หลังจากเปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปีสำหรับแท็บเล็ต Lenovo ThinkPad 8 และวางจำหน่ายในไทยได้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทาง Lenovo ก็ส่งมาให้ทาง Blognone ได้รีวิวแท็บเล็ตระดับองค์กร (Enterprise-grade) ตัวนี้ครับ
สำหรับเครื่องที่ได้รับมา มีหน่วยความจำที่ 64 GB (เหลือใช้จริงประมาณ 50 GB), แรม 4 GB และมาพร้อมกับ 3G/LTE ในตัว ซึ่งถือเป็นรุ่นที่หาได้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายของทาง Lenovo โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 19,900 บาท ส่วนสเปคอื่นอ่านเอาจากข่าวเก่านะครับ เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
ThinkPad 8 ถือเป็นแท็บเล็ตขนาด 8 นิ้ว ที่เกินมานิดหน่อย (ในสเปคจริงๆ คือมีหน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว) โดยถูกวางตัวให้เป็นแท็บเล็ตระดับองค์กร ซึ่งต้องถือว่าสมกับความเป็นแท็บเล็ตองค์กรจริงๆ เพราะแรกสัมผัสรู้สึกได้ถึงความหนักและความแน่นของเครื่อง (ตามสเปคคือหนัก 439 กรัม) ไม่มีกดแล้วยวบยาบ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่ถือว่าค่อนข้างมากกว่าแท็บเล็ตขนาด 8 นิ้วโดยทั่วไป
แต่ถึงจะหนักและแน่นอย่างนี้ ถ้าลองเอามาดัดเบาๆ แบบที่เจอใน iPhone 6 Plus ก็มีงอนะครับ ผมดัดเล่นออกแรงแค่เบาๆ ก็งอ (flex) แล้ว แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นพลาสติก การงอดังกล่าวก็เป็นไปด้วยคุณสมบัติของพลาสติกที่ยืดหยุ่นได้ เลยเด้งกลับมาเหมือนเดิมครับ (ไม่กล้าดัดไปมากกว่านี้ กลัวทำพัง)
ด้านหลังของแท็บเล็ตยังคงดีไซน์และสัมผัสการออกแบบเหมือนกับ ThinkPad เดิมๆ ที่เป็นพลาสติกพ่นยาง ไม่รู้สึกลื่น จับกระชับมือ ต้องบอกว่าสัมผัสดีมากๆ
โลโก้ของ ThinkPad ที่บริเวณหัวตัว i จะเป็นจุดสีแดง เวลาเปิดใช้เครื่องจะปรากฏออกมาเป็นไฟครับ (คงทดแทนตุ่มแดงๆ ที่มีบนแป้นพิมพ์ไม่ได้ในเชิงความรู้สึก แต่ก็พอจะกล้อมแกล้มไปได้ว่ายังมีจุดแดงๆ)
กล้องหลังที่สเปคระบุว่าเป็น 8 เมกะพิกเซล พร้อมแฟลช
ด้านบนของเครื่องไม่มีอะไรอยู่เลยครับ ส่วนด้านขวามือของเครื่อง (ถ้ามองจากหน้าจอ) มีปุ่มเปิด/ปิด หน้าจอ ปุ่มปรับเสียง และพอร์ต Micro USB 3.0
ด้านล่างหลังเครื่องเป็นลำโพง (ไม่แน่ใจว่าสเตอริโอหรือไม่) และช่องเสียบหูฟัง
ด้านซ้ายเป็นช่องเสียบ Micro HDMI และช่องที่มีฝาปิดเป็นที่เสียบ micro SD และซิมการ์ด
ขนาดเมื่อเอาไปใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง คือใส่ลงนะครับ แต่แน่นอนว่าต้องล้นกระเป๋ามามากพอดู
