สามผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในไทยได้รายงานผลประกอบการประจำปี 2555 กันครบแล้ว (ข้อมูลปี 2554) ในปีที่ผ่านมานั้นทิศทางอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งการใช้งานข้อมูลที่สูงมากขึ้น สมาร์ทโฟนที่มีราคาลดลง และการประมูล 3G โดยผลสรุปการดำเนินงานของทั้งสามค่ายมือถือเป็นดังนี้ครับ
เอไอเอส
เอไอเอสมีรายได้รวม 141,568 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้นถึง 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 34,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 57% ซึ่งมีปัจจัยหลักจากค่าตัดจำหน่ายโครงข่ายและต้นทุนการเงินที่ลดลง รวมถึงอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 23% จากเดิม 30% มีเงินสดรวม 23,531 ล้านบาท
จำนวนผู้ใช้บริการ ณ สิ้นปี 2555 อยู่ที่ 35.7 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านเลขหมาย ซึ่งเอไอเอสอธิบายว่ามาจากการที่ผู้ใช้บริการหนึ่งคนมีซิมมากกว่าหนึ่งหมายเลข เพื่อใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เมื่อแยกกลุ่มรายได้ บริการเสียงมีรายได้เพิ่ม 5.4% ส่วนบริการข้อมูลเติบโตถึง 33%
เอไอเอสเผยยุทธศาสตร์การขยายเครือข่าย 3G ว่าจะเร่งขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ 97% ภายใน 3 ปี โดยจะสามารถให้บริการได้ครบ 77 จังหวัดในปีแรก โดยเตรียมงบลงทุนสำหรับ 3 ปีข้างหน้า 7 หมื่นล้านบาท
ดีแทค
ดีแทคมีรายได้รวม 89,497 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้น 13% กำไรสุทธิ 11,276 ล้านบาท ลดลง 4.5% เนื่องจากอัตราส่วนแบ่งรายได้ค่าใช้จ่ายด้านเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรจากการขายโทรศัพท์ลดลง และภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากวงเงินกู้สำหรับการลงทุน 3G
จำนวนผู้ใช้บริการของดีแทคเพิ่มขึ้นมาจากปีก่อน 2.1 ล้านเลขหมาย รวม 25.3 ล้านเลขหมาย ซึ่งมาจากการทำกิจกรรมการตลาดอย่างหนักในไตรมาสที่ 4 ในส่วนของรายได้ตามประเภทนั้น รายได้จากบริการเสียงลดลง 1.7% ส่วนรายได้จากบริการเสริมรวมทั้งอินเทอร์เน็ตนั้นเติบโต 49.2%
ดีแทคระบุว่าบริการ 3G บนความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์จะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ทรูโมบาย (ทรูมูฟ ทรูมูฟเอช และฮัทช์ CDMA)
กลุ่มทรูโมบายมีรายได้รวมปี 2555 อยู่ที่ 57,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.6% ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของลูกค้าทรูมูฟเอช และการออกแบบแคมเปญในการจำหน่ายอุปกรณ์ร่วมกับแพ็กเกจทรูมูฟเอช โดยเฉพาะการจำหน่าย iPhone 5 ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งทำให้มีรายได้จากส่วนนี้ถึง 5.7 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามส่วนธุรกิจนี้ยังขาดทุนสุทธิอีก 9,030 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนและการดำเนินงานที่สูง
อย่างไรก็ตามทรูมูฟเอชนั้นมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 2.4 ล้านเลขหมาย ทำให้มีผู้ใช้งานรวม 2.9 ล้านเลขหมาย โดยที่เหลือเป็นลูกค้าทรูมูฟระบบเดิม 18 ล้านเลขหมาย และฮัทช์ CDMA 46,400 เลขหมาย โดยส่วนของรายได้นั้นมีการเติบโตในกลุ่มบริการอินเทอร์เน็ตถึง 70%
สำหรับปี 2556 ซึ่งทรูโมบายก็ได้ประมูลใบอนุญาตใช้คลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์เช่นกันนั้น บริษัทจะนำมาเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจโมบายอินเทอร์เน็ต โดยรวมเอาจุดแข็งของบริการบนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์ และบริการบนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นของ กสท โทรคมนาคม เข้าไว้ด้วยกัน
Comments
True ยังขาดทุนแฮะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Truemove สัญญาณดีสุดสำหรับแถวบ้านผมนะครับ
DTAC โปรถูกสุด
AIS เก่าแก่นานสุด หรือเปล่าหนอ
ฮ่ะๆ
แต่จากประสปการณ์ผมแล้ว AIS โทรติดง่ายที่สุดนะครับ
True (ไม่รวม H) โทรติดยากที่สุด
DTAC สัญญาณเบาที่สุด (ในต่างจังหวัดแถบชานเมือง)
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ จากประสบการณ์ 8 ปีในการใช้มือถือ 3 ค่าย จาก อีสาน กรุงเทพ และ ปริมณฑล
ทำไม ทรู กำไรติดลบอ่ะ ?
