EBU หรือสหภาพการออกอากาศแห่งทวีปยุโรป ได้ออกแถลงการณ์แสดงเจตจำนงให้เหล่าผู้ผลิตทีวี 4K (หรือ UHDTV) หันมาพัฒนาประสิทธิภาพการแสดงผลให้ดีขึ้น มากกว่าการเพิ่มความละเอียดเพียงอย่างเดียว ซึ่งประสิทธิภาพในการแสดงผลในที่นี้หมายถึงเฟรมเรตที่มากขึ้น, dynamic range ของภาพที่กว้างขึ้น รวมไปถึงคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นอีกด้วย
ทางคณะกรรมการของ EBU เล็งเห็นว่าในปัจจุบันทีวี 4K มีความโดดเด่นในเรื่องของความละเอียดที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่คุณภาพของภาพที่ได้ยังไม่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากมาตรฐานเก่า จึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ดังกล่าว
ซึ่งเมื่อลองมาพิจารณาตลาดทีวีในบ้านเราก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ว่า เนื่องจากผมได้มีโอกาสสัมผัสและทดลองใช้อยู่บ้าง สิ่งที่แตกต่างจนทำให้ตื่นเต้นจะมีเพียงเรื่องของความละเอียดอย่างเดียว แต่เรื่องของสีสันและมิติภาพยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับทีวีรุ่นเรือธงที่เป็น Full HD (ความคิดเห็นส่วนตัว)
ที่มา - HDTVtest, EBU Policy Statement on Ultra High Definition Television (PDF)
Comments
เจตจำนงค์ => เจตจำนง
นัยยะสำคัญ => นัยสำคัญ
EBU ไม่ใช่คำที่เข้าใจทั่วไปครับ หัวข่าวควรเลี่ยงไปใช้คำอื่นแทน
เฟรมเรต ที่มากขึ้น ? จริงๆ ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ทีวีสามารถแสดงเฟรมเรตได้มากเกินไปอยู่แล้ว
ในขณะที่หนังถ่ายกันตอนนี้ เท่าที่ทราบมีแค่ Hobbit 2 ที่ถ่าย 60fps เรื่องอื่นๆ ก็ยัง 30 fps อยู่ เพราะว่า fps ที่ทีวีแสดงมากเกินไป ทำให้กระตุก และถ้าเพิ่ม frame rate จำลอง มันก็ทำให้ลื่นเกินไปไม่ธรรมชาติ ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของผู้ผลิตทีวี อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเพิ่มความสามารถในการแสดงเฟรมเรต แต่อยู่ที่ การบันทึกมากกว่า
คือไม่ได้เข้าไปอ่านเนื้อข่าวต้นฉบับนะครับ แต่ถ้าอ่านเท่าที่เขียนผมว่า EBU พูดอะไรมั่วๆ เหมือน กสทช. พิกล 555
คือ การเพิ่มจำนวน pixel มันไม่ได้สัมพันธ์กับคุณภาพการแสดงผลในด้านอื่น ๆ นอกจาก ... ความละเอียด นะครับ
ทุกวันนี้เท่าที่ทราบ ทีวี 4K มีขนาดที่ราว ๆ 64-84 นิ้ว ถ้ามาคิดเล่น ๆ 4K 84" = 1080p 42" x 4 เป๊ะเลยนะครับ (ทั้งจำนวนพิกเซลและขนาด) ดังนั้นการผลิตพาแนลขนาดนี้จริง ๆ มันก็คือการผลิตพาแนลที่มีความหนาแน่นพิกเซลเท่ากับ 1080p แต่ใหญ่ขึ้นสองเท่าทั้งสองด้าน (ไม่ได้บอกว่ามันผลิตง่ายหรือยากกว่าหรือยากพอ ๆ กันนะครับ อันนี้ไม่มีข้อมูล) คิดว่าเทคโนโลยีด้านพาแนลไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างกันอย่างเป็นนัยยะสำคัญระหว่าง 4K กับ 2K/Full HD
ทั้งนี้ก็ไม่ได้บอกว่าเอาพาแนล Full HD สี่อันมาวางต่อกัน จะได้ 4K มาพาแนลนึงนะครับ ยังไงมันก็มีขอบอยู่นะ
ส่วนคุณภาพด้านอื่น ๆ เท่าที่นึกออก ที่น่าจะเกี่ยวกับมาตรฐาน 4K ก็น่าจะเป็น Color Space ล่ะมั้ง ? อาจจะไปรองรับขนาดเทียบเท่า sRGB (คือตรง ๆ น่าจะไม่ได้ เพราะว่า MPEG4/H.265 มันทำงานที่ YUV color space ?) หรือเฟรมเรทอย่างที่ท่านข้างบนว่า ซึ่งอีกนั่นแหละ ทุกวันนี้เรายังใช้ 25/20 fps กันไม่คุ้มเลย เห็นชอบถ่ายกันที่ 18fps ตามกล้องฟิล์มสมัยก่อน (ผมเดาว่ามันให้ภาพสวยกว่านะ (เปิดรูรับแสงได้นานขึ้น ?) แต่ว่าการเคลื่อนไหวมันจะดูกระตุก ๆ) อย่างพวก MV เกาหลีที่มันดูลื่น ๆ สวย ๆ นี่เท่าที่เห็นเป็น 30fps ทั้งนั้นเลยครับ (อาจจะมี 60i บ้างมั้ง)
