BlackBerry Playbook จัดเป็นหนึ่งในอุปกรณ์พวกแท็บเล็ตรุ่นแรกๆ ของกระแสความนิยมแท็บเล็ตในตลาดยุคปัจจุบัน (iPad เปิดตัวครั้งแรกเมื่อมกราคมปี 2010 ส่วน Playbook เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนปีเดียวกัน แต่ขายจริงเมื่อเมษายนปีที่แล้ว) แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับเสียงตอบรับดีเท่าที่ควร ตลอดจนถึงยอดขายที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักมาตลอด ทำให้ต้องลดราคาลงมาเป็นระยะๆ รวมถึงจัดโปรโมชั่นอยู่บ่อยครั้ง (1,2,3,4,5,6) ตลอดจนถึงการยกเลิกการขายรุ่น 16GB ในตลาดซึ่งคาดกันว่าเป็นเพราะไม่ค่อยมีกำไร นั่นเอง
แต่ก็ไม่ใช่ว่า Playbook จะไม่ใช่แท็บเล็ตที่ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวิธีการใช้งานและหลังจากที่ได้รับการปรับรุ่นตัว Playbook OS ให้เป็น 2.1 ล่าสุดแล้ว ทำให้ขีดความสามารถของมันเพิ่มขึ้นในหลายมิติ และจะเห็นได้ว่า BlackBerry ไม่ได้ทิ้งผลิตภัณฑ์นี้เลย เพราะนอกจากเพิ่งจะขายรุ่น 4G LTE แล้ว ยังได้รับการยืนยันว่าจะได้ปรับรุ่นเป็น BlackBerry 10 กับเขาด้วย
รีวิวนี้จึงเป็นรีวิวของ BlackBerry Playbook ที่มาพร้อมกับไส้ในที่ใหม่เอี่ยม แม้ว่าตัวเครื่องก็ยังคงมีคุณสมบัติเช่นเดิมเหมือนตั้งแต่แรกที่วางขายก็ตามที ดังนั้นจึงอาจจะเป็นการมาของรีวิวที่เหมือน "ไวน์ใหม่ในขวดเก่า" โดยรีวิวนี้จะพิจารณาจากในภาพรวมและการใช้งานทั่วไป
แต่แรกเริ่มเดิมทีผมต้องการหาแท็บเล็ตที่จะเอาไว้สำหรับเขียนโปรแกรมเพื่อ BlackBerry 10 ซึ่งก็คงหนีไปไม่พ้นที่จะต้องเขียนบน Playbook และกะจะเอาไว้ใช้สำหรับทำงานทั่วไปที่ไม่ต้องซีเรียสมาก (ซึ่งในตอนท้ายที่สุด ผมกลับใช้ Playbook เครื่องนี้ทำงานแทบจะทุกวันแทนที่ Samsung Galaxy Tab ไปแล้ว)
สำหรับเมืองไทย ราคาแรกที่เปิดตัวถือว่าดุเดือดเอาการที่ 16,900 บาท (สำหรับ 16GB) แต่เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดราคาก็ตกลงมาจนเหลือเพียง 5,909 บาท สำหรับรุ่น 16 GB ซึ่งผมซื้อจากงาน Thailand Mobile Expo 2012 ที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ ในงานสำหรับรุ่น 16GB เอง ก็แถมเคสของแท้ให้ด้วยเช่นเดียวกัน
เป็นไปตามศูนย์ปกติครับ 1 ปี ไม่ได้มีผิดปกติอะไรจากมาตรฐานทั่วไปครับ
เนื่องจากผมแกะกล่องกระเจิงหมดแล้ว จึงไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ขออนุญาตสรุปว่า ในกล่องประกอบไปด้วย
สำหรับที่ชาร์จแบบพิเศษที่มาพร้อมกับ Playbook นั้น เป็นของที่ใช้กับ Playbook โดยเฉพาะซึ่งสามารถเอาไปใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ ของ BlackBerry ได้ด้วย แต่ตัวของ Playbook จะรับเฉพาะที่ชาร์จแบบนี้เท่านั้น เนื่องจากจ่ายพลังงานออกมาสูงกว่าที่ชาร์จทั่วไปของ BlackBerry ดังนั้นโปรดสังเกตให้ดีว่าที่ชาร์จที่จะเอามาใช้นั้นเป็นของ Playbook หรือไม่ (ผมเข้าใจว่าชื่อของมันคือ BlackBerry Premium International Charger) ซึ่งก็มีวิธีสังเกตตรงที่เสียบ สำหรับรุ่นที่มาพร้อมกับ Playbook จะใช้เป็นสีเหลืองแทนสีดำปกติ
สีที่แตกต่างกันของสายชาร์จ เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างสายแบบปกติกับสายพิเศษ (ซ้าย ที่ชาร์จปกติ; ขวา ที่ชาร์จที่มาพร้อมกับ Playbook)
