ก่อนหน้านี้สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ iOS รู้สึกอึดอัดใจเมื่อทำงาน คือการที่แอปเปิลได้จำกัดให้แต่ละแอพพลิเคชั่นทำงานแยกกันอิสระอย่างชัดเจน (sandboxing) โดยทุกวันนี้ นักพัฒนาแอพหลายคนได้ตัดสินใจที่จะหาทางออกด้วยการใช้วิธีลัดอย่าง URL scheme หรือผลิต SDK ของตัวเองขึ้นมา เพื่อให้นักพัฒนาแอพคนอื่นสามารถเรียกใช้บริการของแอพตัวเองได้ ในขณะที่ผู้ใช้ Android สามารถให้แอพส่งต่องานไปสู่แอพอื่นได้ผ่านทาง Intent
ที่งาน WWDC 2014 ที่ผ่านมานี้ แอปเปิลได้เปิดตัว Extensibility หรือความสามารถที่ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพที่คุยกับแอพอื่นได้ ซึ่งทางเว็บ MacStories ก็ได้เขียนบทความอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมของส่วนต่าง ๆ ของ Extensibility ซึ่งแอปเปิลได้อธิบายให้กับนักพัฒนาที่ร่วมงาน WWDC ในส่วนที่เป็นสัมมนาย่อ
Extensibility แบ่งออกเป็น 7 ส่วนตามนี้ครับ:
Custom Keyboard (iOS)
แอปเปิลได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถสร้างคีย์บอร์ดที่สามารถนำไปใช้ในทุกแอพและทุกส่วนของระบบปฏิบัติการ iOS 8 ได้แล้ว แต่ทั้งนี้แอปเปิลยังได้กำหนดข้อจำกัดให้กับนักพัฒนาอยู่ เช่น ในส่วนที่เป็นการกรอก Password คีย์บอร์ดเดิมของ iOS จะเด้งขึ้นมาแทนที่คีย์บอร์ด Third-party เพื่อป้องกันการแอบดักจับรหัสผ่านและส่งต่อไปยังที่อื่น และคีย์บอร์ดเหล่านี้ต้องมีปุ่มให้ผู้ใช้สามารถสลับมาเป็นคีย์บอร์ดอื่นได้
เช่นกัน หากผู้ใช้ไม่ได้อนุญาต คีย์บอร์ดเหล่านี้จะอยู่ใน sandbox mode คือทุกอย่างจะต้องถูกประมวลผลอยู่บนตัวเครื่องเท่านั้น แต่ถ้าหากผู้ใช้อนุญาตแล้ว คีย์บอร์ดจะสามารถส่งข้อมูลทุกอย่างขึ้นไปยัง Cloud Server ได้
แอปเปิลได้ปล่อยให้เกิดคีย์บอร์ด Third-party บน iOS ได้เพราะแอปเปิลต้องการให้ผู้ใช้สามารถควบคุมประสบการณ์การใช้งานคีย์บอร์ดให้กับตัวเองได้ และหวังว่าจะเกิดวิธีการป้อนข้อมูล และการคาดเดาที่หลากหลาย รวมไปถึง keyboard layout แบบใหม่
Storage Provider (iOS)
แอปเปิลต้องการแก้ไขความน่ารำคาญเวลาผู้ใช้ต้องการดึงไฟล์ของตัวเองมาใช้ในแอพต่าง ๆ ด้วยการสร้าง iOS Document Picker กลางขึ้นมา เพื่อให้แอพต่าง ๆ สามารถดึงไฟล์ออกมาจากบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของแอปเปิลเอง (เช่น iCloud) หรือไม่ก็ได้ เช่น หากผู้ใช้ต้องการดึงรูปที่อยู่ใน Dropbox จากแอพทวิตเตอร์ สามารถทำได้จากแอพทวิตเตอร์โดยตรง
Finder Sync (OS X)
