เริ่มต้นปี 2015 ด้วยสถิติของ Blognone ตลอดทั้งปี 2014 ที่เพิ่งผ่านพ้นมาหมาดๆ นะครับ สถิติอื่นที่ควรดูเทียบคือ สถิติปี 2013, สถิติครึ่งแรกปี 2014 และ บทความยอดนิยมของปี 2014
สถิติคนเข้าเว็บ
ปี 2014 ถือเป็นปีแรกที่ Blognone มีคนเข้าน้อยลงจากปีก่อนนะครับ (สาเหตุเดี๋ยวว่ากันต่อไป)
- เซสชัน 18 ล้านครั้ง ลดลง 11%
- ผู้ชมเว็บ 6.4 ล้านคน ลดลง 14.5%
- เพจวิว 35 ล้านครั้ง ลดลง 11.5%
- จำนวนเพจเฉลี่ยต่อการเข้าชม 1.95 เพจ ลดลง 0.6% (แทบจะเท่าเดิม)
อัตราผู้ชมหน้าเดิมกับผู้ชมหน้าใหม่ (New vs Returning) ยังอยู่ระดับเดียวกับของเดิมคือ หน้าเดิม 66% หน้าใหม่ 33%
กราฟเปรียบเทียบสองปี โดยปี 2014 ใช้สีฟ้า 2013 สีส้ม (เผื่อคนสงสัย กราฟสีส้มที่สูงๆ นั่นคือเหตุการณ์ CAT บางรักไฟดับ)
แหล่งที่มาของทราฟฟิก
แยกตามวิธีการนับของกูเกิล จะเห็นว่าทราฟฟิกค่อนข้างกระจาย สัดส่วนจากเว็บอื่น (referral) และโซเชียลใกล้เคียงกันคือ 33-34% ส่วนการเข้าเว็บตรง (direct) อยู่ที่ 20% และ search 14%
แต่ถ้าพิจารณาให้ละเอียดระดับ URL จะเห็นว่ากูเกิลจัดหมวด google.co.th ซึ่งควรจะเป็น search ให้เป็น referral แทน ทำให้ตารางข้างบนจะเพี้ยนไปพอสมควรครับ รวมแล้วทราฟฟิกของ Blognone ที่มาจาก search ควรจะเป็นลำดับที่ 1+4 ได้ประมาณ 40% เลยทีเดียว
ตรงนี้คือสาเหตุที่ทำให้ทราฟฟิกรวมลดลง เนื่องจากทราฟฟิกจาก Google ของเราลดลงมากตั้งแต่ปลายปี 2013 เป็นต้นมา จากกราฟแสดงเฉพาะทราฟฟิกจาก search เพียงอย่างเดียว (สีฟ้าคือปี 2014 สีส้มปี 2013)
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ทราฟฟิกจาก Google ลดลง อันนี้คงไม่มีใครสามารถตอบได้นอกจาก Google เอง แต่เท่าที่คาดเดาน่าจะเป็นเพราะ Blognone เคยถูกตรวจจับมัลแวร์ครั้งหนึ่ง (ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่ติดมาจากเซิร์ฟเวอร์โฆษณา ที่ฝังลง iframe มาแสดงบน Blognone อีกทีหนึ่ง ไม่ได้เป็นที่เซิร์ฟเวอร์ของเราเอง) จึงส่งผลสะเทือนต่อ rank ไม่น้อย (ปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอาจเป็นเพราะตลาดเว็บไทยเริ่มแข่งขันกันสูง มีเว็บทำเนื้อหาไอทีมากขึ้นรวมถึงสื่อกระแสหลักด้วย)
ตอนนี้เราปรับระบบแสดงโฆษณาใหม่ให้ปลอดภัยอย่างเต็มที่แล้ว สบายใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีกครับ
ข้อมูลอื่นๆ
- ทราฟฟิก 95% มาจากประเทศไทย อันดับต่อไปคือสหรัฐอเมริกา (1.1%) และญี่ปุ่น (0.6%)
- คีย์เวิร์ดยอดนิยม คัดมาแสดงให้ดูไม่ได้แล้วเพราะกูเกิลเข้ารหัสทราฟฟิกค้นหา
