ต่อเนื่องจากข่าวเปิดตัว LG G2 Mini และ L-Series III ในงานมีเครื่องให้ลองเล่น ลองถ่ายรูปกลับมาให้ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง จะเน้นไปที่ LG G2 Mini เป็นหลักครับ

ด้านหน้าของ G2 Mini ต้องบอกว่าย่อส่วนลงมาจาก G2 ทุกกระเบียดนิ้ว มีต่างกันบ้างก็ตรงเซนเซอร์กับกล้องหน้าด้านบนสลับข้างกัน และแผงเมนูบนจอมีปุ่มสำหรับสลับซิมเข้ามาด้วย ฟีเจอร์ที่เคยมีบน G2 ต่างก็ถูกจับมาใส่ใน G2 Mini อย่างครบครัน แถมยังอัพเกรดฟีเจอร์เคาะเพื่อล็อกหน้าจออย่าง Knock On ให้ใช้งานได้หลากหลาย และทรงพลังขึ้น กลายเป็น Knock Code อีกด้วย

หน้าจอของ G2 Mini หยาบพอสมควรด้วยความละเอียดเพียง 960x540 พิกเซล แต่สีสัน และความสว่างของหน้าจอไม่เป็นรองรุ่นพี่แต่อย่างใดครับ (มีภาพเทียบท้ายๆ)

ด้านหลังของ G2 Mini นั้นใช้พลาสติกพิมพ์ลายผิวด้าน ต่างกับของ G2 ที่จะเป็นพลาสติกมันวาว รุ่นนี้เลยจะจับง่ายกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องรอยขีดข่วนเท่าครับ

กล้องของ G2 Mini ลดความละเอียดลงมาเหลือ 8 เมกะพิกเซล เท่าที่ลองถ่ายในที่แสงน้อยดู คุณภาพยังห่างกับรุ่นพี่พอสมควร ถ้ามีโอกาสจะลองเทียบในสภาพแสงอื่นๆ ดูบ้าง ส่วนแฟลช LED ที่มาด้วยกันนั้นสว่างใช้ได้เลย

ด้านบนของ G2 Mini มีช่องเสียบหูฟัง และ IR Blaster สำหรับใช้สั่งงานทีวีเหมือนรุ่นพี่ ด้านล่างมีลำโพง ไมโครโฟน และพอร์ต micro USB ที่ใช้เป็นแง่งสำหรับเปิดฝาหลังได้ด้วย

เช่นเดียวกับ G2 คือ G2 Mini นั้นไม่มีปุ่มรอบตัวเครื่องแต่อย่างใดครับ โล่งทั้งสองข้าง

ลองเปิดฝาหลังออกมาจะเจอกับแบตเตอรี่ ช่องเสียบ micro SIM และ micro SD

เทียบขนาดบนมือ ถือว่ากำลังดี ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปครับ

เปรียบเทียบขนาดระหว่างสองรุ่น G2 Mini (ซ้าย) และ G2 (ขวา) ตัวเครื่องขนาดไม่ต่างกันมาก ถือถนัดทั้งคู่ หน้าจอ G2 Mini สว่างกว่า สีสดพอๆ กัน แต่ความคมชัดนี่สู้ไม่ได้ครับ

อีกสามรุ่นในงานอย่าง L40, L70 และ L90 นั้นหน้าตาจะคล้ายๆ กัน มีปุ่มเปลี่ยนซิมอยู่บนแผงเมนูทุกรุ่น ฝาหลังทุกรุ่นเป็นแบบพิมพ์ลายเหมือนกับ G2 Mini แต่ไม่มีปุ่มด้านหลังครับ

ทุกรุ่นยกเว้น L40 จะมีเคสฝาพับ QuickWindow มาให้ด้วย ซึ่งสามารถใช้ถ่ายรูปได้ทันที (เคสไม่บังกล้อง) แต่เผอิญไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วยครับ