Finder Sync เป็นส่วนต่อขยายที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาที่ต้องการให้ local storage บนตัวเครื่องแมคสามารถ sync กับบริการของตัวเองใน cloud ได้โดยตรง โดยที่นักพัฒนาสามารถกำหนดให้ไฟล์แต่ละไฟล์มี tag เป็นรูปภาพติดบนตัวไฟล์เพื่อแสดงสถานะการ sync ได้ เช่นเดียวกับที่ Dropbox ได้ทำทุกวันนี้
Photo Editing (iOS)
ส่วนต่อขยายที่อาจจะถูกใจผู้ใช้ที่ชอบแต่งรูปมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Photo Editing ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะแต่งรูปหรือติดฟิลเตอร์ให้กับรูปของตัวเองได้โดยตรง โดยไม่ต้องเข้าไปในแอพแต่งรูปนั้น ๆ แล้วดึงรูปที่ต้องการแต่งออกมาอีกขั้น
ในส่วนนี้ ทาง Craig Federighi ได้โชว์ตัวอย่างของคุณสมบัตินี้ไปแล้วบน Keynote แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่างอีกที คือต่อไปนี้ผู้ใช้ที่ต้องการติดฟิลเตอร์ของ VSCO Cam หรือ Instagram สามารถที่จะทำได้ไม่ว่าตัวเองจะอยู่บนแอพไหนก็ตาม โดยที่ไม่ต้องทำการส่งต่อรูปภาพนั้น ๆ ผ่านทาง Share หรือ Intent เลย
Share (iOS และ OS X)
Share สำหรับแอปเปิล คือส่วนต่อขยายที่มีเอาไว้เพื่อส่งต่อเนื้อหาจากแอพหนึ่ง ไปยังแอพหรือบริการอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกับ Intent ของ Android เช่น การส่งลิงค์ไปให้ Pocket หรือการส่งรูปภาพไปให้ทวิตเตอร์หรือเฟสบุ๊ค
เชื่อว่าแอปเปิลคงรู้ตัวแล้วว่าการทยอยเพิ่มการรองรับ social media ต่าง ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ เหมือนที่แอปเปิลทำกับทวิตเตอร์, เฟสบุ๊ค, YouTube หรือ Vimeo เป็นสิ่งที่แอปเปิลคงจะทำไม่ได้ หากมี social network อื่น ๆ เกิดใหม่เรื่อย ๆ
Actions (iOS และ OS X)
นี่เป็นส่วนต่อขยายที่มีลักษณะคล้ายกับ plug-ins หรือ “Services บน OS X” ซึ่งทำให้แอพหนึ่งสามารถเข้าไปช่วยการทำงานในอีกแอพหนึ่งได้ เช่น ความสามารถในการแปลภาษาใน Safari ด้วย Bing Translate ได้โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเข้าไปเปิดแอพ Bing Translate เลย
หรืออีกตัวอย่างที่ Federighi ได้นำมาโชว์ใน Keynote ก็คือการสั่งให้ Pinterest สามารถเปิดหน้า “Pin It” ของตัวเองได้แม้ว่าผู้ใช้ยังอยู่ใน Safari
เชื่อว่า Actions น่าจะนำไปสู่การเกิดขึ้นของ workflow รูปแบบใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ iOS ลดขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ ลงมากกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้ที่ทำงานประเภท productivity ผ่านทาง iOS
Today (iOS และ OS X)