ตัวเครื่องของ BlackBerry Playbook นั้นใช้หน้าจอขนาด 7 นิ้ว ส่วนน้ำหนักอยู่ระหว่าง iPad รุ่นแรก กับ Galaxy Tab รุ่นแรก คือ รู้สึกว่าหนักแต่แน่นพอสมควร (คุณสมบัติอย่างละเอียด) ความรู้สึกที่ใช้คือหนักพอๆ กับหนังสือปกแข็งวิชาการเล่มหนึ่ง ไม่มากไป และก็ไม่น้อยไป
ด้านบนของเครื่อง (ไล่จากซ้ายไปขวา) มีไมโครโฟน ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปุ่มควบคุมการเล่นสื่อ ไมโครโฟน และช่องเสียบหูฟังครับ ซึ่งหลายคนบอกว่า ปุ่มกดเปิดปิดนั้นกดได้ยากมากๆ แต่สำหรับผมไม่ใช่ปัญหาครับหากไม่ใส่เคส (ซึ่งจะเล่าต่อไปในตอนท้ายๆ)
สำหรับด้านล่าง ไล่จากซ้ายไปขวา ประกอบด้วย ขนาดความจุ (ของผมเป็น 16 GB) รหัสประจำเครื่อง พอร์ต MicroHDMI พอร์ต MicroUSB พอร์ตเฉพาะสำหรับตัวชาร์จแบบพิเศษ (คล้ายๆ MagSafe ของแอปเปิล) แล้วก็ข้อมูลของหน่วยงานกำกับทั้งหลาย (Regulatory)
ด้านหลังเครื่องก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากโลโก้ BlackBerry แล้วก็กล้องครับ
สำหรับตัวเครื่องนั้นต้องยอมรับว่าประกอบมาดีถึงดีมากๆ อย่างที่ได้เรียนไปแล้วว่าค่อนข้างแน่นหนาและมั่นคงอยู่ไม่ใช่น้อย นอกจากนั้นแล้วหน้าจอยังให้สีสันที่สดใสมาก ต้องยอมรับว่าความคมชัดและสีสันของ Playbook กินขาด iPad รุ่นแรกและ Galaxy Tab มากๆ
สำหรับเสียงที่ออกมาจากลำโพงด้านหน้าซ้ายขวาถือว่าคมชัด เสียงดัง ชัดเจน และใสมาก ตั้งแต่ใช้ iPad และ Galaxy Tab รุ่นแรกมา ยังไม่เคยเจอลำโพงที่ดีขนาดนี้มาก่อน
ระบบปฏิบัติการภายในเป็น Playbook OS 2.1 ซึ่งจริงๆ ตอนแรกเมื่อได้รับเครื่องมาแล้วเปิดใช้งาน ผมก็โดนบังคับให้ทำการอัพเดตเป็น 2.1 ภายในทันทีแต่แรก ดังนั้นแล้วจึงไม่ขอกล่าวถึงความแตกต่างระหว่าง OS รุ่นก่อนหน้ากับปัจจุบัน สำหรับโปรแกรมที่มีมาให้ก็ถือว่าครบครันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Facebook โปรแกรมเล่นเพลง ดูหนัง ฯลฯ (ยกเว้น Twitter ที่เป็นเพียง shortcut เท่านั้น)
วิดีโอสรุปคุณสมบัติอย่างเป็นทางการจาก BlackBerry ครับ
การใช้งานโดยรวมถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียว สำหรับคีย์บอร์ดบนหน้าจอก็สามารถอยู่ในระยะที่กดได้หากใช้แบบถือสองมือแล้วพยายามเอานิ้วชี้ไปจิ้ม
ส่วนคะแนนสำหรับเว็บเบราว์เซอร์ได้ค่อนข้างสูง ทั้งสำหรับ HTML5 Test และ Acid 3 (อันหลังเต็ม)
สำหรับเบราว์เซอร์เอง สามารถเปิดได้หลายแทบในเวลาเดียวกันครับ
นอกจากนั้นสำหรับบางโปรแกรม (ในที่นี้เช่นเบราว์เซอร์) เมื่อจิ้มค้างไว้สักครู่หนึ่งก็จะปรากฏคำสั่งพิเศษออกมา (เทียบเท่าการคลิกเมาส์ปุ่มขวา)
แต่คุณสมบัติที่เยี่ยมที่สุดสำหรับผม คือการสามารถแชร์ไฟล์ต่างๆ ผ่านเครือข่าย Wi-Fi ได้ โดยเราสามารถกำหนดรหัสผ่านให้ได้ และสามารถให้เครื่องคอมพิวเตอร์พิมพ์รหัสไอพีหรือชื่อเครื่องเข้ามาได้ทันที
Calendar
Contact
Message
Document To Go
เนื่องจากรูปแบบการใช้งานของ Playbook ค่อนข้างแตกต่างจากแท็บเล็ตทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานที่จะต้องลากจากขอบจอเข้าไป แนวคิดของ Playbook OS มีลักษณะคล้ายๆ กับ webOS ที่จะใช้แนวคิดแบบ card& deck ลองดูวิดีโอสาธิตประกอบจาก CrackBerry ด้านล่างนี้ดูนะครับ อาจจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
เวลาจะสลับโปรแกรมก็สามารถใช้ได้สองวิธี วิธีแรกคือการลากจากขอบจอด้านหนึ่งไปพื้นที่จออีกด้าน (เช่น ปัดจากขอบซ้ายมา เป็นต้น
