หลังจากที่หลุดแบบยืนยันของโน้ตบุ๊กเวิร์กสเตชั่นตัวใหม่ล่าสุดเดลล์ ล่าสุดเดลล์ก็เปิดตัว Precision M3800 โน้ตบุ๊กเวิร์กสเตชั่นในงาน SIGGRAPH
โดยรุ่นนี้มีสเปกคร่าว ๆ ดังนี้
- ใช้ชิปของ Intel Core i7 สถาปัตยกรรม Haswell
- การ์ดจอ NVIDIA Quadro
- จอ 15.6 นิ้วความละเอียด 3,200 x 1,800 QHD+ ระบบสัมผัสแบบ multi-touch
- แรม 16 GB
- สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ฮาร์ดดิสก์ 1 TB หรือ SSD 512 GB
- หนัก 4.5 ปอนด์ (ราว 2.04 กิโลกรัม)
- บางเพียง 17 มิลลิเมตร
สำหรับสเปกอื่น ๆ และราคายังไม่ได้ระบุไว้
ที่มา: Engadget
Comments
จอละเอียดขนาด 3,200 x 1,800 จะใช้นิ้วจิ้มเมนูโดนไหมอะ
น่าจะจิ้มง่าย (ตอน Windows 8.1) นะครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ยังไงอะครับ
Windows 8.1 รองรับหน้าจอที่มีความหนาแน่นพิกเซลสูง ๆ แล้วครับ ขณะที่ Windows 8 ธรรมดา ถ้าจอแบบนี้รับรองว่า แม้แต่ตัวอักษรยังมองยากเลยครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แสดงว่าถ้าคอมพิวเตอร์จอละเอียดขึ้น windows 8.1 จะปรับขนาดเมนูให้ใหญ่ได้เหรอครับ
ใช่ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แต่ผมเดาว่า Win32 App ก็ยังเหมือนเดิมนะครับ (ฮา)
!?
ลืมจุดครับ แก้แล้วครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เรื่อง RAM 15 GB ข่าวต้นฉบับน่าจะพิมพ์ผิด
เพราะด้านล่างของข่าวในลิงค์ต้นฉบับก็แสดงเป็น 16 GB นะครับ
แบบนี้ ควรแปลให้ถูกต้องหรือแปลไปตามต้นฉบับเลย
ร่างหนูเพียวบางค่ะ แต่น้ำหนัก และค่าตัวหนูไม่ตามร่างนะค่ะ
ผมว่า size กับเครื่องใน น้ำหนักรวมได้ 2 กก.นี่ถือว่าทำได้ดีแล้วนะครับ รึจะเอาแบบ v5460 ดี?
โอ้!! อันนั้นยิ่งทำให้ผมจะเป็นบ้าครับ มีสล็อตแรมให้ช่องเดียว!! แต่ผมเห็นรูปร่าง M3800 มันน่าจะเบามากครับ ส่วนราคา $1,999 ผมว่าก็ไม่แพงมากนะ
ราคายังไงดีเนี่ย
positivity
ราคายังไม่ได้ระบุ ราคายังไม่ได้ระบุ ราคายังไม่ได้ระบุ ราคายังไม่ได้ระบุ!!
อ๊าาาาาาาาาากซ์ อยากรู้
ปลดปล่อยแสตนด์เหรอครับ :-)
พอรู้ราคาก็
เปล่าประโยชน์!! เปล่าประโยชน์!! เปล่าประโยชน์!! เปล่าประโยชน์!! เปล่าประโยชน์!!
ปั่นงาน ปั่นงาน ปั่นงาน ปั่นงาน ปั่นงาน!!!! ว๊ากกกกกกกก!!!!!!
