สตีฟ วอซเนียก ได้กล่าวถึงการประมวลผลบนกลุ่มเมฆในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ ไมค์ เดซี (ผู้ผลิตตอน The Agony and the Ecstasy of Steve Jobs ให้กับรายการ This American Life ซึ่งถูกจับได้ว่าเขาเติมแต่งเรื่องปัญหาแรงงานจีนที่ผลิตสินค้าแอปเปิลจนเกินจริง) โดยเขาแสดงความกังวลว่าการที่นำทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นไปอยู่บนกลุ่มเมฆจะกลายเป็นปัญหาที่น่ากลัวในอีกห้าปีข้างหน้า เนื่องจากผู้ใช้จะควบคุมสิ่งที่ถูกย้ายขึ้นไปอยู่บนกลุ่มเมฆได้น้อยลง วอซเนียกยังเสริมว่าโดยส่วนตัวแล้วเขาอยากมีความรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของในสิ่งต่างๆ มากกว่า
ถึงแม้ผู้ให้บริการบนกลุ่มเมฆทั้งหลายจะพยายามทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้ฝากไว้ได้ แต่การนำคอนเทนต์ดิจิทัลขึ้นไปอยู่บนกลุ่มเมฆก็เป็นความเสี่ยง อาทิ เมื่อบริการบนกลุ่มเมฆใช้การไม่ได้เป็นเวลานานก็ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของตนได้ หรือกระทั่งบริการถูกปิดไปอย่างกรณีของ Megaupload ผู้ใช้ก็ไม่มีทางที่จะนำคอนเทนต์เหล่านั้นกลับมาได้อีก
ที่มา:สำนักข่าว AFP บน Google News ผ่าน CNET
Comments
เห็นด้วยเหมือนกัน
ลำพังแค่เป็นแหล่งเก็บข้อมูลสำรองน่ะ คงไม่มีปัญหาอะไร
แต่พอผู้คนเริ่มชิน บวกกับผู้ใช้ทั่วไป ใช้ไปนานเข้า ก็จะกลายเป็นว่าอะไรๆ ก็จะฝากไว้บนคราวด์หมด
แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ก็นั่นแหละ อย่างที่เขาว่า
external harddisk คือคำตอบ
แต่ต้องรอมันถูกลงก่อน!
500GB เหลือ 1990 ที่ห้างดอกบัว ยี่ห้อ ควาย ผมจัดมา 2 ตัว เมื่อกี้นี่เอง
สะดุ้งตรงชื่อยี่ห้อภาษาไทยเนี่ยแหละครับ -*-
Dream high, work hard.
ควาย น่าจะเป็น คาเวียร์
ง่ะ ไม่ใช่บัฟฟาโลเหรอครับ!!!
+1
ห้างดอกบัว คือ ห้างโลตัส
ยี่ห้อควาย คือ ยี่ห้อบัฟฟาโล่
ที่สะดุ้ง สะดุ้งตรง "ควาย" เหรอครับ อิอิ :))
//สะดุ้งอีกสองรอบ
Dream high, work hard.
3TB 4400 เพิ่งสอยมาเองครับ WD Extanal
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ของผมก็ WD ครับแต่เป็น My Passport 2.5 นิ้ว 1TB USB 3.0
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ซื้อที่ไหนครับ ถูกมากๆ
รู้สึกว่าเป็น My Book 3 TB ครับ ขนาด 3.5 ราคาไม่สูงมาก เสียอย่างเดียว ดันต้องต่อไฟผ่าน adapter แต่ของผม My Passport แพงหน่อย แต่เน้นพกพา ไม่ต้องใช้สาย adapter สักนิด
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ไม่ใช่ตัว My Book ครับตัวนั้นมันยัง 5000+ อยู่เลย อันนี้ Elements แต่ 3.5 เหมือนกัน
เดินๆ หาแถวพันทิพนั่นแหละครับ ชั้นบนๆ เหลืออยู่ไม่กี่ลูกนะเท่าที่เห็น
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ยังไงก็ต้อง Back Up อยู่ดี แต่ไม่ค่อยได้ทำกันเท่าไหร่
จะยึดแบบเดิมจนตลาดวาย หรือจะอยู่นานพอจนเห็นตัวเองจนกลายเป็น Apple
Your choices!