- เนื้อหายอดนิยม แยกเป็นอีกบทความหนึ่ง
ข้อมูลเทคนิคของผู้ใช้งาน
ข้อมูลส่วนนี้นับเฉพาะเดือน ธ.ค. 2014 เพื่อความสดใหม่ที่สุดของเวอร์ชันซอฟต์แวร์ครับ
ชนิดของอุปกรณ์ที่รับชม
การเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนอุปกรณ์ถือว่าน่าสนใจมาก
- สถิติของแท็บเล็ตแทบจะคงที่ตลอดเวลาที่ราว 8.8%
- สถิติปี 2013 ทั้งปี: เดสก์ท็อป 70.5%, สมาร์ทโฟน 20.5%
- สถิติปี 2014 ครึ่งแรก: เดสก์ท็อป 66.4%, สมาร์ทโฟน 24.8%
- สถิติปี 2014 ทั้งปี: เดสก์ท็อป 58%, สมาร์ทโฟน 32.7%
สรุปได้ว่ารอบปี 2014 ถือเป็นปีที่ผู้ชมเว็บชาวไทยปรับพฤติกรรมอย่างมาก หันมาใช้สมาร์ทโฟนเข้าเว็บกันเยอะมากกว่าเดิมมาก
ประเภทของอุปกรณ์ vs ระบบปฏิบัติการ
- เดสก์ท็อป: นิยม Windows มากที่สุด 49%, Mac 7.6%, Linux 1.1%
- สมาร์ทโฟน: Android 19%, iOS 12%, Windows Phone 1.2%
- แท็บเล็ต: iOS (6.2%) คนใช้เยอะกว่า Android อย่างชัดเจน (2.4%)
เว็บเบราว์เซอร์ (รวมทุกระบบปฏิบัติการ)
- Chrome นำแบบทิ้งห่างที่ 58% เพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย
- Safari แซงหน้า Firefox ขึ้นมาเป็นอันดับสอง ด้วยสัดส่วน 13%
- Firefox ตกมาที่สาม เหลือ 11.4%
- Safari (in-app) ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นด้วย เพิ่มเป็น 8.3%
- Android Browser ลดลงจาก 6% ในปี 2013 มาเหลือ 3.8% ในปีนี้
- IE ลดจาก 6% มาเหลือ 3.7%
เบราว์เซอร์ vs ระบบปฏิบัติการ
- Chrome บน Windows ยังมีส่วนแบ่งสูงสุดที่ 36.4%
- Chrome บน Android ตามมาที่ 16.8%
- Safari บน iOS รวมกันทั้งหมดที่ 17%
Internet Explorer
เบราวเซอร์เกือบทุกตัวตอนนี้ใช้เลขเวอร์ชันแบบอัพเดตบ่อยๆ กันหมดแล้ว ขอคัดมาแสดงเฉพาะ IE อย่างเดียวนะครับ
- IE11 รุ่นล่าสุดในปัจจุบัน ทิ้งห่าง 64%
- IE8 ลดลงเหลือ 12.8%
- IE6 แทบไม่เหลืออยู่ในประวัติศาสตร์แล้ว
ระบบปฏิบัติการ นับรวมทุกอย่างทั้งเดสก์ท็อป แท็บเล็ต มือถือ
- สัดส่วนของ Windows ต่ำกว่า 50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดเว็บมา (ปีที่แล้ว 62%, ปีก่อน 67%)
- Android ขยับขึ้นเหนือระดับ 20% ได้เป็นครั้งแรก และช่องว่างเริ่มถ่างจาก iOS มากขึ้น
- iOS ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน อยู่ที่ 18% แล้ว
- Mac อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ราว 7% นิดๆ
- Linux อยู่ระดับเดียวกับปีที่แล้ว 1% นิดๆ
Windows
