Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ยังเป็นประเด็นข่าวอย่างต่อเนื่อง ทาง Blognone เคยเสนอเนื้อหาบางส่วนของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไปแล้ว แต่ก็เป็นการดีที่เราจะพิจารณาร่างกฎหมายจากหลายมุมมอง

โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) มีบทความสรุปประเด็นและแสดง "ข้อกังวล" ต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ เราเลยนำมาเผยแพร่ต่อเพื่อให้กระจายข้อมูลกันในวงกว้างมากขึ้น ประเด็นสำคัญได้แก่

  • นิยามคำว่า "ความมั่นคงไซเบอร์" ไม่ชัดเจน เขียนไว้กว้างมาก
  • อำนาจของเจ้าหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลการสื่อสาร โดยไม่ต้องมีหมายศาล
  • เนื้อหาบางมาตราในกฎหมาย อาจบีบให้ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุนธุรกิจด้านดิจิทัลในไทย

ความน่ากังวลบางประการต่อร่าง พ.ร.บ. ความมั่นคงไซเบอร์ฯ

ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ.... หรือ ร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ฯ เป็นหนึ่งใน "ชุดกฎหมายความมั่นคงดิจิทัล 10+3 ฉบับ" ที่คณะรัฐมนตรีอนุมติหลักการไปแล้ว เพื่อรองรับ "การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล"

“การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล” คือนโยบายที่คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันทื่ 12 กันยายน 2557 จึงไม่น่าแปลกใจ ที่คณะรัฐมนตรีจะรับหลักการร่างกฎหมายเพื่อรองรับ “การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล” วันเดียวถึง 8 ฉบับ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2557 แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ เนื้อหาของกฎหมายที่ร่างขึ้นมาดูจะมีเนื้อหาเป็นกฎหมายด้านความมั่นคงเสียมากกว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ

ร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ฯ เขียนขึ้นเพื่อจัดตั้งองค์กรที่จะทำหน้าที่ป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะ โดยให้จัดตั้ง "สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ" มีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล แต่ไม่ใช่ส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ และให้มี "คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ" หรือ กปช. อยู่ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำหน้าที่เป็นองค์กรกลาง ประสานงาน และกำหนดแนวทางรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ โดยหวังว่าหน่วยงานเหล่านี้จะช่วยให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนในการทำธุรกิจออนไลน์และจะช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ข้อสังเกตเรื่องคำนิยาม ยังคงกว้างและไม่ชัดเจน

ร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ฯ เขียนคำนิยามศัพท์ไว้แบบกว้างๆ เหมือนกับกฎหมายด้านความมั่นคงฉบับอื่น เช่น พ.ร.บ. กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457(กฎอัยการศึก) พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) รวมทั้ง พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (พ.ร.บ. ความมั่นคง)

ร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ความหมายของคำว่า ความมั่นคงไซเบอร์ฯ ไว้ในมาตรา 3 วรรค 1 ว่า

“มาตรการและการดำเนินการที่กำหนดขึ้น เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศให้สามารถปกป้อง ป้องกัน หรือรับมือกับสถานการณ์ด้าน ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบหรืออาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการให้บริการหรือการประยุกต์ใช้ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โครงข่ายโทรคมนาคม หรือการให้บริการโดยปกติของดาวเทียม อันกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งรวมถึงความมั่นคงทางการทหาร ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

จะเห็นได้ว่า คำนิยามของกฎหมาย เขียนไว้อย่างกว้างๆ ประชาชนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ยาก จึงเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการปฏิบัติงานได้อย่างกว้างขวาง คำว่า ”ภัยคุกคาม” ตามวรรคนี้ก็ยังกำกวม เพราะไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า เป็นภัยคุกคามในเชิงเทคนิคที่มีต่อตัวระบบ หรือรวมไปถึงการเผยแพร่เนื้อหาที่เจ้าหน้าที่เห็นว่ากระทบต่อความมั่นคงด้วย

ข้อสังเกตต่อเรื่องอำนาจเจ้าหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลการสื่อสาร โดยไม่ต้องมีหมายศาล

ตามมาตรา 35 (1) พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงไซเบอร์ฯ สามารถเรียกให้หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใดๆ มาให้ถ้อยคำ หรือนำส่งเอกสารต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการรักษาการตามพ.ร.บ. ฉบับนี้ มาตรา 35 (2) ให้อำนาจสำนักงานความมั่นคงไซเบอร์ฯ ส่งหนังสือ”ขอความร่วมมือ” ให้หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานเอกชน ดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กปช.) ส่วนมาตรา 35 (3) ก็ให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสาร ทั้งทางไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงไซเบอร์ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

