หมายเหตุ: เกมนี้ออกเวอร์ชัน Xbox 360 ตั้งแต่ปี 2012 และออกเวอร์ชันพีซีช่วงกลางปี 2013 ผมซื้อเก็บไว้ตั้งนานแล้ว (ตอนนั้น Humble Bundle เอามาลดราคา) แต่เพิ่งมีโอกาสได้เล่น เมื่อได้เล่นก็พบว่าเกมมันเจ๋งมากจนต้องมาเขียนรีวิวเผยแพร่ความเจ๋งอย่างรีบด่วน
ในขณะที่เกมซีรีส์ดังยังวงเวียนอยู่กับแอคชั่น FPS กราฟิกอลังการ วงการเกมอินดี้ช่วงสามสี่ปีให้หลังกลับมีเกมเจ๋งๆ ที่เน้นเกมเพลย์แปลกแหวกแนวออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ (ที่โด่งดังหน่อยก็ Minecraft แต่ก็มีเกมอย่าง Braid ที่ดังขึ้นมาเช่นกัน)
FEZ ถือเป็นเกมอินดี้สุดบรรเจิดอีกเกม ที่ใช้ระยะเวลาการพัฒนารวมกว่า 5 ปี และพอเกมวางขายไม่นาน Phil Fish ผู้สร้างเกมนี้ก็ติสต์แตกประกาศลาวงการเกมไปซะอย่างงั้น
FEZ เป็นเกมแอคชั่น-แก้ปริศนา แบบที่ฝรั่งเรียกกันว่า platformer หรือตัวละครหันข้าง เดิน วิ่ง กระโดด ปีนป่าย ตามฉากที่ออกแบบไว้ (เกมแบบมาริโอ้ ร็อคแมน คอนทร้า ก็ถือเป็น platformer ตามนิยามนี้)
ตัวเอกของ FEZ ชื่อว่า Gomez เขาจะไม่เจอกับศัตรูใดๆ เลยในเกมนี้ เกมนี้จึงไม่มีอาวุธ ไม่มีพลังชีวิต ถ้ากระโดดพลาด ตกเหวตายก็เกิดใหม่ทันที ณ จุดเดิมก่อนตกเหว (เซฟอัตโนมัติทุกจุด) จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้ผู้เล่นไม่ต้องพะวงกับการต่อสู้หรือการตาย และโฟกัสกับตัวเกมเพลย์ให้เต็มที่
จุดเริ่มต้นของ FEZ เป็นเกม 2D ที่ใช้กราฟิกบิตแมปย้อนยุค ตัวเอกอยู่ในหมู่บ้าน เดิน คุย กระโดด ปีนบันได ไม่ต่างอะไรกับเกมแอคชั่น 2D ในอดีต กดลูกศรเพื่อเดินหน้าถอยหลัง กด space เพื่อกระโดด กดลูกศรชี้ขึ้นเพื่อปีนบันได
แต่ผ่านไปสักพัก ตัวเอก Gomez จะได้รับพลังพิเศษจากหมวก Fez (หมวกสีแดงแบบที่คนโมร็อคโคใช้) โลกของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาสามารถ "หมุน" โลกได้ในแบบ 3D (โดยกด A หรือ D ถ้าเล่นเวอร์ชันพีซี)
โลกที่เคยแบนราบจะกลายเป็นมีมิติเชิงลึกเข้ามา นึกภาพตามไม่ออกกรุณาดูคลิปนะครับ
การหมุนฉากสามมิติถือเป็นจุดเด่นของเกมนี้ (ทีมงานสร้างเอนจินเฉพาะที่ชื่อ Trixel ขึ้นมาเพื่อการนี้) การหมุนฉากไม่ใช่แค่ความสวยงามของกราฟิก แต่มันมีผลกับเกมเพลย์อย่างมาก เพราะฉากที่ในมุมมองหนึ่งไม่สามารถเดินหรือกระโดดไปถึงได้ เมื่อเรา "หมุน" มันแล้วอาจจะเชื่อมต่อกันได้อย่างคาดไม่ถึง (ถือเป็นภาพลวงตาในเชิงกายภาพ แต่ในโลกของ FEZ จะถือว่ามันต่อกันได้)
เกมเพลย์ของ FEZ จึงอยู่ในขั้นแปลกประหลาดมหัศจรรย์ นั่นคือเราต้องเดินไปหมุนฉากไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหาทางลับ ประตูลับ บันไดลับ ฯลฯ เส้นทางที่มุมมองปกติอาจมองไม่เห็น แต่จะพาเราไปถึงจุดมุ่งหมาย
