ปีที่ผ่านมาข่าวคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ได้ออกมาจำนวนมาก จากทั้งบริษัทขนาดใหญ่ เช่น กูเกิล, ซัมซุง ไปจนถึงรายใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดอย่าง Pebble มาถึงตอนนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็มีบริษัทใหม่ๆ เปิดตัวสินค้าอีกจำนวนมาก รวมถึงสินค้ารุ่นใหม่ๆ ในงาน MWC แต่ในจำนวนนี้ที่คนจำนวนมากอาจจะไม่ทันสังเกต หนึ่งในจำนวนนั้นคือ Wellograph ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน CES เมื่อต้นปีนั้นเป็นบริษัทคนไทย (แถมมารับสมัครงานใน Blognone นานแล้ว!)
ซีอีโอของ Wellograph นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นดร.สารสิน บุพพานนท์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Atiz Innovation ที่เราเคยสัมภาษณ์ไปเมื่อหลายปีก่อน รอบนี้เรากลับมาคุยกับทีมงาน Wellograph กัน
ตัว Wellograph นั้นทางบริษัทเรียกมันว่า The Wellness Watch จุดเด่นของมันคงเป็นความสามารถในการวัดอัตราการเต้นหัวใจ และการเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลาผ่านเซ็นเซอร์การเคลื่อนไหวแบบ 9 แกน การใช้งานพื้นฐานที่เรานึกออก น่าจะเป็นแนวทางเดียวกับ Fitbit แต่ Wellograph วางตำแหน่งตัวเองไว้เป็นสินค้าระดับบนกว่า ตัวมันเองมีซีพียูประสิทธิภาพดีพอสมควร หน้าจอ LED กินพลังงานต่ำ สายหนังแท้ และโครงสร้างโลหะทั้งตัว พร้อมกระจกหน้าปัดคริสตัสแซฟไฟร์กันรอย ทำให้ราคาของ Wellograph ที่ประกาศออกมาที่ประมาณ 300 ดอลลาร์
ถึงตอนนี้ก็มาพูดคุยกับทีมงาน Wellograph กันเลยครับ
มีสองเหตุผลหลักครับ อย่างแรกคือนาฬิกาเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้ติดตัวกันตลอดเวลาอยู่แล้ว สำหรับผู้ชายอาจจะเป็นเครื่องประดับเลยก็ว่าได้ และคนจำนวนมากก็ซื้อนาฬิการาคาสูงมาใช้งาน ขณะที่อุปกรณ์แบบอื่นเอาเข้าจริงแล้วเราไม่อยากใส่กันตลอดเวลา อย่างแว่นตาที่หลายคนใช้คอนแทคเลนส์หรือลงทุนไปทำเลสิคแทนที่จะใส่แว่น เพราะมันไม่สะดวก
อย่างที่สองคือเราสามารถเก็บข้อมูลจากข้อมือได้หลายอย่าง เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ หรือจำนวนก้าวเดิน รวมไปถึงการแสดงผลก็สามารถแสดงบนหน้าจอผู้ใช้ยกขึ้นมาดูได้สะดวก
ภายในของ Wellograph ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ 16 บิต และอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะของเราเอง ส่วนการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือใช้ Bluetooth 4.0 LE และหน้าจอแบบ e-paper กินพลังงานต่ำ
ซีพียูที่ใช้เป็นซีพียูเฉพาะที่กินพลังงานต่ำมากทำให้เราต้องออกแบบระบบปฎิบัติการขึ้นใหม่เองเพื่อให้การใช้พลังงานเหมาะสมกับขนาดแบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถอยู่ได้นานสองสัปดาห์ ไม่ต้องชาร์จแบตบ่อยๆ ขณะเดียวกันก็มีความสามารถเพียงพอสำหรับฟีเจอร์ที่วางไว้ ส่วนนักพัฒนาภายนอกจะสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นไปรันบน Wellograph ได้เช่นกันครับ