อำนาจใน (3) เป็นข้อที่น่ากังวลมากที่สุด เพราะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการสื่อสารของประชาชนได้ทุกช่องทาง โดยไม่มีขอบเขตและไม่มีกระบวนการตรวจสอบใดๆ เลย คล้ายกับการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีข้อเสนอเรื่องแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจดักฟังโทรศัพท์และข้อมูลการสื่อสารของประชาชนได้ แต่ต้องขออนุญาตอธิบดีผู้พิพากษาก่อน และมีกำหนดเวลาการใช้อำนาจที่ชัดเจน

นอกจากนี้การที่ (3) กำหนดให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลการสื่อสารทาง "ไปรษณีย์" ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในโลกไซเบอร์ และ "โทรเลข" ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่ไม่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ทำให้เห็นว่าขั้นตอนการร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้อาจมีความรีบร้อนที่จะมุ่งให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานใหม่มากเกินไป ยังไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองและคิดให้รอบคอบเสียก่อน

หากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ก็แทบจะไม่มีอะไรที่จะยังสามารถความเป็นส่วนตัวในการสื่อสารได้อีกเลย แม้ว่าครม.จะรับหลักการร่างพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมกับการร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ก็อาจจะไม่ช่วยถ่วงดุลอำนาจของของพ.ร.บ.ฉบับนี้ได้มากนัก เพราะเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นกปช. ก็อยู่ในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย จึงได้แต่หวังว่า ครม.จะวางหลักเกณฑ์ที่ทำให้การใช้อำนาจตาม (3) เป็นไปอย่างจำกัดและมีแนวทางใช้อำนาจที่ชัดเจน

กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ อาจให้ผลสวนทางกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

ร่างมาตรา 34 ให้อำนาจ กปช. สั่งให้หน่วยงานเอกชนกระทำการหรืองดเว้นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคง และต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อ กปช. ด้วย ขณะที่มาตรา 35 (2) ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ออกจดหมาย “ขอความร่วมมือ” ให้หน่วยงานเอกชน ดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการทำงานของ กปช. ขณะที่ความในมาตรา 35 (3) ก็ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน เข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสารทั้งในและนอกโลกไซเบอร์ได้โดยไม่มีกระบวนการตรวจสอบ

หากพ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ ทั้งบรรษัทข้ามชาติและบรรษัทไทยที่กำลังจะลงทุนในกิจการดิจิทัลอาจต้องคิดหนักขึ้น เพราะพวกเขาไม่อาจมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลได้เลย นอกจากนี้ก็ยังต้องกังวลถึงความเป็นอิสระในการดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายไทย เพราะวันดีคือดี กปช.หรือสำนักงาน ก็อาจ “ขอความร่วมมือ” หรือสั่งให้บรรษัท กระทำการหรืองดเว้นการกระทำการใดๆ ก็ได้ พ.ร.บ. ความมั่นคงไซเบอร์ฯ จึงอาจกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้บรรษัทต่างๆ พิจารณาไม่ลงทุนในประเทศไทยได้

เนื่องจากร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ฯ บัญญัติขึ้นเพื่อการจัดตั้งองค์กร จึงยังไม่มีการบัญญัติว่าการกระทำใดเข้าข่ายผิดกฎหมาย และยังไม่มีบทกำหนดโทษต่อบุคคลที่กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกฎหมายเขียนไว้กว้างๆ กปช.และสำนักงานฯ จึงสามารถที่จะตีความว่าสิ่งใดเข้าข่ายอำนาจหน้าที่ของตนได้อย่างกว้างขวาง ทำให้ต้องจับตามองว่า ประกาศหรือคำสั่งซึ่งจะออกมาภายหลังที่องค์กรได้รับการจัดตั้งขึ้นแล้ว จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และจะกระทบสิทธิเสรีภาพของคนทั่วไปมากน้อยแค่ไหนด้วย

ที่มา - iLaw

Get latest news from Blognone

Comments

By: dampreecha
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 22 January 2015 - 19:27 #784032

เป็นช่องทางในการเล่นงานกับอีกฝ่าย อิอิ คหสต ล้วนๆ

By: F16
iPhoneWindows PhoneAndroidIn Love
on 22 January 2015 - 20:15 #784048

ก็ภาวนาอย่าให้โดนกับตัวเองก็พอ คงทำได้แค่นี้

By: Bigkung
iPhoneWindows Phone
on 22 January 2015 - 20:23 #784050
Bigkung's picture

ขึ้นอยู่กับคนใช้แล้วครับถ้าเขาพุ่งเป้ามาที่เราก็จบเลย

By: Wakegawakaranai
iPhoneAndroid
on 22 January 2015 - 20:53 #784057

ปรกติอำนาจเข้าถึงข้อมูลบางอย่างของพลเรือน
เค้าจำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่พิเศษที่ได้รับราชกิจจานุเบกษาเท่านั้นอยู่แล้วนิคับ

