จากข่าว กสท. ลงมติให้ "สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3" (ช่อง 3 Analog) สิ้นสุดการทำหน้าที่เป็นโทรทัศน์ทั่วไประดับชาติ ผมเชื่อว่ามีคนสับสนเรื่องนี้ไม่น้อยเพราะมันซับซ้อนมาก บทความนี้จะพยายามอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่าง ช่อง 3 กับทีวีดิจิตอลครับ
ก่อนอื่นเลยต้องแยกแยะกันสักนิดว่าคำว่า "ช่อง 3" ในปัจจุบันมี 4 ความหมายที่ต้องเจาะจงว่าหมายถึงอะไรกันแน่
จำง่ายๆ คือช่อง 3 ดั้งเดิมใช้โลโก้แถบสีแบบเดิม ส่วนช่อง 3 ดิจิทัลทั้งหมดใช้โลโก้ใหม่ที่เป็นวงกลมคล้ายๆ ลูกฟุตบอลครับ (ดูรูปประกอบ)
ทั้งสี่ช่องนี้เป็นการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท BEC เหมือนกัน แต่นิติบุคคลที่บริหารจัดการแต่ละช่องนั้นแยกบริษัทกัน (ของเดิม = บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์, ระบบดิจิตอล = บริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย)
ในทางตัวหนังสือ กิจการส่วนของทีวีแอนะล็อกกับทีวีดิจิตอลแยกส่วนขาดกันชัดเจน ทั้งในแง่สัญญา/ใบอนุญาต, วิธีการออกอากาศ, เนื้อหาที่จะนำมาเผยแพร่
แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อหน่วยงานเจ้าของทีวีแอนะล็อกเดิมทั้ง 6 ช่อง ได้รับใบอนุญาตทีวีดิจิตอลด้วย ทำให้เกิดสภาวะ "หนึ่งองค์กร สองระบบทีวี" และเมื่อการทำช่องทีวีหนึ่งช่องต้องใช้ทุนทรัพย์มหาศาล การนำเนื้อหาในช่องแอนะล็อกมาฉายบนช่องดิจิตอลด้วย (ภาษากฎหมายเรียก "ออกอากาศคู่ขนาน") จึงเหมาะสมกว่าทั้งในแง่ต้นทุนและความคุ้นเคยของผู้ชม
กสทช. จึงเปิดโอกาสให้นำเนื้อหาในช่องแอนะล็อกเดิมมาฉายบนช่องดิจิตอลได้ด้วย แต่ต้องยอมปรับเนื้อหาให้เข้ากับกฎเกณฑ์ของทีวีดิจิตอล (เช่น ระยะเวลาโฆษณาที่ไม่เท่ากัน หรือผังรายการ) และปฏิบัติตามระเบียบของ กสทช. (เช่น เสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาต)
ช่อง 5, 11, ThaiPBS มาขอออกอากาศคู่ขนานในทีวีดิจิตอลแบบบริการสาธารณะ ส่วนช่อง 7 และ 9 ก็มาออกอากาศคู่ขนานในแบบธุรกิจแล้ว (ตัวอย่างข่าว กสทช. อนุมัติช่อง 9 ออกคู่ขนาน)
ส่วนช่อง 3 ยังไม่ได้มายื่นขอออกอากาศแบบดิจิตอล (ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น ค่าโฆษณา เลขช่อง) ในแง่กฎหมายแล้ว บริษัท BEC ไม่สามารถนำเนื้อหาในช่อง 3 เดิมมาออกอากาศผ่านระบบดิจิตอลได้ตรงๆ เพราะถือเป็นคนละนิติบุคคลกัน (รายละเอียดอ่านได้จาก ผ่ากลยุทธ์ดิจิตอลทีวีช่อง 3 ของนิตยสาร Positioning)
จากหัวข้อข้างต้น ทีวีดิจิตอลกับแอนะล็อกแยกส่วนกันชัดเจน แต่ความสับสนเริ่มบังเกิดเมื่อเมืองไทยดันมีระบบทีวีดาวเทียม/เคเบิ้ลอีกระบบหนึ่ง (แถมนิยมอีกต่างหาก) และในอดีตที่ผ่านมาผู้ให้บริการจานดาวเทียม/เคเบิ้ลใช้วิธี "เกี่ยวสัญญาณ" ของทีวีแอนะล็อก 6 ช่องเดิมไปฉายบนระบบดาวเทียม/เคเบิ้ลด้วย ทำให้ผู้บริโภคคุ้นเคยกับการดู "ทีวีแอนะล็อก" ผ่าน "จานดาวเทียม" อยู่ก่อน (โดยไม่มีอำนาจทางกฎหมายรองรับ เพราะทำตั้งแต่ก่อนมี กสทช. ช่วงที่เป็นสุญญากาศทางการกำกับดูแล)
