จั่วหัวให้เวอร์เข้าๆ ไว้แต่จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกับพวก "ทำงานที่บ้าน งานพิเศษ รายได้เสริม" อะไรแบบนี้นะครับ แต่เป็นประเด็นของการทำงานแบบ virtual office หรือ remote login ซึ่งกำลังทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งเทรนด์ในระดับโลกเอง และปัญหาจากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง (เช่น น้ำท่วมหรือการชุมนุม)
ผมเชื่อว่าผู้อ่าน Blognone คงคุ้นเคยกับบริการออนไลน์อย่าง Dropbox/Google Drive, การประชุมผ่านเว็บ, การบริหารโครงการผ่านเว็บกันอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นการใช้งานแบบส่วนตัวเป็นหลัก (ซึ่งก็ตอบโจทย์ในระดับหนึ่ง แต่อาจยังไม่เหมาะสำหรับการทำงานขององค์กรที่ใหญ่ขึ้น)
Ask Blognone ตอนนี้จึงอยากเชิญทุกท่านที่มีประสบการณ์ด้านการทำงานระยะไกลผ่านเน็ตในองค์กรต่างๆ มาแชร์ข้อมูลกันว่า ใช้เครื่องมืออะไร องค์กรมีนโยบายแบบไหน (เช่น ทำงานระยะไกลได้แต่ต้องผ่าน VPN เท่านั้น) อะไรที่เวิร์คและไม่เวิร์ค เพื่อเป็นประโยชน์กับองค์กรอื่นๆ ที่อยากเริ่มใช้นโยบายการทำงานนอกออฟฟิศในอนาคต
Comments
อยู่ NECTEC ครับ พอดีโครงการที่อยู่ ติดตั้งไปในจังหวัดนำร่องแล้ว ซึ่งระบบปกติทำงานในฝั่ง back-end ที่เป็น network ที่ต้องผ่าน VPN อยู่แล้ว ดังนั้นชิวๆ ครับ ระบบมีปัญหาก็ต่อ VPN ไปดูได้สบายๆ
ในส่วนฝั่งองค์กรที่ต้องการใช้ Intranet จะแบ่งเป็นส่วนที่ไม่ต้องผ่าน VPN (ระบบ mail, ทั่วไป) กับที่ต้องต่อ VPN ก่อน (ใช้ Network connect โดยจะเป็นส่วน E-Hr, management server ที่ในวงตึก, และระบบอื่นๆ)
ซึ่งถ้าขยันกับ Java เป็นประจำจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรครับ
[น้ำ]ทำงานเป็น Freelance บริษัทแถวๆภาคอิสานครับแต่จับพลัดจับผลูเป็นพนักงานบริษัทแบบไม่ได้ตั้งใจ เหตุเพราะต้องทำงานหลายๆอย่างเลยไม่ค่อยได้อยู่ออฟฟิต (ทำจ็อบเดียวจนตายห่-)
[เนื้อ]แต่เดิมก็ทำแบบ Remote Desktop ตั้งแต่บริษัทเปิดทำการครับ แค่เปลี่ยน Port + SSL ส่วนระบบใหม่จะย้ายเป็น VPN หมดแล้ว แต่ก็คาดว่าจะมีตีกันกับคนภายในเพราะแต่ละคนเป็นแหล่ง Farm Malware ชั้นดีเลย เกรงว่าจะโดนเจาะเอาข้อมูลไปได้
เรื่องไฟลงาน เก็บลง Dropbox หมดครับทำให้เปิดจากคอมใครก็ได้
แต่เรื่องระบบ SAP กับ โปรแกรมเฉพาะทางอื่นๆ บริษัทให้ต่อผ่าน VPN ครับ
แต่ ณ ปัจจุบัน VPN เหมือนจะล่มไปแล้ว 555
ปล.อยู่บริษัทพลังงานแห่งหนึ่งครับ
