Ken Segall ผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญโฆษณาชื่อดังของแอปเปิลอย่าง "Think Different" เขียนบล็อกถึงมุมมองของแอปเปิลต่อตลาดมืออาชีพที่เปลี่ยนไป โดยในบล็อกดังกล่าวได้อ้างถึงคำพูดของสตีฟ จ๊อบส์ที่ครั้งหนึ่งเกือบตัดสินใจเลิกทำผลิตภัณฑ์จับกลุ่มมืออาชีพ หรือซีรีส์ Pro ทั้งหลายนั่นเอง
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่แอปเปิลกำลังกลับมาในตลาดพีซี โดยมี iMac เป็นตัวชูโรง อุปกรณ์พวก Pro ทั้งหลายที่แม้จะทำเงินได้มากกว่าต่อชิ้น ก็ไม่สามารถเทียบได้กับตลาดผู้ใช้ทั่วไปที่กำลังขาขึ้นอยู่ได้
แม้ว่าอุปกรณ์กลุ่ม Pro จะยังไม่หายไปจากแอปเปิล แต่ความเร็วในการพัฒนากลับตกลงจากฮวบอาบ ตัวอย่าง Mac Pro ที่เพิ่งโชว์รุ่นใหม่ในงาน WWDC ก็นิ่งมากว่าสามปีแล้ว นี่ยังไม่รวมถึงส่วนอื่นๆ อย่าง MacBook Pro 17" ที่หายไป Aperture ที่ไร้การอัพเดตใหญ่ และ Final Cut Pro X ที่ถูกปรับจนแทบไม่เหลือเค้าความเป็นซอฟต์แวร์สำหรับมืออาชีพอยู่แล้ว ในเรื่องทิศทางแอปเปิลกับตลาดมืออาชีพ
Ken Segall สรุปไว้ว่าอุปกรณ์สำหรับมืออาชีพจะยังมีอยู่ต่อไป แต่แอปเปิลเองก็ยังคงเดินออกห่างจากตลาดมืออาชีพเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ฝั่งมืออาชีพคงต้องปรับตัวตามกันไป
ที่มา - Macrumors
Comments
แล้วโปรทั้งหลายก็จะหนีไป Windows 8 กันเอง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนมีแต่คนหนีออกนะฮะ ฮา
แต่ส่วนแบ่งมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะฮะ
เพื่อนผมที่(กว่าจะ)ยอมเปลี่ยนมาใช้ ก็ชอบกันแทบทุกคนนะฮะ(ยกเว้นพวกบ้าเกมออนไลน์) //ผมนี่แหละเชียร์เอง
คือผมว่านอกจาก Start Menu ที่ถูกเอาออก ฟังก์ชันดีๆก็ยังอยู่ครบแถมเพิ่มมากเรื่อยๆ ที่สำคัญลื่นปรื๊ดเบย
แต่ผมเริ่มรู้สึกว่าผมใช้ Start Screen เร็วกว่า Start Menu แล้วแหะ
+8.1
สำหรับผมตอนแรก Start Screen เหมือนยาขม ไม่ถึงขั้นทนไม่ได้ รับไม่ได้ แค่พะอืดพะอม แต่ต้องทนใช้เพราะชอบ Performance ของ 8 มากกว่า 7 แต่เดี๋ยวนี้พอชินกับ Start Screen แล้วกลับไปใช้ Start Menu ใน 7 รู้สึกว่าอึดอัดมาก ทำไมมันเล็กจิ๋วขนาดนี้
ผมก็ชอบ start screen ครับ สะดวกดี
พิมพ์หาโปรแกรม เร็วขึ้น จากปกติที่กดปุ่ม Start แล้วไล่หา เดียวนี้ พิมพ์หา เร็วดี
เคยชินกับการพิมพ์หาอยู่แล้วตั้งแต่ windows 7 (ไม่ได้ใช้ vista จาก xp แล้ว 7 เลย)
ใน desktop จะไม่มี shortcut อะไรเลย ก็แค่ start > พิมพ์ > enter
แต่รู้ศึกว่า windows 8 จะลำบากหน่อยเพราะแบ่ง
All Programs, Setting, etc
ช่วงนี้ใช้ mac ก็ใช้ spotlight กับ launchpad
แต่ก็ ลำบากตรงไม่รู้ short key ของการเรียก spotlight
Cmd + Space ครับ
"Ken Segallเผย" เว้นวรรคด้วยครับ