The publication mentions that the starting price of the workstation will be $1,699, but could go up to $1,999 (you got to pay for the pixels).
http://www.techpowerup.com/187393/dell-to-launch-precision-m3800-mobile-workstation-with-3200-x-1800-display.html
ถ้าจริงก็ไม่แพงมากกว่า หวังว่า
จอกี่นิ้ว
ในข่าว และแหล่งที่มา ไม่ได้ระบุไว้เลยครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
15.6 นิ้วครับ อยู่ใต้ Tags ครับ
น่าใช้ดีครับ ไว้แปลงไฟล์ ตัดงานวิดีโอความละเอียดสูง คนปกติผมว่าไม่น่าซื้อใช้หรอกครับรุ่นนี้เพราะเป็น Quaddro (ราคาไม่คุ้มค่าการใช้เล่นเกม ใช้งานทั่วไปครับ) แต่ถ้าใครใช้ CPU / GPU กับงานหนักๆ พวก คำนวนตัวเลข สูตรคณิตศาสตร์ พวกทำเพลงทำวิดีโอทำหนัง พวกทำ 3d หรือ CG หนัง หรือพวกทำสถาปัตนิก Interior ไม่ก็งานพวกถ่ายภาพทำอะไรกับไฟล์ใหญ่ๆตูมๆ ทำเกมใหญ่ๆ หรือะไรเทือกนี้น่าจะใช้คุ้มครับ
ถ้าซื้อมาเล่นเกมแรงๆ หรือพวกทำงานออฟฟิส หรือพวกใช้ทั่วไปดูหนังฟังเพลงเล่นเน็ต หรือพวกกลุ่มอยากลอง Spec แรงๆ ผมว่าไม่ค่อยคุ้มนะครับ จะคุ้มคือ Resolution จอที่ใหญ่ดีครับ แต่นอกนั้นผมว่าไม่คุ้มราคากลุ่ม Consumer นะครับ
ผมเองทำพวกตัดวิดีโอ แปลงไฟล์อยู่เป็นปกติอยู่แล้ว (ช่วงนี้แปลง Cinema DNG บ่อย ไอ้ตัวนี้นี่หนักหนาสุดๆครับ มัน CPU/GPU Intensive มากๆเพราะ Software + Hardware ยังไม่ Optimized สำหรับ Codec และ Container ตัวนี้ครับ แถมไฟล์มันยังไม่มีการบีบอัดมากเท่าไหร่ด้วย .... ใช้ทีเครื่อง Xeon คู่ Macbook Pro Spec แรงสุดยังช้ากลายร่างเป็น 8088286 เลยครับ ต้องต่อ Farm ใหญ่ติดเครื่องแรงสุดๆกัน 8-20 เครื่องถึงจะพอแปลงไฟล์ในระดับทำงานสะดวกหน่อย ระหว่างที่ไฟล์ REDCODE ตอนนี้ Realtime บนเครื่องทั่วไปแล้วเพราะ Container มันมี Proxy มาให้ใช้ด้วยเลย แต่ Cinema DNG ดันไม่มีเสียอีก ก็ต้องอาศัยเครื่องแรง เครื่องแพง Throughput เทพๆ ช่วยๆกันอัด เครื่องแบบเจ้าตัวนี้คงเหมาะสำหรับทำงานหน้ากองดีครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
Container นี่หมายถึงรถที่แบก Farm มาใช่ไหมครับ ? ทำหนังใหญ่นี่ต้นทุนไม่ใช่เล่นๆเลยแฮะ
ตัวนี้ผมว่าเกิดมาเพื่อสายงานคุณชายเลย
container = ไฟล์ที่เก็บ Stream วิดีโอและ Stream เสียง
ทราบว่าเล่นมุขแต่ว่าผมขอช่วยเสริมความรู้นิดหน่อยนะครับ แฮะๆ