VPN เพื่อใช้ระบบ intranet, ERP, AD และ office communicator ในการสื่อสาร / คุยงาน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ปัจจุบันที่ทำงานผม ใช้ Google app ครับ เรื่องการเข้าถึง เมล์ จากนอก office เลยไม่เป็นปัญหา
ส่วน ถ้าต้องการใช้ ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมก็ใช้ VPN connect office ครับ
ประกอบกับผมเองเป็น Technical service ลูกค้าเลยมี VPN รองรับอยู่แล้วเลยจริง ๆ แล้วทำงานที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว ^_^b
โรงงานน้ำตาล ไม่เปิดระบบทำงานเข้าจากภายนอกครับ
ใช้ได้แต่ระบบเมล์ภายใน Outlook
แม้แต่เมล์@ชื่อ บ. เค้าก็ให้แต่ผู้บริหารระดับสูงกับบางหน่วยงานครับ T_T น้อยใจ
ส่วนพวกผู้บริหารใหญ่ใช้ Outlook Web App ครับ
ทำงานที่บ้าน บริษัทผมใช้ VPN Remote Desktop เข้าเครื่อง server ครับ (ปกติใช้คอมโต๊ะ แค่ถ้าอยู่บ้านก็ remote ไป)
ใช้การสือสารหลักๆใช้เมล(outlook exchange) ตามงานกันใน line ไม่ทันใจก็โทรตาม
ปัญหายังไม่พบเพราะยังไม่ได้ลองใช้เลยครับ - -
ที่ทำงานผม จะให้ vpn เข้าทำงานได้ต้องบอกเหตุผลที่สมควรกับหัวหน้าของตัวเอง ถ้าเหตุผลโอเคก็จะอนุมัติให้เป็นรายคนไป แต่ถ้าเกิดเหตุอย่างชุมนุม ก็จะส่ง sms ไม่ก็ line บอกพนักงานเลยว่าให้ทำงานที่บ้าน
บริการต่างๆอย่าง file server,intranet กับไฟล์งานจะให้เข้าใช้ได้ก็ต่อเมื่อต่อ vpn แล้ว จะมีเมลเท่านั้นที่ต่อผ่านข้างนอกได้
ไฟล์งานต่างๆ ห้ามส่ง/วาง/ฝากไว้กับบริการสาธารณะเช่น dropbox,box เด็ดขาด รวมถึงรหัสผ่านต่างๆ ห้ามส่งผ่านส่งไปส่งจากเมลส่วนตัว ให้ส่งด้วยเมลที่ทำงานเท่านั้น
เป็นกองบรรณาธิการ เว็บไซต์ต่างประเทศ(แต่ผมทำ Thai edition นะ) ก็ virtual office แทบจะ 100% กันทุก edition ครับ เนื้อหาทำผ่าน CMS เดียวกันหมด ทีมงานไทยติดต่อกันผ่าน facebook group นี่ล่ะครับ เพราะชินแล้ว (มี minigroup ด้วย แต่ร้างมานานแล้ว) ส่วนติดต่อกับทีมงานต่างประเทศ ใช้เมลภายใน(แต่จ้าง google ทำ) มีใช้ skype บ้างตามวาระ
อ้อ ลืม ใช้ dropbox กับ copy เก็บไฟล์ครับ
VPN GIT Teamview(เข้าเครื่องที่ออฟฟิช) แชตกันใน Skype โยนนงานผ่าน Dropbox
ระบบงานภายในของ User ที่ใช้งานผ่านเว็บ ให้เข้าผ่าน Forefront TMG จาก Internet ทะลุมา Internal Network แบบไม่ต้องต่อ VPN ครับ
ส่วนงานที่รันบน legacy บางงาน ก็ยังคงต้องเข้า Office อยู่ดี (เช่น รันบน Oracle Form, Win 3.11)