การเข้าถึงข้อมูลการสื่อสารโดยไม่ต้องมีหมายศาล มันเป็นแค่การทำให้กระบวนการดำเนินการเร็วขึ้น เพราะปรกติก็ต้องขอหมายศาลอยู่แล้ว
ปรกติเคสที่เค้าไม่ต้องขอหมายศาลในกฎหมายเก่า ก็ระบุเรื่องกรณีที่พยานหลักฐาณสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย การขอหมายศาลหรือไม่ขอหมายศาลไม่มีผลใดๆกับการใช้อำนาจหน้าที่ เพราะทุกอย่างต้องบันทึกลงสำนวนและไปขึ้นศาลในกระบวนการพิจารณาอยู่ดี

แต่ผมสังเกตว่า กลภาษา ที่ถูกเรียบเรียงมักจะเน้นเรื่องการใช้คำที่ " คลุมเครือ " หรือ "สร้างความเข้าใจผิด" กับบุคคลทั่วไป
เช่นคำว่า "เจ้าหน้าที่" คนอ่านก็จะนึกว่า อ้าว ตำรวจที่เราเจอที่ร้านข้าวต้มจะเข้าถึงข้อมูลเราได้แล้วหรานี่ ? (ผิด)

คำว่า "ไม่ต้องขอหมายศาล" คนทั่วไปตีความว่า อ้าว งี้มันจะแฟร์หรอนี่ แปลว่าดูนู่นนี่ได้เลยดิ
(ความเป็นจริงยังไงก็ต้องมีหนังสือเป็นหลักฐาณ ลงประทับตราลายเซ็นต์ผกก)
และสำนวนทั้งหมดก็จะถูกนำไปพิจารณาในศาลในกระบวนการยุติธรรมปรกติอยู่ดี

กลายเป็นกลภาษาที่ทำให้คน FEEL ว่า "เอาผิดได้โดยไม่ต้องมีศาล"
ทั้งที่จริงๆมันก็แค่ speed up กระบวนการรวบรวมสำนวนให้เร็วขึ้นแค่นั้น
เพราะคดีคงค้างเยอะ ติดคอขวด
ไม่ได้มีผลกับกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินไปแบบปรกติ

คำว่า "น่ากังวล" พอคนอ่านแล้วจะเริ่มกังวล กังวลก็วอรี่ไปเรื่อยเปื่อย
เกิดการใช้จินตนาการ และก็เป็นทุกข์กับจินตนาการ นี่อะ อำนาจของภาษา

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 22 January 2015 - 21:23 #784068 Reply to:784057

กฎหมายประเทศไทย ใช้ระบบประมวลกฎหมายนะครับ ต้องตีความแบบเคร่งครัด

หากเขียนไว้กว้างและคลุมเครือทำให้ตีความแบบกว้างได้ ตรงนี้แหละที่น่ากลัว

ยิ่งเผื่อที่ให้มโนได้เยอะๆ นี่แสดงว่าสามารถตีความยังไงก็ได้ตามใจชอบนะครับ

By: Wakegawakaranai
iPhoneAndroid
on 22 January 2015 - 21:35 #784076 Reply to:784068

อะไรคลุมเครือแน่ คนอ่าน หรือตัว กม ?
ที่ทำให้มโนอ่ะ (บทความ) หรือตัว กม ?

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 21:46 #784080 Reply to:784076
McKay's picture

กฎหมายที่ดีต้องไม่ทำให้คนอ่านคลุมเครือ และไม่ทำให้คนเขียนบทความมโนได้ครับ

อันนี้ถามตรงๆเลยนะครับ เพราะอ่านคอมเม้นต่างๆมานาน คุณชอบกฎหมายนี้ใช่ไหมครับ? ถ้าใช่คือจบ จะได้ไม่ต้องมีคอมเม้นยืดยาวใจความเดิมๆกันอีก


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: Wakegawakaranai
iPhoneAndroid
on 22 January 2015 - 21:46 #784086 Reply to:784080

ทำข้อสอบได้ 10 คะแนน ไปโทษคนออกข้อสอบว่าออกข้อสอบไรไม่รู้อ่านยากจัง สินะ

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 21:50 #784091 Reply to:784086
McKay's picture

ใช่ครับ ถ้าคนปัญญาอ่อนเป็นคนออกข้อสอบก็คงต้องโดนโทษเป็นเรื่องปกติ

คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมนะครับ ชอบ หรือ ไม่ชอบ?