อีกวิธีก็คือ ปัดขอบจอจากด้านล่างในแนวตั้ง เพื่อเรียกหน้าแรกตอนเปิดเครื่องขึ้นมา จากนั้นเลือกโปรแกรมเอาตามใจชอบที่กำลังเปิดอยู่
แม้ว่าหนึ่งในคุณสมบัติที่ RIM ภูมิใจนำเสนอมากๆ ก็คือกล้องที่ติดมาพร้อมกับ Playbook ซึ่งดูแล้วก็น่าจะดี แต่เอาเข้าจริงแล้ว หากไม่ได้ถ่ายในที่ซึ่งมีแสงเพียงพอ ภาพที่ได้ก็อาจจะไม่ได้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับที่มืดๆ แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นใครที่คิดจะซื้อเพื่อมาถ่ายรูป อาจจะต้องพิจารณากันอย่างจริงจังอีกครั้ง
ภาพจากกล้องด้านหลังที่มีแสงเพียงพอ
ภาพจากกล้องด้านหลังที่มีแสงไม่เพียงพอ
ส่วนด้านหน้าก็สภาพใกล้เคียงกันครับ
ภาพจากกล้องด้านหน้า
แน่นอนว่า BlackBerry ย่อมมี Appstore แบบเดียวกับที่ iOS, Android และเจ้าอื่นๆ มี ซึ่งเรียกว่า "BlackBerry App World" แต่สิ่งที่น่าผิดหวังอย่างหนึ่ง (ซึ่งบอกถึงการไม่ประสบความสำเร็จของทาง RIM เอง) คือมีโปรแกรม (Apps) อยู่น้อยมากๆ แล้วก็ไม่ได้หลากหลายด้วย ซึ่งหวังว่าสถานการณ์คงคลี่คลายเมื่อ BlackBerry 10 ออกสู่ท้องตลาดในปีหน้า
พร้อมๆ กับการมาถึงของ Playbook OS 2.1 สำหรับ BlackBerry Bridge ก็มีรุ่นใหม่ 2.1 เช่นเดียวกัน ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว จากที่ได้แสดงมาแล้ว Playbook ก็สามารถทำงานได้แล้วโดยที่ไม่ต้องมี BlackBerry ควบคู่กันไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อ BlackBerry ใช้ควบคู่อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม Playbook OS 2.1 ก็ยังไม่มี BlackBerry Messenger (BBM) ซึ่งเป็นจุดขายของระบบ BlackBerry (ปัจจุบันผมไม่แน่ใจว่ามีใครนึกถึงบ้าง?) ดังนั้นคนที่ต้องการจะใช้ BBM ก็จำเป็นที่จะต้องพึ่ง BlackBerry Bridge ต่อไป
ความน่าสนใจก็คือ นอกจากภาพด้านบน ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าบน Playbook ปรากฏเคอร์เซอร์ของเมาส์ให้เห็น ซึ่งเราสามารถแปลง BlackBerry ที่ถูกจับคู่ให้ใช้กับ Playbook กลายมาเป็นเมาส์ของเครื่องได้ครับผ่านคุณสมบัติที่เรียกว่า "Remote Control" นั่นเอง ซึ่งถ้าเรานำ Playbook ไปต่อกับเครื่องฉายภาพ เราสามารถใช้ BlackBerry ของเราควบคุมการนำเสนอได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับคราวนี้ คนที่ซื้อในงาน TME จะได้รับแจกเคสของแท้ ซึ่งเป็นแบบที่เหมือนหนังสือ ซึ่งข้อดีก็คือทำมาจากหนังแล้วก็ขนาดกระชับมือ ให้ความรู้สึกที่มั่นคงและเป็นนักธุรกิจมากๆ แต่ก็มีข้อเสียอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการที่ไม่สามารถตั้งได้ เพราะไม่มีขาตั้ง (kickstand) รวมอยู่ในตัว ตลอดจนถึงไม่สามารถพับเก็บฝาปิดได้ และกินพื้นที่มากเวลาชาร์จไฟ (เพราะปิดฝาไม่ได้)
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พอใส่ลงไปในเคสแล้ว ปรากฏว่าการกดปุ่มต่างๆ ทำได้ยากมากๆ ทั้งที่มีการทำช่องให้ปุ่มนูนขึ้นมาและทำงานได้ตามปกติ ต้องใช้แรงกดพอสมควรจึงกดปุ่มต่างๆ ได้ ที่ปวดหัวที่สุดกลายเป็นปุ่มเปิดและปิดเครื่อง ซึ่งหากกดผ่านเคสไม่ดีพอ ก็จะทำให้กดไม่ได้ สร้างความรำคาญใจในระดับหนึ่ง (ในความเห็นตอนนี้คือ RIM ควรแก้ไขเรื่องเคสให้เร็วที่สุด)