สำหรับทีม IT ถ้าต้องการใช้เครื่องที่ทำงาน ตอนนี้ใช้ต่อ VPN แล้ว Remote Desktop ไปเครื่องที่ทำงานอยู่ครับ
คอมบริษัทเป็น Laptop
ฉะนั้นไฟล์งานส่วนตัวก็อยู่ใน Laptop ที่ติดตัวแทบตลอดอยู่แล้ว เวลาส่งไฟล์ก็ส่งเมล์กัน
E-Mail นั้นถ้าคอมประจำไม่อยู่กับตัว ก็เข้าแบบ OWA (ไม่ต้อง VPN) + เซ็ท E-Mail ในมือถือ
ส่วนใน Laptop นั้นดูด E-Mail จาก internet ได้ ไม่ต้องเข้า intranet
ระบบเอกสายภายใน
ลูกค้าบางรายใช้ Office Share Point บ
างรายใช้ map network drive ด้วย internal ip
ทั้งหมดต้อง VPN
เวลา support ก็ VPN เข้าไป (ใช้ VPN ตัวไหนขึ้นอยู่กับ infra ของลูกค้าแต่ละราย)
ปัญหาคือบางเจ้าจู้จี้เรื่อง Security ก็ออก VPN account ให้ไม่ครบคน ต้องแชร์กันใช้แล้วเวลาที่ issues เยอะๆ คนดูหลายคนก็เกิดปัญหาเตะกันไปเตะกันมา
เป็น Freelance เคยร่วมทำโปรเจคท์แปลเกมโปรเจคท์สั้นๆ ครับ
ร่วมกันทำกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นนักแปล ผมทำในส่วนของการตรวจเช็คคู่กับพี่อีกคน
สมาชิกในกลุ่มที่ทำอยู่กันกระจัดกระจายหลายที่ อยู่ต่างประเทศก็มี
ตอนคุยงานเลยใช้ Line คุยกันเป็นหลัก ถ้ามีอะไรด่วนค่อยโทรตามกัน
ส่วนที่ต้องแปลเป็นพวก interface, เนื้อเรื่อง, บทพูด, ชื่อไอเท็ม, ชื่อเควส, คำอธิบาย ฯลฯ
ตอนทำใช้วิธีแชร์โฟลเดอร์ Google Drive งานที่คนแปลส่งมาจะเป็น .txt , .doc, .xls
ซึ่งสามารถนำมาแก้ไขต่อบน Google Docs+Sheets ได้เลย
เนื่องจากแบ่งเนื้อหากันแปลหลายคน แต่มีศัพท์เฉพาะที่ต้องใช้ร่วมกัน ต้องถอดวิธีสะกดให้ตรงกัน
บุคลิกลักษณะตัวละคร สำนวนการพูดก็ต้องแปลออกมาให้ตรงกัน
จุดนี้ Google Sheets มีประโยชน์มาก เวลามีคำไหนแก้ไข หรือคำที่มีคนอื่นแปลไปแล้วสะกดไว้ยังไง
ทุกคนสามารถดูจากตารางที่อัพเดตแบบเรียลไทม์ได้ ส่วนถ้าคำไหนมีปัญหาก็ยกไปปรึกษากันใน Line
นอกจากนั้นตอนแบ่งงานว่าใครแปลส่วนไหน หรือเช็คสถานะการส่งงาน
ก็ใช้การอัพเดตตาราง Google Sheets เอา
คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ล่ะครับ :3
[บริษัทธุรกิจครอบครัว]
CRM รัน Google Apps
ERP เป็นระบบ Web Application
ดังนั้นทำงานที่บ้านก็เข้าเว็บเซิร์ฟเวอร์หลังบ้านเลยครับ
ส่วนระบบความปลอดภัยบอกไม่ได้ครับ แต่มั่นคงแน่นอน
ผมเห็นว่า VPN เป็นเรื่องของ Power User ฝ่าย IT ครับ
ส่วนผู้ใช้ User ทั่วไป ต้องการอะไรง่ายๆ เข้าใจง่าย ใช้งานง่าย ก็คงต้องทำแบบด้านบนแหละครับ
แต่ถ้าบริษัทที่ทำอยู่ตอนนี้เปิดเผยไม่ได้ครับ เพราะค่อนข้างเป็นความลับ และล้ำหน้ากว่ามาก