- Windows 7 ยังเป็นรุ่นพิมพ์นิยม ส่วนแบ่ง 57% ของ Windows ทั้งหมด แต่ถือว่าลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย (ของเดิม 60%)
- Windows 8.1 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น แตะ 30% ได้เป็นครั้งแรก
- Windows XP ส่วนแบ่งลดฮวบ จากเกือบ 15% เมื่อปีที่แล้ว เหลือ 6.7% ในปีนี้ (ลดเกินครึ่ง)
Android
- Android 4.4.x KitKat รวมกันที่เกือบ 60%
- Android 4.1-4.3 Jelly Bean รวมกัน 23%
- Android 5.0 Lollipop รวมกัน 9.16%
- Android 4.0 ICS เหลือแค่ 1.2%
- Android รุ่นเก่ากว่านั้น (Gingerbread) หลุดชาร์ท Top 10 ไปแล้ว
iOS
- iOS 8.x รวมกัน 73% ถือว่าใกล้เคียงกับอัตราของ iOS เมื่อปีที่แล้ว
- iOS 7.x รวมกัน 21%
Mac
- OS X 10.10 Yosemite มีสัดส่วน 76% ถือว่าเยอะมาก เยอะกว่าอัตราการใช้ 10.9 เมื่อปีที่แล้วเล็กน้อย
- OS X 10.9 Mavericks มีสัดส่วน 16.5%
อุปกรณ์พกพายอดนิยม แยกตามค่าย
- แอปเปิลนำห่าง 43.5%
- ซัมซุงที่สอง 20%
- อุปกรณ์สาย Nexus 5%
- ASUS มาแรงด้วยพลัง Zenfone ที่ 4.2% (ปีที่แล้วอันดับ 10)
- Sony อันดับขึ้น 3.1%
- LG, HTC, Nokia อันดับลดกันหมด
- Oppo เข้ามาติด Top 10 แล้ว
- OnePlus ติดชาร์ทที่อันดับ 16
- มีสมาร์ทโฟน Mozilla อยู่ในชาร์ทด้วย
- Lava เข้ามาติดอันดับ 21 แล้ว
อุปกรณ์พกพายอดนิยม แยกตามรุ่น
หมายเหตุ: Google Analytics ไม่แยกรุ่นของ iPhone/iPad นับรวมกันทั้งหมด เลยเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ยาก
- Galaxy Note 2 ยังเป็นมือถือ Android ยอดนิยมของชาว Blognone ติดต่อกันอีกปี
- Nexus 5 มาแรงเป็นอันดับสอง แทนที่ Nexus 4 เมื่อปีที่แล้ว
- ASUS Zenfone 5 (รหัส Tooj) มาแรง ติดอันดับ 3
- อันดับมือถือซัมซุงที่เหลือคือ S4, Note 3 (นับรวมสองรุ่นย่อย), Note 8.0, Grand 2, Note 4, S5
- LG G2 มือถือยอดเยี่ยมของปี 2013 ยังถือเป็นมือถือยอดฮิตและติด Top 10 ทิ้งห่าง G3 ไกลมาก
รายงานสถิติของปี 2014 คงจบลงเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอยู่ร่วมกันมาตลอดปีที่แล้วครับ (อยากทราบสถิติอะไรเพิ่มเติม แจ้งมาได้ในคอมเมนต์)
Comments
งง กับ Android 5.0 Lollipop ที่บอกว่า มี 9.16%
แต่พอนับแบบ อุปกรณ์พกพายอดนิยม แยกตามค่าย Nexus กลับมีแค่ 5%
แล้ว อีก ~4% กว่า มันเป็น Lollipop จากค่ายไหนอยากทราบจริง...
พวกรอมโมหรือเปล่าครับ อย่างผมใช้ G2 ก็ใช้ Android 5.x มาพักหนึ่งละ
แต่มันก็ไม่ควรเยอะขนาดนี้ ..