ไม่ได้มุขนะครับ ไม่รู้จริงๆ เลยถามแฮะๆ ขอบคุณมากครับ ผมคิดไปถึงรถสิบล้อแบก workstation ต่อ farm มีเครื่องปั่นไฟในตัว นู้นเลย แบบในหนังฝรั่งที่พวกสายลับทำกัน แต่ความจริงคนละโลกเลย XD
วิธีของคนไทยคือให้ Lab ดูแลไฟล์ทั้งหมดแล้ว Output ออกมาเป็น SD ครับ การทำงานก็จะสามารถทำได้ทุกที่ทุกแห่งทุกเวลา กับเครื่องปัจจุบันๆครับ หลังจากนั้นจึงส่งไฟล์ EDL (Editor Decision's List) ซึ่งเป็นไฟล์ที่บอกว่า "ไฟล์นี้ จากเวลานี้ ถึงเวลานี้ ไฟล์นี้ จากเวลานี้ ถึงเวลานี้" ไปให้ทาง Lab เพื่อ Match ไฟล์เหล่านี้กับตัวไฟล์ใหญ่อีกที ก็จะลดต้นทุนการมี Hardware ของตัวเองไปได้ครับ (แต่ค่า Lab ก็แพงสะบั้นหั่นแหลกเป็นล้านอยู่นะครับ ซึ่งตอนนี้งานส่วนใหญ่คือเก็บไฟล์ แก้สี แล้วก็ Output ลงฟิลม์ (น้อยมากแล้ว) กับ Harddisk (ุประมาณ 60% ของหนังไทยปัจจุบันลง Harddisk ในการฉายละครับ)
พวกคอมแบบนี้ผมจะใช้สำหรับทำงานแบบที่ไม่ผ่านกระบวนการ Lab มากกว่าครับ (หนังนอกกระแส หนังสั้น หนังทีวี) ที่จะถ่าย Resolution สูงๆ กับไฟล์แปลกๆ (เช่นถ่ายไฟล์ Cinema DNG จากกล้อง Black Magic Cinema Camera หรือ Sequencial DNG จาก กล้อง Canon 5D Mark III ที่ลง Firmware ล่าสุดของ Magic Lantern) ซึ่งมันจะตัดบน Software NLE ทั่วไปลำบากครับ เลยต้องแปลงมันออกเป็นไฟล์ที่นุ่มนวลกว่า (เช่น ProRES 4444 ถ้างาน Output ตรงเลยอย่างงานซีรียส์ทีวีสวยๆ หรือ ProRES422 สำหรับงานที่เดี๋ยวจะเอา RAW Data มาประมวนผลแก้สีใหม่ที่อื่น (เช่นงานหนังนอกกระแสที่อยากส่งเมืองนอก) อะไรทำนองนี้ครับ
ถ้างาน Studio Work ทั่วไปก็ให้ค่ายหนังเค้าดูแลค่าใช้จ่ายแล้วก็เข้าไปทำใน Lab ต่างๆเช่น สยามพัฒนาฟิลม์, กันตนา, SOHO, Technicolor ฯลฯ จะสะดวกและปลอดภัยกว่ามากครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
ผมไม่รู้ว่าใน Hollywood เค้าใช้อะไรกัน เราใช้อย่างเขาไม่ได้หรอครับ
เห็นว่าแอนิเมชั่นของ DreamWorks ใช้ HP Workstation ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ก็แล้วแต่ Configuration ของแต่ละคนเลยครับ ถ้างานด้านภาพธรรมดาหากทำงานที่พวกไฟล์มาตรฐานอุตสาหกรรมก็จะง่ายเพราะ Hardware และ Software ทำงานเข้ากันอย่างดีแล้วครับ แต่ถ้าทำงานในสายถึก (พวก CG ที่ทำงานแบบ ภาพต่อภาพ ทั้ง Cineon DPX TIFF CinemaDNG ซึ่งพวกนี้เป็นภาพมาต่อๆกันเป็นลำดับ) ก็ใช้พลังประมวนผล (และความเร็วในการอ่านเขียนของ HDD) สูงพอตัวครับ เช่นไฟล์พวก 4K ที่เป็น 16 Bits สี ที่มี Layer การแก้สีสูง (ทั้ง Tracking บนภาพหลายๆจุด