จั่วมาซะอยากรู้เลยครับ เน้นว่าความลับสองรอบเนี่ยะ :)
งานบริษัท
ที่บริษัทลงโปรแกรม VPN ให้หลายๆ แบบซึ่งทำให้ work@home ได้เลย แต่จะเข้าในส่วนที่เป็น server zone ของลูกค้าไม่ได้เท่านัน อันนั้นต้องไปที่ site เองถึงจะเข้าได้
เรื่องส่วนตัว
ใช้ dropbox กับทุกๆ ไฟล์ที่ต้องใช้เป็นประจำ เพราะปัจจุบันทำงานกับเครื่อง computer 3 เครื่องซึ่งเป็นเครื่อง office และเครื่องตัวเอง เลยไม่อยาก copy file ข้ามไปมาเพราะจะทำให้สับสนเปล่าๆ พวกไฟล์ที่วางใน dropbox เช่น บันทึกต่างๆ หรือ งานที่มหาลัย และเรื่องอื่นๆ กับอีกเหตุผลนึงคือ ทำเป็น backup site ไว้ด้วย เพราะถ้าเกิดเครื่องที่บ้านซักเครื่องมีปัญหาไป ก็ยังไปเอาไฟล์ที่เครื่องอื่นหรือที่ server มาใช้ได้ ส่วนไฟล์ไหนที่เป็นส่วนตัวหน่อย ก็จะทำการล็อคด้วย password ซ้ำไปอีก 1-2 ชั้นแล้วแต่ไฟล์ไป
ทำบริษัท SI แต่ออกมา Standby ไซท์ลูกค้าซึ่งเป็นธนาคารครับ
สาขาใหญ่อยู่ใจกลางย่านธุรกิจ กทม เลยต้องหอบงานมานั่งทำสาขาย่อย ไม่มี VPN เพราะเขาไม่ให้ -_-
ข้อมูลส่วนใหญ่อยู่ใน Laptop ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าจะทำงาน Network ก็จิ้มสาย Console เข้าไปที่ Router สาขาแล้ว Telnet กลับเข้าไปที่ Core
แต่ถ้ามีปัญหานอกสถานที่ก็ Call กลับบริษัทครับ ส่ง Engineer ไปยังไซท์งานให้เรา แล้วใช้ Teamviewer Remote ไปยัง Laptop Engineer
แต่ถ้าเกิดเคสใหญ่ก็.. เตรียมนั่งมอไซค์ฝ่าม๊อบครับ ตามประสาพนักงาน Layer-1
T T
พัฒนาระบบ ERP เป็นการทำงานแบบ Client - Server โดยปกติต้องทำงานที่ Site ของลูกค้า
การทำงานจากบ้าน แบบหลักๆก็คือผ่าน VPN แต่ตัว Software เองก็ก็มี protocol ของตัวเองที่รองรับการทำงานระยะไกลอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับนโยบายของคนดูแลระบบแต่ละแห่ง
การส่งเอกสารก็ใช้ Mail ตามปกติ
..: เรื่อยไป
ผมใช้ Basecamp ก็เจ๋งดีเหมือนกันครับ
Educational Technician
Teamviewer + Line,Skype สอนนักเรียนออนไลน์ครับ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ได้พัฒนาฝีมือไปได้อย่างรวดเร็วครับ สมัยก่อนการพัมนาประเทศแนวนี้เป็นไปได้ยาก และค่าใช้จ่ายสูงมากครับ พอได้ระบบนี้มาช่วยให้พัฒนาประเทศเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก
ทำงานตัดต่อวิดีโอครับ
ถ้าจะเอางานไปทำที่บ้านก็ต้องหอบเอา HDD ไปด้วยล่ะครับ เพราะไฟล์มันใหญ่บิ๊กเบิ้มเลย