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
55
ดูหนังมากไปนะครับ
เปรียบ Apple เป็น Villain หรอครับ XD
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
บร๊ะ เพิ่งดูเมื่อวาน
จริงเรื่องความเป็นส่วนตัวลดลง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แต่ผมว่า Concept แบบ Dropbox, SugarSync นี่โอเคอยู่นะ
blog.semicolon.in.th
ผมก็เก็บทุกอย่างใน Dropbox นะ ลองคิดเล่นๆ ถ้ามีไวรัสที่มาจัดการไฟล์ข้อมูลของเรา แก้ไขและลบทุกอย่าง เราจะทำยังไงมัน Sync ไปทุกเครื่องทุกที
ต้องปลด Network ของเครื่องทียังมีข้อมูลที่ดีเหลืออยู่ให้ทันครับ
blog.semicolon.in.th
ถ้าพูดถึงแค่การกู้ไฟล์ Dropbox มี Previous versions ให้นะ ไม่เคยลองว่าเวิร์คแค่ไหน
แต่ถ้าไวรัสมันจะซิงค์ได้จริงๆ ก็ต้องตัดเน็ตตามท่านบนล่ะครับ
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
มีเพื่อนเคยโดนไวรัสครับ
ปัญหาของ dropbox คือกด restore ได้ทีละไฟล์ โดนเยอะก็เหนื่อยหน่อย
ตอนนี้ผมมี 348,000 ไฟล์
ไม่อยากจะคิด
โลกสลับ, กลุ่มเมฆจะกลายเป็นข้อมูลหลัก, HD ที่บ้านกลายเป็นสำรอง ..
my blog
มันก็สะดวกนะ แต่ระบบมันต้องเสถียรมากจริงๆ
ผมเสียบ Thumb Drive ไว้กับเครื่องตลอด สั่ง auto backup สิ่งที่สำคัญ ไว้ทุกวันเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลง
ส่้วนไหนไม่ค่อยสำคัญ หรือมี security password อยู่แล้ว ก็เอาไว้ใน dropbox
เสียบตลอด แล้วไม่กลัวไวรัสเหรอครับ O_o?!?
ความเสี่ยงน่าจะเทียบเท่าใส่ใน HD
HDD ไฟตก ไฟกระชาก UPS ไม่ทำงาน HDD เจ๊งบ๊งได้ครับ แต่ Thumb Drive มันไม่มีปัญหาตรงนี้
ส่วนเรื่องไวรัสผมไม่ห่วง เพราะไวรัสปัจจุบันที่เห็นๆ ส่วนใหญ่เข้ามาเจาะ password มากกว่าครับ ไม่ได้เน้นทำลายข้อมูลในเครื่องเท่าไร
SSD เลยครับ อิอิ ไว และปลอดภัย ฮ่าๆ
ไม่รู้ต่อไปต้องเสียค่าปรับ ฐานใช้ไฟล์ผิดขนาดที่..กำหนด
ปล. ..คิดเอาเองว่าเป็นอะไร
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ยอมครับ เฉลยหน่อย >.<
GG ย่อมาจากgoogle เพราะgoogleเก็บข้อมูลcodeเกินกว่าที่bot googleจะเก็บไหวจนระบบ.. เป็นมุกครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
มันมีทั้งดีและเสีย