ตัวซอฟต์แวร์ภายในเป็น Windows 8.1 Pro บนหน้าจอที่ความละเอียดเกิน Full HD (1920x1200) ทำให้ภาพหน้าจอที่ออกมาสวยมาก ความสว่าง รวมไปถึงมุมของหน้าจอ ถือว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานใน Modern UI/Metro UI และการตั้งค่าแรกเริ่มในส่วนของหน้าจอเดสก์ท็อป ถือว่าใช้งานได้ดีกับหน้าจอที่ละเอียดขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อผมปรับค่าในเดสก์ท็อป ให้ใช้ความละเอียดหน้าจอเต็มที่ ไม่ขยาย ผลที่ได้ก็เป็นดังภาพข้างล่าง คือมันเล็กมาก จนจิ้มอะไรไม่ถูก ผมต้องปรับให้มันใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ถึงจะเริ่มอยู่ในข่ายพอทำงานได้ครับ และค่าเริ่มต้นของตัวแท็บเล็ตเอง ก็ใหญ่เกินไปที่ผมจะทำงานตามปกติได้ (แต่อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะครับ)
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบ คือการที่แท็บเล็ตขนาด 8 นิ้ว สามารถทำงานเป็นตัวอ่านหนังสือสำหรับขนาดพวกพ็อกเกตบุ๊กได้เป็นอย่างดี ตัวหนังสือและความคมชัดของเครื่องนี้ที่ให้ ก็ทำให้การอ่านหนังสือประเภทนี้สบายตา ไม่ต้องเพ่งมาก แบบภาพด้านล่าง
ในการใช้งานจริง ผมพบว่าถ้าคุณเดินถือแท็บเล็ตไปและคาดหวังว่าจะเปิดเอกสารอ่านอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เข้าเว็บ ถือว่าเข้าท่า เพียงแต่ว่าถ้าเข้าโหมดเดสก์ท๊อปเมื่อไหร่ ผมพบว่าผมต้องแสวงหาแป้นพิมพ์และเมาส์ เพราะการทำงานอยู่ในระดับที่อิหลักอิเหลื่อมาก ถ้าคิดจะใช้เป็นแท็บเล็ตอย่างเดียว (แป้นพิมพ์ปาเข้าไปครึ่งหน้าจอแล้วเมื่อจอทำงานในแนวนอน) ซึ่งในส่วนนี้ก็คงจะต้องบอกว่าเป็นเพราะตัวระบบปฏิบัติการ อีกทั้งเมื่อตั้งค่าหน้าจอที่ละเอียดมาก เพื่อให้เห็นเอกสารขนาดจริง ก็จะพบว่าเล็กเกินไป พอตั้งค่ามาตรฐานก็จะใหญ่เกินไป ทำให้เวลาทำงานแบบไม่ได้นั่งโต๊ะค่อนข้างเป็นปัญหาพอสมควร
อีกเรื่องที่ชื่นชอบคือโหมดการทำงานของการถ่ายภาพ ที่สามารถเลือกภาพที่ดีที่สุดขณะถ่ายไว้ได้ (เข้าใจว่าสมาร์ทโฟนเจ้าดังๆ มีกันหมดแล้ว)
ส่วนเรื่องของคุณภาพของภาพถ่ายต้องถือว่าดีจนน่าแปลกใจ แน่นอนว่าการถ่ายตอนกลางคืนอาจมี noise รบกวนอยู่ แต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ ทว่าภาพตอนกลางวันกลับให้คุณภาพที่ดีจนผมทึ่ง แม้ว่าแสงจะไม่มากและถ่ายในที่ร่มก็ตาม