แล้วก็ใช้วิธี อัพโหลดเข้า Youtube เพื่อตรวจงานกันครับ โดยกำหนดสถานะวิดีโอเป็น Unlist ให้ดูได้เฉพาะคนที่เราส่งลิงค์ให้เท่านั้น
พอตรวจสอบกันเรียบร้อยแล้วก็ส่งไฟล์ Final ผ่านพวกเว็บบริการส่งไฟล์ขนาดใหญ่ทั้งหลายครับ ที่ใช้บ่อยก็ Wetransfer.com ครับ
รักนะคะคนดีของฉัน
บ.ผมเป็นบ.ลูกของบ.ต่างชาติที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ UK ทำงานเป็น outsource ให้บ.ที่สำนักงานอยู่ที่แคนาดา และทั้งสองบ.เป็นบ.ในเครือเดียวกัน ธุรกิจที่ให้บริการคือธุรกิจจัดเก็บข้อมูลฐานข้อมูลกองทุนรวม (Mutual Fund)
ทำงานที่บ้านหรือที่ทำงานก็เหมือนกันครับ คือ remote access ผ่าน Citrix (ถ้าเป็นที่บ้านก็ใช้ RSA token ร่วมด้วย) เข้าไปใช้ Desktop App ที่มีเซ็ตเอาไว้พร้อมอยู่แล้ว
หนึ่งในนั้นมี Remote Desktop ที่อยู่บน Citirx ที่ผมสามารถต่อเข้า Physical Machine ส่วนตัวของผม (เครื่องของ HP สเปคก็ Xeon ivy bridge อะไรสักอย่าง แรม 32GB SSD128GB กับ HDD1TB) ตั้งอยู่ที่แคนาดา
ปัญหาก็มีบ้าง คือเนื่องด้วยตัวระบบรันอยู่ต่างประเทศ ส่วนเนทบ้านเราพอวิ่งออกต่างประเทศ latency ก็สูงมาก (เป็นเหมือนกันหมดทั้งที่บ้านที่ทำงาน น่าจะเป็นที่ตัว Gateway) พอดีว่า Citrix มันจะแยกเนทเวิร์คของเราออกจากเนทเวิร์คของที่ไซต์ลูกค้าก็เลย Ping ไม่ได้ แต่ถ้าให้ผมมั่ว ๆ เอาคิดว่าหลักร้อย ms ครับ พอใช้กับ Remote Desktop แล้วมันน่าหงุดหงิดแบบสุด ๆ ไปเลย
ปัญหายิบย่อยก็คือพวก facility บางอย่างใช้ร่วมกันไม่ได้ ไอ้โน่นใช้ของแคนาดา ไอ้นี่ใช้ของ UK ไอ้นั่นใช้ของไทย ตั้งอยู่บนคนละเนทเวิร์ค สลับกันไปสลับกันมามึนไปหมด (ที่แย่ที่สุดคืออีเมล์ ที่เป็น Outlook Web Access เวอร์ชั่นเก่ามาก)
แต่ข้อดีคือ วิธีนี้ปลอดภัยกว่า VPN สายงานผม VPN ไม่ใช่ทางเลือกครับ เพราะว่าข้อมูลด้านการเงินเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวมาก และแต่ละประเทศก็จะมีข้อบังคับในการเข้าถึง (ข้อหนึ่งคือการบังคับไม่ให้เข้าถึงจากต่างประเทศ) ดังนั้นการแยกเนทเวิร์คออกจากกันแล้วเข้าถึุงกันผ่าน Citrix เป็นทางเลือกที่ดีกว่า VPN ครับ
[บริษัท IT/Graphics เล็กๆ]
[เรามีกัน 5 คนครึ่ง (อีกคนยังไม่ออกมาเต็มตัว), Engineer 3, Graphics 2, AE 1]
- ใช้เวลา 70% ทำ App/Web/Ad/Graphics
- ใช้ 25% ทำอะไรที่เป็นของตัวเอง(game, app)
- ส่วนอีกที่เหลือ 5% ทำให้สังคม]
การติดต่อสื่อสารเราใช้ : Hangout / Skype (ติดต่อกับทีมที่อยู่ ตปท. ได้ดีกว่า เสียงชัดเจนกว่า)