Today เป็นส่วนต่อขยายที่ให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นสามารถสร้าง widget ให้สามารถทำงานในส่วน Today ของ Notifications Centre ได้ทั้งบน iOS และ OS X โดยในส่วนนี้แอปเปิลต้องการให้นักพัฒนาผลิต widget ที่แสดงผลเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และต้องการให้ตัว widget มีปุ่มให้น้อยที่สุด หรือไม่ก็ไม่แสดงผลเลยเมื่อไม่มีความจำเป็น
ที่มา - MacStories
Comments
พวกนี้แอนดรอย์ทำได้หมดเลยปะครับ
ได้หมดครับ แต่ไม่แน่ใจ Storage Provider ผมไม่เคยเห็นแต่คนอื่นอาจจะเคยเห็น
Android เลือก file explorer ต่างชนิดได้ครับ แต่ Dropbox ไม่ได้เพราะไม่ใช่ local storage
@TonsTweetings
window phone ทำได้เปล่า
ได้บางส่วน ไม่ได้บางส่วนครับ ดึงไฟล์ข้ามแอพนี่ก็มาตอน WP8.1 พอดีครับ
ติดว่าทำได้นะครับ เพราะ ES File Explorer เอาไปผูกกับ cloud service เห็นเป็น drive นึงใน Explorer ยังได้เลยครับ
ผมเข้าใจว่าทำได้ผ่านการ implement ตัว ContentProvider ครับ
ปัญหาคือมองภายนอก มันเท่ากับว่า Android ทำได้อยู่แล้วครับ ไม่ใช่ว่ามีหรือยังไม่มี มันเป็นเรื่องที่ระบบปิดต้องหาทางไล่ระบบเปิดให้ได้
+1
งั้นที่ Samsung อ้างว่าไม่ได้ลอก แต่ปรับตัวตามผู้ใช้ที่ชื่นชอบ iOS มาก่อน ก็เป็นเหตุผลที่ valid และไม่สมควรโดนปรับหรือเปล่า? :))
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
แปลว่า ลอกหรือไม่ลอก นี่ดูแค่สิทธิบัตรใช่ไหมครับ? :))
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
แบบนี้ถ้ากูเกิ้ลจดทุกอย่างที่ทำ เหมือนแอปเปิล ป่านนี้แอปเปิลก็คงโดนหาว่าขี้ลอกแล้วละครับ
ผมว่ายอมรับเถอะครับว่า Apple ทำตามแน่นอน แต่สิ่งเหลานี้แอปเปิลจะใส่มาตอนไหนก็ได้แต่เขาไม่ทำ อาจจะต้องการให้เป็นระบบปิด(มาก) แต่หลังๆ โดนว่าเรื่องทำได้ไม่เท่า Andriod ยอดขายลดลงก็เลยต้องหาวิธีการที่จะเพิ่มยอดขายจะปิดแบบเดิมต่อไปไม่ได้แล้ว ผมว่าอย่าทะเลาะกันเลยว่าลอกไม่ลอกใส่เข้ามาแล้วผู้ใช้ได้ประโยชน์ก็พอแล้ว ผมเคยใช้ทั้ง Andirod และ iOS สุดท้ายผมก็กลับมา iOS เพราะชอบมากกว่า คือผมว่ามันขึ้นกับคนใช้งาน ถ้ามีฟีเจอบางอย่างไม่ได้ดังใจเขาก็อาจจะไม่ใช้เลยถึงแม้จะมีฟีเจออื่นๆที่ดีมากมาย หลังๆนี้ iOS ไม่ค่อยมีอะไร wow เลย ที่ wow สุดในงานที่ผ่านมาสำหรับผมแล้วคือ swift ภาษานี้สุดๆจริงๆ (อ๋อ ผมเป็นสาวก Apple นะครับ)
ผมก็บอกแล้วนะครับว่าประเด็นมันอยู่ที่ทำได้อยู่แล้ว ไม่ใช่แบบไหนดีกว่า เพราะ Apple เองก็ถนัดเอาของที่คนอื่นทำได้อยู่แล้วมาออกแบบใหม่ให้น่าใช้กว่า
เพราะเกือบทุกอย่างที่ว่า Android ทำได้ Windows Mobile ก็ทำได้ครับ
น้องวิเคราะห์ได้แตกฉาน ประหนึ่งเป็นคนวางแผนยุทธศาสตร์สนามรบของแอปเปิล
^
^
that's just my two cents.