Final Cut นี่แย่จริง น่าตัดคำว่า Pro ทิ้ง
"เกือบเลิกทำอุปกรณ์จับตลาดมืออาชีพไปแล้ว" ยิ่งอ่านยิ่งงงง่ะ
ผมอ่านไปสามรอบจนต้องเข้ามาอ่านเนื้อหา ฮา
เปลี่ยนเป็น สินค้าสำหรับตลาดมืออาชีพ ก็น่าจะดีนะ
+1 ถ้าเปลี่ยนจาก "จับ" เป็น "สำหรับ" น่าจะเข้าใจง่ายกว่ามาก ถ้าจะใช้คำว่าจับ รูปประโยคน่าจะเป็น "แอปเปิ้ลเกือบเลิกจับตลาดอุปกรณ์สำหรับมืออาชีพ" มากกว่านะ ผมว่า
ตอนนี้ก็เหมือนจะเลิกละ
ผมว่า apple อาจจะพลาดก็ได้ ตลาดมืออาชีพนี่แหละเป็นตลาดที่มั่นคงที่สุด อาจจะเรียกยอดขายตอนนี้ได้แต่ต้องยอมรับว่าตลาดของ user ธรรมดาไม่ยืนยาวเปลี่ยนตามกระแสไปเรื่อยๆ
+1
จริงๆ Jobs ก็พลาดได้
ผมว่ายุคนี้ช่วงนี้ ตลาด windows กำลัง เป็นขาลง apple น่าจะรีบ ทุมตลาดกลุ่โปรให้หนักกว่านี้นะครับ
ใครใช้ Final Cut Pro X ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยอยากรู้ว่าทำไมถึงแทบไม่เหลือเค้าความเป็นซอฟแวร์มืออาชีพ
ผมคิดว่าปัญหาที่คนมีกับ FCPX แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือเรื่องของคุณสมบัติขั้นสูงที่หายไป กับการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของการตัดต่อวิดีโอ
ประเด็นแรกด้วยความที่ว่า FCPX เขาพัฒนาใหม่ตั้งแต่ต้น (ด้วยเหตุผลที่จะอยู่ในประเด็นที่ 2) จริงๆ ในเชิงเทคนิกมันเลยไม่ค่อยแปลกที่จะค่อนข้างยากที่จะคงฟีเจอร์ที่เดิม FCP7 ทั้งหมดเคยมี ทีนี้มันก็เลยขัดกับความรู้สึกคนปกติที่ว่าของเวอร์ชันสูงกว่ามันควรจะมีฟีเจอร์มากกว่าหรือเท่ากับของเก่า ตรงนี้ผมคิดว่าแอปเปิลเองก็พลาดตรงที่ตัดสินใจที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกมาก่อนที่จะสามารถอิมพลีเมนต์ฟีเจอร์ได้เท่าของเก่า หรือที่ตอนเปิดตัวครั้งแรกไม่สามารถสื่อสารกับตลาดได้ชัดเจนว่ามีฟีเจอร์อะไรที่ FCP7 มีแต่ FCPX ไม่มี แถมตอนแรกไม่เปิดทางเลือกให้คนยังสามารถซื้อ FCP7 ได้ด้วยก็เลยยิ่งทำให้เป็นปัญหาขึ้นมา
ถ้ามองในเฉพาะเรื่องของฟีเจอร์โดยส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่าแอปเปิลมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้ FCPX มีฟีเจอร์น้อยลงถ้าเทียบกับ FCP7 เพราะตลอดเวลาเท่าที่ผมตามข่าวมาตลอดแอปเปิลก็พยายามออกอัปเดทให้ FCPX มีคุณสมบัติขั้นสูงเทียบเท่ากับ FCP7 อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นปัญหาจึงไปอยู่ที่เรื่องของการสื่อสารที่ชัดเจน กับการสร้างทางเลือกให้กับลูกค้ามากกว่า แต่ด้วยความเชื่อลึกๆ ผมก็ยังเชื่อว่าจะยังต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่า FCPX จะสามารถตามรอยฟีเจอร์ขั้นสูงของ FCP7 ได้ทันหมดครบถ้วน