ทั้ง Layer ของสีที่โดนแก้หลายๆขั้นตอน) พวกนี้กินทรัพยากรเครื่องตูมตามมากๆครับ อาจจะต้องมีคอมเป็นห้องเพื่อช่วยในการประมวนผลครับ ซึ่งแต่ละที่ก็จะใช้เทคโนโลยีและ Solution ที่ต่างกันครับ (จำได้ว่ากันตนาติดตัว Tesla เป็นห้องเลยครับสำหรับทำงานแก้สี 4K) อย่าง WETA ก็ ห้องอยู่ 3-4 ห้องที่มีทั้ง File Server ขนาดมหึมา ทั้งห้อง Server ช่วยประมวนผล (คือคนทำงานเป็นร้อยๆคนทำงานที่ 4K หลายๆ Layer และหลายๆ Elements ซ้อนๆกันน่ะครับ)
ในส่วนการตัดต่อถ้าเป็นวิดีโอเพียวๆไม่ได้มีอะไรเจือปน Hardware ตามบ้าน (ระดับสูงๆ) เช่นพวก Core i7 กับการ์ดจอแรงๆก็พอทำงานได้ครับ ถ้า 1080 นี่สบายๆ Realtime ได้นานละครับ ส่วน 2K ก็ยังทำได้อยู่ในเครื่อง High-End ฝั่ง Consumer ทั่วไปครับ ยิ่งถ้ามี Hardware ช่วยประมวนผลก็ยิ่งดีครับ (เช่น ไฟล์ R3D จากกล้อง RED มีการ์ด Red Rocket หรือ AJA/Matrox ก็มีการ์ดช่วยประมวนผลตรงนี้ครับ) ส่วน Software อย่าง Edius 7 หรือ Final Cut Pro X หรือกระทั่ง Premiere CC ก็มีความสามารถในการทำงาน Native กับไฟล์หนังได้ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเยอะครับ
แต่ถ้าไฟล์พวก Image Sequence อย่างที่เกริ่นแต่ต้นนั้นต้องใช้กำลังเครื่องเยอะๆเท่านั้นแหล่ะครับ .... ต่างประเทศก็ใช้แบบเดียวกันในการทำงานครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
เปิดหูเปิดตามากครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ตอนแรกยังมองภาพไม่ค่อยออกว่าจะกินพลัง CPU/GPU กันเยอะขนาดไหน
พออ่านเจอ TIFF ปุ๊บนี่กระจ่างเลย
มันคือการเอา TIFF 1 ภาพต่อ 1 เฟรมมาต่อกันใช่รึเปล่าครับ
แค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว ขนาด TIFF เดี่ยวๆ 1 ไฟล์นี่ยังขนาดใหญ่ยักษ์เลย
พอเอามาเรียงต่อกันจะกินพลังประมวลผลแบบทำลายล้างนี่ก็ไม่แปลกเลยครับ
ใช่ครับ ภาพ TIFF 16 Bits ที่ขนาด แบบ 2048*1107 (แล็บเมืองไทยใช้ Resolution นี้กันครับ) เวลา Playback ก็แทบตายแล้วครับ แล้วยิ่งถ้าภาพนึงมีหลาย Layers (แก้สีทีจะเป็น Non-Destructive ก็จะทาบทับภาพเดิมเป็นชั้นๆไปครับ) ก็ยิ่งกินพลังงานอีกครับ
กินสุดๆเลยทีเดียวครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
ถ้าตัวนี้ออกรุ่น Geforce มานี่จะแหล่มเลย .... อนาคตอันใกล้นี่จะเห็นโน๊ตบุ๊กจอ 4K กันแล้วสินะๆ
ถ้าเน้นเกมแนะนำ Dell Alienware ครับ :)
diet ให้เหลือซัก 1.5 กิโลได้มั้ย จะกำตังค์วิ่งไปซื้อเลยยยยย