รู้จัก Intent ของ android ไหมครับ -_-
ตามที่เข้าใจของผมนะครับคือแอพมันก็จะมีคุณภาพมากขึ้น ใช้งานง่ายมากขึ้น แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์อะไรหรอกครับ จำนวน dev ก็จะยังคงเท่าๆ เดิม หรือจำนวน user ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ในกราฟระดับเดิม ผู้ใช้ค่อนข้างที่จะเข้าใจความต้องการของตัวเองเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายไป เพราะตอนนี้เหมือนทุก OS ก็อยู่ในระดับคงตัว ไม่ได้มีอะไรที่ดูหวือหวาขนาดเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทัศนคติคนได้เหมือนตอนที่เปิดตัวไอโฟน
ผมอาจจะคาดเดาผิดก็ได้ครับแต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเกินเลย มากหรือน้อยไปกว่านี้แน่ๆ ครับ
อะไรดีๆก็เพิ่มเข้ามาเถอะครับ ดีต่อผู้ใช้ แต่ผมชอบเรื่องคีบอร์ดนะที่ไม่ยอมให้คีบอร์ดเสริมป้อนรหัสผ่านได้
+1
Storage Provider (iOS) กับ Share (iOS และ OS X) นี่ถ้า WP8.1 เปิดตัวช้ากว่านี้อีกนิดก็โดนข้อหาลอกแล้วสินะ - -" ยังดีที่ Windows 8.1 ทำได้มาก่อน WP8.1 ก็แค่ทำตาม
เหตุผลของ Share นี่น่าจะเหมือนๆ กับ WP ด้วยนะครับ คือทำให้รองรับไปหมดได้ลำบาก แล้วปรับตัวตามฟีเจอร์ใหม่ๆ ของแต่ละเจ้าได้ไม่ทัน
Photo Editing, Keyboard, Action นี่ก็อยากได้บ้าง (T^T) ไหนๆ ก็เป็นระบบปิดเหมือนๆ กัน ลอกมาเลยละกันครับไมโครซอฟท์
Storage Provider ของ WP8.1 ชื่ออะไรครับผมจะตามไปอ่านศึกษา
ສະບາຍດີ :)
แล้วแบบนี้ Safari ใน iOS จะมีโอกาสมี AdBlock Plus แบบไม่ต้องแยกเป็นอีกแอพรึเปล่านิ?
คีย์บอร์ดดูปลอดภัยดี
Android เจอ คีย์บอร์ดโหลดข้างนอกมาน่ากลัวเลย
อยู่มาวันนึง เจอ Baidu Keyboard Faster แล้วจะหนาว
@TonsTweetings
mobile device สำหรับผม security มาก่อน ส่วนใหญ่ใช้ทำธุรกรรม
ผมว่า mobile device นี่ส่วนใหญ่ใช้เล่น social network นะครับ
Actions บน Android มีปล่าวครับ ตัวอย่างที่ยกมาดูน่าใช้มาก
ที่ใกล้เคียงคือ Intent (เหมือน Share) ครับ คือบน Android สามารถเรียก Intent แล้วรอผลลัพท์ได้ด้วยคำสั่ง startActivityForResult() แล้วพอได้ผลลัพท์แล้วตัว onActivityResult() ของฝั่งผู้เรียกจะถูกเรียกขึ้นมา
สงสัยว่า iOS8 จะสามารถเลือก Default โปรแกรมที่ต้องการใช้ได้หรือยัง
เช่นกด link ที่จะเข้า pantip ก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้เปิดด้วย Pantip Me หรือ Browser ตัวอื่น แทนที่จะเป็น Safari อย่างเดียว
คิดว่า อาจจะใช้ action ช่วยได้ครับ แต่อาจจะต้องกดให้สแกนทุกครั้งอีกที
ผมเคยอ่านเจอมาว่าไม่ได้นะ