ไม่กี่ชั่วโมงหลัง HP ประกาศผลประกอบการไตรมาสซึ่งขาดทุน และให้รายละเอียดว่าเกิดจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ที่ได้จากดีลซื้อกิจการ Autonomy เนื่องจากบัญชีของ Autonomy มีการตกแต่งให้ดูดีเกินความจริง Michael Lynch ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Autonomy ก็ได้ออกมาตอบโต้ผ่านสื่อว่าข้อกล่าวหาของ HP นั้นไม่เป็นความจริงเลย

Lynch อธิบายว่าในช่วงการเจรจาขอซื้อกิจการนั้น ดีลนี้มีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 300 คนจากฝั่ง HP มีการตรวจสอบงบการเงินที่ละเอียดเข้มงวดมาก ตลอดจนใช้บริษัทที่ปรึกษาทั้ง Deloitte, KPMG และ Barclays ซึ่งล้วนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่และมีความน่าเชื่อถือ มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปั่นสร้างตัวเลขมูลค่ากิจการให้สูงเกินจริงขึ้นมาได้ถึงเกือบ 9 พันล้านดอลลาร์ง่ายๆ อย่างที่กล่าวอ้าง

Lynch บอกว่าปัญหาของ HP คือเมื่อได้ Autonomy ไปแล้วนั้น HP เองที่ไม่มียุทธศาสตร์ด้านธุรกิจซอฟต์แวร์รองรับที่ดีพอ ดูได้จากอดีตที่ HP ซื้อกิจการ EDS และ Palm ไปก็ไม่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มอะไร แถม HP ยังตัดสินใจปรับราคาซอฟต์แวร์ของ Autonomy ขึ้นทันที 30% จากราคาเดิม ส่งผลให้ลูกค้าเก่าต่างปฏิเสธที่จะต่ออายุสินค้า นอกจากนี้ HP ยังทำลายยอดขายของ Autonomy อีกด้วยการประกาศให้ค่าคอมมิชชั่นกับฝ่ายขายเฉพาะการขายซอฟต์แวร์ของ HP เท่านั้น ขณะที่ซอฟต์แวร์ Autonomy ไม่มีค่าคอมมิชชั่น จึงส่งผลให้ตัวเลขรายได้ส่วนธุรกิจ Autonomy ตกต่ำลงอย่างมากภายในปีเดียว มันจึงตามมาด้วยการลาออกของพนักงานหลายร้อยคน นี่ต่างหากคือสาเหตุที่ทำให้มูลค่าของ Autonomy แย่ลงและไม่เป็นไปตามที่ HP เคยประเมินไว้ตอนซื้อกิจการ

สุดท้าย Lynch บอกว่าเขาไม่เชื่อว่า Autonomy มีมูลค่าต่ำลงเพราะความผิดพลาดทางบัญชีในดีลการขาย แต่เป็นเพราะปัญหาการจัดการต่อจากนั้นภายใน HP มากกว่า ซึ่งซีอีโอ Meg Whitman ควรสนใจแก้ไขเรื่องนี้มากกว่า

ด้านอดีตซีอีโอของ HP Léo Apotheker ผู้ถูกพาดพิงเช่นกันว่ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ Autonomy ก็ได้ออกแถลงการณ์ว่าเขาตกใจและผิดหวัง ที่ได้ทราบว่า Autonomy มีการตกแต่งตัวเลขทางบัญชีเกินจริง โดยเขายืนยันว่าขั้นตอนในการตรวจสอบประเมินธุรกิจนั้นละเอียดและเข้มข้นมาก อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเชื่อมั่นในทีมผู้บริหาร HP และโอกาสของ Autonomy ว่ายังแข็งแกร่งอยู่ นอกจากนี้ยังยินดีพร้อมช่วยเหลือ HP และทางการหากต้องการข้อมูลเพื่อการสืบสวนเพิ่มเติม

ที่มา: All Things D, WSJ และ Bloomberg