ในการใช้งานจริง พบว่าตัวเครื่องร้อนพอสมควร โดยเฉพาะบริเวณหัวเครื่องด้านบน, หน้าจอสู้แดดดีมาก, ปุ่ม Windows บนหน้าจอเครื่อง กดแล้วทำงานบ้าง ไม่ทำงานบ้าง, แบตถือว่าหมดค่อนข้างเร็วถ้าใช้ต่อเนื่อง (ผมไม่ได้นับละเอียด แต่หนึ่งชั่วโมงหมดไปประมาณ 25-30% เห็นจะได้ เมื่อเปิด 3G/LTE ทำงานด้วย), เวลาชาร์จค่อนข้างนาน แต่ที่คาดไม่ถึง คือการที่ตัวแท็บเล็ตมันทำงานเป็น PC อันหนึ่ง แทนที่คิดว่าจะเป็นแท็บเล็ต กล่าวคือ ผมต้องการเอารูปออกจากแท็บเล็ต ซึ่งวิธีการปกติที่ผมทำในกรณีนี้ คือต่อแท็บเล็ตเข้าคอมพิวเตอร์ แล้วดึงไฟล์ออกมา แต่ใน Windows 8.1 กลับทำเช่นนั้นไม่ได้ ผลก็คือผมต้องไปแสวงหาสาย OTG มาใช้ แล้วถ่ายโอนไฟล์จาก thumb drive เอาแทน เพิ่มขั้นตอนที่ไม่จำเป็นอย่างยิ่ง
ในเชิงฮาร์ดแวร์ ThinkPad 8 ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ทั้งขนาด คุณภาพของหน้าจอ รวมไปถึงภาพถ่ายที่ให้ภาพสวยงาม อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดที่ต้องติ อย่างเช่น ปุ่ม Windows บนหน้าจอที่กดติดบ้างไม่ติดบ้าง (เรียก Charmbar ขึ้นมาง่ายกว่า) และในหลายครั้งที่ปุ่มนั้นกลับสร้างปัญหาในการจับ (เพราะไปปลุกให้เครื่องตื่นด้วย) ตลอดจนถึงแบตของเครื่อง และความร้อนจากเครื่องด้วยเวลาใช้งาน
สิ่งที่ทำให้เครื่อง ThinkPad 8 สร้างความผิดหวังมากที่สุด กลับไปตกอยู่ที่ซอฟต์แวร์ Windows 8.1 เสียมากกว่า ซึ่งในฝั่ง Modern/Metro UI แม้จะออกแบบหน้าจอและขนาดที่เหมาะสมสำหรับแท็บเล็ตตัวนี้ แต่แอพในการทำงานก็ยังมีไม่มาก และถ้าเข้าถึงโหมดเดสก์ท็อปเมื่อใด ผลที่ได้คือความไม่ลงตัวในการทำงานเวลาที่ต้องเดินทางอยู่บนรถไฟฟ้าแล้วใช้งานแท็บเล็ตตัวนี้ และการทำงานที่ติดว่าตัวมันยังทำงานแบบ PC เครื่องหนึ่ง ก็ทำให้สถานะของแท็บเล็ตตัวนี้ แทนที่จะเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านในฐานะอุปกรณ์ต่อพ่วง กลายเป็นว่าปฏิบัติตัวเหมือนกับเป็นคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ทำให้งานบางอย่างที่ควรจะทำได้ด้วยสามัญสำนึก (เช่น การย้ายโอนไฟล์) ต้องเผชิญกับความซับซ้อนโดยใช่เหตุ ซึ่งหวังว่าปัญหานี้จะแก้ไขใน Windows ตัวถัดไป
ถ้าถามผมว่าควรซื้อหรือไม่ อาจจะตอบได้ยาก เพราะเรื่องเช่นนี้แล้วแต่คนที่ใช้งานอยู่ด้วยว่าจะต้องการแบบไหน ซึ่งด้วยราคาขนาดนี้ (19,900 บาท) คนที่ซื้ออาจจะต้องใคร่ครวญให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจครับ
Comments
ฮาเลยครับประโยคนี้ :D
กล้องนูนอะ
เอิ่ม ถ้าเครื่องมันเป็น Windows 8 Pro แล้วมันจะเป็นอื่นไปได้หรือครับ
มันเป็น Tablet PC ไม่ใช่ Tablet OS เหมือนเจ้าอื่นๆนะ
แล้วโยนลง Micro SDก็ได้มั้ง ถ้าเป็นTablet ปกติ ก็ทำอย่างนั้นกันอยู่แล้ว
คือผมก็คิดแบบผู้ใช้ทั่วไปด้วยนะ และก็ไม่เคยนึกถึงความจริงข้อนี้ จนกระทั่งทำแบบที่ทำกับแท็บเล็ตตัวอื่นแล้วมันฉุกคิดขึ้นได้ว่าทำไมไม่มี