คำถามตัวโตๆ ที่สำคัญคือ ภาษาไทยบน BlackBerry Playbook เป็นอย่างไรบ้าง? คำตอบก็คือ ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ นั่นก็คือสามารถที่จะอ่านภาษาไทยได้แล้วแต่ยังไม่สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้ ซึ่งทางแก้ก็คือลง App ที่มีชื่อว่า "Thai Input" แก้ขัดไปชั่วคราวก่อนครับ
วันนี้ผมถือว่า BlackBerry Playbook เอง มีความสามารถที่จะทำงานได้อย่างดี ตลอดการใช้มาเกือบๆ 2 อาทิตย์ ผมค่อนข้างชอบการใช้งานของ Playbook มาก ที่สำคัญคือการตอบสนองและการจัดการหน่วยความจำสามารถทำได้เป็นอย่างดี รูปร่าง หน้าตา วัสดุ และคุณภาพของการผลิตเอง ทำให้แทบไม่น่าเชื่อว่าราคาโปรโมชั่นจะลงไปอยู่ที่ 5,909 บาทได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ RIM ต้องรีบแก้ไข นอกจากการมีบริการ Cloud เป็นของตัวเอง (เช่นเดียวกับ Apple มี iCloud, Google มี Google Drive และ Microsoft มี SkyDrive) แล้ว ก็เป็นเรื่องของ Apps ทั้งหลายบน App World ที่มีอย่างจำกัดจำเขี่ย แน่นอนว่าสำหรับผู้ใช้งานที่เชี่ยวชาญแล้ว สามารถแปลงโปรแกรมของ Android (ที่ใช้บน Gingerbread ได้) ลงมายัง Playbook ได้ แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว นั่นไม่ใช่คำตอบของการแก้ไขปัญหาในระยะยาว แน่นอนว่าความพยายามของ RIM กับ BlackBerry 10 เป็นสิ่งที่มาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว แต่จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูกันในระยะยาวต่อไป
นอกจากการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้นแล้ว สิ่งอื่นๆ ที่ควรจะได้รับการแก้ไขมีตั้งแต่การออกแบบเคสใหม่ หรือการรองรับภาษาอื่นให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีว่า BlackBerry 10 จะมาพร้อมกับการสนับสนุนภาษาไทยอย่างแน่นอน
หากยังสามารถหาในราคา 5,909 บาทได้ ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองซื้อครับ (ราคานี้ถูกกว่า Galaxy Tab 2 Wifi 8 GB ที่ขายอยู่ที่ 8,900 บาท [อ้างอิง] และแพงกว่าแท็บเล็ตยี่ห้อล่างๆ อื่นๆ นะครับ) แต่ก็ต้องทำใจกันล่วงหน้าเรื่องภาษาไทย โปรแกรมมีให้ใช้น้อย แล้วก็ "แกะดำ" ครับ
หมายเหตุ ภาพเพิ่มเติมทั้งหมด ดูได้จากที่นี่ครับ
Comments
ขอถามหน่อย ภาษาไทยมันพิมพ์ได้แล้วหรอครับ ผมไม่ทราบจริงๆ เพราะเคยไปเล่นที่พาราก้อนตรงช๊อป มันพิมไม่ได้โดยตรง
ปรับปรุงเพิ่มแล้วนะครับ (เรื่องภาษาไทยเป็นของอยู่เกือบท้ายสุดครับ)
สรุปคือ พิมพ์ตรงๆ ไม่ได้อย่างที่คุณบอกนั่นแหละครับ :)
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เคยหาข้อมูลเจอว่าพิมพ์ไทยไม่ได้ แต่มีแอพพิมพ์ไทยที่ user ทนไม่ไหวเลยทำเองและปล่อยให้โหลดอยู่จริงไหมครับเนี่ย ที่จริงในทรูเคยมีโปรเทกระจาดให้ พนง. เครื่องละสองพันกว่าครับ แต่ไม่ขายกับคนนอก ตอนนั้นเพื่อนมาถามว่าเอาดีไหมติดตรงพิมพ์ไทยไม่ได้ และต้องมาอัพเดทอะไรอีกเยอะเลยไม่กล้าแนะนำเพื่อนให้ซื้อ เพราะ os แรกๆ แย่มากสำหรับคนที่ไม่มี bb ใช้แต่อยากข้ามมาซื้อเพลย์บุ๊ก ;(
my blog
พิมพ์ตรงๆ ไม่ได้ - จริงครับ
มีแอพช่วยพิมพ์ไทยแล้วเอาไปแปะ - มีครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ไหงมาอยู่เป็น feature ล่ะ
ไม่ใช่ advertorial เหรอครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
รีวิวแบบซื้อมาเองครับ ไม่ใช่เครื่องตัวอย่าง
Dream high, work hard.
