เมื่อวันที่ 3 - 4 กันยายนที่ผ่านมา ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผมมีโอกาสได้ไปร่วมงาน Startup Asia Tokyo 2014 (ขอขอบคุณพี่ @mk มา ณ ที่นี้ด้วยครับ) ซึ่งจัดโดย Tech In Asia โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เหล่าผู้ประกอบการในแถบเอเชียได้พบปะสังสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจ รวมถึงพบปะกับภาคนักลงทุน มีการจัดพื้นที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถนำเสนอไอเดีย (Pitch) ให้กับนักลงทุนเพื่อขอทุนสนับสนุนได้ทันทีภายในงาน นอกจากนี้ยังมีการเชิญผู้ประกอบการจากสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในภูมิภาคเอเชียและนักลงทุนรายใหญ่ๆ มาบอกเล่าประสบการณ์ รวมถึงแนะแนวทางในการสร้างธุรกิจในพื้นที่แถบเอเชียด้วยครับ
![No Description](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/e0cbb2ca3549b462b3ce7c9922d4a255.png)
Welcome Dinner
![alt="IMG_3084"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/094c2a8449b1e2cd04c416de5e8e584a.jpg)
ก่อนจะถึงงานวันแรก เพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง ผู้ร่วมงานทุกคนได้รับเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็น ณ โรงแรม The Westin Tokyo Hotel (มื้อนี้ฟรี! PayPal เลี้ยงครับ :D) และพูดคุยทำความรู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการ (ผมก็มารู้ทีหลังว่าหลายๆ ท่านที่ผมมีโอกาสคุยด้วยนี่ก็คนใหญ่คนโตทั้งนั้น 0_o) อาหารก็อร่อยตามมาตรฐานโรงแรมครับ แต่ประเด็นหลักของงาน (สำหรับคนอื่นๆ) นั้นไม่ใช่อาหาร แต่เป็นโอกาสทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ในวงการ ดังนั้นเราก็จะเห็นอาหารดีๆ เหลือมากมาย ในขณะที่ผู้ร่วมงานทุกคนจับกลุ่มพูดคุยต่างแลกนามบัตรกันอย่างออกรส (ผมไม่ได้เอานามบัตรมาด้วย น่าเสียดายมาก) เป็นภาพที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนในเมืองไทยครับ (ฮา)
ในงานนี้ผมก็มีโอกาสทำความรู้จักกับสตาร์ทอัพและนักลงทุนจากหลายสังกัด เป็นที่น่าสนใจว่าสตาร์ทอัพที่ญี่ปุ่นนั้น เป็นชาวต่างชาติที่มาลงทุนในญี่ปุ่น หรือทีมผสมระหว่างชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่น อยู่ในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก ผมมีโอกาสได้คุยกับคุณ Kazanari Miyazaki จาก BIGLOBE ถึงสถานการณ์ของวงการสตาร์ทอัพในประเทศญี่ปุ่น โดยแกเล่าว่าวงการสตาร์ทอัพที่นี่นั้น แม้จะยังไม่เติบโตเท่าต่างชาติ แต่ก็อยู่ในช่วงขาขึ้น บริษัทใหญ่ๆ ต่างให้ความสนใจ ปัญหาที่ทำให้วงการนี้พัฒนาช้ากว่าประเทศอื่นๆ นั้น แกคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากค่านิยมของชาวญี่ปุ่น ที่นิยมทำงานฝากชีวิตกับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีความมั่นคง อีกทั้งระบบการศึกษาของประเทศญี่ปุ่นนั้นปลูกฝังให้เด็กกลัวความผิดพลาด (คล้ายกับประเทศไทยมาก) ทำให้น้อยคนเลือกที่จะมาเสี่ยงทำสตาร์ทอัพครับ แกยังเสนอทางแก้โดยแกคิดว่าควรจะดึงผู้มีความสามารถ (Talent) จากต่างชาติมาช่วยพัฒนาวงการสตาร์ทอัพและชักนำชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ให้มาร่วมกันทำสตาร์ทอัพกันมากขึ้นครับ
