆอ่ะ... -*-
เพราะเหตุนี้แหละครับ ตอนนี้ผมหันมาฝั่ง htc แล้ว
ผมชอบ idea eye-tracking มากๆ
ดูแล้วมือถือเหมือนจะเริ่มเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ
คุยกะเราได้ รู้ว่าเราต้องการอะไร หาสิ่งที่ต้องการมาให้ได้ มองเราได้ด้วย
แต่อยากรู้ว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ พวกนี้มันมาจากความสามารถของ ICS หรือว่าเป็น นวัตกรรมของ samsung ทำขึ้นมาเฉพาะเองเลย?
แนวคิดแปลกใหม่ดี แต่ผมยังนึกไม่ค่อยออกว่าจะใช้กับอะไร เพราะโปรแกรมที่ต้องดูเฉยๆ อย่างvideo player มันก็เปิดค้างให้อยู่แล้ว ถ้าจะอ่านอะไรยาวๆเราก็ต้องคอยเลื่อนไปมาอยู่แล้วเพราะจอโทรศัพท์ไม่ใหญ่
ผมมองว่า มันจะซดแบตขนาดไหน เพราะการใช้กล้องเป็นอะไรที่ผมมองว่ากินแบตมากๆเลยครับ
รอดูหลังจากวางจำหน่ายแล้ว ว่าจะมีเสียงบ่นว่ามีปัญหาอะไรบ้าง + ราคา
^
^
that's just my two cents.
อยากให้แข่งกันเรื่องแบต จริงๆ T_T
ผมว่า Nature UX มันยังน้อยมากถ้าจะให้เป็นจุดขายได้ ยังไม่่มีอะไรทำให้ โอ้ว ได้เหมือน Siri หรือตอน Retina display ออกมาตอนแรก
P.S. HTC One series ให้ Dropbox 25GB
อยากรู้ว่าพอครบ 2 ปีแล้วพวกนี้จะทำยังไงกัน 50GB นี่สมัครแยกมันเดือนละสิบเหรียญแน่ะ ถ้าไม่จ่าย ข้อมูลที่มีอยู่จะเป็นไงก็ไม่รู้
ผมว่าถ้าซัมซุงซื้อ Dropbox เลยน่าจะง่ายกว่าทำเองใหม่ทั้งหมดนะ รับรองผงาดสู้กับ iCloud ได้อย่างเต็มตัว
ต่อไปก็คงแข่งกันพัฒนาซอร์ฟแวร์แทนแล้ว
ทั้งหมดนี้ผมว่า Smart alert ดีที่สุดจริงๆครับ
@TonsTweetings
one x ดูมี สกุลขึ้นมาทันที
และถ้าไม่ดูที่ spec กับ จอ ตอนนี้วัสดุ one V น่าจะดีที่สุด(ยังไม่ได้จับ one s)
+1 ครับ ผมประทับใจ one x กว่า ssg iii อีกครับ
+100000
สำหรับผม จอ One X ก็น่าจะเทพกว่าอยู่ดี เพราะเป็น RGB แท้แท้
+1 One X ยังดูดีกว่า อิอิ
ดูีรอ iOS6 บ้าง แล้วค่อยติดสินใจอีกทีว่าเหล่านี้ของ ss น่าตื่นเต้นรึเปล่าครับ :D
อยากให้ andriod ลื่นๆ เก่งๆ กว่าตอนนี้เร็วๆ อยากซื้อมาใช้เต็มตัวบ้าง :D
ios ชน android เรื่องความลื่นก็ ไม่ต้องรอแล้วล่ะครับ ซื้ออะไรๆที่เป็น iosเลย
แต่ถ้า android ชน ios เรื่องความอิสระไม่กั๊กๆนู่นี่แล้ว ต้องเลือก ยี่ห้อ รุ่นอีกทีครับ
(อยากได้androidให้เลือก อยากได้ iphone/ios ก็ไม่ต้องเลือกเพราะในใจคุณ มันมีคำตอบอยู่แล้ว)
ยังไงก็ไม่เอา sumsung อะนะ รอ Sony อิอิ
ความประทับใจ เงินซื้อไม่ได้ ที่เหลือคือ ซัมซุง
วิเคราะห์ได้ดีครับ :)
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
still Android.