อ่อ เข้าใจล่ะครับ ขอบคุณครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เข้าใจว่าต่อให้เป็นเครื่องตัวอย่าง แต่ถ้าไม่ได้จ่ายตังก็ไม่ใช่ adver นะครับ
advertorial มีองค์ประกอบคือ มีการตกลงต่างตอบแทน (เงิน, ของ, หรือค่าตอบแทนอื่น) หรือเจ้าของสินค้าต้องการตรวจสอบบทความหรือมีสิทธิในการตรวจสอบบทความ (ไม่ว่าจะได้ให้ค่าตอบแทนหรือไม่) ก็จะเข้าหมวดนั้นครับ ซึ่งส่วนมากเมื่อมีการตกลงลงบทความแบบมีค่าตอบแทนก็มักมีการตรวจสอบเนื้อหาก่อนเป็นเรื่องปกติ
ถ้าซื้อมาใช้เอง ไม่เป็น advertorial แน่นอน หรือกรณีทีมงาน Blognone ยืมสินค้ามาทดสอบ โดยเจ้าของสินค้าไม่ได้เข้ามายุ่งอะไรกับสินค้า ตลอดจนกรณีที่เราไปงานเปิดตัว (รวมถึงกรณีที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นค่าตอบแทน เช่น ไปทานอาหาร จนกระทั่งไปต่างประเทศ) ก็ไม่เป็น advertorial ครับ แต่อาจจะ note ไว้ ว่าได้สิทธิพิเศษบางอย่างมา ตราบใดที่สิทธิในการลง และในการแสดงมุมมองเป็นของผู้เขียน ส่วนว่าจะเกรงใจเจ้าของสินค้าหรือไม่อันนี้คงต้องมองกันเองว่าบทวิจารณ์ที่อออกมาเอนเอียงหรือไม่
lewcpe.com, @wasonliw
เท่าที่อ่านดูเหมือนจะสู้ ipad 1 ไม่ได้ด้วยซ้ำ (ยกเว้นที่มีกล้อง)
ถ้าถามผม (ซึ่งใช้หมดทั้ง iPad 1, Galaxy Tab รุ่นแรก และ Playbook) ผมคิดว่าจุดเน้นของ Playbook ยังอ่อนเรื่อง ecosystem อยู่มาก แต่แน่นอนว่าไม่ใช่กับตัวเครื่อง เช่น เสียงที่เล่นออกมากินขาด หรือหน้าจอที่สดใสและคมชัดเป็นต้น ผมเองไม่คิดว่าหน้าจอแท็บเล็ตตัวอื่นๆ ที่ผมมี จะชัดได้เท่าที่ Playbook มี (อันนี้ไม่นับรุ่นใหม่ๆ เช่น The new iPad, Galaxy Tab 2, ฯลฯ นะครับ)
ผมเข้าใจแต่แรกว่า จุดที่ RIM วาง Playbook คือการเป็นแท็บเล็ตสำหรับคนทำงานจริงๆ ดังนั้นการทำงานของมันต่างจาก iPad อยู่พอสมควร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับว่าคุณมี "โจทย์" แบบไหนครับ ส่วนตัวผมไม่ใช่ไม่ชอบ iPad 1 นะครับ (อ้างอิง) แต่ผมพบว่าหลายอย่างมันก็ไม่ได้ตอบโจทย์ครับ เช่น ขนาดที่ใหญ่ทำให้การดูหนังหรือการ์ตูนสั้นๆ สักเรื่องบนรถไฟฟ้าช่วงเวลาเร่งด่วนผมแทบจะเป็นไปไม่ได้ (มันต้องใช้พื้นที่เยอะกว่า Playbook) หรือแชร์ไฟล์ผ่าน Wi-Fi ไม่ได้ อะไรทำนองนี้ครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมว่าใครที่เน้นการใช้งานสไตล์แท็บเล็ตทั่วไปแล้ว ผมว่ามันน่าประทับใจพอสมควร ระบบลื่นไหลกว่า Android พอๆกับ ios เลยละมั้ง แต่จะยุ่งยากหน่อย และ ติดปัญหา เรื่องแอพ และ พิมพ์ไทย -*- และ สุดท้าย มันจะได้อัพเดทให้ใช้ไทยอย่างสมบูรณ์ หรือ แอพที่เพิ่มขึ้นอีกมั้ยในอนาคต
ผมเชื่อว่า ในระยะสั้น - คงไม่ เพราะ RIM ต้องทุ่มกำลังไปที่ BlackBerry 10 (ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง) แต่ในระยะยาว ถ้า Playbook ได้ไปต่อกับ BB10 ผมก็คิดว่าคิดว่าเรื่องภาษาไทยคงไม่ลำบาก
แต่เรื่องโปรแกรม (แอพ) ทั้งหลาย... ก็ขึ้นกับ RIM ว่าจะแก้ไขปัญหายังไง