![alt="IMG_3085"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/95a21c850365b44619035a289ceca959.jpg)
![alt="IMG_3073"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/84f13b22c41830f13f3e088f75db400e.jpg)
![alt="IMG_3108"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/c21adca0f34f7eb72c149938a445ab39.jpg)
คุณ Miyazaki คือคนที่ยืนคุยอยู่ตรงกลาง ทางขวามือครับ
Day 1
![alt="IMG_3120"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/c222f35a07902374c7b3e541a2eafb6b.jpg)
ตัวงานจริงๆ นั้น จัดอยู่ที่ Shibuya Hikarie ติดกับสถานีรถไฟ Shibuya ใจกลางโตเกียว ที่นี่เป็นอาคารสำนักงานที่อลังการงานสร้างมากครับ ตามกำหนดการแล้ว โต๊ะลงทะเบียนจะเปิดเวลา 8:30 น. แม้ผมจะมาถึงงานค่อนข้างเช้า (เริ่มลงตั้งใจจะมาเก็บภาพบรรยากาศก่อนเริ่มงาน) ก็ยังมีคนต่อคิวลงทะเบียนอยู่บ้างเล็กน้อยครับ แต่พอทางสต๊าฟเห็น Media Pass ของผมปุ๊บ ก็โดนจับลัดคิว ไปรับ Badge และของแจกทันที (บัตรเบ่งจริงๆ)
![alt="IMG_3121"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/ce38510e7d4d1229111ad2856db98bbe.jpg)
![alt="IMG_3124"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/6778428a7d40031213cd2819cda2c1fe.jpg)
![alt="IMG_3126"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/ec4c153d644849c481c55309515d1037.jpg)
![alt="IMG_3118"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/9c64cece0383740a6e0e2a6f91982d33.jpg)
บัตรเบ่งครับ :D
![alt="IMG_3140"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/c144407dfdd058fb77c8877b151c7559.jpg)
ของแจกที่ได้รับมาตอนลงทะเบียนเข้างานครับ
![alt="IMG_3211"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/32e891ceacf57261a36f9fb999a20212.jpg)
เดินเข้ามาในงาน โซนแรกเป็นบูทจาก Sponsor รายใหญ่ ถัดมาเป็นโซนที่เรียกว่า Bootstrap Valley ที่จัดให้สตาร์ทอัพที่มาร่วมงานได้นำผลงานมาแสดง สำหรับรายละเอียดของสตาร์ทอัพรายเด่นๆ ที่มาร่วมงาน สามารถอ่านได้จากบทความก่อนหน้าครับ
![alt="IMG_3461"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/b6eea7db49c3cb2151dcecf053311c4a.jpg)
![alt="IMG_3164"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/21088d33c59c6d0528c207a83cb6d07d.jpg)
![alt="IMG_3236"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/d50fb96be54e507eef59bd161cf986e3.jpg)
สาบานได้ว่านี่คือบริษัทหลักทรัพย์ ขาวมาก! (เสื้อครับ.. เสื้อ)
![alt="IMG_3207"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/efccbf3a681bb0b4ffdcab1f5df69b38.jpg)
![alt="IMG_3208"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/9dae70db42ea1bb0c5ed96cb38e3e8d0.jpg)
นอกจากนี้ก็ยังมีโซน Speed Dating ที่จัดนักลงทุนมานั่งรอให้ Startup สามารถมา Pitch ไอเดียขอทุนได้ทันที โซน Meet the Bloggers สำหรับพบปะกับทีมงาน Tech In Asia และโซน Office Hour ที่จะคล้ายๆ กับ Speed Dating แต่เปลี่ยนจากนักลงทุน มาเป็นบริษัทใหญ่ๆ ที่อาจจะร่วมเป็น Partner กับสตาร์ทอัพได้ครับ
![alt="IMG_3176"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/ec42cabce8dd402caa3ffc5bab1efe5e.jpg)