ส่วนในประเด็นที่ 2 ผมคิดว่าแอปเปิลพยายามจะนำเสนอกระบวนการตัดต่อวิดีโอที่แปลกใหม่ออกมา ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าแนวคิดอย่าง Magnetic Timeline, Attatched Clip หรือการพยายามซ่อนระบบ file system แบบดั้งเดิมออกไปด้วยการใช้ระบบ Event/Project เข้ามาแทนที่มันเป็นอะไรที่มันจะขัดกับความเข้าใจเดิมของคนที่เคยทำงานตัดต่อวิดีโอแบบเดิมอยู่มาก เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแตกต่างไปตามบุคคล อย่างถ้าใครรู้สึกชอบก็จะชอบไปเลย หรือใครไม่ชอบไม่คุ้นอยากใช้แบบเก่ามากกว่าก็จะรู้สึกไม่ชอบหนักๆ ไปเลย ซึ่งดูเหมือนว่าคนส่วนมากจะไปในทิศทางที่ไม่ชอบมากกว่า
โดยส่วนตัวตอนผมลองใช้แรกๆ ก็จะรู้สึกขัดๆ อยู่นิดๆ เพราะเราไม่คุ้น (เช่น พอลากคลิปออกมาจากที่เราจะเอาออก เฮ้ยไอ้อันข้างหลังเด้งมาติดกับอันข้างหน้าเฉย ซึ่งเป็นอะไรที่ขัดกับความรู้สมัย FCP7) แต่พอใช้ๆ ไปจนเริ่มคุ้น โดยส่วนตัวผมก็รู้สึกว่าวิธีการใหม่เขาออกแบบมาด้วยความที่อยากให้ workflow การทำงานของคนตัดต่อมันเร็วที่สุด อย่างตอนนี้สิ่งที่ผมสังเกตได้ก็คือ ผมทำงานบน FCPX ได้เร็วกว่าสมัย FCP7 มากๆ แต่แน่นอนว่ามันก็จะโอเคเฉพาะกับงานที่เราไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างแต่งสีละเอียดๆ หรือ filter/render ที่ซับซ้อนที่ FCPX ยังไม่มี หรือถ้ามีแล้วบางทีก็เปลี่ยนไปจนเราต้องมาเสียเวลาทำความเข้าใจกับมันใหม่
สรุป ผมคิดว่าด้วยวิสัยทัศน์ของคนพัฒนาเองดูไม่ได้ตั้งใจที่จะอยากหนีจากความเป็นมืออาชีพสักเท่าไหร่ แต่ภาพที่ออกมาตั้งแต่ฟีเจอร์ที่หาย วิธีการที่เปลี่ยนไป ไปจนถึงอินเตอร์เฟซที่ดูคล้าย iMovie มากๆ มันชวนให้เรารู้สึกว่ามันไม่มืออาชีพเสียเลย ซึ่งตราบเท่าที่ผู้ใช้รู้สึกว่าเป็นปัญหา ก็คงต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาของทางฝั่งผู้ผลิตที่ต้องหาวิธีแก้ไขกันไปครับ
Wow o_O!
ตอบได้ละเอียดดีแท้ ขอบคุณครับ ^_^
ส่วนตัวไม่เคยใช้ Final Cut Pro พออ่านข่าวเจอก็เลยสงสัยนิดหน่อย แต่ตอนนี้เคลียร์แล้ว
คือ เราเคยตัดงานด้วย Cut Pro X เราจะเร่งสปีดคลิปด้วยความเร็วที่เรากำหนดเองเช่น 175.58% เราหาไม่เจอ รุมกับเพื่อน 2-3 หาไม่เจอ มันบังคับต้อง 1X 2X กำหนดเลขเองไม่ได้ มีปัญหากับการตัดต่อหนังของเรามากกกกกกกกกกกกกกกกก ลบทิ้งกลับใช้ใช้เวอร์ 7 สบายใจแฮ
แต่ความเร็วในการพัฒนากลับตกลง"จากฮวบอาบ"
น่าจะใช้เป็น "อย่างมาก" ฮวบฮาบ ผมว่ามันออกแนวภาษาพูด (ผมไม่แน่ใจว่าผมสะกดถูกหรือเปล่าด้วย)
ก็แนว จ๊อบ ละมังครั้บ คิดแทนคนใช้ทั้งหมด
"ข้าว่าอย่างนี้ดี เอ็งก็ต้องใช้อย่างนี้ล่ะ"
ฮวบฮาบมันได้ฟิลลิ่งดีนะครับ XD
แต่จ๊อบส์ก็ทำได้นะ คิดแทนทั้งหมด แล้วสาวกก็คล้อยตามไปหมด
คล้ายๆ นิกายจานดาวเดียวเลย ต่างกันแค่ ไม่แต่งนิยายหลอกคน
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.