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมว่าในตอนนี้เทียบแท็บเล็ตจีนให้ได้ก่อนดีกว่าไหม ลื่นพอกันแต่การรองรับครบครันกว่าซะงั้น
ผมชอบ PlayBook ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่อง App ส่วนพิมพ์ไทย ไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่ - -"
อ่อ! App World มีแอพ Blognone ด้วยนะครับ จากนักพัฒนาที่ใช้นามแฝงว่า XianCode ตัวแอพอ่านข่าวได้อย่างเดียว อ่านคอมเม้นต์ไม่ได้ ล็อกอินเพื่อตอบไม่ได้ และแสดงผลในโหมดแนวนอนเท่านั้น
พูดตามตรงว่าตอนแรกปิ๊ง PlayBook มาก แต่เล่นไปรู้สึกเบื่อนะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ตอนแรกๆ มันก็ดูน่าสนใจนะ แต่พอมี Surface เข้ามาในตลาดเท่านั้นแหละ
Surface มาก็ตุ้มมม กลายเป็นโกโก้ครั้นนน ^^
ผมใช้เครื่องประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้วก็วางทิ้งไว้จนตอนนี้แบตเสื่อมชาตไม่เข้าเลยครับ แอพพื้นฐานที่ติดมากันเครื่องส่วนใหญ่คาดว่าจะเขียนด้วย webwork ครับ ซึ่งมันไม่เวิคเลย การตอบสนองช้า มีค้างมีกระตุกให้เห็นอยู่ตลอดเวลา โดยรวมแล้วไม่ประทับใจเลยครับ คงต้องรอ bb10 อีกที
ให้เปรียบเทียบกับ iPad1 ผมว่ายังสู้ไม่ได้หรอกครับ มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นเลยครับแถมทำให้หงุดหงิดอีกต่างหาก
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
เท่าที่ทราบคือมันเป็นปัญหาใหญ่ของ Playbook ครับ อย่าปล่อยแบตเหลือน้อยมากๆ ไม่เช่นนั้นจะชาร์จไม่เข้า ต้องใช้วิธีที่แปลกๆ คือต้องจับเวลาชาร์จแล้วดึงสายชาร์จเข้าๆ ออกๆ ตามเวลากำหนดครับ (ผมก็เลยประสาทเสียจนตอนนี้ ต้องชาร์จตอนมันตกเหลือ 30% ทุกที)
มีบางอันเขียนด้วย Adobe AIR ครับ (อ้างอิง) ลองแบ่งปันกันครับว่ามีโปรแกรมตัวไหนที่เขียนด้วย WebWorks บ้างครับ ผมจะได้ลองเหมือนกันครับ
อย่างที่ผมเคยตอบๆ ไปน่ะครับ มันขึ้นกับ "โจทย์" ในชีวิตมากกว่าครับว่าจะใช้อะไร อย่างถ้าผมจะเล่นเกมอย่าง Angry Birds ผมอาจจะชอบเล่นบน iPad มากกว่าครับ จะเทียบกันก็เทียบได้ครับ แต่ในความเป็นจริงมันก็ต่างกันครับ อะไรทำนองนี้
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
มาตราฐาน => มาตรฐาน
อัพเดท => อัพเดต
วีดีโอ => วิดีโอ
เม้าส์ => เมาส์
ปรากฎ => ปรากฏ
ขอบพระคุณครับ ตรวจผ่านๆ ตอนแรกนึกว่าเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่ามีจุดสะดุดจนได้ น้อมรับในความผิดพลาดทางภาษาครับ (ไม่ควรตรวจตอนใกล้นอนจริงๆ)
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ปรากฎ => ปรากฏ
555+ โอเคครับ ดำเนินการให้แล้วครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
5,900 ตอนนี้ที่ไหนยังมีบ้างครับ ราคานี้น่าสอยมาลองมากๆ
