Meituan แพลตฟอร์มเดลิเวอรีรายใหญ่ในจีน รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 รายได้รวม 88,487 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 6,222 ล้านหยวน

Tencent รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2024 มีรายได้ 172,446 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิแบบ Non-IFRS 55,312 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30%

รายได้จากธุรกิจเกมในจีนเพิ่มขึ้น 10% จากเกมอาทิ VALORANT, Naruto Mobile, Fight of the Golden Spatula เกมต่างประเทศเติบโต 9% จาก PUBG MOBILE และเกมของค่าย Supercell

จำนวนผู้ใช้งาน WeChat และ Weixin รวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,385 ล้านบัญชี ทำให้รายได้ส่วนธุรกิจโฆษณาการตลาดเพิ่มขึ้น 20% เป็น 1.21 แสนล้านหยวน

Xiaomi รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2024 สิ้นสุดเดือนธันวาคม รายได้รวม 109,005.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 48.8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิแบบ Non-IFRS 8,316.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 69.4% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของบริษัทที่มีรายได้มากกว่าแสนล้านหยวนภายในหนึ่งไตรมาส

การเติบโตสูงของรายได้ Xiaomi มาจากทุกส่วนธุรกิจ โดยปัจจัยหลักมาจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ซึ่งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้ามีรายได้รวมกับกลุ่มธุรกิจริเริ่มใหม่ (New Initiatives) 16,661.7 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 15.3% ของรายได้รวม Xiaomi มีกำไรขั้นต้น 3,406.9 ล้านหยวน

Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ รายได้ยังคงเติบโตทำสถิติสูงสุดบริษัทอีกไตรมาส เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 5,714 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิ 1,811 ล้านดอลลาร์

Shantanu Narayen ซีอีโอ Adobe บอกว่าบริษัทจะยังสร้างความสำเร็จต่อไปอีกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่ส่งเสริมลูกค้า ครีเอเตอร์ นักการตลาด และมืออาชีพด้านต่าง ๆ บริษัทมีความพร้อมในยุคของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI

iRobot บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบรนด์ Roomba เผยผลประกอบการไตรมาส 4/2024 รายได้ 172 ล้านดอลลาร์ ลดลงเกือบครึ่ง (47%) จากไตรมาส 4/2023 ที่ทำไว้ 307.5 ล้านดอลลาร์ หักลบแล้วขาดทุนหนักกว่าเดิมเป็น 61 ล้านดอลลาร์

สิ่งที่น่าห่วงไม่แพ้กันคือ iRobot มีกระแสเงินสดในมือ 134.3 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2024 บริษัทมีแผนเปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ 4 รุ่นในอเมริกาเหนือ-ยุโรป แต่ก็ยอมรับในรายงานการเงินว่า ธุรกิจมีความเสี่ยงสูง (substantial doubt) ที่จะไปต่อไม่ได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

Oracle รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ รายได้รวม 14,130 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 2,936 ล้านดอลลาร์

Oracle มีรายได้จากธุรกิจคลาวด์ (IaaS และ SaaS) ทั้งหมด 6,210 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23% แบ่งเป็น IaaS 2.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 49% และ SaaS 3.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9%

Larry Ellison ประธานและซีทีโอ Oracle กล่าวว่าบริษัทยังคงอยู่ในแผนการขยายขนาดศูนย์ข้อมูลอีกเท่าตัวภายในปีนี้ จากความต้องการของลูกค้าที่ทำสถิติสูงสุด รายได้ของ Database MultiCloud ที่มาจากพาร์ตเนอร์ Microsoft, Google และ Amazon เพิ่มขึ้นถึง 92% ในสามเดือนที่ผ่านมา การใช้จีพียูสำหรับฝึกฝน AI เพิ่มขึ้น 244%

Broadcom รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ รายได้รวม 14,916 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 5,503 ล้านดอลลาร์

Hock Tan ซีอีโอ Broadcom กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ออกมาทำสถิติใหม่นี้เป็นผลจากทั้งโซลูชัน AI และผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ Infrastructure โดยรายได้ส่วน AI เติบโต 77% จากปีก่อน และซอฟต์แวร์ Infrastructure เติบโต 47% โดยแนวโน้มยังคงเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2

HPE รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนมกราคม รายได้ 7,854 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 598 ล้านดอลลาร์ และมีรายได้ต่อเนื่อง 12 เดือน (ARR) เพิ่มขึ้น 45% เป็น 2.1 พันล้านดอลลาร์