ถ้า Windows 8.1 มันมีคุณสมบัติที่สามารถรู้ตัวเองได้ว่ากำลังต่อเชื่อมกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น มันจะง่ายกว่านี้นะครับ เพราะการโยนใส่ Micro SD ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อย productive แปลกๆ ครับ ปกติโยนไฟล์เข้า Lumia 930, Xperia Tablet Z ก็ใช้วิธีต่อ USB แล้วโยนนะ ไม่เคยใช้ Micro SD
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
+1 ผมว่าคนส่วนมากเคยชินกับการทำงานของ tablet ทั้ง android และ iOS ไปแล้ว ไหนๆ Windows ก็เป็นตลาดรองจะเพิ่มฟีเจอร์อีกอย่างให้มันใช้งานสะดวกขึ้น ผมก็ว่ามันไม่น่ายากหรอกมั้งครับ นึกถึงสมัยก่อนนู้นตอนที่ยังใช้ DOS แล้ว PC2PC ถ่ายโอนไฟล์ผ่านสายด้วย laplink ยังทำได้เลย
Tablet PC มันเป็นเครื่องแม่เสมอครับ
จะให้มองตัวเองเป็น Secondary Device แบบแทปเล็ตที่ใช้OSขนาดเล็กมันเป็นไปไม่ได้ เพราะอุปกรณ์พวกนี้เวลาเชื่อมแล้วทำตัวเป็น Drive Storage
ในกรณ๊คอมพิวเตอร์สองตัวต่อกัน จะให้ตัวไหนเป็น Storageครับ? จะทำเหมือนแทปเล็ตทั่วไปไม่ได้
จริงๆ การโยนไฟล์ข้ามเครื่องโดยตรงดั้งเดิมมีอยู่แล้วครับ อันนั้นคือการส่งไฟล์ด้วยบลูทูธนั่นแหละ ถ้ายังจำกันได้ ถ้าทำแบบนั้นก็ต้องเซ็ทอัพโฟลเดอร์ที่จะให้มองเป็นพื้นที่ Storage ของเครื่องตรงข้าม เป็นแชร์โฟลเดอร์ไป
อ้าว ไปๆมาๆ มันก็ทำได้แฮะ
อย่างที่บอกไป ผมเข้าใจประเด็นนั้น แต่ถ้าผมเป็นผู้ใช้ทั่วไป ผมจะเข้าใจไหมครับ อีกประเด็นคือ ในท้ายที่สุดผมก็ต้องเจอที่ขั้นตอนวุ่นวายใช่ไหมครับ? ทำไมไม่ต่อแล้วเห็นเป็น storage แบบหนึ่งไปเลยล่ะครับ?
นี่คือจุดยืนที่มองในฐานะผู้ใช้งานทั่วไปนะครับ ย้ำอีกครั้ง
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เอ แล้วเวลาเอา Android Tablet ที่รองรบ USB OTG ทั้งสองตัวมาเสียบกันมันทำงานยังไงครับ?
น่าลองแฮะ
ใครมี android 2 เครื่อง อยากให้ลองรีวิวดูจังเลยครับ
นึกไปถึงอีกอย่าง ถ้าเป็น android กับ wp ล่ะ?
อาการเดียวกับ Surface Pro 3 ที่จอละเอียดไป ทำให้ desktop โครตเล็ก
ส่วนเรื่องย้ายไฟล์ น่าจะไม่ต่างจาก Dell Venue 8 Pro เท่าไร คือ
- ข้อมูลที่จะเก็บไว้ในหน่วยความจำเครื่อง sync ผ่าน OneDrive foder เป็นหลัก(จริง ๆ ลงโปรแกรมก็เต็มแล้ว)
- พยายามเก็บทุกอย่างลง micro SD เพื่อจะได้มาถอดเสียบกับ PC ง่าย ๆ
- ใช้ USB flash drive แบบ OTG copy ไฟล์แทน
- ดึงไฟล์ผ่าน workgroup หรือ homegroup (ใช้ Wi-Fi)
ปกติจะผมไม่เสียบกับ PC ตรง ๆ เพราะมันชาร์จไฟไม่ได้ - -' (ไม่แน่ใจว่า Lenovo ไฟเข้าหรือเปล่า แต่คิดว่าคงเหมือนกัน)
มันเป็น PC ผมว่าโอนไฟล์ก็ใช้วิธีพื้นๆ เลย แชร์เอาไม่ก็โยนลง flash drive
ไม่ทราบว่ารุ่นนี้ พอจะหาปากกามาใช้ด้วยกันได้ไหมครับ
อยากถามเรื่องปากกาเหมือนกันเลย
ภาพหน้าออกที่ออกมา ?