สินค้า คือ ของขาย ของที่ทำออกมาขาย ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหน ล้ำเลิศสุดอลังการมากเพียงใด แต่ถ้ามันขายไม่ออกก็ถือว่ามันล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จ iPad Classic อาจจะไม่ใช่ Tablet ที่ดีที่สุด อันที่จริงค่อนไปทางแย่ด้วยซ้ำเพราะขนาดกล้องหลังก็ยังไม่มี ขาดความสามารถหลายอย่าง อย่างที่ Tablet ควรจะมี แต่ยอดขายถล่มทลาย อีกทั้งนอกจากจะปฏิวัติอุตสาหกรรม Tablet ทั่วโลกแล้ว ยังเป็นการเปิดศักราชใหม่ของวงการ Tabler อีกด้วย ก็ถือว่ามันประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งในฐานะของสินค้าและนวัติกรรม เราอาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่า PlayBook เป็น Tablet ที่น่าใช้งานมากตัวหนึ่ง แต่ตลาด คือ ผู้ให้คำตอบ ไม่ใช่ผู้พัฒนา เพราะ PlayBook ถูกคิดค้นพัฒนาและผลิตมาเพื่อขาย ไม่ใช่ให้นักพัฒนาชื่นชมกับความล้ำเลิศทางวิทยาการของมัน และเพราะมันขายไม่ได้ ก็ต้องถือว่าล้มเหลวอย่างสินเชิงในฐานะของสินค้า ประเด็นมันอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ประสบความสำเร็จดังจุดมุ่งหมายของมันหรือไม่ ในที่นี้คือสินค้า มันคือของขาย ถึงมันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ขายดีที่สุด ยอดขายถล่มทลาย ก็ถือว่ามันประสบความสำเร็จ ของที่ดีเลิศแต่ไม่มีคนใช้ ขายไม่ได้ จนต้องลาจากไปวงการ เหมือนเช่น FireWire มันจะมีประโยชน์อันใดกับบริษัท ?
PowerMac G4 Cube?
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เป็น Desktop Mac เมื่อนานมาแล้ว แล้วมันมีนัยะอะไรหรือครับ? ไม่ทราบจริง ๆ
มันเกี่ยวอะไรกับคอมเมนท์ของเค้าหรือครับ?
ลองเปลี่ยนชื่อสินค้าดูสิครับ
let me help ..
อันนี้ผมเห็นด้วยครับแต่ต่างกันที่กลุ่มเป้าหมายจากนักพัฒนาเป็นผู้ซื้อแทน แต่ไม่ว่าอย่างไร Cube G4 ก็ถือเป็นความล้มเหลวของ Apple ครับ
ขอบคุณครับ ผมไม่ทราบเรื่องของ G4 Cube หรอกนะครับเพราะมันนานมาแล้ว ว่าแต่มันเกี่ยวข้องอย่างไรกับ Tablet หรือครับ ? เพราะเรากำลังคุยเรื่อง Tablet กันอยู่ ผมยกตัวอย่าง iPad มาก็เพราะว่า iPad คือผลิตภัณฑ์ Tablet ที่กินส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 อยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับ PlayBook แล้วถือว่า PlayBook ประสบความล้มเหลวในการบรรลุจุดมุ่งหมายของสินค้า คือ ยอดขาย เข้าใจว่า G4 Cube อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขายอันนั้นผมไม่ทราบ แต่มันไม่ใช่ Tablet นะครับ คือ มันดูไม่ค่อยจะเข้ากับหัวข้อที่กำลังสนทนาอยู่ ขอบคุณครับ
ผมเข้าใจว่าคุณ nrad6949 ตั้งใจจะบอกว่า แอปเปิลก็ล้มเหลวเป็นในเรื่อง "การบรรลุจุดมุ่งหมายของสินค้า คือ ยอดขาย" ไม่ใช่มีแค่ RIM ที่เป็นแบบนี้ครับ
คือผมเห็นว่ากำลังคุยกันอยู่เรื่อง Tablet และการที่ยก iPad มาเปรียบเทียบเนื่องจาก iPad เองตอนนี้เป็นผู้นำตลาดด้าน Tablet อยู่ ผมถึงสงสัยว่าการยก Cube G4 มาเปรียบเทียบมันไม่เข้ากับเนื้อหาครับ
ว่าตอนแรกจะไม่ตอบนะครับ แต่ผมคิดว่าผมอาจจะต้องพูด