ธุรกิจเซิร์ฟเวอร์มีรายได้ 4,290 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% HPE บอกว่าเฉพาะส่วนที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ AI มี 3.1 พันล้านดอลลาร์ ตามคำสั่งซื้อรุ่นที่มีจีพียู Blackwell ของ NVIDIA ที่มากขึ้น ส่วนกลุ่ม Intelligent Edge รายได้ 1,146 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5%, Hybrid Cloud 1,405 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%

HPE ประกาศแผนลดค่าใช้จ่ายใน 18 เดือนข้างหน้า โดยจะปลดพนักงานประมาณ 2,500 ตำแหน่ง คาดว่าจะลดค่าใช้จ่าย 350 ล้านดอลลาร์

CrowdStrike รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนมกราคม รายได้รวมเพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 1,059 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นรายได้จาก Subscription 1,008 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27% มีรายรับรวมต่อเนื่อง 12 เดือน (ARR) เพิ่มขึ้น 23% เป็น 4.24 พันล้านดอลลาร์ ขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 93 ล้านดอลลาร์

Sea Group บริษัทแม่ของ Shopee และ Garena รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2024 มีรายได้รวมตามบัญชี GAAP 4,950.4 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 36.9% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 237.6 ล้านดอลลาร์

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Shopee) มีจำนวนคำสั่งซื้อ 3.0 พันล้านคำสั่ง เพิ่มขึ้น 20.1%, มูลค่าการซื้อสุทธิ (GMV) 28.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23.5% คิดเป็นรายได้ 3.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 41.3%

มีประเด็นเพิ่มเติมจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาของ NVIDIA ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2025 ทำให้บริษัทสรุปตัวเลขภาพรวมในปีการเงินและมีข้อมูลที่น่าสนใจ

ในเอกสาร 10-K ซึ่งเป็นรายงานผลการดำเนินงานอย่างละเอียด NVIDIA บอกว่าบริษัทมีลูกค้ารายสำคัญที่สั่งสินค้าโดยตรงกับ NVIDIA เรียกว่า Direct Customer อยู่ 3 ราย ที่คิดเป็นรายได้สูงต่อบริษัท เรียกว่าลูกค้า A, B, C ซึ่งลูกค้า A คิดเป็นรายได้ 12% ของรายได้ตลอดปีการเงิน ส่วนลูกค้า B และ C เป็นรายได้รายละ 11% ตัวเลขนี้มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีการเงิน 2024 มีเฉพาะลูกค้า B ที่เป็นรายได้ 13% ส่วน A กับ C น้อยกว่า 10%

Dell Technologies รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2025 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม รายได้รวม 23,931 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,532 ล้านดอลลาร์

Jeff Clarke ซีโอโอ Dell Technologies กล่าวว่าการเติบโตหลักของไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่กลุ่ม Infrastructure ซึ่งรายได้โตถึง 22% เป็นผลจากความต้องการด้าน AI ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกค้าที่ให้บริการคลาวด์ แต่ขยายไปถึงลูกค้าองค์กรด้วย

Dell รายงานว่าตอนนี้บริษัทมีแบ็กล็อกคำสั่งซื้อเซิร์ฟเวอร์ที่รอส่งมอบ ซึ่งรวมทั้งลูกค้ารายสำคัญ xAI อยู่ที่ประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์

HP รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนมกราคม รายได้รวม 13,504 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 565 ล้านดอลลาร์ ตามบัญชี GAAP

รายได้กลุ่ม Personal Systems 9,224 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% โดยส่วน Consumer ลดลง 5% และ Commercial เพิ่มขึ้น 10% ธุรกิจ Printing รายได้ 4,269 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2% ขณะที่จำนวนฮาร์ดแวร์ส่งมอบเพิ่มขึ้น 5%

Enrique Lores ซีอีโอ HP ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า บอกว่าภายในปีนี้สินค้าที่ขายในสหรัฐอเมริกามากกว่า 90% จะผลิตในประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน บริษัทประเมินว่าผลกระทบนี้ทำให้สินค้าบางอย่างต้องปรับราคาขึ้น แต่จะใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย

มีประเด็นเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ NVIDIA จากซีอีโอ Jensen Huang และซีเอฟโอ Colette Kress ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนน่าจะมีคำถามมากก็คือคำสั่งซื้อชิป AI ยังเป็นไปในทิศทางเติบโตหรือไม่?