เมื่อเกิดหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง กสทช. ขึ้นมา กสทช. ได้ออกประกาศฉบับหนึ่งเมื่อปี 2555 ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ประกาศ Must Carry (ชื่อราชการคือ หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป) เนื้อหาของมันคือกำหนดให้ "ฟรีทีวี" ต้องออกอากาศได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทีวีภาคพื้นดิน ทีวีดาวเทียม เคเบิ้ลทีวี และสัญญาณภาพที่ออกอากาศจะต้องเหมือนกันทุกช่องทางเสมอ
คำว่า "ฟรีทีวี" หรือ "การให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป" ตามประกาศ กสทช. นั้นหมายถึงทีวีบริการสาธารณะ, ทีวีบริการธุรกิจ และทีวีอื่นๆ ที่ กสทช. กำหนด
เป้าหมายดั้งเดิมของประกาศ Must Carry คือบีบให้ผู้บริการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีต้องเกี่ยวสัญญาณทีวีแอนะล็อก+ดิจิตอลไปฉายด้วย ซึ่งจะช่วยให้ฐานผู้ชมทีวีดิจิตอลกว้างขึ้น (เพราะคนจำนวนมากสามารถดูได้จากดาวเทียม แม้ในพื้นที่นั้นยังไม่มีเสาสัญญาณดิจิตอล)
แต่ช่วงแรกนั้น กสทช. กำหนดให้ทีวีแอนะล็อก 6 ช่องเดิมถือเป็น "ฟรีทีวี" ด้วย (อยู่ในบทเฉพาะกาล มีผลจนกว่า กสทช. จะประกาศแก้ไข) ประกาศฉบับนี้จึงกลายเป็นฐานอำนาจให้ทีวีดาวเทียมสามารถนำสัญญาณทีวีแอนะล็อกเดิมที่ไม่ออกอากาศคู่ขนาน (ในที่นี้คือช่อง 3 ดั้งเดิม) มาฉายบนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ตรงนี้ดูลำดับเวลาดีๆ นะครับ
มติ กสท. (บอร์ดกระจายเสียงของ กสทช.) ทำให้ช่อง 3 ดั้งเดิมไม่สามารถฉายผ่านดาวเทียม/เคเบิ้ลได้อีกต่อไป แต่ยังสามารถฉายผ่านระบบแอนะล็อกเดิมได้ต่อไปจนถึงปี 2563 และถ้าอยากฉายผ่านระบบดิจิตอล (ซึ่งจะได้สองเด้งคือถูกส่งต่อไปฉายบนเคเบิ้ล/ดาวเทียมตามประกาศ Must Carry ด้วย) ก็ต้องมาขอใบอนุญาตกับ กสทช. เหมือนกับที่ช่อง 7 ทำ
แต่ก่อนมติ กสท. จะมีผลเพียงไม่กี่วัน บ้านเราเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เข้าซะก่อน และในวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 (หลังรัฐประหาร 2 วัน) คสช. ก็ออกประกาศฉบับที่ 27/2557 กำหนดให้ทีวีแอนะล็อกและทีวีดิจิตอล สามารถออกออกอากาศได้ตามปกติทั้งระบบภาคพื้น ดาวเที้ยม เคเบิ้ล
เป้าหมายของประกาศ คสช. คือให้การถ่ายทอดสดรายการของ คสช. ออกอากาศได้ทุกช่องทาง แต่ประกาศฉบับนี้กลับส่งผลให้ชะตาของช่อง 3 ดั้งเดิม ยืดอายุต่อไปได้
กสท. ยอมยืดอายุ 30 วันตามประกาศฉบับ 4/2557 เป็น 100 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันนี้ (1 กันยายน)
พอรอดจากปัญหาระยะสั้น บริษัท BEC หวังแก้เกมยาว โดยยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้เพิกถอนมติ กสท. 4/2557 และระหว่างรอตัดสินคดี ขอให้ศาลปกครองสั่ง "คุ้มครองชั่วคราว" เพื่อให้ช่อง 3 ดั้งเดิมออกอากาศผ่านดาวเทียมได้ดังเดิม