กลัวเหมือนกันว่าข้อมูลจะหาย หรือโดนปรับเปลี่ยนไปมา เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่แน่นอนกับ cloud
@fb.me/frozenology@
ไฟล์เอกสารทั่ว ๆ ไป ผมฝากไว้บน Cloud หมดครับ จะได้ดึงจากที่ไหนก็ได้ง่าย ๆ แต่ถ้าเป็นไฟล์ที่สำคัญมากจริง ๆ ผมก็คงไม่ฝากไว้หรอกครับ ยังไงก็ต้องสำรองลง HDD อยู่ดี
เพิ่ม Home cloud ก็จบแล้วนิฮะ
เพื่อนผม facebook ถูก hack รูปหายหมด แถมไม่เก็บ backup รูปด้วย
กรณี้ลอง http://ifttt.com ดู
ผมตั้งให้ ทุกครั้งที่มีการโหลด รูปเข้า FB มันจะ Upload ไปยัง Dropbox ,Box
โอ้วววแม่เจ้าาา นี่มัน !!! ล้ำลึก
ขอบคุณครับ
แม้จะไม่เหมือนซะทีเดียว แต่ผมว่ามันก็ "คล้ายๆ" เน้นนะครับว่าแค่คล้ายๆ
ตอนที่ผู้คนบนโลกเราค่อยๆเดินสาย "ไฟฟ้า" เข้าบ้านของตัวเองนะ สมัยนั้น
ผู้คนก็ตั้งคำถามมากมายเช่นกันว่ามันจะปลอดภัยไหม อันตรายไหม มันจะมีปริมาณมากพอไหม ..ฯลฯ
ดูเดี๋ยวนี้สิ...เรามี เครื่อง(ที่ต้อง)ใช้(แต่)ไฟฟ้า เต็มบ้านเลย...
พอๆ กับมีอินเตอร์เน็ท เลย เน็ทล่มทีวุ่นวายเลย
ไฟดับอีก ทำไรกันไม่ได้
ทำได้นะครับ คลำๆ เอาก็ได้นี่ พอเจอแล้วก็จัดเลย
^
^
that's just my two cents.
แต่มันไม่เหมือนกันครับ คิดว่าไม่คล้ายด้วย มันเป็นข้อมูลส่วนตัวมันไม่ใช่แค่ไฟฟ้ากระแสสลับที่เรารับอย่างเดียว กรณีนึ้เหมือนเราฝากคุณแจบ้านไว้กับคนอื่นมากกว่า ไม่รู้วันดีคืนดี เพือนบ้านโดนขโมยขึ้นเอาคุณแจบ้านคุณไปเปิดบ้านคุณอีกทีใครจะผิด ผิดที่เราฝากของไว้กับเขา หรือผิดที่เขาไม่ระวัง
ผมว่าไม่นะ ถ้าหากให้ลองคิดต่อไปว่า ถ้าเรามีข้อมูลส่วนตัวจริงต้องอยู่ที่ว่าเราฝากกุญแจไว้กับคนที่เราไว้ใจได้ขนาดไหน เช่นเดียวกับการที่เราจ้างยามมาเฝ้าบ้าน หรือการใช้บริการห้องชุดบนคอนโดที่จะมีคนดูแลให้ ตรงนี้จะเป็นเรื่องของชื่อเสียงของผู้ให้บริการครับ ถ้าจะคิดเรื่องความปลอดภัยผมอยากให้ลองคิดมุมมมองนี้ว่า ถ้ามีคนประสงค์ร้ายกับเราจริงๆ ความปลอดภัยระดับบริษัทใหญ่ๆ กับความปลอดภัยภายในบ้านเราที่เราก็ต่อเน็ตเล่นทุกวัน อันไหนจะโดนบุกรุกได้ง่ายกว่ากัน เช่นเดียวกับที่เราไว้ใจเอาเงินไปฝากธนาคารเหมือนกันครับ
+1 เห็นด้วย ว่าเป็นเรื่องของชื่อเสียงของผู้ให้บริการ และจะว่าไปแล้ว ก็ไม่มีทางที่เราจะมั่นใจผู้ให้บริการรายใดๆ(รวมหมดทุกสาขาอาชีพ) ได้100%