Kress บอกว่าคำสั่งซื้อจีพียู Blackwell ยังเติบโต ในไตรมาสที่ผ่านมาคิดเป็นรายได้ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ จากรายได้รวม 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นสินค้าที่มีการเติบโตของยอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท ในไตรมาสปัจจุบันคำสั่งซื้อ Blackwell ยังคงมีเพิ่มมากขึ้น

Salesforce รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนมกราคม รายได้รวม 9,993 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,708 ล้านดอลลาร์

รายได้หลักของ Salesforce มาจากส่วน Subscription & Support มีรายได้ 9,451 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% เช่นกัน

Salesforce บอกว่าบริการ Agentforce สำหรับสร้างเครื่องมือผู้ช่วย AI มีการตอบรับที่ดี บริษัททำข้อตกลงกับลูกค้าที่จ่ายเงินมาแล้วมากกว่า 3,000 ราย ความสามารถในการทำงานของ Agentforce นั้นวัดได้จากบริการซัพพอร์ตลูกค้าของ Salesforce เองที่ help.salesforce.com ได้รองรับการสนทนากว่า 380,000 ครั้ง สามารถปิดเคสได้เอง 84% และมีเพียง 2% เท่านั้นที่เรียกหาพนักงานที่เป็นคนมาช่วยเหลือ

NVIDIA รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนมกราคม รายได้รวมเพิ่มขึ้น 78% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้อยู่ที่ 39,331 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 22,091 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 80% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทอีกไตรมาส

Supermicro ส่งรายงานงบการเงินย้อนหลัง ที่ผ่านการรับรองจากผู้ตรวจสอบบัญชีให้กับ SEC สำหรับปีการเงินบริษัทสิ้นสุดมิถุนายน 2024 ตลอดจนรายงานผลประกอบการไตรมาสเดือนกันยายนและธันวาคม ทันกำหนด จึงทำให้บริษัทไม่ต้องถูกเพิกถอนการซื้อขายจากหุ้นแนสแดค

ผลจากการส่งรายงานทันกำหนด ราคาหุ้นของ Supermicro ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 22% ในช่วงหลังปิดการซื้อขาย

Charles Liang ซีอีโอ Supermicro บอกว่าการยื่นเอกสารย้อนหลังครบทั้งหมด ทำให้บริษัทไม่มีภาระผูกพันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว จากนี้บริษัทสามารถโฟกัสการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ และโซลูชันให้กับลูกค้าตามความต้องการด้าน AI ที่มากขึ้น

Zoom รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนมกราคม มีรายได้รวม 1,184.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 367.9 ล้านดอลลาร์

รายได้จากลูกค้าองค์กร (Enterprise) เพิ่มขึ้น 5.9% เป็น 706.8 ล้านดอลลาร์ ตามกลยุทธ์ที่บริษัทจะเน้นลูกค้าองค์กรมากขึ้น ส่วนรายได้จากลูกค้าช่องทางออนไลน์ลดลง 0.4% เป็น 477.3 ล้านดอลลาร์

จำนวนลูกค้ารายใหญ่ที่สร้างรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปีมีจำนวนเพิ่มขึ้น 7.3% เป็น 4,088 ราย จากจำนวนลูกค้าองค์กร 192,600 ราย อัตราการสูญเสียลูกค้าเฉพาะกลุ่มออนไลน์ (Churn Rate) อยู่ที่ 2.8% ต่อเดือน

มีรายงานว่า OpenAI ได้ชี้แจงกับนักลงทุนในบริษัท เป็นตัวเลขคาดการณ์รายได้-ค่าใช้จ่ายของบริษัทในอนาคต โดยประเมินว่าในปีนี้ 2025 รายได้บริษัทจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าจาก 3.7 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นการจากการทำข้อตกลงกับ SoftBank

บริษัทประเมินค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงตามเช่นกัน ในปี 2024 บริษัทมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีกมากโดยปี 2027 ประเมินที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และในปี 2030 ค่าใช้จ่ายส่วนเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลที่เป็น Inference ในการรันโมเดล AI จะสูงกว่าส่วนฝึกฝนหรือ Training เป็นครั้งแรก

บริษัทเกมจีน NetEase เผยผลประกอบการไตรมาส 4/2024 รายได้รวม 26.7 พันล้านหยวน ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ถ้าแยกดูรายได้เฉพาะธุรกิจเกม 21.2 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 1.5% โดยรายได้ที่ลดลงอยู่กับธุรกิจส่วนอื่นของบริษัท เช่น ธุรกิจเว็บค้นหา Youdao และธุรกิจเพลง Cloud Music