ผลคือศาลรับฟ้องแต่ไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราว ดังนั้นมติ กสท. 4/2557 ยังมีผลจนกว่าศาลจะตัดสิน (ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะออกมาอย่างไร)
นอกจากนี้ ช่อง 3 ยังได้ทำหนังสือถึงหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. เพื่อสอบถามถึงแนวปฏิบัติตามมติ กสท. ว่าจะให้ทำอย่างไร ผลคือ คสช. ส่งเรื่องกลับมาถาม กสทช./กสท. ว่ามีความเกี่ยวโยงกันอย่างไรในเชิงกฎหมาย
กสท. ประชุมกันวันนี้ (1 กันยายน) และมีมติว่าจะไม่ยืดเวลา 100 วันออกไป ทำให้ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผู้ประกอบการดาวเทียม/เคเบิ้ล ไม่มีสิทธินำช่อง 3 ดั้งเดิมมาออกอากาศนั่นเองครับ
ถ้าช่อง 3 เลือกเส้นทางที่ถูกต้องตามกรอบกฎหมาย ก็มี 2 ทางเลือกคือ
แต่ถ้าช่อง 3 + ผู้ประกอบการดาวเทียมยังมั่นใจว่า ด้วยความนิยมที่สั่งสมมานานจะทำให้ผู้บริโภคยังดูช่อง 3 ต่อไป ก็อาจ "ลอง" ฉายสัญญาณช่อง 3 ทางทีวีดาวเทียม/เคเบิ้ลต่อไปได้ในวันพรุ่งนี้ (2 กันยายน) ซึ่ง กสทช. ก็คงสั่งปรับ/ฟ้องตามมาตรการทางกฎหมายต่อไปครับ
Comments
ขอบคุณครับ เข้าใจขึ้นเยอะเลยครับ
ช่อง ๓ คงคิดว่ามีฐานผู้ชมมากมาย เลยทำแบบนี้ เห็นแก่ค่าโฆษณาด้วย ดูหัวหมอยังไงก็ไม่รู้ซิ
ขอบคุณครับ กำลังหาวิธีอธิบายต่ออยู่เลย ^^
งงนิดๆครับ
ประกาศ Must Carry คือบังคับทีวีดาวเทียมให้พ่วงสัญญาณช่อง 3 (รวม 5,7,9,11) ไปด้วย
ก่อนหน้าที่จะประกาศ Must Carry พวกทีวีดาวเทียมก็มีช่อง 3 อยู่แล้ว แต่พอประกาศยกเลิก Must Carry ทำไมถึงต้องเอาช่อง 3 ออกจากช่องดาวเทียม
เหมือนประกาศสั่งพาสัญญาณไป แต่เมื่อยกเลิกประกาศ ทีวีดาวเทียมห้ามพาสัญญาณไปเลยหรือครับ
ไม่ได้ "ห้าม" ครับ แต่ถ้าจะออกอากาศต้องไปขออนุญาตเป็นช่องทีวีดาวเทียม (เช่นเดียวกับช่องอื่นๆ ที่มีใบอนุญาต ออกทีวีดาวเทียม)
ทีวีปกติจะออกได้ต้องขออนุญาต แบบเดียวกับการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ต้องขออนุญาต เพียงแต่เป็นข่าวน้อยกว่าเพราะไม่มีการประมูลคลื่นใหญ่โต
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณครับ
ใช้เคเบิ้ลทีวีมาตั้งแต่เด็ก ก็เห็นมีช่อง 3-11 เพิ่งมาสังเกตุว่า การเกี่ยวสัญญาณก่อน กสทช.ไม่มีกฎหมายกำหนด ตอนนี้มีกฎหมายกำหนดแล้ว ต้องขออนุญาติเพิ่มเป็นทีวีเคเบิล/ดาวเทียม
หลังจากประกาศยกเลิกการที่สัญญาณอนาล็อกเป็นฟรีทีวี ช่องอื่น ๆ ถูกเผยแพร่ผ่านดาวเทียมผ่านทางสัญญาณที่เป็นดิจิตัลทีวี ซี่งเนื่องจากเนื้อหาเหมือนกันในทางปฎิบัติจึงไม่มีผลอะไร
แต่สำหรับช่องสามที่พยายามเล่นแง่ทำให้อนาล็อกทีวีเป็นช่องที่ต่างกับดิจิตัล (กลายเป็นว่าช่องสามถืออยู่ถึง 4 ช่อง) ทำให้เนื้อหาที่ถูกเผยแพร่บนดาวเทียมจะไม่เหมือนกับช่องอนาล็อก (ซึ่งไอ้ที่อยู่บนดิจิตัลปัจจุบันยังเเหมือนจะเป็นแค่การทดลองออกอากาศของช่อง 3) และการที่ช่อง 3 อนาล็อกยังเป็นตัวถ่วงการย้ายคนดูไปยังดิจิตอลทีวีแบบนี้ก็ยิ่งทำให้การย้ายระบบนั้นใช้เวลามากกว่าที่ควรเป็น เพราะคนดูจะดูสรยุทธและครอบครัวข่าวนั่นเอง (เกี่ยวไหม?)