ส่งข้อความ : Line
email, calendar : Google App
การ track งาน : ลงตัวที่ Trello (แรกใช้ basecamp ฟากของ graphics ชอบ แต่ engineer อยากใช้ Maverlink)
งานเอกสารทั้งหมดเราใช้ : Google Doc
งาน file, graphics resource โตๆ เราใช้ : DropBox, Google Drive
งาน coding, programming เราใช้ : GitHub
งาน graphics ใช้ : Adobe Cloud
งาน testing ใช้ : TestFlight
คุยเล่น แก้เซ็ง : Group ใน Facebook
ปกติทำงานในออฟฟิต ออกไซต์งานบ้าง อาทิตย์ละสองสามวัน หรืองานด่วนวันหยุด ก็จะทำงานผ่าน VPN
ล่าสุดได้ Tools สำหรับ VPN ผ่าน Android เลยไม่ต้องพก NB ถ้าด่วนจริง เช่นตอนไปกินข้าว หรือ ไปเที่ยว ก็ VPN ผ่าน Smartphone ไปเลย สะดวกดี
แนวโน้มของ บ. ในกลางปีนี้ก็จะไล่ไปทำงานจากที่บ้านอย่างเต็มตัวละครับ (สงสัยได้ทำ 24 ชั่วโมงแน่ๆ)
เพิ่มเติม
งานส่วนมากจะเช็คเมลล์ผ่าน gmail
เน้นรีโมทเข้าเครื่อง User
พวหไฟล์นี่ก็ Dropbox
ดึงไฟล์จากระบบแลนใช้ Teamviewer ลากไฟล์จากที่บ้านครับ แฮงเอาท์คุยงานกลุ่มกับเพื่อน แล้วก็ใช้ Skydirve แชร์ไฟล์ในทีมอาสาของโรงเรียน
we can build a more peaceful.
Vpn เร็วกว่า remote desktop โดยตรงเหรอครับ
ถ้าไม่ใช้ vpn อาจจะต่อไม่ได้เลยครับ
ผมแค่ ตั้ง Dns แล้วforward port แค่นั้นเอง..ก้ใช้ได้ปรกติน่ะครับ..
ส่วน vpn นี่เค้าทำยังงัย
VPN คือการยืดเครือข่ายที่ทำงานออกมาไว้นอกสถานที่ครับ ส่วน Remote Desktop ก็ตามชื่อเลยครับ คนละจุดประสงค์กัน
ระบบงานบางอย่างมีการบังคับให้ใช้งานได้เฉพาะเครื่องที่อยู่ใน Internal Network เท่านั้น แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องทำงานนอกสถานที่แล้วละก็ VPN คือคำตอบในจุดนี้ครับ
ชอบจังเลยครับ มีวิธีแนะนำอีกไหมครับ
ผมใช้ goodsync สำหรับ backup ขึ้น cloud ครับ
แล้วก็ทำให้ ไฟล์ในเครื่อง ตรงกับใน server ด้วย
หน่วยงานราชการครับ ต้องเซ็นชื่อเข้างานก่อน 8.30
ถ้ามาสายก็ต้องชี้แจง
เรื่องทำงานจากบ้าน ยังเป็นแค่ฝันครับ
ตราบใดที่ไม่แก้ระเบียบหน่วยงานราชการใหม่
จะต่อเข้า network บ. ต้อง vpn อย่างเดียวแต่ต้องเป็นเครื่องที่ บ. provide ให้ เครื่องส่วนตัวไม่อนุญาต มี mail อย่างเดียวที่เข้าได้โดยไม่ต้องต่อ vpn
ทำงานสร้างเว็บไซต์ครับ ก่อนหน้านี้เป็น Visual Office ตอนนี้เป้นฟรีแลนซ์เต็มตัวอยู่ที่ปายครับ
บริหารโครงการ: ผมใช้ Basecamp ลงตัวสุด แต่ถ้าอยากใช้ของฟรีก็ trello ก็ไม่เลวครับ
เก็บข้อมูล: Dropbox ลงตัวสุดครับ 100GB คุ้มค่าทีเดียว