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: aomnaruk
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 22 January 2015 - 22:10 #784100 Reply to:784086

ถ้าข้อสอบถามคำถามกากส์ๆหรืถามกำกวมผมก็โทษคนออกข้อสอบครับ


"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 23 January 2015 - 08:53 #784280 Reply to:784076

ข้อกฎหมายสิครับ เขียนคลุมเครือเปิดโอกาสให้ตีความแบบกว้างได้ แบบนี้คนออกกฎหมายเขียนไม่ดี พอๆกับการออกบทลงโทษที่ขัดแย้งหรือไม่สัมพันธ์กับกฎหมายอื่นๆ เช่นกฎหมายทารุณกรรมสัตว์ ที่บทลงโทษสูงกว่าการทำร้ายมนุษย์ แบบนี้แหละที่เรียกว่า คนเขียนกฎหมายมั่วๆ และมักจะออกมาช่วงรบ.ทหาร ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยทั้งนั้น

อ้อผมอ่านร่างฯฉบับเต็มมาแล้ว ไม่ต้องบลัฟว่ายังไม่ได้อ่าน

By: Aorjor on 23 January 2015 - 00:30 #784163 Reply to:784068

เห็นด้วยกับความเห็นของคุณ Fourpoint ครับ เนื่องจากประเทศไทยใช้กฏหมายแบบ Civil law ตีความตามตัวบท กม. ครับ ไม่ใช่ Common law ที่จะตีความตามความเห็นลูกขุน การขอหมายศาลให้ทันเวลาเป้นากรยากเกินกว่า (หรือช้าเกินไป) ในการจะปฏิบัติได้หรอครับ ถ้าการขอนั้นยาก มันก็ไม่ใช่เรื่องของ กม. แล้วครับ แต่มันเป็นเรื่องของศาล ปัญหาติดที่ศาล ไม่ได้ติดที่ข้อ กม.

By: leeyiankun
Windows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2015 - 21:27 #784072 Reply to:784057

กลภาษา.. หรืออำนาจล้นฟ้า?

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 21:36 #784078 Reply to:784057
BLiNDiNG's picture

(ความเป็นจริงยังไงก็ต้องมีหนังสือเป็นหลักฐาณ ลงประทับตราลายเซ็นต์ผกก)

ความเป็นจริง​ที่ว่านี่เอามาจากไหนเหรอครับ? เกิดจากการใช้จินตนาการ​รึเปล่า? แล้วถ้าสิ่งที่กังวลมันเกิดขึ้น​มาจะทำอะไรได้ครับ ในเมื่อกฎหมาย​เองก็ไม่ได้​ห้าม ถ้าจะทำสักอย่างจะทำไม ใครจะเอาผิดได้ครับ?

By: Wakegawakaranai
iPhoneAndroid
on 22 January 2015 - 21:43 #784082 Reply to:784078

นี่ละ ผมบอกแล้ว คนอ่านบทความ จินตนาการจำลองตัวเองเป็นตัวละครในเรื่อง และผลสุดท้ายก็เอาความชั่วของตนเอง [หากฉันอยู่ในสถานการณ์นั้น ฉันทำแบบนั้นได้] [หากฉันทำฉันจะทำแบบนั้น] สุดท้ายเราก็จะเห็นแค่กระจกสะท้อนตัวคนกล่าวกันซะเยอะ เป็นการสารภาพจิตใต้สำนึก ล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวอัลไลกับสิ่งที่มีมาตั้งนานแล้วเล้ย

ไม่เคยอ่านระเบียบอื่น ไม่ทราบว่ามีกลไกใดควบคุมซ้อนอยู่อีก
จิ้นตัวเองทั้งนั้น

By: itpcc
ContributoriPhoneRed HatUbuntu
on 22 January 2015 - 21:48 #784089 Reply to:784082
itpcc's picture

ก็แล้วไอ้การลัดขั้นตอนของศาลนี่มันมีกลไกอะไรที่ควบคุมกันล่ะ กว่าจะขึ้นศาลกว่าจะพิจารณาคดี ถ้ายกฟ้อง งี้คนที่โดนจับนี่ไม่โดนจับเข้าคุกฟรีเหรอครับ?
ความยุติธรรมที่เชื่องช้า ก็คือความไม่ยุติธรรมนะครับ


บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 21:49 #784092 Reply to:784082
BLiNDiNG's picture

ตอบคำถาม​ผมก่อนสิครับ คุณเอาความจริงที่ว่ามาจากไหน

แล้วไอ้ที่บอกว่าจินตนาการ​เอาความชั่วตัวเองบลาๆๆนี่เอามาจากไหนครับ จินตนาการ​อีกแล้ว? ที่บอกว่าไม่เคยอ่านระเบียบ​อื่นนี่ก็จินตนาการ​อีกแล้ว​นะครับ ผมมั่นใจว่าคุณนั่นแหละอ่านน้อยกว่าผมอีก

เลิกจินตนาการ​เอาจินตนาการ​ของตัวเองไปใส่จินตนาการ​ของคนอื่น​ว่าคนอื่น​จินตนาการ​อย่าง​ที่​ตัวเองจินตนาการ​ได้แล้วนะครับ พ่อหนุ่มนักจินตนาการ​

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 21:52 #784094 Reply to:784082
BLiNDiNG's picture

แล้วก็ "หลักฐาน" สะกดแบบนี้นะครับ ยอมรับได้รึยังว่าอ่านระเบียบมาน้อยกว่าผมอีก เลิกจินตนาการ​ว่าตัวเองเป็นผู้รู้​เถอะ​นะครับ