เจตนาผมเป็นแบบที่คุณ mk บอกเลยนั่นแหละครับ คือไม่ใช่ว่า แอปเปิลไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ที่ "เจ๋งทางวิศวกรรม" ตัวไหนที่ขายไม่ออก ไม่ใช่ เพราะสถานการณ์แบบเดียวกับ Playbook มันก็เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ที่เท่และสวยมากๆ อย่าง PowerMac G4 Cube ซึ่งผมยังจำได้ดีว่ามันสวยมาก (และในความเห็นปัจจุบัน ผมก็ยืนยันว่ามันยังสวย) แล้วที่น่าทึ่งคือ ตัวมันในเชิงวิศกรรมก็ทำได้ดีอย่างมากๆ แต่เอาเข้าจริง กลับกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องม้วนเสื่อไปในเวลาไม่นานนัก อีกตัวที่ผมพอจะนึกออกคือ The Twentieth Anniversary Macintosh
ถ้าถามว่ามันต่างหรือเหมือนกับสถานการณ์ในตลาดของ Tablet อย่างไร? แน่นอนครับว่าช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์มันแตกต่างกัน ซึ่งก็เลี่ยงไม่พ้นนะครับที่บริบทมันต้องต่างกันไปด้วย แต่ว่าลองนึกในสถานการณ์ตอนที่ G4 Cube ออกมาดูนะครับ เทียบการแข่งขันแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ของ Apple ด้วยกันเองในเวลานั้น ซึ่งปรากฏว่า G4 Cube ขายได้ไม่ดีเท่า iMac และ PowerMac G4 นะครับ ยิ่งถ้าบอกว่า เทียบกับผู้นำตลาดเวลานั้นซึ่งก็คือตลาด PC โดยรวม G4 Cube แทบจะเป็นของที่โลกลืมไปเลย เพราะมันเล็กมากๆ แล้วก็มัน (ขออนุญาตใช้ภาษาอังกฤษนะครับ) "Too much compromised" คือตัดโน่นตัดนี่ไปหลายอย่างครับ
แน่นอนครับ มันไม่เหมือนกันเป๊ะๆ เนื้อหาอาจจะเป็นคนละตลาดกัน แต่โดยตรรกะแล้ว มันไม่ได้ต่างกันแม้แต่น้อยครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมว่าคุณน่าจะไปสมัครงานเป็นโฆษกที่ Apple นะครับ ผมว่าน่าจะได้เงินเดือนเป็นกอบเป็นกอบเลยล่ะ หรือว่าตอนนี้กำลังทำอยู่แล้ว?
ผมติติงเฉพาะกับสินค้าและอุปกรณ์เท่านั้น กับตัวบุคคลผมไม่เคยนะครับ และเข้าใจว่าสังคมที่นี่ไม่สนับสนุนการกระทำเช่นนั้นด้วย ผมมีวุฒิภาวะมากพอที่จะแยกแยะว่าการแสดงความเห็นเชิงลบกับตัวบุคคลโดยตรงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะผมให้เกียรติเจ้าของความเห็นทุก ๆ ท่านเนื่องจากทุกคนล้วนเป็นเสรีชนซึ่งมีสิทธิในการแสดงความเห็นในที่สาธารณะตามสมควรแก่กรอบที่กำหนด การที่เราไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคนอื่นไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมที่มีเสรีภาพ แต่การแสดงความเห็น การโต้แย้งหรือการแสดงทัศนะที่แตกต่าง สามารถกระทำได้สร้างสรรค์กว่าที่เป็นอยู่นี้ มากกว่าการพูดเสียดทานกระทบกระเทียบตัวบุคคลโดยตรง ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สุภาพชนไม่พึงกระทำและไม่เหมาะที่จะกระทำทั้งต่อหน้าและลับหลัง ความเห็นของผมเป็นเพียงแค่มุมมองหนึ่งซึ่งไม่มีผิดหรือถูกเพราะเป็นทัศนะและคติส่วนบุคคลซึ่งเกิดจากผมเอง ดังนั้น ผมจึงมิอาจคาดหวังให้ถูกกับจริตคนทุกคนได้ ผมให้อภัยคุณนะครับ
ผมว่าไม่ได้เสียดสีนะครับ ผมแนะนำจริงๆเลย คุณทำหน้าที่โฆษกของแอปเปิล ผมว่าคุณไปได้รุ่งแน่นอน