สุดท้ายเป็น Main Event ของงาน คือ Keynote, Startup Showcase และ Discussion จากบุคคลที่น่าสนใจครับ มีทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาญี่ปุ่น) มีบริการแปลสดผ่านหูฟังให้ โดยคุณภาพการแปลถือว่าค่อนข้างดี (สำเนียงอเมริกัน แอบติดญี่ปุ่นนิดๆ ฟังค่อนข้างง่าย แอบเห็นล่ามสาว 2 คนนั่งอยู่หลัง Hall น่ารักมาก!) สามารถฟังจับใจความได้ทุก Session ครับ
![alt="IMG_3577"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/30b9b401ea1c06cd7374354f82fa6148.jpg)
ล่าม 2 คนที่ผลัดกันแปลสดทั้ง 2 ภาษาตลอดงาน เสียงน่ารักด้วยนะ :D
เป็นที่น่าสังเกตว่ามีหลาย Session พูดเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้แถบนี้เป็นทำเลทองของเหล่าสตาร์ทอัพที่จะมาจับตลาด และของนักลงทุนที่จะมาควานหาสตาร์ทอัพที่น่าสนับสนุนครับ หลายๆ Session น่าสนใจมาก แต่หลายๆ Session ก็ต้องขอสารภาพว่าผมก็แอบวูบ สัปหงกไปบ้าง (แอบงีบทั้งๆ ที่นั่งแถวหน้าสุดเลย!) ผมขออนุญาตเลือกกล่าวถึงเพียงบาง Session ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ แยกเป็นหัวข้อ (ซึ่งอาจจะไม่ค่อยปะติดปะต่อ) ตามที่ผมโน้ตมานะครับ
Building a global business from Japan
Speaker: Tomoko Namba, founder and board member, DeNA
![alt="IMG_3184"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/1850f4dd3bf163ec7c61d03d5ff43183.jpg)
- Session นี้คุณ Namba มาเล่าถึงประสบการณ์การสร้างบริษัท DeNA (อ่านว่า ดี-เอ็น-เอ) บริษัทนี้เริ่มมาจากการทำระบบประมูลออนไลน์บนมือถือ จากนั้นก็เบนเข็มมาทำเกมบนสมาร์ทโฟนซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ล่าสุดบริษัทกำลังจะเริ่มหันมาจับธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพครับ
- ปัญหาของสตาร์ทอัพญี่ปุ่นคือ จ้างคนมาทำงานด้วยยาก เพราะที่นี่มีค่านิยมทำงานให้กับบริษัทใหญ่ๆ เอาแค่กว่าจะโน้มน้าวพนักงานแต่ละคนให้มาร่วมหัวจมท้ายด้วยหลายครั้งก็ใช้เวลาเป็นปี
- การจะ "ล่าหัว" พนักงานแต่ละคนมานั้น เราจำเป็นต้องมีความจริงใจ ตรงไปตรงมากับอีกฝ่าย เพราะนี่จะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนชีวิตคนๆ หนึ่งเลยทีเดียว
- หลักจากผ่านด่านตัวพนักงานแล้ว ด่านต่อไปคือต้องโน้มน้าวครอบครัวต่อ หลายครั้งที่พ่อแม่ ผู้ปกครองของพนักงาน ก็ไม่ค่อยชอบใจที่จะส่งลูกหลานมาทำงานกับบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก
- คำแนะนำสำหรับสตาร์ทอัพ: ระมัดระวังเรื่องการเซ็นสัญญา อย่าให้มีอะไรมาผูกมัดอนาคต
- เลือกรับเงินจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์การลงทุนกับสตาร์ทอัพ
- ระบบการศึกษาของญี่ปุ่นยังมีปัญหา (ที่คล้ายกับของไทยมากๆ) คือการสอนเด็กให้กลัวความผิดพลาด กระบวนการนี้เริ่มต้นตั้งแต่ระดับชั้นประถม และจำเป็นจะต้องถูกแก้ไข
- เป้าหมายของ DeNA คืออยากจะเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลชี้นำโลก ดังเช่น Apple หรือ Google โลกเรายังขาดบริษัทระดับนี้จากฝั่งเอเชียอยู่
- หลังจากฟัง Session นี้จบ คุณ Namba นี่กลายเป็นไอดอลของผมไปเลยทีเดียว
Is it time for Japanese corporations to get involved in the startup scene?