เดสก์ท๊อป => เดสก์ท็อป
พ๊อกเก็ตบุ๊ค => พ็อกเกตบุ๊ก
มาตราฐาน => มาตรฐาน
ถ่ายโดน => ถ่ายโอน
ขอบพระคุณครับ รออยู่พอดีเลย
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมว่ารุ่นนี้เวอร์ชั่น ของ windows น่าจะเป็น Windows 8.1 with bing เพราะเครื่องที่ผมใช้อยู่ เป็นเวอร์ชั่นนี้
ปัญหาที่พบคือ
1.ไม่สามารถ update เป็น Windiws 8.1 update 1 ได้
2.จากการใช้งานพบว่าเวลาเป็นเครื่องจุดสีแดงด้านหลังเครื่องทำให้ตัวเครื่องร้อนมาก
3. Office ที่แถม เป็นเวอร์ชั่น office 356 1ปี ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ เช่น acer w3/acer w4 ที่แถมเป็นตัว office student
4. จากราคานี้ ถ้าเอาไปเทียบกับ acer w4 จะพบว่า acer w4 ถูกกว่าแถมมี ของแถม เป็นเคส กับคีย์บอร์ด ด้วย แต่แรมน้อยกว่า
เหมือนข้อเสียที่กล่าวๆมา
จอเล็กใช้ยาก อันนี้มันจริง แต่พอจอใหญ่ก็พกยาก เลือกเอาละกัน
ย้ายไฟล์กับคอมลำบาก อันนี้มันเหมือนเป็น PC เครื่องนึงเวลาเราย้ายไฟล์เราก็ต้องผ่านตัวกลางหรือ แชร์อยู่แล้วมิใช่หรือ ถ้าเรามองว่ามันคือ PCที่พกได้เหมือนโทรศัพท์ ความยุ่งยากที่ไม่พอดีนี้อาจจะเบาบางลงรึเปล่าครับ
ป.ล. ไม่ได้บอกว่า Microsoft ทำดีอยู่แล้วนะครับ ทุกอย่างมันก็ต้องปรับปรุงไปเรื่อยๆ
จากทั้งข้อ 1 + 2 นี่แหละ ที่ทำให้ windows tablet ไม่เป็นที่นิยมสักที คือจะเป็น tablet ก็ไม่สุด จะเป็น pc ก็ไม่พอดีอีก
ถ้าปรับปรุงให้ mode metro ทำตัวเป็น tablet แท้ๆ และ mode desktop ทำตัวเป็น pc แท้ๆ (รวมทั้งปรับปรุงเรื่อง ui ของหน้าจอด้วย ให้มีความละเอียดที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละ mode) น่าจะทำให้น่าใช้มากขึ้นได้
จากที่ ลองซื้อมาใช้
ของผม เป็น Acer W3 นะครับ จะซื้อมาลอง เลยเอาตัวถูก ๆ
ผมว่าเครื่องแบบนี้ มีกรณีเดียว ที่มันจะ work
คือ คุณทำงานอยู่ข้างนอก office ตลอดเวลา แล้ว บ.เปิด One Drive แบบ องค์กร
ให้คุณ sync file Word หรือ excel ได้ตลอดเวลา ผ่าน สัญญาณ 3G/LTE
พวก sale ที่วิ่งงาน ในสถานที่ๆ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วต้องแก้เอกสาร offline
ก่อน sync งานกลับ สนง. ทีหลัง .. work ครับ
น่าจะทำเหมือน android กดสั่งเปลี่ยน โหมดได้ ว่าจะเลือกแบบไหนจะให้มองเป็น MTP หรือไม่
ปล. windows ไม่มี โปรแกรมแบบ Airdroid หรือฮะ