เอกสารของ Edward Snowden ชุดล่าสุดถูกนำมาเขียนเป็นบทความโดนหนังสือพิมพ์ The Intercept ระบุถึงโครงการ ICREACH ระบบค้นหาข้อมูลข่าวกรองทั่วสหรัฐฯ และกำลังขยายไปยังฐานข้อมูลของอีกห้าประเทศตามโครงการ 5-Eyes
เอกสารในปี 2007 แสดงระบบศูนย์กลางที่ตั้งอยู่ใน NSA ที่มีฐานข้อมูลของตัวเอง และเตรียมเชื่อมฐานข้อมูลเข้ากับหน่วยงานอื่นๆ เช่น CIA, DEA (ปราบปรามยาเสพติด), DIA (ข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ), และ FBI พร้อมกับการแชร์ฐานข้อมูลจาก GCHQ ของอังกฤษที่ทำได้แล้วในปี 2007 และเตรียมเชื่อมต่อกับ DSD (ออสเตรเลีย), GCSB (นิวซีแลนด์), และ CSE (แคนาดา)
เอกสารระบุว่า NSA กำลังสะสมข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในปี 2007 อย่างเดียวมีการเก็บข้อมูลวันละ 1-2 พันล้านชุด โดยแหล่งข้อมูล ได้แก่ โทรศัพท์บ้าน, โทรศํพท์ดาวเทียม, โทรศัพท์มือถือ, และอีเมล เอกสารอีกฉบับในปี 2010 ระบุว่ามีข้อมูลจากประเทศ Second Party (ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่มนี้) อยู่ในระบบแล้ว โดยพนักงานที่สืบค้นข้อมูลจากระบบนี้ได้มีมากกว่าพันคนจาก 23 หน่วยงานในสหรัฐฯ
เอกสารมาจากปี 2007 ตอนนี้น่าจะสมบูรณ์หมดแล้วครับ
ที่มา - The Intercept, ICREACH (PDF)
Comments
Google ฉบับ NSA ...อืม
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
การเปิดเผยบางเรื่องของ Snowden ผมก็เห็นด้วยนะครับ แต่บางเรื่องผมก็ไม่เห็นด้วยที่จะมาเปิดเผย //ขอบคุณสำหรับข่าวครับ
อยากทราบด้วยความเคารพจริงๆ นะครับว่าบางเรื่องที่ไม่เห็นด้วยนี่เป็นเรื่องแนวๆ ไหนบ้างและเพราะอะไรน่ะครับ อยากทราบทรรศนะของแต่ละท่านครับว่ามองยังไง
เพราะส่วนตัวผมเห็นด้วยกับการเปิดเผย 100% ครับ ดังคำกล่าวที่ว่าความลับไม่มีในโลกนี้ ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยซะทีเดียว ผมมองว่าอะไรที่เป็นเรื่องภายใน เป็นเรื่องส่วนตัวภายในประเทศ เรื่องที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศอื่นก็ไม่ควรได้รับการเปิดเผย
แต่เรื่องของ Snowden ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องสำนักข่าวกรองสหรัฐที่ตั้งใจยุ่มย่าม จุ้นจ้านผู้อื่น เก็บข้อมูลจากต่างประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่โดยหลักสากลก็ไม่ควรกระทำอยู่แล้ว การตีแผ่เปิดโปง ฉีกหน้ากาก ถือเป็นเรื่องที่ควรกระทำด้วยประการทั้งปวงครับ เพราะคนทั้งโลก แทบทุกประเทศล้วนมีผลกระทบต่อสถานการณ์นี้หมด ทำไมต้องมายุ่งกับเราด้วย ในฐานะพลโลกเราต้องเห็นด้วยด้วยซ้ำไปครับ มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องไม่เห็นด้วยล่ะ อเมริกาก็ไม่ใช่พ่อของเรา ความมั่นคงของอเมริกาก็ไม่ใช่ธุระของเรา คำพูดที่ว่าไม่เห็นด้วยน่าจะมาจากคนที่เป็นพลเมืองอเมริกันเองมากกว่า ผมมองแบบนี้นะครับ