Speakers:
- Kensuke Okabe, chief planning director at Nissha Printing Co., Ltd.
- Yoichiro “Pina” Hirano, founder and CEO at Infoteria Corporation
- Yoshihiko Kawamura, senior vice president at Mitsubishi Corporation
- Yoichiro Hamazaki, GM, corporate planning and strategy Office, Infocom Corporation
- Yoshiaki Ishii, Director for New Business Policy Office at Ministry Of Economy, Trade and Industry (METI)
Moderator: Ken Koyanagi, publisher of the Nikkei Asian Review
![alt="IMG_3234"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/f93f8c115fbe2a17c3b4264289c01336.jpg)
- บริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นเริ่มเล็งเห็นถึงความสำคัญของสตาร์ทอัพ แต่ด้วยความที่เป็นบริษัทใหญ่ กระบวนการทำงานจึงค่อนข้างช้าและซับซ้อนยุ่งยาก ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่บริษัทใหญ่ๆ กำลังปรับตัว
- หากต้องการความสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ๆ จะต้องเข้าให้ถึง Key Person (ในงานใช้คำว่าซามูไร) ของแต่ละบริษัท ที่มีความสามารถในการผลักดันโครงการให้เดินหน้าไปได้
- เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ๆ ภาครัฐของญี่ปุ่นก็จำเป็นต้องปรับตัวเช่นกัน แต่ก็ประสบปัญหาเดียวกันคือเป็นองค์กรใหญ่ ขยับตัวได้ช้า
- บริษัทใหญ่ๆ ทางฝั่งอเมริกาเข้าซื้อสตาร์ทอัพ (ที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว) เพื่อครอบครองผลิตภัณฑ์ หรือดึงทีมที่มีความสามารถมาร่วมงาน แต่ทางฝั่งญี่ปุ่น การเข้าซื้อในลักษณะนี้ไม่เป็นที่แพร่หลายนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี
End of Copy to China
Speaker: Akio Tanaka, co-founder and managing partner, Infinity Venture Partners
![alt="IMG_3262"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/f9da037c90ba3c65509654325b9335f7.jpg)
- ธุรกิจ IT ในจีนนั้นใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา
- เรามักจะคุ้ยเคยกับภาพลักษณ์ของจีนในฐานะ "จอมลอก" บริการใหญ่ๆ ที่ประสบความสำเร็จจากอเมริกาอย่างเช่น Twitter และ Facebook จะถูกลอกมาเป็นเวอร์ชันจีน (ในที่นี้คือ Sina Weibo และ Ren Ren ตามลำดับ) เสมอๆ
- แต่ความจริงแล้ว หลายๆ บริการที่จีนลอกไป ก็มีการพัฒนาปรับปรุง ต่อยอด มีนวัตกรรมที่น่าสนใจที่ไม่เคยมีที่อเมริกา หรือญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน
- ยกตัวอย่างเช่นแอพ CTrip ที่มีการผนวกข้อมูลการเดินทางจากหลายๆ แหล่งข้อมูล และขายทริปราคาแพงให้ซื้อได้จากสมาร์ทโฟนโดยตรงเลย (ตรงนี้อธิบายเป็นตัวอักษรยาก และผมก็ลืมถ่ายรูปสไลด์มา ขออภัยด้วยครับ) หรือบริการที่คล้ายๆ Uber ของจีน (ผมลืมชื่อ ขออภัยครับ) แต่สามารถป้อนรหัสเที่ยวบิน แล้วระบบจะค้นหาสนามบิน และ Terminal ให้ทันที
- ตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่เราควรจะหันมา "ลอก" พี่จีนกลับบ้าง :D
The startup investment climate in Southeast Asia
Speakers:
- Amit Anand, Founder and managing partner, Jungle Ventures
- Dmitry Levit, General partner at Digital Media Partners
- Kuo-Yi Lim, Partner at Monk’s Hill Ventures
- Saemin Ahn, Managing partner, Rakuten Ventures
Moderator: Vinnie Lauria, Founding partner, Golden Gate Ventures
