นอกจากเคสที่เปลี่ยน iPhone เป็นกล้องถ่ายภาพความร้อนแล้ว ในงาน CES 2014 ยังมีเคสที่เปลี่ยน iPhone ให้เป็นที่ช็อตไฟฟ้าสำหรับใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวอีกด้วย
ชื่อของมันคือ Yellow Jacket ซึ่งเป็นเคสที่พัฒนาโดยบริษัทชื่อเดียวกัน ทั้งนี้เมื่อแรกเริ่ม Yellow Jacket เป็นโครงการที่ระดมทุนผ่าน Indiegogo เมื่อปี 2012 โดยมีผลิตภัณฑ์รุ่นแรกเป็นเคสช็อตไฟฟ้าสำหรับ iPhone 4 หรือ 4s ทว่าล่าสุดในงาน CES 2014 ก็มีเคสรุ่นต้นแบบสำหรับ iPhone 5 และ iPhone 5s มาจัดแสดงแล้ว ทั้งนี้ในอนาคต Yellow Jacket ยังมีแผนที่จะสร้างเคสสำหรับ Samsung Galaxy S4 อีกด้วย
เคส Yellow Jacket มีวงจรเพิ่มแรงดันไฟฟ้าได้สูงถึง 650,000 โวลต์ และแม้ในขณะที่ทำการปล่อยกระแสช็อตออกมา iPhone ก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติโดยไม่เกิดปัญหาจากผลพวงของไฟฟ้าแรงสูงแต่อย่างใด
สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นแรกเพื่อใช้งานกับ iPhone 4 และ 4s นั้น มีราคาขายชิ้นละ 99 ดอลลาร์ ส่วน Yellow Jacket รุ่นใหม่สำหรับ iPhone 5 และ 5s จะเริ่มวางขายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ในราคาชิ้นละ 149 ดอลลาร์
สามารถดูภาพของเคสสำหรับ iPhone 5 และ 5s พร้อมวิดีโอสาธิตการใช้งานเคสสำหรับ iPhone 4 และ 4s ได้ท้ายข่าว
Comments
จะว่าดีก็ดี แต่ก็อันตราย เผลอกดทีซ็อตคนเป็นว่าเล่น
ในไทย ถ้าพกของแบบนี้ไว้ป้องกันตัว อาจโดนจับได้นะครัช 555
จะมีกี่คนได้ใช้งานจริง
ฝรั้งบางคนก็อยากพกครับ เค้าว่าปลอดภัยดี เพราะบ้านเค้าพกปืนใด้อิสระกว่าบ้านเรา
... แต่เอามาแปะกับมือถือ ผมกลัวหน้าจอแตกตอนเอาไปชอตใครมากๆเลย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เท่าที่ผมเคยรู้มา เครื่องช็อตทำนองนี้ ถ้าพกพาจะผิดกฎหมายโทษแรงมากนะครับ
โทษแรงกว่า พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติซะอีก
อ้างอิงจากความจำผม แต่ถ้ามีคนไม่เชื่อถือผมจะพยายามไปหาแหล่งอ้างอิงมาให้ หรือว่าใครรู้แหล่งอ้างอิงแน่ชัดก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ
ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจก่อนว่า เครื่องช็อตไฟฟ้าเป็นอาวุธโดยสภาพอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่พกอาวุธไปไหนต่อไหน จะโดนเรื่องนี้แน่ๆครับ
มาตรา ๓๗๑ (พกอาวุธในที่สาธารณะ)
ผู้ใดพกอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาทและให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น
แต่ถ้าเิกิดเอาไปก่อเหตุอะไรขึ้น ก็ต้องดูมาตราอื่นกันต่อไป
ขอเลยไปเรื่องเสปร์ยพริกไทยด้วย
ที่ว่าเมื่อก่อนมีการแชร์กันว่าโทษมันร้ายแรงกว่ามีปืนอีก...........
จริงๆแล้วมันดันไปขัดกับ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เขียนไว้ว่า
"ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญที่ใช้เพื่อขัดขวางระบบการทำงานของร่างกายเป็นการชั่วคราวเพื่อการป้องกัน ตัวหรือทำร้ายผู้อื่น เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 โดย ห้ามมิให้ นำเข้า จำหน่าย พกพา สำหรับผู้ที่ฝ่าผืนมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับ 1,000,000 บาท"
แล้ว อ.ย. บ้านเราตีความ "ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญที่ใช้เพื่อขัดขวางระบบการทำงานของร่างกาย" ว่ารวมไปถึงสเปร์ยพริกไทยด้วย มันเลยตกเข้าโทษข้อนี้ครับ
ขอบคุณที่ช่วยเพิ่มเติมความรายละเอียดนะครับ
ถ้ากฏหมายเป็นแบบนี้ พกปืนเลยดีกว่า
อนาทจริงๆประเทศไทย แล้วควรจะใช้อะไรป้องกันตัวเอง ???
