เราได้ยินเรื่อง NFC หรือ contactless payment ด้วยโทรศัพท์มือถือกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่ค่อยเห็นการใช้งานจริงสักเท่าไร
แต่ล่าสุดบริษัทไปรษณีย์ของอังกฤษหรือ Post Office Ltd. ประกาศว่าจะเริ่มนำระบบ NFC มารองรับการจ่ายเงินในที่ทำการไปรษณีย์ทั่วอังกฤษกว่า 11,500 สาขาแล้ว โดยเริ่มชุดแรกวันที่ 6 มิถุนายนนี้ และกระบวนการติดตั้งระบบ NFC จะเสร็จสมบูรณ์ช่วงเดือนตุลาคม
ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินผ่านบัตร MasterCard PayPass, Visa payWave รวมถึงโทรศัพท์มือถือที่มีชิป NFC ได้ โดยจำกัดจำนวนการจ่ายเงินที่ 20 ปอนด์
การเพิ่มระบบ NFC ของบริษัทไปรษณีย์อังกฤษทำให้กลายเป็นองค์กรที่ใช้งานระบบ NFC ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปในขณะนี้ ตอนนี้ธนาคารรายใหญ่ๆ ของอังกฤษเริ่มออกบัตรเดบิต-เครดิตที่จ่ายเงินได้ในตัวไปเยอะพอสมควรแล้ว
ที่มา - The Guradian via The Verge
Comments
เมื่อหลายอย่างเปลี่ยนไป สิ่งที่เคยอยู่เดิมก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ของเราเจ้าแรกๆ คงไม่พ้นเซเว่น หุหุ
ยังไม่เห็น เซเว่น ทำอะไรกับบัตรอื่นได้นอกจากบัตร smart purse ของตัวเอง
ผม(เดา) ว่า บริษัทเมืองไทยไม่ค่อยกล้า link ข้อมูลกันซักเท่าไหร่
True money , smart purse , MRT , BTS , Airport link
ไม่ยักกะรวมกันได้เหมือนสิงคโปร ใช้ได้ตั้งแต่ลงสนามบิน ขึ้นรถทุกอย่าง ไปจนถึงซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ
ก็คงทำ Smart Purse เป็นบัตรแรกที่ใช้เทคโนโลยี NFC ครับ 555+
ใครจะกล้าทำล่ะครับ Hackerไทยเก่งจะตาย รัฐบาลยังโดนแฮกบ่อยๆเลย 555
True money กับ smart purse ผมว่ารวมกันไม่ยาก (ก็รู้ๆกันอยู่) ส่วน MRT และ BTS เห็นมีแผนว่าจะร่วมกันใช้บัตรอยู่แล้วครับ สำหรับ Airport link ไม่แน่ใจว่าพี่เค้าจะไปร่วมกับใคร
ระบบคล้าย ๆ กัน แต่คนละเทคโนโลยี
Coder | Designer | Thinker | Blogger
บริษัทไปรษณีย์ของไทยมีกี่สาขาครับ
ค้นหาแบบไม่ระบุอะไรเลย ได้ 1351 สาขา ครับ คิดว่าไม่รวมไปรษณีย์เอกชนครับ
Jusci - Google Plus - Twitter
ผมว่ามาใช้กับ Rabbit น่าจะไฮโซดีนะฮะ
ตอนนี้ก็มี rabbit มาอีกหนึ่ง หลากหลาย(มั่ว)กันไปใหญ่ -"-
จริงๆ อยากเห็นบัตรแบบ oyster (UK), octopus (HK), ezylink (SG) ในเมืองไทยซักทีครับ มันสุดยอดจริงๆ บัตรเดียวเอาอยู่เลย แต่ดูท่าทางเมืองไทยเรื่องความตัวใครตัวมันจะเป็นพฤติกรรมพื้นฐานแล้วจริงๆ ขนาด BTS กับ MRT ยังไม่ยอมตกลงใช้บัตรร่วมกันเลย พอ Airportlink ตามมาทีหลังแทนที่จะไปคบซักเจ้าเพื่อใช้บัตรร่วมกัน..แต่เปล่าเลย ออกบัตรของตัวเองมาอีกหน่อ และยังไม่พูดถึง smartpurse กับ truemoney อีก เยอะ...