ปัญหาอยู่ที่ว่าพวกอยากดังมักจะเล่นรายใหญ่ไม่ใช่รายย่อย
cloud เล่นคำเป็น คราว...แต่เมื่อไหร่ cloud เจ้งกระบ้งสิ่งชั่วร้ายก็บังเกิดเป็น...ชั่วคราว...ขึ้นมาโดยทันที
ปัญหาคือข้อมูลส่วนตัวนี่สิ ไฟล์ธรรมดา ๆ รั่วหายคงไม่เป็นไร นับวันข้อมูลส่วนตัวจะมีเยอะมากจนอาจต้องพึ่งบริการเหล่านี้เข้าสักวัน
ไม่เห็นด้วยครับ มันเป็นความเห็นส่วนตัวของ คนที่อยู่ในยุคคาบเกี่ยว ยกตัวอย่างนี้ละกัน "การเดินทางด้วยเครื่องบิน ปลอดภัยกว่ารถไฟ" ใครจะรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น ต่อไป "การเก็บข้อมูลบนกลุ่มเมฆ ปลอดภัยว่าอยู่บน harddisk ส่วนตัว"
ผมว่าไม่เหมือนกัน ถ้าเทียบการเดินทางกับการเก็บข้อมูลมันคนละเรื่องกันเลยครับ
"การเก็บข้อมูลบนกลุ่มเมฆ ปลอดภัยว่าอยู่บน harddisk ส่วนตัว" - อันนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับที่การเก็บข้อมูลแบบ SoftCopy บนกลุ่มเมฆจะปลอดภัยกว่าการเก็บ HardCopy ไว้กับตัวเอง เมื่อไรที่เอาขึ้นกลุ่มเมฆ นั่นก็คือข้อมูลของคุณไปสู่จุดศูนย์กลางแล้วคุณไม่สามารถ Control Security ของข้อมูลคุณด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้ว ต้องให้เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการอย่างเดียว ถ้าเกิดผู้ให้บริการหละหลวม หรือ Cracker สามารถเข้ามาเจาะระบบได้ ข้อมูลคุณก็หลุดไปครับ
ไม่มีระบบไหนในโลกนี้ที่จะปลอดภัย 100% ครับ
ส่วนใหญ่ข้อมูลสำคัญของผมจะเก็บไว้ใน Harddisk ของตัวเองหรือไม่ก็ในคอมพิวเตอร์ของตัวเองเท่านั้นครับ เซฟข้อมูลเสร็จแล้วถอดออกจากเครื่องที่ต่ออินเตอร์เน็ตทันที ข้อมูลสำคัญหลายๆอย่างของผมมีค่ามากครับ ไหนจะเอกสารส่วนตัว ไหนจะน้อง Rola Takizawa สองตอนใหม่ที่เพิ่งจะออก สำคัญครับ ต้องเก็บไว้ดีๆ
Technology is so fast!
ความปลอดภัย ที่คอมเม้นข้างบนคงหมายถึงปลอดภัยว่าข้อมูลจะไม่หายน่ะคับ
ส่วนเรื่องหลุดนี่เก็บเองยังไงก็ 100% อยู่ละ
แต่ผมว่า ถ้าเราเลือกผู้บริการที่ไว้ใจได้
มันน่าจะปลอดภัยต่อการหลุดของข้อมูล กว่าการที่เราจะเป็นไว้ใน Harddisk ตัวเอง
ซึ่งความปลอดภัยของบริษัท มันต้องมากกว่า User ทั่วไปอยู่แล้ว
Rola นี่สำคัญจริงๆครับ ..... = ="
ไม่เป็นปัญหาสำหรับประเทศไทยเพราะเน็ตเรามันกาก!!!