มีส่วนครับ ข่าวสรยุทธเรตติ้งก็สูงอยู่แล้ว ช่อง 3 เลยมองว่าตัวเองมีอำนาจพอ เลยกั๊กอยู่อย่างนั้น สุดท้ายผลมันก็เป็นอย่างที่เห็นในวันนี้และพรุ่งนี้ครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ช่อง 3 rating ดีกว่าช่อง 7 เฉพาะช่วงสรยุทธเลยนะครับ ช่วงอื่นโดยเฉพาะละครช่อง 7 กินเรียบ ไม่ค่อยเข้าใจว่าย้ายช้ามีประโยชน์ยังไง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมว่า มันมีผลประโยชน์อยู่ตรงที่ค่าโฆษณาครับ
ช่องสามเดิม ฐานคนดูเยอะกว่า ระยะเวลาโฆษณานานกว่า = ค่าโฆษณา ได้รับมากกว่า
ช่องดิจิตอล ถูกควบคุมโดย กสท ฐานคนดูยังไม่แน่นเท่าของเดิม ระยะเวลาโฆษณาสั้นกว่า = ค่าโฆษณาได้รับน้อยกว่าครับ
ตอนแรกผมยังคิดว่าช่อง 3 จะก๊อปปี้ไปอยู่ดิจิตอลทีวีเลย แต่ทางช่อง3 คงคิดถึงผลประโยชน์มากกว่า สัญญาอนาลอกยังเหลืออีกหลายปี ทำเงินได้อีกมาก ในฐานะผู้กำฐานคนดูจำนวนมากอยู่ด้วย ตอนนี้ช่อง 3 ดิจิตอลเปิดไปเหมือนทดลองรายการมากกว่าจริงๆ
ในฐานะผู้ใช้อย่างเราย่อมอยากให้ช่อง3 เปลี่ยนถ่ายไปดิจิตอลเร็วขึ้น รวมถึง กสทช.ด้วย จากนี้ไปอยากให้ กสทช.กดดันช่อง3 มากกขึ้นอีก ออกกฎฟรีทีวีห้ามขึ้นดาวเทียมเลยดีไหม ฮา
ก่อนหน้านั้นคือไม่มีฐานอำนาจทางกฎหมายรองรับไงครับ เพราะยังไม่มี กสช. และ กสทช. ดังนั้นเอาสัญญาณมาออกได้ ไม่ผิด เพราะไม่มีใครห้าม
พอมี กสทช. แล้ว ผู้ประกอบการต้องมารับใบอนุญาตประกอบกิจการ (คนละอย่างกับประมูลคลื่นความถี่) ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของ กสทช. ครับ
หลังออกประกาศยกเลิก 4/2557 ทำให้ฐานอำนาจตรงนี้หมดไป ถ้าช่อง 3 อยากเอามาออกก็ต้องไปหาใบอนุญาตประกอบกิจการสักใบ (จะเป็นดาวเทียมหรือดิจิตอลก็ได้) มาใช้เพื่อให้ถูกกฎหมาย ไม่งั้นจะเป็นสัญญาณเถื่อนไปแทนครับ
ขอบคุณครับ ผมข้ามบรรทัดสำคัญไปเองครับ
กรณีขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียม ก็จะต้องลดเวลาโฆษณาจาก 12 นาทีต่อชั่วโมงเหลือ 6 นาทีต่อชั่วโมงด้วย อันนี้น่าจะเป็นประเด็นสำคัญสุด
+1 ครับ ผมว่าช่อง 3 ไม่อยากลงดาวเทียมเพราะเรื่องโฆษณาหายไปเยอะ
A smooth sea never made a skillful sailor.