เนื้อเรื่องในเกมของ FEZ เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ตัวเอกจะต้องตามหา "ลูกบาศก์ทองคำ" จำนวน 32 ลูกที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลก ลูกบาศก์บางลูกแตกออกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ 8 ชิ้น ซึ่งเราต้องตามหามาประกอบกันให้ครบ (ชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่ตายตัว เอามาประกอบกันอย่างไรก็ได้ ไม่เจาะจงว่าเป็นของลูกบาศก์ลูกไหน นับจำนวนเอาอย่างเดียว)
เกมช่วงแรกจะเน้นการสำรวจฉากที่ต่อเชื่อมกันเป็นเขาวงกต ประตูในฉากจะต่อเชื่อมไปยังฉากอื่นๆ แบบทะลุมิติ (แผนที่โลกในเกมนี้ก็เป็น 3D, เกมนี้ไม่มีด่านนับเป็น stage เราจะเดินไปที่ไหนก็ได้ตามชอบ) โลกของ FEZ จึงสนุกสนานและแปลกใหม่
แต่พอเริ่มผ่านช่วงกลางๆ ของเกม ความยากจะเริ่มมาเยือนเพราะกว่าจะได้มาซึ่งลูกบาศก์แต่ละก้อน จะต้องแก้ปริศนากันวุ่นวาย ถอดโค้ด ถอดภาษาโบราณที่มีเฉพาะในตัวเกมกันอุตลุด (แถมปริศนากระจายตัวกันอยู่ทั่วโลกของ FEZ ไม่มีใครบอกว่าร่องรอยสำหรับแก้ปริศนานี้อยู่ตรงไหน ต้องตามหาข้อมูลในเกมแล้วมาตรัสรู้เอง)
ประสบการณ์การเล่น FEZ จึงแปลกใหม่และท้าทายเป็นอย่างมาก ไม่แปลกอะไรที่เกมนี้ได้คะแนนรีวิวระดับเกือบเต็มจากสื่อฝรั่งแทบทุกสำนัก
นอกจากนี้ กราฟิกของ FEZ ไม่ได้มีแต่ความเจ๋งจากการหมุน แต่รายละเอียดของฉากในรูปแบบ 2D ยังมีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเมียดละไมอีกมาก ฉากต่างๆ แทบไม่ซ้ำกัน มีการกำกับศิลป์ (art direction) ที่สวยงาม และการออกแบบเลเวลก็ทำได้ค่อนข้างดี
FEZ เริ่มวางขายบน XBLA แต่ภายหลังก็พอร์ตมายัง PS3/PS4/PS Vita และพีซี (Steam) โดยเวอร์ชันพีซีขายราคา 9.99 ดอลลาร์ เล่นได้ทั้งบนวินโดวส์ แมค และลินุกซ์
ใครเบื่อเกมแนว FPS แอคชั่นยิงๆ และชอบการแก้ปริศนาสักหน่อย แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ลองเล่นเกมนี้ครับ (ประสบการณ์ "หมุนโลก" ครั้งแรกนั้นน่าตื่นเต้นกว่าดูจากเทรลเลอร์เกมมาก)
ประวัติการสร้างเกมนี้ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน อ่านได้จาก Wikipedia
Comments
เรียกันว่า => เรียกกันว่า
อุตลุต => อุตลุด
ความลับเยอะมาก ใส่ใจทุกรายละเอียดอย่างเหลือเชื่อ ถึงขั้นที่ว่าเอาเพลงประกอบมาพล๊อตตามความถี่ จะได้ QR code ออกมาด้วย
ที่ผมชอบที่สุดคือตอนจบเนี่ยแหละ ทำได้อลังการไม่แพ้ 2001: Space Odyssey, Spore เลย
ว่าแล้วก็อยากหาแว่นตา 3D มาเล่นต่อรอบที่ 3 ...