เกมที่ทุกคนจับตาคือเกมยิงฮีโร่ Marvel Rivals ที่ยังสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยม ตอนนี้ยอดผู้เล่นทะลุ 40 ล้านคนแล้ว ส่วนเกม Where Winds Meet แอคชั่นแนวกำลังภายในที่เพิ่งเปิดบริการเมื่อเดือนธันวาคม 2024 มียอดผู้เล่นในจีน 3 ล้านคนใน 4 วันแรก, ยอดผู้เล่นรวมตอนนี้มากกว่า 15 ล้านคน

เมื่อวานนี้ Walmart เชนร้านค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ซึ่งตัวเลขที่ออกมากลายเป็นประเด็นเล็ก ๆ ในวงการค้าปลีกสหรัฐ

Walmart รายงานว่าบริษัทมีรายได้รวม 180,554 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ตัวเลขนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบตัวเลขผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Amazon ซึ่งมีธุรกิจหลักเป็นค้าปลีกเช่นกันแต่อยู่บนออนไลน์ โดยมีรายได้รวม 187,792 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นไตรมาสแรกในประวัติศาสตร์ของ Amazon ที่บริษัทมีรายได้มากกว่า Walmart

Alibaba รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนธันวาคม 2024 ภาพรวมรายได้เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 280,154 ล้านหยวน ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 333% เป็น 46,434 ล้านหยวน สาเหตุหลักจากทั้งกำไรจากการดำเนินงานที่มากขึ้น และมูลค่าหุ้นของบริษัทที่ Alibaba ไปลงทุนเพิ่มขึ้น

Alibaba Cloud เป็นไฮไลท์ของผลประกอบการในไตรมาส รายได้รวมเพิ่มขึ้น 13% เป็น 31,742 ล้านหยวน เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับ AI เติบโตระดับสามหลักติดต่อกันเป็นไตรมาสที่หก EBITDA เพิ่มขึ้น 33% และยังมีทิศทางการทำกำไรที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ Alibaba มองว่า AI จะเป็นตัวเร่งสำคัญซึ่งบริษัทจะเพิ่มการลงทุนส่วนนี้มากขึ้น

ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 4 ปี 2567 รายได้รวม 52,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน EBITDA เพิ่มขึ้น 12.0% เป็น 25,224 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิในไตรมาส 7,508 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน และมูลค่าที่ลดลงของสินค้าคงเหลือ ซึ่งไม่ใช่รายการเงินสด โดยส่วนนี้คิดเป็นค่าใช้จ่าย 9,866 ล้านบาท

รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้

Lenovo รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสเดือนธันวาคม 2024 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 18,796 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 693 ล้านดอลลาร์ เป็นการเติบโตของรายได้ระดับเลขสองหลักติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม โดยรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่พีซีเพิ่มขึ้นเป็น 46% ของรายได้รวม ตามยุทธศาสตร์สร้างรายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่ของ Lenovo

กลุ่ม Intelligent Devices มีรายได้เพิ่มขึ้น 12% จากส่วนแบ่งตลาดพีซีที่มากขึ้นกว่าคู่แข่งอันดับ 2 และธุรกิจสมาร์ทโฟนที่ยังเติบโตระดับสองหลัก ส่วนกลุ่มธุรกิจ Infrastructure Solutions รายได้เติบโตถึง 60% ด้วยรายได้ 3.9 พันล้านดอลลาร์ จากทั้งลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ และกลุ่มลูกค้าองค์กร

Grab Holdings รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2024 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 764 ล้านดอลลาร์ โดยมีกำไรสุทธิ 11 ล้านดอลลาร์ จากปริมาณการใช้จ่ายบริการออนดีมานด์บนแพลตฟอร์ม (GMV) 5,028 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20%

Anthony Tan ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Grab กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมาเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมาของ Grab บริษัทยังรักษาการทำกำไรไว้ได้ต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจเดลิเวอรี Grab บอกว่าคำสั่งซื้อแบบ Saver ตอนนี้คิดเป็น 1 ใน 3 ของคำสั่งทั้งหมด ส่วนคำสั่งที่จ่ายเงินเป็น Priority อยู่ที่ 9% และรายได้จากโฆษณาคิดเป็น 1.7% ของ GMV

ธุรกิจรถโดยสารรายได้เพิ่มขึ้น 19% เป็น 282 ล้านดอลลาร์ ส่วน GMV เพิ่มขึ้น 23% เป็น 1,815 ล้านดอลลาร์