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 21:46 #784085 Reply to:784057
BLiNDiNG's picture

เค้าจำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่พิเศษที่ได้รับราชกิจจานุเบกษาเท่านั้นอยู่แล้วนิคับ

ต่อให้จำกัดเอาไว้โดยเฉพาะ​ แล้วเจ้าหน้าที่​คนนั้นคือใครเหรอครับ​ จะไปไว้ใจได้ยังไง​ในเมื่อใหญ่ระดับนายกยังโกงจนถูกถอดถอนได้เลย เจ้าหน้าที่คนนี้เป็นอรหันต์มาจากไหนถึงไว้ใจได้ไม่ต้องกังวล? ถ้า​เจ้าหน้าที่คนนี้ใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อเรื่องส่วนตัว​จะมีใครรู้บ้างครับ​ ในเมื่อไม่ต้องมีหมายศาล ไม่ต้องมีคนอื่นร่วมรับรู้นึกจะทำก็ทำ อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าไว้ใจได้​ครับ จินตนาการ​รึเปล่า​ครับ?

By: Wakegawakaranai
iPhoneAndroid
on 22 January 2015 - 21:47 #784088 Reply to:784085

ยอมรับได้ยังว่ารู้น้อยกว่าจินตนาการ ไปอ่านซะ เล่มละ 350

By: itpcc
ContributoriPhoneRed HatUbuntu
on 22 January 2015 - 21:48 #784090 Reply to:784088
itpcc's picture

จะให้พวกผมจินตนาการจากสวรรค์วิมานไหนล่ะครับว่าหนังสืออะไร


บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 21:50 #784093 Reply to:784088
BLiNDiNG's picture

จินตนาการ​อีกแล้วนะครับ​ ยอมรับเถอะ​ครับ​ถ้าตอบไม่ได้ก็เลิกจินตนาการ​คำตอบห่วยๆเถอะ ประจานตัวเองเปล่าๆ

By: aomnaruk
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 23 January 2015 - 00:14 #784159 Reply to:784093

55555555+


"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2015 - 22:12 #784101 Reply to:784085

ตรรกะเดียวกับคนดี ย่อม(ไม่)ทำอะไรไม่ดีครับ พิเศษนี้เส้นใหญ่มากเลยครับ:P

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2015 - 22:07 #784096 Reply to:784057

ก็ผกก. เซ็นต์นี้ไม่ใช่หรอครับที่ น่ากลัว มันอารมณ์เดียวกับจับคนไปขัง 7 วันโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหาเลย ก็ในเมื่อหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์มันมีกฏหมายระบุอยู่แล้วว่าต้องเก็บรักษาไว้ 90 จะขอหมายศาลไม่ได้หรอครับ หมายนึงไม่น่าเกิน 90 วันนะครับ(หรืออยากจะค้นพัสดุ EMS หว่าเลยทำเลยไม่ต้องขอหมายศาล) แล้วส่วนส่งจดหมายขอความร่วมมือได้ทุกบริษัทนี่ไม่น่ากังวล หรือครับ ก็ท่านผู้นำบอกว่าไปตามจับคนหมิ่น คงไม่หมายถึงว่าไปขอข้อมูลเร็วๆเพื่อไปไล่จับแฮกเกอร์กระมั่ง

ปล.ผมสงสัยว่าถ้าอยากให้กระบวนมันเร็วเนี่ย สรุปจะขอหมายศาลไปเพื่ออะไรครับ ไม่ใช่เพื่อความเป็นธรรมของผู้คนหรอครับ

By: Wakegawakaranai
iPhoneAndroid
on 23 January 2015 - 02:12 #784174 Reply to:784096

อ่านเมนต์คุณแล้วผมโคดงง ทำไมมันจับฉ่ายงั้น ตกลงจะเอาประเด็นไรมาคุย

ปรกติกฎหมายเดิมๆ ก็มีข้อยกเว้นไม่ต้องขอหมายศาลอยู่แล้วคับ คือ
'กรณีที่วัตถุพยานสามารถถูกเคลื่อนย้าย ซ่อนเร้น หรือทำลายได้โดยง่าย'

การยกเว้นหมายศาลกับพยานที่เป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องเขาเคยทำมาตั้งนานแล้ว
เพราะมันไม่ใช่รถยนต์ ไม่ใช่มีด ไม่ใช่วัตถุที่สามารถ forensic ได้ทางนิติวิทยาศาสตร์
และกรณีที่คนร้ายหรือกลุ่มบุคคลเป็นแฮกเกอร์ ก็สามารถทำลายได้

การ adap จุดนี้ เพราะเกิดการขยายตัวของระบบคอมพิวเตอร์ จนแทบจะกลายเป็นปัจจัย 4
มันก็สมเหตุผลแล้ว เพราะลดภาระขั้นตอนการรวมพยานหลักฐาณของเจ้าหน้าที่ ลดคอขวด