บันทึกเวลาทำงาน: ตอนนี้ใช้ Toggl ครับ เพราะถูกหน่อย ก่อนหน้านี้ใช้ Harvest ประสิทธิภาพสูงมาก
งานเอกสาร: ปัจจุบันทำในเครื่อง แต่ตอนทำ Visual Office ก็ทำบน Google App ครับ
ส่วนตัวผมคิดว่า ความยากไม่ได้อยู่ที่ระบบเหล่านี้ แต่อยู่ที่วัฒนธรรมองค์กรมากกว่า ถ้าเป็นองค์กรที่พูดความจริง/กระตือรือล้น/มีวินัย ก็จะทำได้ครับ
เคยเขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้ที่ บล็อก iMenn.com ครับ
+1 พูดความจริง กระตือรือร้น ไม่แอบอู้ อยู่ที่ไหนก็ไม่มีปัญหา
VPN เข้าคอมพิวเตอร์ของเราในบริษัท เครื่องที่เราจะรีโมท ต้องเปิดด้วยหรือไม่ครับ
จุดประสงค์คือต้องการทำงานเหมือนนั่งอยู่หน้าคอมที่บริษัทเลย เห็นทั้งไฟล์งานที่เดสท๊อป
และสามารถล็อคอินเข้าดึงข้อมูลจากระบบ ERP และอื่นๆได้ด้วย
เห็นหลายๆคนใช้ Dropbox เก็บไฟล์งาน ส่วนใหญ่ใช้รูปแบบเสียเงินเหรอครับ
เพราะแบบฟรีความจุไม่น่าจะพอ
คือปัจจุบันผมเสียเวลาไปกับการดึงข้อมูลจากระบบเยอะมาก แล้วนำข้อมูลนั้นมานำเสนอ
คิดว่าถ้าทำได้จะได้ไม่ต้องเดินทางไปที่ทำงานเสาร์ อาทิตย์ไรเงี้ย
ขอบคุณครับ
Dropbox + Trello ครับผม
บริษัททำด้านสื่อครับ ทั้งภาพยนตร์/ละครทีวี/โฆษณา/วิดีโอ/ทีวีต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ครับ
ใ้ช้ GDrive เป็นหัวใจหลักของการทำงานทั้งหมดของออฟฟิสครับ เอกสารการเตรียมงานทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ใน GDrive เพื่อแชร์ต่อให้ทีงานตาม Permission ครับ
แต่ละโปรดักชั่นจะตั้ง Line Group เฉพาะและจะิปิด Group หลังจากเสร็จงานครับ
ตัวงานผมเนื่องจากเป็นงานที่ต้องแยกกันทำ (แต่ไม่ใช่ทำงานจากที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เจอหน้ากันมากกว่า) ดังนั้นการทำงานจึงต้องใช้เครื่องมือสื่อสารกลางครับ ตัวไฟล์งาน รูปสถานที่ถ่ายทำ บทภาพยนตร์ รายการบัญชีค่าใช้จ่ายทั้งหมด Call Sheet, Break Down Sheet, รูป Casting ฯลฯ ทั้งหมดจะถูกเก็บอยู่ใน Cloud กลางที่จะเรียกใช้ได้ตลอดเวลาจากทุกๆที่ครับ จึงทำให้การทำงานหมดปัญหาที่คนทำเอกสารหาย หรือไม่รู้ Update งานจากอีกฝ่ายครับ
ทีมงานจึงทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลาครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
มันก็ดูเป็นการใช้งานส่วนตัวอยู่ดี มีเพียงแค่ Web Ex กับ Skype นี่แหละ ที่ดูเป็น online จากที่บ้านร่วมทำงานกับผู้อื่นอย่างแท้จริงหน่อย
gdocs, gchat, trello, bitbucket