ร่าง พ.ร.บ. กสทช. ฉบับใหม่ ถือเป็นร่างกฎหมายด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอีกฉบับที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี และกำลังจะเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
บทความนี้จะอธิบายว่าบทบาทของ กสทช. ภายใต้ "ร่าง" กฎหมายฉบับใหม่นั้นต่างจากกฎหมายฉบับปัจจุบันอย่างไรบ้าง
ปัจจุบัน กสทช. ถูกตั้งขึ้นตาม "พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553" ซึ่งถือเป็นพระราชบัญญัติฉบับที่สอง ถัดจาก พ.ร.บ.ชื่อเดียวกันฉบับ พ.ศ. 2543 ที่แยก กทช. และ กสช. เป็นสององค์กร (และล้มเหลวเพราะไม่สามารถตั้ง กสช. ได้)
ร่างกฎหมายฉบับใหม่จะเป็นการแก้ไข พ.ร.บ. ฉบับปี 2553 (เท่ากับเป็นกฎหมายฉบับที่สาม) โดยมีความเปลี่ยนแปลงดังนี้
กฎหมายฉบับใหม่ปรับแก้อำนาจหน้าที่ของ กสทช. ในมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ. ปี 53 เล็กน้อย (ของเดิม 25 ข้อ ของใหม่ 23 ข้อ) แต่หลักใหญ่ใจความยังเหมือนเดิมคือเน้นการจัดสรรและกำกับดูแลคลื่นความถี่เป็นหลัก
ประเด็นที่ปรับแก้ได้แก่
ร่างกฎหมายฉบับใหม่ยกเลิกการแยกสองบอร์ดคือ "คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)" และ "คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.)" โดยกำหนดให้บอร์ดชุดใหญ่ (กสทช.) ทำหน้าที่แทนทั้งหมด
ข้อสังเกต ประเด็นด้านการแยกสองบอร์ดของ กสทช. เป็นปัญหามานาน ทั้งในแง่การแยกกันทำงานโดยไม่ค่อยประสานงานกันมากนัก เรื่องพิจารณามักจบในบอร์ดย่อย โดยบอร์ดใหญ่มักยืนตามมติของบอร์ดย่อยโดยไม่พิจารณาเพิ่มเติม การรวมเป็นสองบอร์ดน่าจะช่วยให้การกำกับดูแลการสื่อสารในยุค convergence ทำได้ดีขึ้น
กฎหมายฉบับเดิมกำหนดว่าการจัดสรร ความถี่กระจายเสียง-โทรทัศน์สำหรับประกอบกิจการทางธุรกิจ และความถี่โทรคมนาคม ให้ใช้วิธี "คัดเลือกด้วยการประมูล"
แต่ของใหม่ใช้คำว่า "คัดเลือก" โดยตัดคำว่า "ประมูล" ทิ้งไป
ข้อสังเกต ประเด็นนี้มองได้สองแง่คือในแง่บวกก็ช่วยให้ กสทช. ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นเพราะไม่ต้องประมูลเสมอไป แต่มองอีกด้านก็อาจเป็นช่องว่างที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางรายได้
เพิ่มข้อความว่าต้อง "จัดสรรคลื่นความถี่ให้เพียงพอสำหรับการจัดทำบริการสาธารณะของรัฐ" (ของเดิมไม่ได้มีคำนี้ บอกแค่ "กระจายการใช้ประโยชน์ให้ทั่วถึงในกิจการด้านต่างๆ")
ข้อสังเกต ประเด็นนี้อาจมองได้ว่าหน่วยงานของรัฐจะยังได้คลื่นความถี่ต่อไป (โดยอาจเป็นการใช้งานที่ไม่คุ้มค่าทรัพยากรนัก) และการวัดขอบเขตของคำว่า "เพียงพอ" นั้นยากมากว่าเท่าไรจึงเพียงพอ
ยกเลิก "กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ" แล้วตั้งเป็น "กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม" แทน โดยมีรายละเอียดตามกฎหมายอีกฉบับ
กองทุนเดิมมีวัตถุประสงค์เพื่อ "อุดหนุน" ด้านการเข้าถึงบริการ และการพัฒนา-การวิจัย แต่กองทุนใหม่จะเพิ่มเรื่อง "การให้กู้ยืมเงิน" แก่ "หน่วยงานของรัฐและเอกชน" ด้านที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาดิจิทัลเพิ่มมาด้วย
กองทุนเดิมให้สำนักงาน กสทช. เป็นผู้ดำเนินงาน แต่กองทุนใหม่โอนเป็นงานของ "สำนักงานดิจิทัล" ใต้กระทรวงดิจิทัลแทน
ข้อสังเกต
รายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและการประมูล
กสทช. มีหน้าที่ต้องเขียน "แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่" เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานของตัวเอง
เพิ่มข้อบังคับให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่น ต้องแจ้งข้อมูลสรุปไปยังคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อเก็บเป็นข้อมูลวิเคราะห์การวางแผนนโยบายต่อไป
นอกจากนี้ เดิมทีการดำเนินการของ กสทช. จะต้องสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงไว้ต่อสภา
แบบใหม่จะเพิ่มว่าต้องสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาดิจิทัลฯ อีกประการหนึ่งด้วย
พ.ร.บ. กสทช. ฉบับใหม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลไทย ที่ผ่านมา กสทช. มีข้อบกพร่องในแง่การทำงานหลายเรื่อง (เช่น ประมูลคลื่นความถี่ช้า หรือ ใช้เงินฟุ่มเฟือย) ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้กลับไม่ได้พยายามแก้ปัญหาเหล่านี้มากนัก
มิหนำซ้ำ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังดึงอำนาจบางส่วนของ กสทช. ในฐานะหน่วยงานอิสระของรัฐ (ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาล) กลับไปอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลแทน เช่น การบริหารกองทุนฯ ในแง่ของพัฒนาการทางกฎหมายแล้วอาจถือว่าถอยหลังกว่าเดิมด้วยซ้ำถ้ามองในแง่ "ความเป็นอิสระ" ของหน่วยงานกำกับดูแล
กสทช. สุภิญญา กลางณรงค์ แสดงความเห็นเรื่องนี้ไว้ว่า
การลดอำนาจของ กสทช.ให้เป็นเพียงกรรมาธิการหรือกรรมการในบอร์ดทั่วไปไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่สังคมเป็นห่วงคือเรื่องของธรรมาภิบาลและการตัดสินใจที่ดี ซึ่ง กสทช.เวลานี้เปรียบเสมือนเรือชนภูเขาน้ำแข็ง เราก็พยายามช่วยกันอุดรูรั่ว แต่ในความเป็นจริงเรือก็กำลังจมลงๆ จะเรียกให้ใครช่วยก็คงยาก แม้จะยอมรับปัญหาภายใน กสทช. และเห็นด้วยว่าควรถูกปฏิรูปหลายเรื่องโดยเฉพาะธรรมาภิบาล แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในร่าง พ.ร.บ.แก้ไข กสทช.อันใหม่ แม้ว่าไม่เห็นรายละเอียดร่างทั้งหมด แต่คิดว่ามีหลายประเด็นที่จะเป็นปัญหา ทั้งเรื่องความเป็นอิสระและการจัดสรรคลื่นธุรกิจที่ไม่ต้องประมูล
Comments
รายได้กสทช. ฝั่งของ กทค. ที่เป็นการประมูล (เช่น ประมูล 2100 MHz) เข้าคลังนะครับ ไม่จำเป็นว่า รายได้ กสทช. เข้า กทปส. ทั้งหมด
โอเคไม่ประมูล เราเห็นแล้วละว่า 4G ใครได้มากสุด ตอนนี้ก็เลิกติดคำว่าทดลองออกอากาศไปแล้วนิไม่เห็นต้องกลัวใคร
ถ้าหมายถึง LTE บนคลื่น 2100 นี่มันก็สามารถทำได้อยู่แล้วนี่ครับ ทดลองหรือไม่ทดลองไม่เกี่ยวกับใครนอกจากตัวค่ายเองอยู่แล้วว่าจะเรียกมันว่าเป็นขั้นทดลองหรือเปล่า
ใครจ่ายให้พี่เยอะก็ได้คลื่นเยอะสินะ
น่าจะจับ กสทช cat tot มาผูกร่วมกันซะ ใครไม่มีประโยชน์ ทำงานส่อทจริต ก็ปลดออก
บ่องตรง งานนี้มีเหนื่อย!!
อาศัยคัดเลือกเพื่อแจกคลื่นนี่...ถ้าดูบริบทไทยคงจะโปร่งใสน่าดู(ประชด)
ร่างพวกนี้ ถ้าอยากแสดงตัวว่าคัดค้านต้องทำยังไงบ้างครับ
นี้คือทางออกของ CAT, TOT ซินะ
ก็เคยมีคนเคยบอกแล้ว หลังจากโดนเทคโอเวอร์ ... งานนี้กลับไปเป็นระบบสัมปทานเหมือนเดิม
ปล่อยพวกคนดีเค้าทำไป
... โอย หนักกว่าเก่า
หน่วยงานอิสระ ที่ไม่อิสระ อีกต่อไป ถอยหลังลงคลองจริงๆ ครับ นี่สินะ คืนความสุขสู่ประชาชน (แต่เอาอำนาจกลับเข้ารัฐบาล)
"ข้อสังเกต ประเด็นนี้มองได้สองแง่คือในแง่บวกก็ช่วยให้ กสทช. ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นเพราะไม่ต้องประมูลเสมอไป แต่มองอีกด้านก็อาจเป็นช่องว่างที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางรายได้"
ที่น่ากลัวนี่ไม่ใช่เอกชนอะ ....