หมายศาลเพื่อขอพยานหลักฐาณ ไม่ใช่หมายศาล(หมายจับ) ตีความกันซะหลุดโลกเลยทีเดียว
ลายเซนต์ผกก ก็เซนต์เพื่อรับรองความรับผิดชอบหมาย ขอหลักฐานเขาก็เซนต์กันทุกหมาย นี่จิ้นเป็น เดธโน้ตไปสะงั้น

บอกแล้ว ลองได้จิ้นแล้วจะฟินกันทั่วหน้า เรากำลังสู้กับหมอกๆ

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 23 January 2015 - 06:47 #784210 Reply to:784174
BLiNDiNG's picture

"หลักฐาน" สะกดแบบนี้นะครับ

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 23 January 2015 - 08:11 #784245 Reply to:784174

คุณละครับงง ค้นบ้านก็ต้องมีหมายครับ ส่วนกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็มีกฏหมายอยู่ต้องเก็บกี่วันถ้าจะบอกช้าเดี๋ยวแฮกเกอร์มาลบมันก็คนละประเด็นกับการดักฟังประชาชนตัวเองโดยไม่ต้องขอหมายศาลแล้วครับ คำว่า"อาจจะ"มันใช้ได้กับทุกคนนะครับ ผกก.ที่คุณบอกเซนต์ได้ไม่ขอหมายก็แค่ไปดักแล้วก็บอกไม่มีอะไรไม่เจออะไรก็จบแต่ผมอะโดนแล้วแบบไม่รู้ตัวด้วยเหอะๆ ผมนะส่วนตัวไม่มีอะไร แต่ถ้าผกก.คนนั้นสนิทกับบริษัทคู่แข่งแล้วมันดันมาค้นข้อมูลเครื่องบริษัทผมเพราะอาจะมีลูกน้องหมิ่น แต่ไม่มีอะไร แต่บริษัทนั้นได้ข้อมูลผมไม่แล้ว ไม่มืดเกินไปหรอกครับเพราะมันมี

By: Wakegawakaranai
iPhoneAndroid
on 23 January 2015 - 11:13 #784405 Reply to:784245

หากวัตถุพยานเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย ค้นโดยไม่ต้องมีหมายศาลได้คับ บอกหลายรอบแล้ว ตัวอย่างมีมาเป็นชาติแล้ว
เฮ้อ

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 22 January 2015 - 22:14 #784102 Reply to:784057
PaPaSEK's picture

ก็เพราะไม่มีปัญญาไปพูดจิงๆไงคับ ไปดีเบตจริงๆแพ้ยับ เวบบอร์ดกับของจริงมันต่างกัน
ดีเบตจริงมีเวลาจำกัด เวบบอร์ดคุณจะแอ๊บรู้ได้ เล่นจำนวนเมนต์ได้ นอกเรื่องได้ คาดเดาอนาคตได้ ลูกขุนแบบไม่คัด ก็มีให้จูงเพียบ
ถ่วงเวลาไปค้นกุกเกิลได้ ตีความคนละเรื่องเดียวกันได้ พูดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องได้ ปรกติทั้งหมดเขาไม่รับพิจารณากัน
งงว่าทำไมไม่เอาที่พิมพ์ๆกันซะเท่ห์ ส่งเป็นหนังสือยื่นที่ทำเนียบเลย
ผมว่าอยู่ในหมอกกัน เลยไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตกลงตนเองไม่เห็นด้วยกับอะไร เลยทำเป็นหนังสือไม่ได้

เฮ้อ ...

By: Infinity88
iPhoneWindows PhoneAndroid
on 22 January 2015 - 23:08 #784127 Reply to:784057

ที่ประเทศไทยมีปัญหาวุ่นวายไม่รู้จบจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะการอนุญาติให้ใช้ดุลพินิจได้ตามอำเภอใจเนี่ยแหละครับ
ถ้านึกไม่ออก ลองมองดูองค์กรอิสระบางองค์กรน่ะครับ ที่ชอบใช้ดุลพินิจแบบตามใจฉันจนเกิดคำถามและความไม่เชื่อมั่น ความคลางแคลงใจมากมายตามมา

By: bombanoi
Android
on 23 January 2015 - 02:21 #784180 Reply to:784057

ไม่ต้องขอหมายศาล ยังไม่รู้ว่าคุณผิดจริงก็สามารถมาดูข้อมูลได้เลย สมมติว่าถ้าข้อมูลนั้นเป็นความลับของลูกค้าแล้วเค้ามาขอคุณดูแล้วพอดูแล้วไม่เจอความผิดอะไร กว่าจะพิสูจน์ว่าได้ว่าไม่มีความผิดอะไร ตรงนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ ในกฏหมายก็ไม่ได้ระบุความรับผิดชอบไว้ด้วย

By: Ginosty
AndroidWindows
on 23 January 2015 - 07:46 #784230 Reply to:784057

คอขวดอยู่ที่ศาล แทนที่จะแก้ที่ศาล ดันแก้กฎหมายซะงั้น

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 23 January 2015 - 13:36 #784525 Reply to:784057

ระหว่างหลักข้อกฎหมาย และหลักปฏิบัติ คุณแน่ใจถึงขนาดที่ว่าการปฏิบัติจะกระทำตามหลักข้อกฎหมายและเท่าเทียมกันทุกฝ่าย?