custom rom
Moto ล่ะมั้งครับ
เป็นแค่สถิติที่เข้าผ่านเว็บใช่ไหม นี่ผมใช้ htc เข้าผ่านแอพทุกวัน เกือบปีละ ไม่เคยเข้าผ่านเว็บเลย
Galaxy Note 3 N9005 9k เลยเหรอเนี่ย ว้าววว
อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวที่อ่าน analytics มา
เท่าที่อ่านดู โดยรวมๆเหมือนว่าอาจจะพัฒนา traffic source ด้าน social ได้อีกนะครับ จุดที่เห็นคือ โดยปกติ online publisher ของต่างประเทศจะมี traffic จาก social มากกว่า search. แต่ของ Blognone ยังกลับกันอยู่
annual unique user เกินหกล้าน แต่ Facebook page ตั้งแต่ 2008 ยังมีคน follow อยู่แค่ประมาณ 45k ขาจรหลายคนเข้ามาอาจไม่ทันนึกถึงครับ ว่าถ้า follow แล้วจะได้รับเนื้อหาง่ายขึ้น โดยเฉพาะ traffic ขนาดใหญ่ตอนนี้ยังเป็น desktop อยู่ อาจจะทำ UI ให้คน follow ได้โดยไม่รบกวน experience มากเกินไป
traffic จาก social network น่าจะ convert ให้เป็น follower ได้ง่ายกว่ามากๆ แต่ traffic จาก social network ในอเมริกา ส่วนใหญ่เป็น mobile ถ้าในไทยเป็นแบบนั้นเหมือนกันอาจต้องคิด UI บน mobile รองรับ
โพส Facebook หลายอันของ Blognone ภาพ preview ไม่ขึ้นบน Social Network (โชว์เป็น default logo แทน). คนที่ไม่รู้จัก brand Blognone อาจจะไม่รู้จักและไม่คลิกไปดู. โพสยังมีไม่มี share message ประกอบ (มีแต่ลิงค์และ title ของหน้าเว็บ). publisher หลายเจ้าชอบทำภาพกับ share message ชวนดราม่า (หรือชวนให้อ่านต่อ) แต่ Blognone อาจจะไม่แนวนั้น
ส่วนเรื่อง Organic search ตก ก็แบบที่พี่ mk บอกครับว่าเราไม่รู้ว่ากูเกิ้ลภายในมันเปลี่ยนอะไรไป อย่างมากที่ทำได้คือเพิ่ม column ใน Organic search ดูว่าที่ลดลงมาเป็นเพราะ desktop หรือ mobile search (หรือลดหมดเลย). Blognone พึ่งเปลี่ยน mobile ให้ responsive ปีนี้(ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) อาจใช้เวลาให้ทำกูเกิลคะแนนใหม่ ที่เหลือที่ดูได้ก็จำนวนหน้าที่ถูกกูเกิล index, อันดับโดยเฉลี่ย และ keywords เจ้าของเว็บอาจจะดูได้ผ่าน Google Webmaster Tool แทนครับ
แต่โดยรวมๆคือ ถ้าเราต้องพึ่งผู้ให้บริการใหญ่ๆ Facebook Google ไม่กี่เจ้า เวลามันเปลี่ยนอะไรเราก็อาจได้รับผลกระทบทั้งนั้นครับ
แลกเปลี่ยนประเด็นเรื่อง Facebook นะครับ
ส่วนเรื่อง keyword จาก Google Webmaster Tools นั้นผมคิดว่าความละเอียดเทียบกับ Analytics เดิมแล้วเทียบกันไม่ได้เลย และไม่ค่อยแม่นยำเท่าไร (เมื่อเทียบประสบการณ์ในอดีตที่เปิดสองตัวเทียบกัน)
จริงๆแล้วเรื่อง share message อาจจะไม่สำคัญก็ได้ครับ เวลาคนอ่านแชร์ต่อส่วนใหญ่ก็คงเขียน share message ของตัวเองทับอยู่ดี บางที่ทำง่ายๆก็ duplicate page title มาเลย ก็เหลือแต่เรื่องจำนวนคน follow
ส่วนเรื่อง reach อันนี้ก็เหมือนกับ channel อื่นครับที่เอาแน่นอนไม่ได้ ก็แล้วแต่เลือกลงทุนครับ
ภาพ preview มีผลต่อการน่ากดลิงค์ใน facebook มากนะครับ ฟีด blognone หัวข้อน่าสนใจนะ กลุ่มคนไอทีใกล้ตัวผมอ่านและแชร์บ่อยๆ แต่ภาพซ้ำๆ ทำให้บางทีไม่สะดุดตา นึกว่าอ่านไปแล้ว
ถ้าต้องการลดแรงคน ไม่ต้องมาเลือกภาพพรีวิว ก็อาจเขียนโค้ดให้หน้าข่าวสร้างเมต้าแท็ก og:image จากภาพหัวข่าวอัตโนมัติเลยก็ได้นะครับ หรือถ้ามีแรงมากขึ้นอีกหน่อย อาจต่อเติมภาพให้มีโลโก้หรือกรอบ blognone เล็กๆ ไปด้วยก็ยิ่งเป็นการแบรนด์ชัดเจนขึ้น
ที่จริง Blognone ไม่มีรูปภาพ preview แบบนี้ มันทำให้คนกดนึกถึงพวกลิงค์หลอกๆ หรือพวกเว็บไวรัสด้วยค่ะ เพราะใน Facebook มีเกลื่อนเหลือเกิน
ข้อแรกนี่หมายถึง pop-up ให้กด follow รึเปล่าครับ?