อย่างแนวคิดจีน เขาก็ชัดเจนว่าเขาจะไม่ยุ่งจุ้นจ้านประเทศอื่น แต่เขาก็ไม่ชอบให้ประเทศอื่นจุ้นจ้านเรื่องภายในเขาเหมือนกัน แต่อเมริกาก็ยังทำ (เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจจริงๆ) ผลก็คือจีนเองก็จ้องเล่นงานอเมริกาคืนด้วยตอนนี้
ส่วนตัวผมว่าอเมริกาเองก็ควรปรับทรรศนะใหม่ อเมริกาก็ไม่ได้มั่งคั่งแบบในอดีตแล้ว เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาอเมริกาเอางบไปทิ้งอย่างไม่ใช่เรื่องทั้งการไปทำสงครามต่างประเทศที่ไม่ใช่ธุระตน หรือแม้แต่การไล่เก็บข้อมูลทั่วโลกแบบนี้ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ธุระตนเหมือนกัน อารมณ์เหมือนเด็กพาล เกเร ใช้เงินเกินตัวจนต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากจีน กลายเป็นลูกหนี้รายใหญ่ แต่ก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมอันไม่เป็นประโยชน์และเปลืองงบแบบนี้ การบริหารแบบนี้ผมก็อยากเห็นชะตากรรมในอนาคตของประเทศนี้เหมือนกันว่าจะลงเอยอย่างไร
ด้วยความเคารพเช่นกันครับ ทุกประเทศมี Policy ที่แตกต่างกันดีบ้างไม่ดีบ้างก็อยู่ที่มุมมองของแต่คน ส่วนตัวเห็นว่าถ้าบางประเด็นที่ส่งผลกระทบภายในกับประเทศใดประเทศนึ่งอย่างรุนแรงก็ไม่ควรครับ ตอนนี้ไม่เหมือนตอนแรกเค้ามีอำนาจต่อลองสูงมีข้อมูลที่ต่อลองได้ก็น่าจะใช้แค่ขู่เรียกร้องในแต่ละประเด็นๆไปครับ บางอย่างก็ไม่ควรเอามาเผยแพร่ครับ //ขอบคุณครับ
ตกลง "บางอย่าง" นี่มันเช่นอะไรบ้างหรือครับ??? ผมคิดว่าสังคมแต่ละสังคมต้องหาเส้นแบ่งของตัวเองว่าอย่างไหนที่เรายอมให้รัฐทำ เพราะมีเหตุผลเพียงพอ แต่ถ้าเส้นแบ่งไม่ชัดเราปล่อยให้อ้างคำกว้างๆ อย่าง "ส่งผลกระทบ" สุดท้ายทุกอย่างจะกลายเป็นความมั่นคงไปหมด ส่งผลกระทบไปเสียทุกอย่างและกลายเป็นรัฐเผด็จการไปในที่สุด
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณครับ สำหรับคำชี้แนะ
เขียนเป็นบทความโดนหนังสือพิมพ์ -> เขียนเป็นบทความโดยหนังสือพิมพ์
โทรศํพท์ดาวเทียม -> โทรศัพท์ดาวเทียม
สภาพเหมือนกรุงโรม ตอนใกล้แตก ในสมัยปลาย ยุคจักรวรรดิโรมัน มากเลยครับ
ทำสงครามมั่วไปหมด
+1 เห็นภาพชัดเลย
ตื่นเต้น เกิน
คงเป็น Google(ลับสุดยอด) สำหรับรัฐบาลนั่นล่ะ
Google ที่เราใช้เป็นของสำหรับประชาชน
อ่า... คิดถึง Netscape ยุคสุดท้าย
นั่นมัน Netscape!!
//ไม่เกี่ยวกับข่าว