วงการไอทีมีคำอยู่คำหนึ่งคือ Internet of Things ซึ่งหมายถึงโลกในยุคที่สิ่งของและอุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา
วิสัยทัศน์นี้เริ่มเป็นจริงในยุคของ smart device ที่ขายดีขายดิบ แต่นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เราก็มีอุปกรณ์ชนิดอื่นๆ ที่ต่อเชื่อมและทำงานกับเครือข่ายอยู่อีกมาก ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ "กล้องวงจรปิด" ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก
ผมมีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารของบริษัท Axis Communications ผู้ขายระบบกล้องวงจรปิดรายใหญ่ที่สุดของโลก เรามาดูกันว่าวงการกล้องวงจรปิดปัจจุบันนี้พัฒนาไปไกลขนาดไหนแล้วครับ
บริษัทที่ขายอุปกรณ์เฉพาะทางแบบนี้อาจไม่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง (ผมเองก็เพิ่งรู้จักชื่อ Axis เช่นกัน) ดังนั้นก่อนจะเข้าเรื่องอาจต้องแนะนำประวัติของบริษัทกันสักหน่อย
Axis เป็นบริษัทจากสวีเดน ก่อตั้งเมื่อปี 1984 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองลุนด์ (Lund) ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,300 คนทั่วโลก และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของสวีเดนด้วย
วิสัยทัศน์ของ Axis ถือว่าก้าวหน้ามากในยุคนั้น เพราะบริษัทประกาศจุดยืนชัดเจนว่าอนาคตของกล้องวงจรปิด (closed-circuit) จะไม่ "ปิด" อีกต่อไป แต่จะเป็นกล้องที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย (network camera) แทน ทำให้ Axis เร่งพัฒนาเทคโนโลยีกล้องระบบดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายได้เป็นรายแรกของโลก และเมื่อตลาดเปลี่ยนจากกล้องแอนะล็อกมาเป็นดิจิทัล Axis จึงกลายเป็นเจ้าตลาดอย่างรวดเร็ว
ในอดีต Axis ทำสินค้าหลายอย่าง เช่น พรินต์เซิร์ฟเวอร์ (ให้กับเซิร์ฟเวอร์ของ IBM) และสตอเรจ แต่ปัจจุบันเน้นที่ระบบกล้องเป็นหลัก โดยมีอุปกรณ์หรือโซลูชันเสริมการทำงานอื่นๆ เช่น เครื่องเข้ารหัสวิดีโอ (video encoder) สำหรับแปลงสัญญาณแอนะล็อกจากกล้องระบบเก่าเป็นดิจิทัล รวมถึงแอพพลิเคชันช่วยบริหารจัดการหรือวิเคราะห์ข้อมูลของกล้องด้วย
กล้องในปัจจุบันสามารถเสียบ SD ได้เพื่อบันทึกภาพในตัวเอง ส่วนเรื่องสายเชื่อมต่อก็ใช้ Power over Ethernet เพื่อให้ติดตั้งง่าย กล้องบางรุ่นส่งสัญญาณผ่าน Wi-Fi ได้แล้ว และมีระบบตรวจจับว่าหน้ากล้องถูกบังหรือไม่
คุณแววดาว อาจารมารยาท ผู้จัดการฝ่ายขายของ Axis ประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลกับผมว่าปัจจุบันเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดมีแนวโน้มดังนี้
ในอนาคตต่อไปเราจะได้เห็นกล้องที่บันทึกภาพขึ้นคลาวด์โดยตรง และกล้องที่ควบรวมระบบถ่ายภาพแบบปกติกับระบบ thermal image (จับภาพตามความร้อน) เข้าด้วยกัน เพื่อให้กล้องฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น จับการเคลื่อนไหวด้วยความร้อนก่อน แล้วค่อยซูมภาพไปในทิศทางนั้นๆ
กล้องของ Axis ยังมีช่องให้เสียบอุปกรณ์เสริมได้ เช่น หลอดไฟ ลำโพง หรือเซ็นเซอร์ภายนอกอื่นๆ ผ่านพอร์ต I/O
วงการกล้องวงจรปิดยังมีการรวมตัวตั้งเป็นกลุ่มมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วย โดยใช้ชื่อว่า ONVIF เน้นตลาดที่เป็นกล้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายไอพี
ปัจจุบัน Axis เป็นอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20-30% ทิ้งห่างคู่แข่ง รายได้หลักมาจากอเมริกา 47%, ยุโรป-แอฟริกา-ตะวันออกกลาง 41% และเอเชีย 12%
กล้องวงจรปิดเป็นสินค้าที่ขายได้กับทุกอุตสาหกรรม เช่น
ลูกค้าหลักของ Axis ในประเทศไทยคือ ส่วนราชการ องค์การปกครองท้องถิ่น (เทศบาลนิยมติดกล้องกันเยอะ) และมหาวิทยาลัย
Comments
แจ๋วเลย มีทั้งไฟทั้งเสียงเรียกความสนใจจากโจรให้หันมามองกล้อง
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ
น่าแถมท้ายโซลูชั่นค่าใช้จ่ายนิดนึงนะครับ น่าสนใจๆ ;)
my blog
อันนี้ต้องติดต่อไปทางบริษัทเองน่ะครับ ขนาดลงบทสัมภาษณ์แค่นี้ยังมีคนสงสัยว่าเป็นโฆษณาเลย ;)
วงการนี้ไปไกลขนาดนี้เชียว
องค์การปกครองท้องถิ่น > องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาล องค์การบริการส่วนตำบล/จังหวัด) ครับ
อันนี้เป็นข่าว หรือ โฆษณา ครับ
ข่าวครับ ถ้าโฆษณาจะแปะว่าเป็นโฆษณาครับ
เยี่ยม
That is the way things are.
เคยใช้ Print server ของ Axis ทนดีมากๆ (จำได้ว่าราคาแรงเหมือนกัน)
แล้วมี The machine ตัวนึงดักสัญญาณจากกล้องทั่วโลก ทั้งกล้องวงจรปิด กล้องโทรศัพท์ กล้องโน้ตบุ๊ก เอามาประมวลผลหาผู้ที่กำลังจะก่อการร้าย
เอิ๊กๆๆ ติด series มากไป
แล้วจะมีโทรสับดังขึ้น พร้อมทั้งภารกิจที่ต้องไปทำ ระบบสามารถเข้าถึงกล้องวงจรปิดทุกตัว มือถือทุกเครื่องแม้จะถอดแบตออกแล้ว ก็ยังสามารถใช้ได้ เพื่อเป้าหมายในการล้มล้างรัฐบาล เพราะความไม่สมบูรณ์แบบนั้นเอง 5555
ปิดแล้วจะดูยังไงอะ..........
ของเขาดีจริงครับ ขอบอก... (ถึงแม้จะราคาสูงไปนิดนึง)