ประเทศไทยเน็ตถือว่าดีนะครับ แต่ coverage น้อยหน่อย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+1
XD
ผมฝากไฟล์ไว้ทั้ง dropbox กะ google drive มี back up ในเครื่องอีกน่าจะไม่มีปัญหาน่ะ
อ่ะ cloud เค้าออกแบบมาให้ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลเพื่อความประหยัดในการเก็บข้อมูลนี้
me สร้างปัญหาเก่าที่เค้าพยายามแก้กัน
ผม cross ตัว sync ที่ folder ไฟล์สำคัญโยนใส่ dropbox กับ sugarsync ไว้เลย (ให้มันดึงที่ folder เดียวกันทั้งสองตัว) ถ้า dropbox หรือ sugarsync มีอันเป็นไปยังมีอีกที่นึงทำงานต่อได้ ส่วน skydrive อันนี้เอาไว้พวก ebooks และ code เป็นหลัก แล้วก็ google drive สำหรับไฟล์ google docs ที่ใช้แชร์กันระหว่างทีมงานเป็นหลัก ตามด้วย bitbucker/github สำหรับ source code ที่สำคัญๆ เก็บไว้บนนั้น
แต่ทั้ง 4-5 cloud ที่ว่าโดน backup อีกชั้นที่ห้องบน HDD 2TB อีกชั้นนึง เพราะงั้นถ้ามันจะมีอันเป็นไปทั้งหมดก็เอาเหอะ ยอมแพ้ ><"
ของผมจัดไป 3 เลย Dropbox เป็นหลัก แล้ว Sugarsync มาแอบดูดทั้งหมดไปอีกที ส่วนพวกโฟลเดอร์รูปและเอกสารที่อยู่ใน Dropbox ก็ทำ symlink เข้า skydrive ด้วย ชีวิตนี้ไม่รอดเงื้อมมือคลานด์แล้ว หุหุหุ
ส่วน G drive ผมเอาไว้แปะพวก PDF อย่างเดียว
ความคิด+อคติ ส่วนตัวของคนๆ นี้ทั้งนั้น
ผมแปลกใจ ที่ทำไมมันถึงเป็นข่าวได้
คงเป็นเพราะ Woz พูดมั้งครับ เขาอาจมองเห็นอะไรบางอย่างที่หลายคนมองไม่เห็น
ด้วยชื่อคนพูดไงครับ
เซอร์วิสบน cloud นี่นับด้วยรึเปล่าครับ?
ผมรู้สึกว่า ข่าว Gizmodo ถูกแฮกเข้ากับข่าวนี้ดีนะครับ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่มี remote wipe แบบนี้แน่ๆ
ได้แค่เมล์ หรือ แอคเคาท์ไป แต่มาลบข้อมูลในเครื่องเราไม่ได้เลย
แต่อย่ามองแค่มุมเดียวนะครับ ถ้าไม่มี Cloud ในปัจจุบันผมและอีกหลายๆคนคงไม่มีโอกาสที่จะได้ดูรูปที่เก็บเกี่ยวมาจากช่วงเวลาอันมีค่าในเครื่อง iDevice ที่หายไปแล้ว หรือได้ Note ที่เก็บสะสมรวบรวมมาอย่างยากลำบาก กลับคืนมาได้เหมือนในตอนนี้เช่นกัน
ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียหมดแหละครับ อยู่ที่เราเองจะชั่งใจแล้วเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเองมากกว่า
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
+1
ช่วยได้กรณี เครื่องเสีย ตกน้ำ หาย
ทำไมต้องเอาทุกอย่างไปไว้บน cloud ที่เดียว ก็เอาไว้ 2 ที่เลยดิ แค่นี้ก็หมดปัญหาเรื่องไฟล์โดนลบหรือหาย หรือ Server ล่มก็ไม่เป็นไร
ส่วนเรื่องข้อมูลหลุดก็ชั่งมันดิ ใส่ password หรือเข้ารหัสไฟล์ไว้ก็จบ
อ่ะ ของมันมีทั้งข้อดี ข้อเสีย เราก็เอาข้อดีของทั้ง 2 ระบบ มารวมกันเสียเลยดีกว่า แจ่ม