เมื่อเดือนพฤษภาคม Adobe ได้โชว์อุปกรณ์เสริมสำหรับใช้งานร่วมกับ iPad ในทรงของสไตลัส และไม้บรรทัดดิจิทัล (Project Mighty และ Napoleon) แต่ยังไม่เผยข้อมูลว่าทำอะไรได้บ้าง และวันนี้ Adobe ก็ออกมาเผยข้อมูลของเจ้าอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นแล้ว

ตัวสไตลัส "Mighty" วัสดุทำจากอลูมิเนียมทั้งชิ้น มีฝาปิดพลาสติกด้านบนสำหรับฝังบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อเอาไว้ ทรงเป็นสามเหลี่ยมขอบมนบิดไปจนถึงปลาย ทั้งแท่งมีปุ่มเพียงปุ่มเดียว มีไฟ LED สำหรับแสดงผล หัวปากกาเป็นแบบแยกแรงกดได้ถึง 4,000 ระดับ แม้ทรงจะดูไม่น่าจับง่ายนัก แต่ทีม The Verge ที่ได้จับของจริงก็บอกว่าตัวสไตลัสวางตำแหน่งไว้สำหรับจับด้วยโป้ง และนิ้วชี้ได้ถนัดดี

สำหรับการใช้งานเจ้า Mighty นอกจากจะใช้กับ iPad แล้ว ยังต้องใช้กับแอพวาดภาพของ Adobe ด้วย (ซึ่งตอนนี้ยังไม่ปล่อยออกมา) ด้วยปุ่มเดียวของสไตลัสตัวนี้ สามารถก็อปปี้ภาพเก็บไว้บนกลุ่มเมฆ และเอาออกไปไว้ที่เครื่องไหนก็ได้ (ตัวสไตลัสจะจดจำข้อมูลผู้ใช้ไว้ในหน่วยความจำภายใน) รวมถึงฟีเจอร์ที่บอกไว้ก่อนหน้าอย่างการเก็บชุดถาดสี และการตั้งค่าอื่นๆ ไว้บนกลุ่มเมฆของ Adobe อย่าง Creative Cloud

การใช้งาน Project Mighty ร่วมกับ iPad ไม่ได้จำกัดฟีเจอร์แต่บนสไตลัสเท่านั้น เวลาที่สไตลัสด้ามนี้ใช้งานอยู่ ผู้ใช้สามารถแตะที่หน้าจอ iPad เพื่อ undo หรือ redo รวมถึงสามารถใช้นิ้วปาดหน้าจอเพื่อลบได้อีกด้วย โดยความสามารถนี้สามารถใช้ได้กับแอพของ Adobe อย่าง Ideas ได้แล้ว และมีแผนจะขยายไปยังแอพอื่นๆ ทั้งในเครือ Adobe และของนักพัฒนาภายนอกอีกด้วย ซึ่งทีมของ Adobe ก็เตรียมทำชุดสำหรับนักพัฒนาเอาไว้แล้ว

ข้ามมาถึงอุปกรณ์อีกตัวอย่าง Napoleon ที่เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นไม้บรรทัดดิจิทัลสำหรับ iPad ซึ่งทำมาจากอลูมิเนียม และพลาสติก (ส่วนที่สัมผัสจอ) โดยมีรูปเรขาคณิตเป็นค่าเริ่มต้นให้ทั้งสิ้น 6 รูปแบบ และมีปุ่มสำหรับเลือกรูปแบบอยู่หลายปุ่ม

การใช้งานเบื้องต้น เมื่อจับคู่ Napoleon เข้ากับ iPad แล้ววางทาบลงไปบนจอ จะปรากฏเป็นเส้นประบนหน้าจอ ซึ่งสามารถใช้นิ้วปาดลงไปเพื่อให้ลากเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เลือกไว้ได้ทันที

ตัวต้นแบบของ Napoleon ที่ทาง The Verge ได้ลองใช้ไม่มีปุ่มสำหรับเปิดการใช้งาน โดยจะเริ่มทำงานทันทีที่วางบนจอ รวมถึงปุ่มที่มีอยู่หลายปุ่มตอนนี้ ในอนาคตจะถูกลดให้เหลือเพียงปุ่มเดียว และใช้การเลือกรูปเรขาคณิตผ่านทางซอฟต์แวร์แทน

ตอนนี้ Adobe บอกว่าทั้ง Mighty และ Napoleon ยังคงเป็นการสินค้าทดลอง มากกว่าของขายจริง และน่าจะยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเข้ามาทำฮาร์ดแวร์ของตัวเองเป็นครั้งแรกของ Adobe ครับ

ที่มา - The Verge