เราไม่ได้วางเป้าของเราไว้โดยเทียบกับ Pebble เพราะ Wellograph เอง พรีเมี่ยมกว่า ราคาสูงกว่า เรามีเป้าของเราในใจ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้ตามนั้น ในเชิงตัวเลขยอดขาย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้ระดับเดียวกันหรือสูงกว่า Pebble เพราะโดยรูปลักษณ์ และประโยชน์ใช้สอยของ Wellograph เองที่ออกแบบให้ทุกคนที่สนใจเรื่องสุขภาพสามารถใช้งานได้ ตั้งแต่วัยรุ่น คนทำงาน กลางคน ไปจนถึงคนสูงอายุ ขณะที่สมาร์ทวอทซ์ส่วนมากจะเน้นความไฮเทคซึ่งจำกัดกลุ่มลูกค้าลงเหลือกลุ่มกีคที่ชอบเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่
อีกจุดหนึ่งที่เรามั่นใจ เพราะ Wellograph ได้รับความสนใจจากตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าปลีกทั่วโลก กลุ่มตัวแทนจำหน่ายที่ขายสินค้าพรีเมี่ยมเช่น Jawbone หรือสินค้าเพื่อสุขภาพอย่าง Fitbit เองก็ต่างสนใจเป็นตัวแทนขาย Wellograph ด้วย
กังวลครับ เพราะเรายังมีทีมงานพัฒนาที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ ปัจจัยสำคัญที่สุดคือเรื่องคน เราต้องการคนที่มีความสามารถ มีความฝัน อยากที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินตัวแบบที่ไม่คิดว่าบริษัทไทย คนไทย จะทำได้ มาร่วมในทีมเพื่อผลักดันผลงานและความคิดของตนให้คนทั่วโลกได้ใช้
ในเชิงจุดขายของสินค้า ความน่าสนใจจะมีความแตกต่างจากสินค้าของแอปเปิลหรือเจ้าใหญ่รายอื่นๆแน่นอนครับ ของเราก็จะมีความล้ำอนาคตในหลายด้านครับ
ทีมงานตอนนี้มีสิบกว่าคนครับ แบ่งหน้าที่กันเหมือนกับบริษัทออกแบบฮาร์ดแวร์ชั้นนำ ที่ต้องมีตั้งแต่นักออกแบบอุตสาหกรรม วิศวกรไฟฟ้า วิศวกรคอมพิวเตอร์ นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ จนถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และตอนนี้เองก็กำลังเพิ่มอีกหลายตำแหน่ง เช่น Firmware Engineer, Mobile App Developers, Web Developer เป็นต้น
ทีมงานส่วนมากจะรับเข้ามาใหม่เพื่อทำงานกับโครงการ Wellograph โดยเฉพาะครับ คัดเลือกโดยทีมบริหารทีละคน เราต้องการคนเก่งที่สามารถคิดนอกกรอบและมีความสามารถ นอกจากนั้นเราเลือกจากคนที่มีประสบการณ์ทำงาน หรือมีผลงานโดดเด่น ส่วนทีมงานบางส่วนก็มาจาก Atiz เพราะทาง Atiz เน้นงานออกแบบวิจัยและพัฒนาสินค้าอยู่แล้ว ทีมงานทุกคนมีความสามารถพอที่จะสร้างต้นแบบจากไอเดียของทีมบริหารได้
Comments
อยากถามเรื่องสิทธิบัตร จดหรือเปล่า เอาเข้าจริงถ้าคิดได้ก่อน แล้วโดนฟ้องว่าเลียนแบบเนี่ยคงไม่สนุกเท่าไร แล้วก็เป็นห่วงเรื่องผู้ผลิตรายใหญ่ด้วยครับ ขอให้โชคดีครับ
แบตสองสัปดาห์ !