lewcpe.com, @wasonliw
อีกวิธีคือ UI ในการ share บน social network ทำให้ชัดเจน ใต้หัวข้อและหลังบทความ ตัวอย่างเช่น Time, Business Insider
ถ้าวิธี pop up นี่จะ aggressive มาก แต่เคยเห็น Venture Beat ใช้ pop up จั่วหัวว่า "Don't Miss the Next Big Thing [call-to-action > Like]". วิธีนี้จะ aggressive มาก เขาเลยทำให้มันขึ้นเฉพาะ click ที่มาจาก Facebook post เท่านั้นและโผล่มาแค่ครั้งเดียวตลอด session
แล้วแต่ว่าจะแลกพื้นที่เท่าไหนอะครับ แต่โดยรวมๆคืออย่างน้อยให้คนเล่นเน็ตทั่วๆไปที่อาจจะไม่รู้จัก Blognone มาก่อน เข้าใจได้ว่าเว็บนี้มันมีอยู่บน Facebook นะ
^^^
|||||
ลายเซ็นต์ของท่าน baddth ทำไมถึงใส่เป็น commercial website ได้ครับ ธรรมดาเห็นต้องเป็นโดนลบ
ปีนี้ google ปรับ algorithm อย่างไรไม่ทราบ แต่ว่าเว็บไซต์ของผมบางเว็บ traffic ขึ้นเยอะ บางเว็บลดฮวบ เอาใจพี่เค้าไม่ถูกเลยครับ
ตอนแรกผมเห็นลายเซ็นต์หลายอันเป็นลิงค์ไปหาบล๊อคตัวเอง ลอง Google หากฎของ Blognone ดูไม่เจอ เลยไม่แน่ใจว่ากฎเป็นยังไง ตอนนี้เอาเอาออกแล้วครับ
กติกาการใส่ลายเซ็นใต้ความเห็น
ได้อ่านแล้ว ขอบคุณครับ
ยังมีคนใช้ mac powerpc 10.4 เข้ามาชมเว็บอีกหรือครับเนี่ย ของเค้าอึดจริงๆ
User โดนเก็บไปกี่รายครับอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม >_<
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
อยากรู้ด้วยเหมือนกันครับ
ผมก็อยากรู้ อิอิ
ผมก็เป็นหนึ่งในรายที่โดนใบสั่งเก็บเหมือนกัน แต่เจ้าของเว็บใจดีไม่ยิงโดนจุดตาย แค่สาหัส รอดมาแล้วเลยเจียมตัวมากขึ้น Y_Y
เคยมีแบบสอบถาม/แบบสำรวจ เข้าใจว่าเป็นอันนี้เพราะนานมากแล้ว ถ้าเปิดเผยผลได้ก็รบกวนช่วยนำเสนอด้วยครับ ขอบคุณครับ (แต่ถ้ารายงานไปแล้วก็ขออภัย)
- Blognone Mobile App Users Survey 2014
- Blognone Readers Survey 2014
อันนี้รอ process อยู่ครับ เผอิญกระบวนการเยอะ แต่ไม่ลืมแน่นอน
เสียดายไม่รู้คีย์เวิร์ดยอดนิยม
แต่ผมเห็นในสำนักงานของกูเกิลประเทศไทยนะตอนรายการทีวีช่อง 3 เข้าไปมีจอที่แสดงคำค้นสดๆ อยู่ด้วย
จำได้แว่วๆ ว่าปีก่อนๆ มี แต่ปีนี้คงจะไม่เปิดเผยเพราะรำคาญพวกหวังผลทาง SEO มั้งครับ
ปีก่อนๆ เคยเผยนั่นคือสมัย google เป็น HTTP ครับ แต่หลังจากบังคับ HTTPS ก็เลยดูไม่ได้ไป
กูเกิลเริ่มเข้ารหัสผลการค้นหาทุกกรณี เว็บมาสเตอร์ดูคีย์เวิร์ดลำบากขึ้น
ขอบคุณครับ ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย
สงสัยว่ามีผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนมั้ยครับ?
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
อยากรู้ว่ามีคนดึงข่าวผ่าน RSS แบบผมอยู่บ้างมั้ย สัดส่วนแค่ไหน
ผมอ่านข่าวทุกข่าวผ่าน Outlook สะดวกสุด ๆ