![alt="IMG_3310"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/9511e55b061096c57d6b5d90c163f881.jpg)
- เป็นที่น่าแปลกใจว่าธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีความคล้ายคลึงกับธุรกิจที่บราซิลและตุรกี
- ต้องคิดต่าง ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นแรงงานราคาถูก แต่เทคโนโลยีราคาแพง ซึ่งตรงกันข้ามกับญี่ปุ่นและอเมริกา เพราะเหตุนี้โมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก่อนจากที่อื่น อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับที่นี่
- บางครั้ง การใช้วิธีบ้านๆ ไม่ซับซ้อน เน้นเอาแรงงานคนเข้าสู้ ก็เป็นกลยุทธ์ที่แหมาะสม
นอกจากนี้ ในงานยังมี Side Track ที่จัดโดย Sponsors ซึ่งเวลาจะคาบเกี่ยวกับ Main Track เป็นบางช่วง สุดท้ายผมจึงได้แค่เดินผ่านไปดูระหว่างพักเบรค แต่ไม่ได้เข้าฟังเต็มๆ ครับ
![alt="IMG_3246"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/59c9bebc4bff651af1e4fde8a7488cf7.jpg)
เป็นอันว่าจบงานวันแรก กลับที่พัก และไปเที่ยวเมดคาเฟ่กับเพื่อนตอนเย็นต่อไป (แฮร่~)
Day 2
โซนอื่นๆ ไม่ต่างจากงานวันแรก ผมขออนุญาตตัดมาที่สรุปเนื้อหาคร่าวๆ จาก Session ที่ผมเข้าฟังเลยแล้วกันนะครับ
How can Japan and US top accelerators embrace Asia
Speakers:
- Dave McClure, founding partner at 500 Startups
- Kevin Hale, Partner at Y Combinator
- Taizo Son, CEO at MOVIDA JAPAN
Moderator: Hiro Maeda, Managing partner at BEENOS
![alt="IMG_3385"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/e2820796094f071618f9ad173e2e2383.jpg)
- ต้องเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพเข้าถึงเงินทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) กำลังค่อยๆ ถูกสร้างขึ้นในญี่ปุ่น
- สตาร์ทอัพญี่ปุ่นนิยมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เมื่อมันพร้อมและยอดเยี่ยมแล้ว ในขณะที่สตาร์ทอัพที่ Silicon Valley เน้นเปิดตัวผลิตภัณฑ์ให้เร็ว ในระหว่างที่ค่อยๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ แต่ทั้ง 2 แนวทางก็มีเป้าหมายเดียวกันคือให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง
- เกมออนไลน์และโซเชี่ยลมีเดียได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่น เนื่องจากชาวญี่ปุ่นจำนวนมากสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้
- สิ่งที่ญี่ปุ่นยังขาดคือ "ความขี้เกียจ" ชาวญี่ปุ่นมีความอดทนกับปัญหาสูงเกินไป เลยไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรกับมัน
- เทรนด์ของสตาร์ทอัพญี่ปุ่นส่วนใหญ่คือพยายามตีตลาดในญี่ปุ่นก่อน แล้วค่อยๆ ขยับขยายออกไปทางแถบเอเชีย ตามด้วยอเมริกา
- แต่ด้วย AppStore เราสามารถที่จะตีหลายๆ ตลาดได้พร้อมกัน ผลิตภัณฑ์ของเราอาจจะไปได้ดีในตลาดที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้
- สำหรับสตาร์ทอัพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีทีมที่ดี มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดังนั้นให้โฟกัสไปที่การเพิ่มบุคลากรลักษณะนี้ สิ่งอื่นๆ จะตามมาเอง
- มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้ความรู้ ปรับทรรศนะของนักลงทุนในญี่ปุ่น เนื่องจากนักลงทุนส่วนมากมีพื้นเพมาจากกลุ่มธุรกิจการเงิน และขนาดประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องสตาร์ทอัพ
- สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับสตาร์ทอัพคือการเอาตัวรอดในช่วงปีแรกให้ได้
- บริษัทญี่ปุ่นนิยมทำทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง แทนที่จะสนับสนุนระบบนิเวศและสร้างธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมา
The future of tech entrepreneurship in Japan
Speakers:
- Daniel Saito, VP – Sales & International Growth at FlyData*
- William Saito, Special Advisor – Cabinet Office, Government of Japan*
![alt="IMG_3389"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/73ebbd67163698fbb217a7c6514b9368.jpg)
- จุดประสงค์ในการทำสตาร์ทอัพของชาวญี่ปุ่นหลายรายคืออยากเป็นประธานบริษัท ไม่ใช่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก
- วงการวิจัยในประเทศญี่ปุ่นนั้นก้าวหน้ามาก แต่ยังขาดความสามารถในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีสู่ตลาด
- 4 เทคโนโลยีที่เป็นเสาหลักของวงการ IT คือ ทรานซิสเตอร์ เซ็นเซอร์ การสื่อสาร และการเก็บข้อมูลนั้นมีแนวโน้มที่จะราคาถูกลงเรื่อยๆ ดังนั้นแทนที่จะลงทุนในบริษัทที่ทำเทคโนโลยีเหล่านี้ ให้เลือกลงทุนในบริษัทที่ใช้ประโยชน์จากแนวโน้มนี้จะดีกว่า
- ปัญหาประชากรสูงอายุมีจำนวนมาก เป็นโอกาสทองของสตาร์ทอัพ
- ตัวอย่างที่น่าสนใจคือญี่ปุ่นมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านหัวใจเป็นจำนวนมาก แต่เครื่องควบคุมจังหวะการเต้นหัวใจ (Pacemaker) นั้นกลับผลิตที่ต่างประเทศทั้งหมด ทั้งๆ ที่ญี่ปุ่นก็น่าจะมีเทคโนโลยีเพียงพอ
The founding story of Zendesk: From zero to IPO
Speaker: Mikkel Svane, CEO and founder at Zendesk
Interviewer: Anh-Minh Do, Managing Editor, Vietnam
![alt="IMG_3414"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/0400360bc506a16c35cd4c7d03fe7933.jpg)
- การตลาดก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพ จงสื่อสารออกมาให้ได้มากที่สุด (Create as much noise as possible) และบรรจงประดิษฐ์สารที่ต้องการสื่อออกมาให้ดี
- ช่วงต้นๆ เราไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายสตาร์ทอัพจะออกมาในรูปแบบไหน
- ระหว่างที่ทำสตาร์ทอัพมักจะมีโอกาสต่างๆ เข้ามาหามากมาย เป็นเรื่องยากที่จะโฟกัสกับการทำสตาร์ทอัพ
- ใจกว้างต่อคนในทีม เชื่อใจ และเชื่อในความฝันเดียวกัน เป็นเรื่องปกติที่บางเวลา สมาชิกบางคนอาจจะทำงานหนักกว่าสมาชิกคนอื่นๆ เช่นในช่วงพัฒนา ทีมพัฒนาก็จะทำงานหนักกว่า แต่หลังจากที่เวอร์ชันแรกพัฒนาเสร็จแล้ว งานก็จะตกอยู่กับทีมการตลาดต่อไป
- การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นเรื่องใหญ่ ใช้เวลาเตรียมตัวแรมปี
- สตาร์ทอัพยุคนี้พึ่งพาการเล่าสู่กันแบบปากต่อปาก (words of mouth) ค่อนข้างมาก ดังนั้นการดูแลลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี จึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
- ภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีความแตกต่างกันภายในภูมิภาคมาก
- ผมชอบประโยคหนึ่งที่คุณ Svane กล่าวไว้คือ "เราเข้ามาตีตลาด และตอนนี้หลายๆ บริษัทพยายามที่จะเข้ามาตีเรา และมันน่าสนใจมาก!" ("We disrupted the market and now there are a lot of companies trying to disrupt us now and that's is very interesting!")
