ซัมซุงออกมาอธิบายแนวคิดใต้ยุทธศาสตร์ Tizen ที่จะใช้กับอุปกรณ์เชื่อมต่อเน็ต (IoT) เกือบทั้งหมดของบริษัท
เหตุผลของซัมซุงคือ Tizen เป็นระบบปฏิบัติการที่ "เบากว่า" (lighter) ระบบปฏิบัติการอื่นๆ โดย Tizen ต้องการพลังประมวลผลและหน่วยความจำน้อยกว่า แถมยังกินไฟน้อยกว่า ช่วยให้สินค้าบูตเร็วขึ้น ใช้งานเร็วขึ้น อินเทอร์เฟซลื่นขึ้น แบตเตอรี่ยาวนานกว่าเดิม
ซัมซุงระบุว่าจะใช้ Tizen กับอุปกรณ์สาย IoT หลากหลายรูปแบบ เช่น อุปกรณ์สวมใส่ได้ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องซักผ้า ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ต้องการพลังประมวลผลไม่เยอะนัก ต่างจากสมาร์ทโฟนและทีวีที่เราคุ้นเคยกัน
ซัมซุงยืนยันว่าจะสนับสนุนระบบปฏิบัติการอื่นๆ ต่อไป และจะทำให้ Tizen เป็นระบบเปิดมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ผ่านนโยบายสนับสนุนนักพัฒนาให้สร้างแอพบน Tizen เช่น การจัดงานสัมมนา Samsung Developer Conference หรือการเปิด SDK
ที่มา - Samsung Tomorrow
Comments
ครัช เชื่อครัช
เต็มที่เลย
เชื่อครับ จากนาฬิกาพอเปลี่ยนมาใช้ Tizen แล้วมันอยู่ได้นานขึ้นเร็วขึ้นกว่าเดิม ก็หวังว่าจะทำตามคำพูดจริงๆ
ซัมซุงระบุว่าจะใช้ Tizen (พร้อมแพ) กับอุปกรณ์สาย IoT หลากหลายรูปแบบ #ซัมซุงไม่ได้กล่าวไว้
ต้องมีผลทดสอบถึงจะเชื่อนะ
ส่วนตัวผมคิดว่าไม่เบาได้ไง ก็พี่แกไม่ได้ยัด Feature มาเยอะแยะแบบใน Android ถ้าพี่ลองถอด Feature ของพี่ออกจาก Android บ้างอาจจะเบาลงสูสีกันก็ได้ :D
แล้วทำไมไปเปิดตัวในอินเดียเป็นที่แรกล่ะ อยากได้นักพัฒนาน่าจะไปตลาด U.S. หรือว่า จะเอาแอพที่มีนักพัฒนาแดนภารตะก่อน
india เขาเก่ง software ไม่ใช่เหรอครับ
เห็นด้วยครับ
โปรแกรมดีๆเขียนในอินเดียเยอะนะครับ และพวกบริษัท us ก็ จ้างอินเดียกันเยอะ
อินเดียเป็นตลาดที่ยังมีพื้นที่สำหรับสมาร์ทโฟนราคาต่ำอยู่เยอะมากครับ
และเป็นตลาดที่ไม่ค่อยยึดติดกับแบรนด์มากด้วยครับ
มีแอพใช้ มีนักพัฒนา มีคนซื้อ จบ
อวยให้ตายแต่ถ้าเรียกนักพัฒนาไม่ได้ก็ไม่มีโปรแกรมใช้ ไม่มีโปรแกรมใช้ก็ไม่มีคนซื้อ ไม่มีคนซื้อก็โดนคลื่น (Bada) ซัดพากลับบ้านไป
ก็เข้าใจว่า ว่าจริงๆ คือเหตุผลทางธุรกิจ
แต่ถามว่าในมุมลูกค้า จะมีอะไรให้มั่นใจได้ว่า Tizen จะไม่ให้เดินตามรอย Bada ของตัวเอง รึแม้แต่ระบบปฏิบัติการที่มียักษ์ใหญ่หนุนหลังอย่าง Windows Phone แถมมีผู้ผลิตหลากหลายมาเล่นด้วย ก็ยังไม่เกิด?
คือไม่เกิดในที่นี้ ง่ายๆ เลย ไม่มีโปรแกรมที่ชาวบ้านเค้ามีกัน ทั้งเกม ทั้งแอพกล้อง ทั้ง social
เป็นสมาร์ทโฟนแต่ใช้งานได้เหมือนฟีเจอร์โฟน?
ป.ล. ตู้เย็น กับ ทีวี จะกลัวทำไมเรื่องเปลืองไฟ กับเวลาบู๊ต?
เรื่องกินไฟนี่ ถ้าประหยัดไฟลงสัก 10-20% กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปิด 24/7 ทุกวันแบบตู้เย็นนี่ อาจจะหลายบาทนะครับ
ส่วนทีวี ถ้ากดรีโมตเปิดทีวีแล้วต้องรอสัก 30 วิ ภาพถึงขึ้นนี่ ผมว่ามันนานเกินไปนะ บางช็อตรีบกลับบ้านมาเปิดละคร กดเปิดแล้วรอบูทกล่องดิจิตอล 10 วิ ยังมีหงุดหงิดเลย
แต่ยังไงผมก็ไม่สนับสนุนให้ใช้ OS ทำเองนะ.....