ยังมีเรื่องคอนเทนท์ช่องอนาล็อกเดิมอีกหรือเปล่าครับ ที่ไม่สามารถโยกย้ายออกอากาศคู่ขนานกันได้ทันที หากไม่มีการซื้อขายมาลงช่อง 3HD อีกทอดนึง
ผมสนับสนุนให้ กสทช ใช้ยาแรงกับช่อง 3 นะครับ ช่อง 3 จะได้ยอมมาออกคู่ขนานซักที อย่าใช้จำนวนคนดู ความนิยมของช่องเป็นตัวประกัน เป็นตัวถ่วงไม่ให้ทีวีดิจิตอลเกิดอีกเลย
เดือนหน้าจะแจกกล่องแล้ว หลังจากล่าช้ามาหลายเดือน ลองคิดดูสิครับ หาก กสทช ไม่ใช้ยาแรง พอแจกกล่องแล้ว ช่อง 3 ยังไม่ยอมมาออกคู่ขนาน กลายเป็นว่าพอได้กล่องมาแล้วดูช่อง 3 ไม่ได้ ทำให้คนที่บ้านพากันถอดกล่องเก็บ กลับไปดูระบบเดิม แล้วอย่างนี้ทีวีดิจิตอลจะเกิดได้ยังไง
เข้าใจว่าคนทำทีวีดิจิตอลตอนนี้เข้าเนื้อกันไปเยอะแล้วครับ ประมูลมาก็แพงแต่ติดปัญหามากมาย ยื้อกันไปแบบนี้ จะไปรอดกันซักกี่ราย
+3
ผมก็งงอยู่นานมาก อ่านๆในพันทิพ ก็บอกประมาณช่อง3 เกมโกง อ่านบทความนี้เลย "โพร้ง"..พรั้งพรู ณ บัดดล สมควรมืด.. ขอบคุณคับ :)
เพราะเจมส์จิ?.......ฟิ้วววว
แล้วทำไมคุณสรยุทธโพสในigว่าจะไม่จอดำ? งงละ
จริงๆ ดำไม่ดำไม่ใช่เรื่องของช่องสามครับ เพราะที่ผ่านมา ช่องสามไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอาภาพตัวเองไปเผยแพร่อยู่แล้ว (ไม่ได้เช่าช่องสัญญาณ กล่องดึงภาพไปออกกันเอง) ส่วนตอนหลังมีกติกา Must Carry ก็เป็นเรื่องของกล่องดาวเทียมกับกสทช.
ส่วนว่าพรุ่งนี้จะจอดำหรือไม่ ก็กลับมาเป็นเรื่องของกล่องดาวเทียมอีกครั้ง ว่าจะแพร่ภาพต่อหรือไม่ ถ้าแพร่ภาพไปแล้วกสทช. จะเอาเรื่องไหม เพราะไม่ใช่ช่องที่ได้รับใบอนุญาต อันนั้นกลายเป็นเรื่องของกล่องกับกสทช.
lewcpe.com, @wasonliw
ซับซ้อน ยังงงอยู่ 5555+
ขอบคุณครับ เข้าใจมากขึ้นแล้ว
อ่านข่าวนี้แล้ว ทำให้ผมมองว่า ช่อง 3 "ขาด Spirit" ไปเยอะเลยครับ เสียดายที่เป็นแฟนช่องนี้มานาน ใจจริงอยากให้เนื้อหาทั้งหมดย้ายไปออก ช่อง 3 HD 33 ทุกอย่าง เรื่องโฆษณาก็บริหารเวลากันใหม่ ทำให้ถูกกฎ และ ครบทุกสปอนเซอร์ แค่นี้ก็ออก Digital ได้สบายเลยครับ
เดือนหน้าผมว่าจะไปหาซื้อกล่องมาซักตัวครับ
เห็นว่าคืนที่ผ่านมายังออกอากาศตามปกติ ดูซิว่า กสทช จะทำยังไง
ย้ายไป 3HD เถอะ อยากดูละครแบบ 16:9
วันนี้พี่xxxแถดิ้นเลยนะครัชอ้าง "เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ" โอย ขำแล้วขำอีก
กฎหมายคงเป็นแค่กระดาษสินะ
เสียงด่าก็เยอะนะครับ พี่ยุทธหัดแหกตาดูเวบอื่นบ้าง ฟังแต่คอมเม้นท์ในIGแก มันก็มีแต่คนอวยแกสิ
ทำตัวถ่วงความเจริญมากครับ
น่าประนาม
ถ้าจะโทษก็คงโทษคนที่ให้ช่องสามต่อสัญญาสัมปทานอีกเกินสิบปีสินะ เรื่องมันเลยวุ่น
ช่อง 3 ยังดูได้ผ่านจานแดงทรูครับ
+3
I am Cortana.