true ที่ขาดทุนเพราะมีหนี้สินเยอะ ถึงเยอะมากคับ
ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้หมดรึเปล่า (ตอนนี้จ่ายดอกไปก่อน)
@mamuang
+1 แค่ดอกอย่างเดียวยังจ่ายกันแทบไม่ไหวเลยครับ
ขาดทุนมาตลอดตั้งแต่ตั้งบริษํทเลยก็ว่าได้ครับ
ทรูคอร์ปเป็นบริษัทที่มีหนี้สินระยะยาวค่อนข้างสูงครับ ล่าสุดก็ 103,372 ล้านบาท ทำให้มีภาระจ่ายดอกเบี้ยสูง กำไรมาเท่าไหร่เจอรายการดอกเบี้ยไปสุทธิก็ขาดทุนครับ
ทรูโมบายเองกำไรจากการดำเนินงาน EBITDA (รายได้-ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) 4,800ล้าน แต่ดอกเบี้ยนี่ 3,400ล้านแล้วครับ พอรวมภาษีกับค่าเสื่อมอีกเลยขาดทุนไปตามที่เห็น
แบบนี้ถ้ามองอย่างนักวิเคราะห์ อีกกี่ปีจะหมดหนี้ครับ?
คงสักชาติหน้าอ่ะครับ จ่ายแต่ดอก ต้นไม่ค่อยมีจ่าย
ว่าแต่ กำไรไม่มีแล้วมีทุนทำธุรกิจได้ไงเนี่ย
Destination host unreachable!!!
ผมเอาบทวิเคราะห์ของโบรกหนึ่งที่อธิบายปัญหานี้ เขาบอกทางแก้ที่เป็นไปได้ ซึ่งก็คือทำอย่างไรจะมีเงินเพิ่มโดยไม่มีภาระดอกเบี้ย ตอนนี้มี 3 ทาง
หาพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นบริษัทต่างประเทศให้มาถือหุ้นร่วม 25% ทำให้บริษัทมีเงินเพิ่มขึ้น
ขายเสาและอุปกรณ์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ระดมทุนมาลดหนี้ (คล้ายๆ วิธีของกองทุน BTS ที่โฆษณาตอนนี้ครับ)
นำบริษัทย่อย ซึ่งอาจเป็น True Online เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์
ทุกวิธีสามารถช่วยปลดภาระหนี้ได้เกินครึ่งเลยครับ
ขอบคุณครับ
ถ้าลดไปได้ครึ่งนึงนี่ถือว่าเยอะมากๆ นะ ... เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าทำไม True ถึงไม่ยอมทำข้อใดใน 3 ข้อ หรือไม่ก็ทำไปเลยทั้ง 3 ข้อ
จริงๆ อยากรู้นิดหน่อยนะครับ ว่าถ้าไม่ลดภาระด้วยวิธีทั้ง 3 จะต้องผ่อนไปอีกกี่ชาติ
ตั่งราคา data ให้ถูกกว่านี้สิ true คนจะได้ใช้เยอะขึ้น
เท่าที่ผมใช้ true ถูกสุด ais แพงสุด นะครับ = =
เทียบโปรที่ผมใช้อยู่ AIS ถูกสุด คุ้มสุดอ่ะครับ
ค่า data ทรูถูกสุดนะครับตอนนี้
AIS เริ่มเหนือยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดไม่ค่อยได้แถมโดนDTACกับTRUEไล่บี้
เพราะ 3G ล้วนๆเลยครับ AIS กากมากถึงมากสุด
ตอนนี้เริ่มดีแล้วนิครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมว่าตอนนี้ดีขึ้นเยอะนะฮะ(หรือคนหนีหมด???) แต่ถ้า 2.1 GHz มาผมเชื่อว่า AIS คงทำได้ดีที่สุดเหมือนเคยนะฮะ
สำหรับผม ais 3g ก็ยังเป็น 3g พลัง edge เช่นเคยครับ บางทีเปิด edge เร็วกว่า 3g อีก เสียดายเงินรายเดือนเป็นที่สุด ระบบตั้งใจทำมาให้เราประหยัดไปในตัวครับ
ผมไม่เคยคิดเปิด 3g เลยตั้งแต่ใช้ ais มา เปิดแล้วช้ากว่า edge
ยกเว้นต่างจังหวัด
ปล คุกกี้หลงป่ายัง ais 3g ล่มอยู่เลยครับ 555