ลงทะเบียน เป็น Tester ได้ไหมครับ ใช้ Cookoo อยู่ รู้สึกไม่ปลื้มเลย แทบไม่อยากเปิด sync ไว้ :(
@mp3wizard มีเปิดรับ Tester เหมือนกันครับ ถ้าสนใจลองสมัคร newsletter ที่เว็ปไซต์ wellograph.com หรือ Follow Twitter @Wellograph ของเราก็ได้นะครับ ถ้ามีข่าวความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อไหร่ แล้วทางเราจะแจ้งไปให้ทราบครับ
ถ้านาฬิกาใส่อยู่ตรงแถวชีพจร สามารถทำให้มันสามารถ"แมะ"อย่างหมอจีนเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพได้หรือเปล่าครับ
IMHO เท่าที่เห็น Smart Watch ออกมายังไม่เคยเจอรุ่นไหนที่เห็นแล้วอยากใส่มากๆเท่า Gear Fit ของ Samsung เลยครับ ทั้งๆที่ดูว่ารุ่นนี้มันทำอะไรได้น้อยกว่าตัวอื่นๆอีก ซึ่งผมก็ลองวิเคราะห์จากความคิดตัวเองแล้วรู้สึกว่า Wearable device มันต้องดูสวยเป็นหลักครับ เพราะว่ามันคือเครื่องประดับอย่างนึง เรื่อง Functionality เป็นเรื่องรองลงมา อย่างเช่น ถ้า Gear Fit มันไม่มี Pedometer หรือไม่มีตัววัดชีพจร ผมว่าผมก็ยังอยากได้นะ เพราะมันดูดีมาก
จากที่เห็นภาพข้างบน ผมว่ารุ่นนี้มันเหลี่ยมไปหน่อยครับ ไม่รู้ว่าอันนี้คือ Prototype หรือว่าตัวที่จะวางขายจริงแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ลองปรับ design ดูมั้ยครับ
ผมกลับชอบแบบนี้มากกว่าครับคือตัวมันเองเรียบดีไม่ออกไปในทางแนวทางใดทางหนึ่งมากเกินไป สามารถใช้ได้หลากหลายโอกาส ถ้าเป็นแบบ Gear Fit หน้าตามันจะออกไปในแนวทาง Sport เหมือนกับ Fuel band ใส่กับบางชุดนี่รู้สึกดูแปลกๆ ไม่เข้ากัน
+1
ก็จริงครับ อาจจะเป็นเพราะผมใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ 90% เลยชอบ Gear Fit มากกว่า :D
ลองดูภาพลิงค์นี้ครับ ผมรู้สึกว่าน่าใส่สวยกว่าที่เคยเห็นมานะ
http://www.ohgizmo.com/wp-content/uploads/2014/01/Wellograph.jpg
แต่ก็ติดอยู่อย่างหนึ่งขอบจอหนาไปหน่อย
กับภาพนี้
http://4.bp.blogspot.com/--pId3fDxxfI/UwyDDv8pXvI/AAAAAAAAFag/00By9zmE17g/s1600/galaxy+gear+2.jpg
รู้สึกว่าจะตัวเรือนใหญ่ไปหน่อย ถ้าข้อมือเล็กๆเนี่ยตลกไปเลยนะ
บางยี่ห้อใหญ่กว่านี้อีก แต่ก็แล้วแต่นะดีไซชอบไม่เหมือนกันได้
ดูในเรื่องของวัสดุ ผมว่าล้ำหน้ากว่า เจ้าอื่นๆ พอสมควร แล้วก็สวยด้วย
เมื่อไรจะขายครับ
เปิดรับจองวันที่ 27 มีนานี้ครับ ราคาจำหน่ายเครื่องละประมาณ 11,200 บาท พิเศษคือในช่วงเปิดรับจองนี้ สำหรับลูกค้าคนไทยจะได้รับส่วนลด 10% หรือประมาณ 1 พันบาทนะครับ (เฉพาะลูกค้าคนไทยเท่านั้นครับ) สินค้าจะทำการจัดส่งในไตรมาสที่ 2 (เดือนพ.ค.-มิ.ย.)ครับ
สำหรับกรณีของ smartwatch ระยะเวลานี้ สามารถลง app ได้ดังใจ ยังไม่จำเป็นครับ แต่ขอให้ผลิตแต่ละรายจัด Feature ที่จำเป็นมาให้ก็พอครับ
ทางบริษัทเวลโลกราฟ ขอขอบคุณทุกความเห็นและทุกคำถามนะครับ
อันนั้นคือขอบมันหนาหรือเขาตั้งใจอะคับ O_O!!