แต่ส่วนตัวเชียร์ rabbit ครับ ชื่อน่ารักดี :P ของอย่างนี้มันมีผลต่อการรับรู้แบรนด์ของนักท่องเที่ยวนะ อย่างคนบ้านเราไปเที่ยวฮ่องกงก็จะนึกถึงบัตรปลาหมึก แต่พอไปสิงคโปร์ก็จะนึกชื่อบัตรกันไม่ค่อยออก (อย่าตั้งชื่อ geek มาก ดูอย่าง apple เป็นตัวอย่างที่ดี)
ส่วน smartpurse ผมว่ายอมแพ้เถอะ เปิดตัวตั้งนานแล้วแต่กลับขยายแนวร่วมไม่ได้เลย ตัวผมเองก็ยังไม่ใช้ด้วยซ้ำเพราะตัว smartpurse ก็ไม่เคยโปรโมทจูงใจให้ทำเลย รวมตัวกันดีกว่าจะได้ประโยชน์ครับ บางทีรวมกันแล้วอาจทำให้คนหันมาใช้บัตรเงินสดกันเยอะแน่ ถ้ามัวแต่แยกกันทำแบบนี้ก็ได้แต่ลูกค้าหยิบมือเดียวแหละครับเพราะลูกค้าก็คิดว่าใช้ได้น้อยไม่รู้ทำไปทำไม
+1 ชอบชื่อ rabbit กับใช้เพื่อสะสมแครอทมากกก XD
สอบถามความรู้ครับ คือ ไม่เคยใช้อะไรอยากรู้ว่า อะไรคือ Rabbit หรอครับ ^^'
บัตรรถไฟฟ้าแบบใหม่ครับ อีกหน่อยจะใช้รวมกันใต้ดินได้ด้วย
ตอนนี้ใช้จ่ายในห้างได้บ้างแล้ว(เช่นกูเม่)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เอาจริงๆ เรียกว่าเป็น "บัตรเงินสด" ดีกว่าครับ คือเติมเงินไว้ในบัตรและจะเอาไปใช้จ่ายอะไรก็ได้กับร้านที่รับบัตร (เช่นบัตร octopus ของฮ่องกงใช้จ่ายได้เกือบทั้งเกาะ รวมถึงขึ้นรถเมล เรือข้ามฟาก ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ค่าเช่ากล้องส่องทางไกล แม้แต่ตู้ทำเหรียญที่ระลึกในดิสนีย์!!)
สมมุติว่าถ้าเรามีบัตรเงินสดใช้กันแพร่หลาย ต่อไปรถเมลก็ไม่ต้องมีพนักงานเก็บเงินบนรถแล้ว พอขึ้นรถก็แค่แตะบัตรที่เครื่อง ขาลงแตะอีกรอบ เครื่องคำนวนราคาและหักเงินออกจากบัตรให้เสร็จสรรพ สะดวกสบายมากๆ (ใครไม่มีบัตรก็ไปหยอดเหรียญกับเครื่องที่คนขับเอา)
และแน่นอนว่าใช้กับรถไฟฟ้าได้ ต่อไปไม่ต้องพกบัตรรถไฟฟ้าหลายใบ บัตรเดียวเอาอยู่ ตอนนี้มี BTS เป็นหัวหอก ..MRT และ BRT คงจะตามมา (และหวังว่า airport link จะเอาด้วย)
ตอนนี้บัตรเงินสดในเมืองไทยที่น่าจะรู้จักกันดีก็มี smartpurse แต่ไม่สามารถขยายแนวร่วมได้มาก ..ดูการเกิดของ rabbit แล้วน่าจะสดใสกว่าเพราะแค่มันใช้กับรถไฟฟ้าได้ก็ทำให้หลายคนต้องพกมันแล้ว เทียบกับ smartpurse ที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้เพราะใช้ได้แค่ในเซเว่น ....คือสุดท้ายแล้วมันก็ต้องล้มหายตายจากจนเหลือแค่เจ้าเดียวจนเป็นบัตรกลาง ใช้กันเป็นสากลสำหรับประเทศนั้นๆ แหละครับ
ความจริง smartpurse มันใช้นอกจาก 7-11 ได้อีกหลายที่เหมือนกันนะครับ แต่นิสัยคนไทยผมว่าไม่ค่อยอยากเอาเงินไปทิ้งไว้ในบัตร (มีคนคิดอย่างนี้จริงๆ นะ) สังเกตได้ว่าแค่การเติมเงินเข้า smartpurse นี่ หลายคนก็เติมตอนจ่ายเงินนั่นแหละ กลายเป็นว่าไม่ได้ทำให้การจ่ายเงินสะดวกขึ้นเลย ดังนั้นการนำไปใช้กับร้านอื่นๆ ที่ส่วนมากก็ต้องจ่ายเงินจำนวนเยอะกว่าจ่ายใน 7-11 เงินในบัตรก็ไม่พอ จะเติมเงินก็ไม่ได้ (มันเติมได้แต่ใน 7-11) สรุปก็คือ การรูดบัตรเคลดิต ดูจะได้รับความนิยมกว่าการใช้บัตรเงินสดนะครับ นี่ไม่นับพวกที่บัตรเคลดิตให้สิทธิพิเศษมากกว่าอีกนะ บัตรเงินสดเต็มที่ก็ได้แค่แต้มสะสม
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.