รอลุ้นกับคลื่่น 2100 นี่ละฮะ ว่าจะดีขึ้นขนาดไหน TT''
พูดแล้วก็ยังเศร้า
AIS เงินสดน้อย เพราะปันผลหมด 555+
dtacบ้านผมไม่ค่อยมีสัณญาณ
true ไม่มีสัณญาณ
aisมีสัณญาณทุกที่ ผมเลยใช้555+
ต้องให้ nttDocomo มาทำค่ายมือถือให้ รับรองผู้ใช้ขึ้นพรวด (ติดแค่ตรงกฎหมายนี่แหละ ทำให้มาทำไม่ได้)
ผมว่าด้วยเงื่อนไขเดียวกันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นะครับ
ถ้าพูดอีกอย่าง คือให้รัฐบาลมาทำให้ครับ (NTT DoCoMo ถือหุ้นโดยรัฐบาล 33%)
ส่วนบ้านเรามี TOT และ CAT ครับ ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง เชิญใช้ตามสบายครับ (อ้อ TOT มหาชนแล้วหนิ)
เห็นจำนวนเบอร์เยอะๆแบบนี้ พรีเพดล่อไป80%แล้วมั้งครับ
สังเกตทรูแม้ส่วนแบ่งการตลาดน้อย แต่คิดว่าลูกค้าโพสเพดของ ทรูเอช มีมาก ทำให้สัดส่วนรายได้ถือว่าไม่น้อยเลย
มากกว่านั้นอีกครับ
อ่านข่าวมาสะดุดตรงภาษี อาจจะนอกเรื่องไปหน่อยแต่อยากถามผู้รู้ว่าเขาลดภาษีนิติบุคคลทำไมครับ? คือจะลดเพื่ออุ้ม SME ก็ไม่ว่านะ แต่นี่มันองค์กรขนาดโคตรใหญ่ ไม่น่าเข้าข่าย และลดทีนึงรัฐเสียรายได้มหาศาล (เพราะลดทีละเยอะเชียว ถ้าลดซัก 1-2% ยังไม่รู้สึกแปลกเท่าไหร่) เทียบไม่ได้กับ SME เลย
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เท่าที่จำได้ (ไม่รู้ถูกรึเปล่า แต่น่าจะใช่นะ) รู้สึกว่าลดเพราะภาษีนิติบุคคลเราเก็บเยอะกว่าประเทศเพื่อนบ้านน่ะครับ แล้วก็เพราะต้องเปิด AEC ด้วยแหละ
ประเทศเราจัดเก็บภาษีนิติบุคคลค่อนข้างแพงครับ เดิม 30% ณ ตอนนี้ลดเหลือ 23% และจะลดลงเหลือ 21% ในปีต่อไป ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ภาษีนิติบุคคลอยู่ราวๆ 20% ถ้าเราไม่พยายามกระตุ้นโดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่เอกชนมากขึ้น บริษัทต่างชาติก็อาจเริ่มเมียงมองไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีภาระทางภาษีที่ถูกกว่า เพราะบางอุตสาหกรรม เขาก็จะเลือกเปิดโรงงาน หรือเปิดธุรกิจในประเทศไหนก็ได้ในภูมิภาคนี้ ดังนั้นการลดภาษีจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เรามากขึ้น
ในขณะเดียวกัน นโยบายต่างๆเช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และปริญญาตรี 15,000 บาทนั้น ถ้าในส่วนงานราชการ ส่วนนั้นราชการก็เป็นผู้จ่ายเงินเดือนอยู่แล้วไม่มีปัญหา แต่ถ้าอยากให้นโยบายนี้มันเผื่อแผ่ไปถึงเอกชนได้นั้น รัฐบาลเองก็จำเป็นต้องลดภาษีเพื่อให้บริษัทเอกชน เพิ่มรายได้ขั้นต่ำให้ได้ตามโครงการรัฐบาล ซึ่งส่วนของเอกชน แม้ว่าเป็นนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ แต่รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิ์หรือมีอำนาจไปบังคับว่าเอกชนต้องจ่ายตามนโยบายรัฐบาลนะครับ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องลดภาษีลงเพื่อให้บริษัทสามารถทำนโยบายนี้ร่วมกับภาครัฐได้