ทั้งนี้จะว่าไป 4K มันเป็นมาตรฐานจำนวนพิกเซลในการแสดงผล ผมว่า ถ้าจะใส่อย่างอื่นลงไปด้วย จะเรียก 4K อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่
ขอเป็น wide gamut 90%+ ละกัน
ตอนเดินไปดูตามบูธขายทีวีความละเอียดสูงผมรู้สึกว่า การเคลื่อนไหวของภาพ มันแปลกไปจากทีวีธรรมดามากอย่างนี้เรียกว่า fps มากขึ้นหรือน้อยลงครับ
การเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงภาคการผลิตและการส่งสัญญาณด้วยครับ เพราะ Bandwidth การส่งสัญญานนั้นมีจำกัด การถ่ายทำภาพยนตร์ในปัจจุบันก็ใช้ 24 และ 30 FPS (ที่ 16Bit) แต่การฉายจริงภาพจะถูกบีบอัดกว่านี้มาก ... ยิ่งทีวียังถ่ายที 8Bit 4:2:2 (บางที่ 4:2:0) ซึ่งกระนั้นก็ใช้การส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลอยู่แล้วครับ
อันนี้ยังไม่ได้ครอบคลุมไปถึงส่วนประกอบยิบย่อยต่างๆอีกมากที่ภาคอุตสาหกรรมจะต้องยกระบบขึ้นมาทั้งหมด ซึ่งบริษัทใหญ่อาจจะสามารถทำได้แต่เสียทุนในระดับหนึ่ง แต่บริษัทเล็กที่ปรับตัวไม่ได้จะตายลงไปทำให้การเติบโตของเนื้อหาต้องหยุดชะงักครับ
และอุปกรณ์รวมถึง Workflow ในปัจจุบันยังไม่ค่อยพร้อมสำหรับการยกขึ้นไปที่ 4K ด้วยซ้ำ (เมืองไทย 2K ก็ยังทำงานลำบากกันอยู่มากครับ) ดังนั้นการบอกว่ามาตรฐานจะยกขึ้นได้ดีขึ้นเพียงแถลงการณ์อาจจะไม่พอครับ มันต้องมาพร้อมแผนการเตรียมงานระยะหวังผล 5ปี 10ปี ลดภาษีอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ เพิ่มทุนงานวิจัย เอื้อประโยชน์การแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรเทคโนโลยีทางภาพ สนับสนุนช่วงความถี่ให้กว้างขึ้น พัฒนาเทคโนโลยีทางภาพที่ยอมรับกันทั่วโลกที่ใช้งานได้จริงและสะดวกตั้งแต่ต้นน้ำคือการถ่ายทำ ไปจนถึงการออกอากาศ ไม่ใช่แปลงไปแปลงมาหลาย Generation แบบปัจจุบัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่บอกว่ามันควรทำครับ แต่ต้องเปิดช่องว่างให้ทำได้จริงและกว้างขวางด้วยน่ะครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
ขออธิบายทุกท่านในคอมเม้นต์นี้เลยนะครับผม
ตัวทีวี 4K ที่ทาง EBU หมายถึงคือการเหมารวมว่าเป็นทีวีในยุคใหม่ (ซึ่งในช่วงหลังเราเรียกว่า UHDTV) มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ซึ่งก็จะหมายถึงเรื่องต่างๆ ที่ผมได้เขียนไว้ด้านบน อารมณ์ประมาณว่า "ไหนๆ เพิ่มจำนวนพิกเซลขึ้นมาแล้ว ก็พัฒนาคุณภาพของตัวพาแนลให้ดีขึ้นด้วยสิ" คือเป็นการพัฒนาที่ตัวสินค้าให้แสดงผลได้ดีขึ้นในคอนเทนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ถ้าจะพูดถึงประสิทธิภาพของพาแนล ตามความเข้าใจของผู้ใช้งานทั่วไปก็คือ ทีวีแสดงสีได้ใกล้เคียงอุณหภูมิสีในอุดมคติ 6500K, โชว์รายละเอียดในที่มืดในแต่ละฉากให้เห็นไม่เกิดอาการภาพจมซึ่งเป็นเหตุจาก dynamic range ของตัวจอที่ต่ำ, แสดงสีดำได้ใกล้เคียงสีดำแบบไม่เป็นเทาปื้น อันเป็นสาเหตุมาจากการควบคุม backlight ที่ไม่ดี, ฯลฯ แต่ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าเรื่องทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นได้อีกเหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับตัวจออย่างเดียว ผู้บริโภคแต่ละคนก็อาจจะรู้สึกหรือไม่รู้สึกก็เป็นได้
ผมเดาว่า EBU ออกมาแถลงแบบนี้เป็นเพราะอยากจะชะลอไม่ให้เทคโนโลยีการแสดงผลวิ่งเร็วเกินไป จนเทคโนโลยีการผลิตวิ่งตามไม่ทัน สาเหตุก็เป็นอย่างที่คุณ adamy บอก คือหลายๆ ส่วนยังไม่พร้อมสำหรับ 4K (ในบ้านเรา 2K ก็ยังลำบาก)
ถ้าผมอธิบายยังไม่เคลียร์หรือมีข้อโต้แย้งประการใดมาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