Nice to meet you.
+2^16
📸
+100
+3*-4
ปัญหาคือช่อง 3 ยังต้องจ่ายค่าสัมปทานที่เหลืออยู่อีก 6 ปีให้กับ อสมท ปีละ 250 ล้านบาท
(250x6=1,500ล้านบาท) หากออกอากาศคู่ขนาน ก็ต้องจ่ายให้ทั้ง อสมท
และจ่ายเงิน 4 %จากรายได้เพื่อเข้ากองทุนพัฒนาสื่อ ของ กสทช
ไหนจะเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง จากข้อจำกัดเรื่องช่วงเวลาที่จะโฆษณาต่อครั้ง
ไม่เกินกำหนดที่ กสทช กำหนด
ส่วนเรื่องเรตติ้งดิจิตอลทีวีไม่มี ปัจจุบันช่องต่างๆที่เป็นดิจิตอลทีวี
ก็ออกอากาศผ่านทางเคเบิ้ลทีวีได้อยู่แล้ว จานแดง /ดำ /ส้ม รับสัญญาณได้หมด
อันนั้นมันขึ้นอยู่กับคอนเท็นต์ของแต่ละช่องที่ดึงดูดผู้ชมไม่ได้เอง
การทำงานของ กสทช ก็ล่าช้า แผนงานประชาสัมพันธ์ก็ไม่ได้เรื่อง
สัญญาณกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศก็ต้องใช้เวลาเกือบ2ปี
คูปองก็ไม่แจกซะที พอจะแจกก็ดันแจกต่ำกว่าราคาขายกล่องซะอีก
ก็ไม่เคยมีใครบอกนะครับว่ามันต้องสูงกว่าหรือเท่ากับราคากล่อง ไม่งั้นให้คูปองแลกกล่องเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ?
ไม่ดีสิครับ.. ถ้าคูปองแลกกล่องแล้วเกิดผมอยากได้กล่องที่มี function ดี ๆ เช่น บันทึกรายการโปรดไว้ดูได้ การแจกคูปองแทนเงินสดทำให้ผมเพิ่มเงินในส่วนต่างเพื่อ function ที่ต้องการได้
ส่วนคูปองทำไมขั้นต่ำควรเท่ากับราคากล่องก็เพราะว่าเป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านยังไงล่ะครับ ซึ่งจะมีประโยชน์กับทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการช่อง TV digital ด้วย ลองสมมติเล่น ๆ ว่า กสทช. ไม่แจกคูปองเลย แล้วช่องต่าง ๆ มีหวังตายแน่ ๆ ... แต่หากแจกคูปองราคาต่ำไป เช่น ต้องออกเองอีก 400 บาท สำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว คงเลือกที่จะดูระบบอนาลอกต่อไปมากกว่า อีกทั้งคูปองที่เอามาแจกนั้นเป็นรายได้จากการประมูลคลื่นครับ
ผมเข้าใจว่าถ้าเป็นคูปองแลกกล่องนี่ต้องกำหนดขั้นต่ำ แล้วบวกเงินได้อยู่แล้วนะครับ คิดไปคิดมาแล้วไม่ต่างจากคูปองมูลค่าแบบที่ทำเลย สงสัยผมมึนเอง ขออภัยครับ
แล้วทีจะดูบอล ยังดิ้นรนหากล่องดิจิตอล มาดูกันได้เลยครับ กี่กล่องก็จะซื้อมาดูกัน ขนาดไม่แถมคูปอง นะเนี่ย
ที่ต่อว่าช่อง 3 กันนี่ เพราะเรื่องที่เขาไม่ยอมลดโฆษณาเพื่อฉายในช่องดาวเทียมใช่มั้ยครับ
เพราะผมเข้าใจว่าเรื่องนี้ตามกฎหมายแล้วทาง กสทช. ต้องไปไล่บี้กับทางผู้ปล่อยสัญญาณดาวเทียมของช่อง 3 original เอาเอง
ส่วนตัวผมไม่เดือดร้อนโดยตรงแฮะ (ไม่ได้ดู) แต่เดือดร้อนโดยอ้อม เพราะต้องไปนั่งสอนอาม่าใช้รีโมททีวีสลับกันไปมา ...
เหนื่อยหน่อยนะครับ
เรื่องดูซับซ้อนนะครับ