สงสัยต้องเรียนศิลปะการต่อสู้อย่างเดียวล่ะมั้งครับถึงจะไม่ผิดกฎหมาย
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ขออนุญาตอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมให้เป็นปัจจุบันนะครับ
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่อ้างถึงคือ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง รายชื่อวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 แก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศ พ.ศ.2546 พ.ศ.2547 และ พ.ศ.2548
ต่อมามีการประชุมหารือและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สเปรย์ป้องกันตัว เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 เวลา 9.30น. – 12.00น. มีรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานที่ประชุม
โดยที่ประชุมมีมติให้ เห็นชอบให้มีการผ่อนปรนให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์สเปรย์ป้องกันตัวได้ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สรุปรวมข้อคิดเห็นเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตราย ขอแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับเปลี่ยนการควบคุมผลิตภัณฑ์สเปรย์ป้องกันตัวจากการเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งห้ามผลิต โดยต้องมีการขออนุญาตก่อน ลักษณะเดียวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 รวมทั้งเสนอให้พิจารณากำหนดหน่วยงานรับผิดชอบกำกับดูแลที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา - ThaiBodyGuard.com
อีกเรื่องคือ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2554
สเปรย์พริกไทย ผลิตขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้ฉีดพ่นเพื่อยับยั้งบุคคลหรือสัตว์ร้ายมิให้เข้าใกล้หรือทำอันตรายผู้อื่น ผู้ที่ถูกฉีดพ่นสารในกระป๋องสเปรย์ใส่จะมีอาการสำลัก จาม ระคายเคืองหรือแสบตา หลังจากนั้นไม่นานก็สามารถหายเป็นปกติได้ เห็นได้ว่า การผลิตสเปรย์พริกไทยดังกล่าว มิได้ผลิตขึ้นเพื่อทำร้ายผู้ใด จึงไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ ทั้งไม่อาจใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ สเปรย์พริกไทยจึงไม่เป็นอาวุธตามความหมายของ ป.อ. มาตรา 1 (5)
ที่มา - ระบบสือค้นคำพิพากษาศาลฎีกา
เพราะฉะนั้น การพกสเปรย์พริกไทยในปัจจุบัน ถ้าได้รับอนุญาตแล้วไม่เป็นความผิดครับ
ปล.ในทางปฏิบัติแล้ว ปกติตำรวจจะไม่รู้เรื่องประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้น ตำรวจคงไม่จับครับ หรือสั่งฟ้องก็สั่งตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) ข้อหาพกพาอาวุธในที่สาธารณะ ซึ่งศาลจะยกฟ้องตามแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาครับ
A smooth sea never made a skillful sailor.
นั่นสินะครับ - -" จะว่าไป ขนาดตำรวจจราจร ยังไม่รู้เรื่องกฎจราจรเลย จะหวังให้ตำรวจทั่วไปรู้ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมนี่คงยากขึ้นไปอีก
ไม่รู้ยังพอว่าแต่ตำรวจจราจรที่ทำผิดกฏจราจรนี่สิยังเห็นกันเกร่อเลย (หน้าออฟฟิศผมเห็นทุกวัน ขี่มอไซค์ย้อนศร บนทางเท้ามารับลูกไม่สวมหมวก)
คนทำงานกฎหมายไม่มีใครรู้กฎหมายทุกฉบับครับ กฎหมายระดับพระราชบัญญัติ ที่มีผล active มีมากกว่า 500 ฉบับ แต่ละฉบับอาจมีกฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ฯลฯ ย่อยลงไปได้อีก
เพราะฉะนั้นตำรวจจะไม่รู้กฎหมายอื่น ๆ บ้างก็ไม่แปลกครับ แต่ถ้าตำรวจจราจรคนไหนไม่รู้กฎจราจรแปลว่าตำรวจ "คนนั้น" ไม่ใส่ใจในวิชาชีพของตนเองครับ
A smooth sea never made a skillful sailor.
สำหรับคนที่คิดว่าพกปืนไปเลยดีกว่า
ต้องเปิดดู พ.ร.บ.อาวุธปืนครับ
แล้วจะเห็นว่ามันไม่ได้คุ้มเลยที่จะพกไปไหนมาไหนโดยไม่จำเป็น
โทษหนักกว่ามีด หรือ เครื่องช็อตไฟฟ้าแน่นอน
ยิ่งถ้าปืนไม่มีทะเบียน หรือ ผิดมือ ............ นอนรอลุ้นถึงศาลอุทธรณ์ได้เลยครับ
ชั้นต้น โดนตันสินจำคุกแน่นอน ตามกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนครับ
อาวุธร้ายแรง!!
ยังไงผมว่ามันก็ไม่เข้ากันนะ พกแยกจะดีกว่า
แต่มันอันตรายตรงที่ใครไม่อ่านข่าวนี้คงคิดว่าเป็นเคสไอโฟน ถ้าเกิดคนร้ายทำเป็นโทรศัพท์พอใกล้เหนื่อก็ช็อตไฟเอาของมีค่าไป
จิ้มๆมือถืออยู่โดนช็อตจะทำไง
ผมกลัวใส่กระเป๋ากางเกงแล้วโดนช๊อต
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
เมืองไทย ถ้าพกพวกนี้โดนจับครับ สเปรย์ป้องกันตัว เช่น สเปรย์พริกไทย ก็โดนจับได้เช่นกัน
เหอๆ
ไม่ใส่เคสนี้ก็ช๊อตคนตายมาแล้วนี้ครับ