Is a startup bubble brewing in Japan?
Speakers:
- Daisuke Sasaki, CEO and co-founder at freee
- Kensuke Furukawa, CEO and founder at nanapi
- Masashi Kobayashi, Co-founder and managing partner, Infinity Venture Partners
- Shinichi Takamiya, Chief Strategy Officer at Globis Capital
Moderator: Masahiko Honma, co-founder and General Partner, Incubate Fund
![alt="IMG_3420"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/f81026c71633fdd7f1cddc4049dc260c.jpg)
- ภาครัฐควรปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อสนับสนุนวงการสตาร์ทอัพมากกว่านี้
- การระดมทุน ควรตั้งเป้าให้สูง และขอทุนให้มากไว้ก่อน เพราะหลังจากการเจรจา ตัวเลขนี้มีแต่จะลดลง
- ถ้าเป็นไปได้ ให้หา Private Funding จะมีข้อผูกมัดน้อยกว่า
- ภาคการลงทุนจากอเมริกาและจีนนั้นทุนหนามาก
- การเริ่มต้นจากตลาดญี่ปุ่นก่อน แล้วค่อยขยายไปสู่ต่างประเทศนั้นอาจจะดูเป็นธรรมชาติกว่า แต่บางครั้งผลิตภัณฑ์ที่ไปได้ไม่ดีในญี่ปุ่น อาจจะประสบความสำเร็จได้ในตลาดอื่นก็เป็นได้
- รูปแบบของธุรกิจระดับโลก 3 แบบ: 1. แก้ปัญหาที่เหมือนกันของคนทั้งโลก (เข่น Facebook) 2. บริการที่เน้นเจาะตลาดจำเพาะมากๆ (เช่น Pixiv) 3. บริการที่มีการปรับรูปแบบให้เหมาะสม (Localize) กับลักษณะตลาดแต่ละภูมิภาค (ไม่ได้กล่าวถึงตัวอย่างไหนครับ)
- สตาร์ทอัพควรจะเปลี่ยนแนวคิด จากที่มองการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์หรือขายกิจการเป็นเป้าหมาย ให้ตั้งเป้าที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี เพื่อเปลี่ยนโลก
Tech in Thailand: it's worth your time
Speaker: Paul Srivorakul, co-founder and executive chairman, Ardent Capital
![alt="IMG_3428"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/0a7d597e6d5adee9067763127b6e9520.jpg)
- ไทยเป็นตลาดใหญ่ โดยเฉพาะตลาด Mobile
- ถึงแม้จะมีปัญหาการเมืองไม่คงที่ แต่ GDP ของเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ไทยมีความได้เปรียบในเรื่องตำแหน่งทางกายภาพ
- การสร้างฐานลูกค้าในไทยตอนนี้ยังมีราคาถูก
- สำหรับนักลงทุน: ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าไปหาสตาร์ทอัพ สำหรับผู้ประกอบการ: โอกาสมากมายรอคุณอยู่!