อ่านจบ HTC One X ดูดีขึ้นมาทันที
ยังไงตัวต่อจาก s2 ก็ s3 อยู่ดี สำหรับผม
คุณ mk เขียนบทวิเคราะห์ได้ดีมากครับ มองได้หลายมุมมาก ๆ ครับ
ดังนั้น ปีนี้น่าจะได้เห็นการแข่งขันทางนวัตกรรมที่ทุกค่ายของ Android และ Apple จะมาแข่งกันสร้าง Software ภายใน มากกว่าที่จะมาแข่งกันที่ Hardware เนื่องจากปัจจุบันนี้คงเริ่มจะตันอย่างที่ว่าแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามกฏของมัวร์ คงต้องรออีกสักพักให้สามารถพัฒนา Hardware ได้ดีกว่านี้
wp7 ในมือผมแลดูหมดอนาคตเข้าไปทุกวัน
คอมเม้นท์นี้แชร์เน็ตจาก hd7 มาเล่นในคอม อ่านไทยในมือถือไม่ได้ครับ ฮือๆ
smart ดี แต่รอดูตัวจริงว่า smart ทั้งหลายจะกินแบตมั้ยนี่
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อยากได้ !!!
แอบหวังเล็กๆ ว่า ฟีเจอร์อะไรที่ดีๆ ใน S III จะมีคนงัดแงะ พอร์ตมาลง S II บ้างนะ :P
WE ARE THE 99%
อันนี้เรือธงของ Samsung แต่ผมรอเรือประจัญบาญ Galaxy Note Gen 2 น่าจะมีอะไรล้ำๆ เพิ่มมาจากนี้อีกขั้นหนึ่ง : )
+1 เพราะขนาดหน้าจอเรื่องเดียวเลย...
ของผมขอให้ได้
Quad Core
+ Battery 4000 mAh
+ 1920*1200 ที่ขนาดเท่าเดิม (ถ้าได้ความละเอียดนี้จะเป็น Pentile ก็ยอม)
= fin ครับ หมายถึง Note นะครับ
นับวัน Samsung เริ่มทำ Software ให้เข้าใกล้ Sense มากขึ้นทุกวัน
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ในขณะที่ Sense เริ่มลดความอลังการของ Software ตัวเองลงเรื่อยๆ
+65535 !!!
แต่ผมรู้สึกว่า พอลดแล้วมันดู OK นะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
นี่แหละครับที่ผมต้องการจะสื่อ
คือมีช่วงนึง Sense มันอลังการมากจนรู้สึกได้เลยว่าเยอะเกิน (ช่วงที่เป็น Sense 2.0 ยุคปลายๆต่อต้น 3.0, 3.5 อย่าง Inc S, Desire S)
พอตัดนู่นนี่ที่ไม่ค่อยจำเป็น (หรือ ICS มีมาให้แล้ว) ออกไปมันก็ลงตัวขึ้นเยอะครับ
เริ่มกลับเข้าสู่แนว Simply is best
ผมว่ามือถือรุ่นใหม่ๆ ต้องแข่งกันที่ความลื่นด้วย ตอนนี้ใช้ SII อยู่ก็ยังมีบางครั้งที่รู้สึกว่ามันช้าเกินไป
ตามข่าวเก่าๆ รู้สึกว่าแล็บของ Microsoft กำลังวิจัยเรื่องนี้ใช่ไหมครับ ดังนั้นโนเกียน่าจะมีโอกาสมากกว่าเจ้าอื่นๆ