มันเป็น 20% ของไฟเลี้ยงระบบปฏิบัติการน่ะครับ ไม่ใช่ไฟเลี้ยงของตู้เย็น
ตู้เย็น สัดส่วนการกินไฟจากชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มันจิ๊บจ้อยมากครับ
ยกตัวอย่างตู้เย็นสองประตูรุ่นเล็ก 5.9 คิว กินไฟ 424.50 kWh ต่อปี (ค่าไฟประมาณ 1,400 บาท) และสมาร์ทโฟนรุ่นกลางๆ อย่าง Galaxy S4 มีแบต 9.88 Wh ซึ่งคิดแล้วสมมติให้ใช้แบตเกลี้ยงทุกคืน ชาร์ตใหม่ทุกวัน ทั้งปี ยังแค่ 3.6 kWh (ค่าไฟประมาณ 11 บาท) เลยครับ หรือคิดเป็น 0.85% ของค่าไฟฟ้าตู้เย็นทั้งปีเลยครับ
แล้วรุ่นที่ซัมซุงจะใส่ Tizen ต้องเป็นรุ่นพรีเมียม ตู้ใหญ่ คอมเพรสเซอร์ใหญ่กินไฟมากกว่านี้ และ เราคงไม่ได้จ้องจอตู้เย็น เช็คอีเมล์ ดูเว็บ ทุกครึ่งชั่วโมงอย่างมือถือแน่ๆ ดังนั้น สัดส่วนค่าไฟสำหรับให้มัน "ฉลาด" มันยิ่งน้อยกว่า 0.5% มีมากครับ
แค่พัฒนาระบบทำความเย็นให้มีประสิทธิภาพ แยกส่วนช่องเย็น ทำคอมเพรสเซอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แค่นี้ก็หายห่วยครับ
ส่วนการเปิดให้เร็วขึ้น เดี๋ยวนี้ก็เห็นรอม Android บางตัว ใช้เทคนิคเก็บแรมลงหน่วยความจำภายใน เพื่อลดความเร็วในการเปิดเครื่องขึ้นจากตอนโดนตัดไฟเลี้ยง เปิดเร็วแค่ไม่กี่วินาทีเองครับ
การประหยัดก็ดีแล้วไง ตู้เย็น ทีวี อย่าเอามาเปรียบกับโทรศัพ ท์สิ แล้วรถละจะกลัวเแลืองน้ำมันทำไม พลังงานไฟฟ้า เดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นมีพลังงานน้ำ คิดลึกๆเอาไว้ให้ลูกกหลานใช้ ทำงานการไฟฟ้าแม่เมาะ ลิกไลน์จะหมดแล้วนะอีกไม่ถึง 50 ปี มีอีก 100ปีแต่ในที่ๆคนอาศัย ใหญ่อันดับสองของ ปทท. คิดดูเอาเอง หมดไป ภาคเหนือมึด ประหยัดไว้
ความคิดดีที่ทำระบบปฏิบัติการเล็ก ๆ ควบคุม Hardware เองอย่าง Tizen ทำเอง ลดการพึ่งพาคนอื่นฟีเจอร์น้อย ๆ โอเคนะ
ส่วนในเรื่องโทรศัพท์ ทุกวันนี้มันแข่งกันที่ ecosystem MS เองยังแย่ OS ดีแต่ไม่มีแอพให้ใช้ เหนื่อยนะ
ยังไง Tizen คงไม่ได้เกิดในวงการโทรศัพท์แน่ แต่ในอุปกรณ์อื่น มันจะไปตัวไหนล่ะ กลับไปด๋อยเหรอ คงไม่
ส่วนตัวคิดว่า Tizen คงไม่แท้ง แต่คงได้อยู่ใน Hardware อื่น ๆ ที่ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือน่ะครับ
TouchWiz เหอะที่พากินไฟกว่า OS 5555
WE ARE THE 99%
เป็นคำตอบที่ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบ
ถ้าเน้นบูตเร็วก็ดีนะครับ เปิด ทีวี มาก็อยากดูเลย
ดีกว่าดู logo หมุนๆ เป็นนาที
อนาคตไมโครเวฟ เครื่องซักผ้าจะต่อเน็ทได้ซีนะ
จริงๆ ก็ใช่ครับ
ซัมซุงประกาศวิสัยทัศน์ IoT อีก 5 ปีข้างหน้า สินค้าทุกอย่างของซัมซุงจะเชื่อมต่อเน็ต
ถ้าอนาคตบ้านอัจฉริยะจะเกิดขึ้นจริง (มันก็คงมี แต่อีกนานเกินกว่า Tizen จะรอไหวไหม) ผมว่า Samsung ก็น่าจะเลือกทางเดินได้น่าสนใจ
Tizen ลงมือถือก็อาจจะลงไปให้คนไม่ลืม แต่เป้าหมายคืออุปกรณ์ภายในบ้าน และก็พัฒนา Tizen ให้ดีขึ้นจนระบบบ้านอัจฉริยะเกิดเต็มใบจริง ๆ ตอนนั้นอุปกรณ์ Tizen คุยกันเอง มือถือ Tizen ได้สิทธิพิเศษกว่า ผมก็ว่าเหมือน Google ที่ทำโน้นทำนี้มาก่อนแล้วมาบวกรวมกันทีหลัง
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