Qr code อะไรอะครับ อยากรู้จัง
Spoil: What does this QR Code hidden in the soundtrack mean?
สุดยอดดดดด
มีหนัง Indie Game: The Movie ที่เผยช่วงดราม่าตอนสร้างเกมของคนทำเกมนี้ด้วยนะ...
คน Disklike เยอะเพราะคนเขียนแกอีโก้จัดครับ วิจารณ์ไม่ได้ พี่แกด่าลูกเดียว
แต่เกมนี้เล่นๆไปปวดกบาลจริงนะ ผมยังเล่นไม่จบเลย
เกมนี้เคลียร์ Achievement ครบได้ 209.4% แล้ว กว่าจะครบ แก้ปัญหาจนปวดกบาลกันเลยทีเดียว
ซึ่งในตัวเกมจะมีบอก % Complete ที่ตอนนี้ทำได้สูงสุดกันที่ 209.4% และยังไม่มีใครรู้ฉากจบอันที่ 2 มีจริงหรือไม่
ก็ค้างๆกัยแบบนี้ไปทั่วโลก ฮา
ผมเล่นผมก็เห็นฉากจบ 2 แบบนะ?
ที่เก็บหัวใจครบบนเกาะแล้วก็บึ้ม ป่ะฮะ
ไม่ใช่ฮะ แบบแรกเก็บ cube+anticube ยังไม่ครบ (ฉากจบซูมเข้า) ส่วนอีกอันเก็บครบ (ฉากจบซูมออก) แต่แบบเก็บ cube หัวใจไม่เคยได้ยินว่ามีฉากจบนะ
Ortho Robot ไอเดียคล้าย ๆ กันเลย
จะบอกว่า stabyourself นี้โคตรโหด แต่ละเกมที่ทำออกมานี้ = ="
ฮ่วย เลยต้องซื้อกันเลยทีเดียว หาอะไรทำช่วงปิดเทอม
ฉากหลังๆ เล่นแล้วเครียดครับ ปริศนาค่อนข้างลึกมาก
เครียดแบบไอ้ flappy bird อะไรนั่นเลย
เลิกเล่นแม่ม -"- ปกติก็ไม่เล่นแนว puzzle อยู่แล้ว
แต่ผมให้ 9/10 เลยนะครับ เกมเค้าดีจริง ใส่ใจรายละเอียด มีตัวอักษรที่ประดิษฐ์ใช้ในเกมด้วย เรากากเอง
อารมณ์เดียวกันเลย หลังๆมี scan QR เอาไปแก้ปริศนาด้วย หลังๆเริ่มงงต้องไปตรงไหนต่อเนี้ย ผมให้ 9.5/10 ชอบทั้งเพลง ทั้งกราฟิก
ชอบตรง The quick brown fox jumps over the lazy dog ถ้าไม่สังเกตจริงๆ นี่ไม่รู้เรื่องเลยว่ามันคือคำใบ้ 55555
อีกอย่างคือคำใบ้ที่เป็น key sequence ที่ต้องตะแคงหัวดูลำดับแล้วกดตาม โอย T__T
ว่าจะรอเล่นจบแล้วค่อยรีวิว แต่ยังเล่นไม่จบเลย ฮือ
เคยลังเลจะซื้อ แต่อีกใจก็ขี้เกียจเล่น puzzle บางทีก็อยากเล่นแบบไม่ต้องคิดอะไรบ้าง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เป็นเกมที่น่าเล่นมากจริงๆครับ แต่คงต้องมีเวลา(เยอะพอควร)ไปไขปริศนาซะหน่อย
นอกจากนี้ยังนึกถึงเกมนี้ครับ รู้สีกมีความคล้ายถึงกันระดับหนึ่ง http://www.swordandsworcery.com/
เล่นแล้วเหมือนหายใจเอาอากาศในเกมเข้าไปจริงๆ