อันที่จริงมันจะเป็นการพยายามช่วยให้รัฐจัดเก็บภาษีให้ได้มากขึ้นด้วย เดิมทีภาษี 30% หรือประมาณ 1 ใน 3 ของกำไรต้องนำส่งรัฐ บางบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ต่างก็ทำ 2 บัญชีกันเป็นแถว (บัญชีส่งภาษี ทำกำไรน้อยๆ เข้าไว้ ส่วนบัญชีของจริงก็ว่ากันไปตามจริงว่ากำไรมากน้อยแค่ไหน) ดังนั้นนโยบายนี้อาจพอจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยที่จะพยายามกระตุ้นให้บริษัทเริ่มพยายามทำตัวให้ถูกกฎหมายมากขึ้น จ่ายภาษีให้รัฐได้มากขึ้น จากเดิม 1 ใน 3 ตอนนี้ก็เหลือประมาณ 1 ใน 4 และในอนาคตคาดว่าจะเหลือ 1 ใน 5 ซึ่งในมุมมองผู้ประกอบการ การที่จะต้องทำสองบัญชีและมีความเสี่ยงเจอตรวจ ถือว่าเป็นความเสี่ยงของบริษัท (ถ้าพบว่าหลีกเลี่ยง เจอกฎหมายเพียบเลยนะครับ) ดังนั้นส่วนนี้บริษัทเองก็อาจจะทำให้ถูกต้องซะ แล้วก็จะได้สบายใจ เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายเป็นต้น
ข้อดีมันก็มีหลายอย่างครับ โดยเฉพาะในแง่การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือเอกชน ช่วยเหลือประชาชนให้ได้ค่าแรงขั้นต่ำได้ตามนโยบาย แต่ภาครัฐเองก็ต้องพบกับรายได้ที่หายไป เพราะบริษัทใหญ่ๆเช่นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือกลุ่มท่องเที่ยว ฯลฯ พวกนี้โดยปกติรายได้ขั้นต่ำของพนักงานเขาสูงกว่านั้นอยู่แล้ว กลุ่มนี้จึงจะได้ผลประโยชน์ส่วนนี้ไปมากที่สุด เพราะได้ลดภาษีเต็มๆ ในขณะที่ไม่เกิดภาระที่จะต้องจ่ายค่าแรงขั้นต่ำเพราะตัวเองจ่ายเกินกว่านั้นอยู่แล้ว หรือจะให้รัฐเก็บภาษีกลุ่มนี้เท่าเดิม 30% ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมันก็จะไม่เป็นธรรมต่อเอกชนนั่นเอง
ไม่ปรับตามไม่ผิดกฏหมายเอาหรือครับ?
ผมก็ไม่รู้ว่าผิดกม.มั้ย แต่ผมว่ามันเหมือนกลไกตลาดครับ ถ้ารัฐขึ้นเงินเดือนแล้ว เอกชนไม่ยอมขึ้น แรงงานก็แห่ไปเข้ารัฐหมด (เพราะความเชื่อที่ว่าสวัวดิการดีกว่าด้วย) สุดท้ายมันก็จะบีบให้เอกชนขึ้นเองแหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็ว
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ปริศนาไขกระจ่างแล้ว ขอบคุณครับ ^^
ป.ล. แต่ผมว่าไม่น่าได้เยอะขึ้นนะ พวกบริษัทใหญ่ยังไงก็คงไม่เสี่ยงทำ 2 บัญชีอยู่แล้ว (หรือเปล่า?) พอลดมา 7% รายได้ก็ต้องลดฮวบ แต่พวก SME ถึงจะแห่กันมาทำถูกต้องก็คงได้เพิ่มขึ้นมาไม่เท่าไหร่มั้ง
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
dtac เชียงใหม่ 3g ช้าโครตๆๆ ไม่น่าย้ายมาเลย อีก2เดือนหมดสัญญาย้ายแน่ๆ
ais ก็ไม่แตกต่างครับ ส่วนใหญ่ได้แต่ edge ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าไปที่คนเยอะๆ ด้วยรึเปล่า