How to build an amazing startup
Speaker: Kevin Hale, partner at Y Combinator
![alt="IMG_3515"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/b60b56c6ddb1ae901de5ebf4a4b539ea.jpg)
- มีสไลด์ให้ดาวน์โหลดด้วยครับ (แนะนำมากๆ แต่ถ้าไม่ได้เข้าฟัง อาจจะเข้าใจยากหน่อย)
- ในความเห็นของผม เป็นอีกหนึ่ง Session ที่ดีที่สุดในงานนี้เลยครับ
- ถ้าดูจากสถิติแล้ว สอบเข้า Harvard ยังง่ายกว่าติด Y Combinator ซะอีก
- โดยเฉลี่ยแล้ว สตาร์ทอัพจะใช้เงินลงทุนสุทธิประมาณ 25.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำกำไรเมื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์หรือขายกิจการได้ 676%
- แต่ Wufuu ของคุณ Hale สร้างขึ้นใช้เงินลงทุน 118,000 ดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากขายกิจการให้ SurveyMonkey ไป รวมแล้วทำกำไรไปได้ 29,561%
- หัวใจของการทำสตาร์ทอัพ 3 ประการ: ไอเดียที่ชัดเจน โฟกัสที่ตัวเลข และวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่
- การ Pitch ที่ดี ให้เริ่มจากการตอบคำถาม (ผลิตภัณฑ์คือ) "อะไร" ไม่ใช่ (ทำไป) "ทำไม"
- ข้อแตกต่างระหว่างสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็กทั่วไป คืออัตราการเจริญเติบโต
- นักลงทุนอยากเห็นความเร็วในการเจริญเติบโต ไม่ใช่ตัวเลขในปัจจุบัน
- Y Combinator คัดเลือกผู้สมัครจากคุณภาพของทีม ไม่ใช่ไอเดีย
ก่อนจบงาน ไฮไลท์สุดท้ายคือการประกวด Startup Arena รอบสุดท้าย โดยในรอบนี้แต่ละทีมจะต้อง Pitch ผลงานต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ร่วมงาน รวมทั้งตอบคำถามสดจากคณะกรรมการ สำหรับรายละเอียดงานของแต่ละทีมนั้นสามารถอ่านได้จากบทความที่แล้วเช่นกัน โดบทีมที่ชนะการแข่งขันคือ AppOta ที่ทำ Mobile Gaming Social Network จากเวียดนามครับ
![alt="IMG_3558"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/c5cb9437cde4c86489b2de7050f20f70.jpg)
นอกจากรางวัลชนะเลิศแล้ว ก็ยังมีรางวัลยิบย่อยสำหรับเกือบทุกทีมที่เข้ารอบสุดท้าย แต่ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจที่สุดคือรางวัลจาก Sakura Internet คือสิทธิการใช้ Sakura Cloud เป็นเวลาครึ่งปี และเช็คของขวัญสำหรับรับประทานเนื้อย่างบุฟเฟต์มูลค่า 50,000 เยน (ประมาณ 15,000 บาท) ครับ
![alt="IMG_3539"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/f089bf489d1dacdf61d85ca6eae1b7f0.jpg)
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณพี่ @mk อีกครั้งสำหรับโอกาสดีๆ ครั้งนี้ครับ ท้ายงานมีการประกาศ Startup Asia Tokyo 2015 ซึ่งถ้ามีโอกาส ผมก็อยากจะไปร่วมงานและเก็บบรรยากาศมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง สำหรับภาพทั้งหมด (ทั้งจากกล้องของผม และคุณ PanJ) นั้นสามารถเข้าไปดูได้ที่ Gallery ที่ Flickr ครับ
ถ้าอย่างนั้นก็เจอกันใหม่ Event หน้า สวัสดีครับ (^_^)/
![alt="IMG_3570"](https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/33c003a7b40aacc8d92629e8d6f15058.jpg)
Comments
บุคลิกของงานดูสุภาพเรียบร้อยมากๆ ครับ
สถานีรถไฟ Shibaya => สถานีรถไฟ Shibuya
ครับ ครับ ?
อนุญาติ => อนุญาต
เกียวกับ => เกี่ยวกับ
ทีจะ => ที่จะ
เซ็นต์สัญญา => เซ็นสัญญา
ทีมี => ที่มี
เวอร์ชั่น => เวอร์ชัน
Sine Weibo => Sina Weibo
โดนตรง => โดยตรง
กลยุทธ => กลยุทธ์
อินเทอร์เนต => อินเทอร์เน็ต
บุคคลากร => บุคลากร
ความเชี่ยว => ความเชี่ยวชาญ
ดอลล่าสหรัฐ => ดอลลาร์สหรัฐ
วิสัยทรรศ => วิสัยทัศน์
มูลล่า => มูลค่า
แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากครับ ตอนเขียนก็เบลอๆ ก็ไว้แล้วว่าต้องมีผิดยุบยับ orz
เนื้อย่างบุฟเฟต์มูลค่า 50,000 เยน!