ถ้าเกิดไม่มีขอบจอนี่จะสวยมากเลย
ตัวเรือนหนา กะขอบจอหนาไปหน่อย แต่พวก feature นี่โอเคเลย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
น้อมรับครับ จริงๆบางกว่านี้ได้ครับแลกกับปริมาณแบตที่เล็กลง เหมือนโทรศัพท์บาง จำเป็นต้องใส่ battery case เสริม ทุกอย่างคือ compromise เราตั้งใจให้นาฬิกาของเราอยู่ได้เป็นเวลานานมากกว่าโทรศัพท์มากๆ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องชาร์จบ่อย ขนาดโดยรวมของ Wellograph จริงๆแล้วเล็กกว่าอุปกรณ์อื่นๆที่มีอยู่ในตลาดนะครับ โดยที่อายุการใช้งานนานกว่าครับ
มุมกล้อง และการได้เห็นได้สัมผัสตัวจริง ก็มีผล ลองสังเกตจากภาพที่สาม หรือภาพของ Wellograph ที่หน้าเว็ปอื่น อาจช่วยให้ได้ความรู้สึกโดยรวมที่แตกต่างออกไปครับ
+1 แอบรู้สึกว่าขอบจอหนามาก และมันยังดูเป็นคนละสีกับจอชัดเจน
ถ้าเป็นไปได้จะใช้ขอบจอหนาๆเพื่อให้แบตอยู่นานก็ได้แต่ สามารถทำให้มันมองเป็นสีเดียวกันระหว่างขอบจอสีดำ
กับการแสดงผลสีดำของจอนะครับ น่าจะช่วยให้ดูดีขึ้นพอประมาณ
พอจะกันน้ำได้นิดหน่อยมั้ยครับ ส่วนมากที่ไม่ชอบคือแพ้น้ำทุกกรณีโดนนิดหน่อยไม่ได้เลย
กันน้ำระดับ 5ATM หรือคือกันน้ำได้ลึก 50 เมตร ใส่อาบฝักบัวได้ครับ
(ลบ) ทำไมมันมาโผล่โพสนี้ ToT
/me รอว่าจะมี smart watch ตัวไหนบอกเวลาด้วยเสียงได้ก่อน 55
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
สายหนังมี Option เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไหมครับ ใส่เล่นกีฬาแล้วมันจะเหม็นไหมครับ
ช่อง Youtube ของผมครับ รีวิวและชวนคุยนู่นนี่
มี Option ให้เลือกคือ สายหนังแท้สีน้ำตาลเข้ม สายหนังแท้สีดำ และสายสปอร์ต นาโต้
ส่วนตัวชอบครับ แบต 2 อาทิตย์เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ยิ่งบอกว่าเป็นโลหะกับสายหนังยิ่งชอบ
ตอนนี้ผมใช้ Pebble รุ่นแรกอยู่ครับ ถ้าพูดถึงเรื่อง design ส่วนตัวผมว่า Pebble Steel ทำออกมาได้สวยกว่า
ผมจะซื้อตัวนี้แน่นอนถ้า
เปิดmonitor ชีพจรตลอดเวลาได้นานเท่าไหร่ครับ
พอดีแฟนป่วยโรคไฮเปอไทรอยด์ หัวใจจะเต้นเร็วแรงครับ