ถือถ้าจะบอกว่า "อะไรก็ได้มาเหอะ ผมรับได้หมด" - แบบนี้คงไม่ต้องพิมพ์ยาวเป็นกิโลให้เมื่อยเลย

By: jokerxsi on 23 January 2015 - 23:44 #784779 Reply to:784057

เรื่องกระทำโดยไม่มีหมายศาลนั้นผมเข้าใจว่าหลักประกันว่าความเป็นส่วนตัวของเราจะลดลง

เรื่องกฎหมายถ้ามีความคลุมเคลือสูง ตัวกฎหมายเองก็ไม่มีประโยชน์เพราะว่ามันจะกลายเป็นว่าขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจตีความ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ อยู่ข้างเดียวกับผู้มีอำนาจ ถูกผิดไม่ต้องดูก็ได้ แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้มีอำนาจตัดสินได้ถูก

ผมว่ามันไม่สนุกถ้าเราถูกใส่ร้าย แล้วโดนโทษแบบ Top Speed นะครับ
และผมเชื่อว่าเราน่าจะเสียใจถ้าสนับสนุนกฎหมายนี้

By: jane
AndroidUbuntu
on 22 January 2015 - 21:43 #784083
jane's picture

จีน

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2015 - 22:10 #784097 Reply to:784083

เกาหลีเหนือตั้งหาก :P

By: icez
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 22 January 2015 - 22:23 #784109 Reply to:784083

เท่าที่ไปอ่านมา กฎหมายจีนยังน่ารักน่าคบกว่าเยอะเลยครับ

By: LinkWii1GT
iPhoneAndroidWindows
on 22 January 2015 - 23:52 #784149 Reply to:784109
LinkWii1GT's picture

จีนใช้ Google ไม่ได้ทั้งประเทศครับ จีนโหดกว่าเยอะ

By: icez
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 23 January 2015 - 10:28 #784370 Reply to:784149

เค้า block เลยไงครับ ไม่ใช่ให้ใช้ได้แต่แอบอ่าน

By: crazygooyu
AndroidWindows
on 22 January 2015 - 22:27 #784110
crazygooyu's picture

หากพ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ ทั้งบรรษัทข้ามชาติและบรรษัทไทย
บรรษัท > บริษัท

ขึ้นอยู่กับผู้นำไปใช้ล้วนๆ

By: Aorjor on 23 January 2015 - 00:39 #784165 Reply to:784110

ใช้คำว่า บรรษัท ก็น่าจะได้นะครับ
เพราะ บรรษัท คือ นิติบุคคลผู้ถือหุ้นในบริษัทหรือบรรษัทอื่นแทนบุคคล
อ้างอิง
http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=2380
http://th.wikipedia.org/wiki/บรรษัท
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/I3799287/I3799287.html

By: easyzonecordotnet
AndroidUbuntu
on 22 January 2015 - 22:32 #784112

ผมก็ทำปืนมายิง เฉพาะผู้ร้าย คุณจะกลัวอะไร

By: aduly
Windows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2015 - 22:36 #784113 Reply to:784112

ไอ่คำว่าผู้ร้ายนี่คือ ฝ่ายตรงข้ามสินะครับ หึหึ

By: artman
Windows
on 22 January 2015 - 22:49 #784118

นี่ผมมั่นใจได้เลยสินะครับ ว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ "เป็นคนดีจริงๆ"

By: mrmamon
ContributorAndroidWindows
on 22 January 2015 - 23:24 #784134

บางทีผมก็เริ่มสงสัยนะครับ ว่าถ้าไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร
ทำไมต้องออกกฏหมายมากีดกันอะไรขนาดนี้

By: Nai_Sara
AndroidWindows
on 23 January 2015 - 06:58 #784211 Reply to:784134

กลัวโดนยัดข้อหาครับ ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด แต่บังเอิญเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ "เจ้าหน้าที่" ก็คงต้องระวังล่ะครับ
เราไม่มีทางรู้ได้ครับว่า "เจ้าหน้าที่" ที่ว่าทำงานได้โปร่งใสแค่ไหน หรือเขาเหล่านั้นตั้งธงอะไรเอาไว้ในใจหรือไม่ครับ

By: mrmamon
ContributorAndroidWindows
on 23 January 2015 - 08:01 #784241 Reply to:784211

ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงรัฐว่าออกกฏแบบนี้มาทำไร

By: tgst
ContributoriPhoneWindows PhoneWindows
on 23 January 2015 - 11:02 #784395 Reply to:784241
tgst's picture

ออกกฎหมาย “เศรษฐกิจดิจิทัล” อย่างไร ไม่ให้การรัฐประหารต้อง “เสียของ”

การจะเข้าใจ “ชุดร่างกฎหมายความมั่นคงดิจิทัล” ภายหลังรัฐประหาร 2557 ที่พูดถึงกองทุน คลื่นความถี่ ความมั่นคงไซเบอร์ การเผยแพร่ข่าวสารออนไลน์ ฯลฯ จริงๆ ไม่ยาก ถ้าเราลองเทียบกับรัฐประหาร 2549

สิ่งแรกที่คณะรัฐประหารทุกชุดจะทำ หลังยึดอำนาจสำเร็จ คือการควบคุมสื่อ (รัฐประหาร 2557 “ก้าวหน้า” กว่าเดิมตรงที่ ควบคุมสื่อด้วยกฎอัยการศึกก่อน 2 วัน แล้วค่อยทำรัฐประหาร)

เมื่อครั้ง 2549 มีการออกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 5 (คปค.5) เพื่อปิดกั้นเว็บไซต์ ซึ่งต่อมาเนื้อหาสารของคปค.5 ก็ถูกแปลงสภาพ เอาไปผนวกกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับปี 2550 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ผ่านสนช.ในตอนนั้น

ความหมายก็คือ เป็นการทำ “กฎหมายพิเศษ” ให้เป็น “กฎหมายปกติ” ที่แม้คณะรัฐประหารจะจากไปแล้วในเชิงรูปแบบ แต่อำนาจหน้าที่ในแบบที่กำหนดไว้ในพ.ร.บ.ก็จะยังคงอยู่ และถูกใช้โดยรัฐบาลต่อๆ มา (ซึ่งบางครั้งก็อาจจะทำไม่ถูกใจหรือได้อย่างใจนัก)

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่คณะรัฐประหารยึดอำนาจสำเร็จ ก็ได้ออกประกาศและคำสั่งจำนวนมาก เช่น ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2557 ขอความร่วมมือผู้ประกอบการสื่อออนไลน์ระงับการส่งข้อความ ฉบับที่ 17/2557 ให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตติดตาม ตรวจสอบ และระงับยับยั้งการเผยแพร่ข่าวสาร ฉบับที่ 18/2557 เรื่องการงดเสนอข่าวสาร 7 ลักษณะ ฉบับที่ 22/2557 ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นส่วนราชการในความรับผิดชอบของฝ่ายความมั่นคง ฉบับที่ 26/2557 ให้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะทำงานด้านสื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบ ระงับ และดำเนินการกับเนื้อหาในสื่อออนไลน์ ฉบับที่ 80/2557 ที่แก้ไขโครงสร้างคณะกรรมการบริหารกองทุน กทปส. เพิ่มปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และให้กระทรวงการคลังสามารถยืมเงินกองทุนได้ ฉบับที่ 97/2557 เรื่องการให้ความร่วมมือของสื่อสารมวลชนต่อการทำงานของคสช.

จะเห็นได้ว่า “ชุดร่างกฎหมายความมั่นคงดิจิทัล” ก็คือการแปลงเนื้อหาสาระตามความมุ่งหมายของประกาศคสช.เหล่านี้ ให้เป็นพ.ร.บ.นั่นเอง โดยที่ “ก้าวหน้า” ไปกว่ารัฐประหาร 2549 ก็คือ มันไม่เพียงกำหนดเฉพาะความผิดและโทษเท่านั้น แต่ยังออกแบบโครงสร้างการทำงานเอาไว้ด้วย ให้มีคณะกรรมการ สำนักงาน และโครงสร้างรายได้รองรับ

กล่าวคือ ไม่เพียงเป็นการทำ “กฎหมายพิเศษ” ให้เป็น “กฎหมายปกติ” แต่ยังสร้างองค์กรเลียนแบบ “องค์กรใช้อำนาจในสถานการณ์พิเศษ” (เช่น คณะทำงานต่างๆ ที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยคณะรัฐประหาร หรืออนุกรรมการที่ทำงานให้สนช.) ขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้มีสถานะเป็น “องค์กรใช้อำนาจตามปกติ” ซึ่งมีคนของฝ่ายความมั่นคงและราชการจำนวนมากเข้าไปดูแลกำหนดทิศทาง (เพื่อรับประกันว่า มันจะออกมาได้อย่างใจ)

ซึ่งหมายความว่า แม้คณะรัฐประหารจะจากไปแล้ว การจัดสรรทรัพยากรสื่อและการควบคุมสื่อ ก็จะยังเดินไปในทิศทางที่คณะรัฐประหารชุดนี้กำหนดทิศทางไว้ โดยที่ฝ่ายความมั่นคงเองก็ยังมีกลไกเข้าไปร่วมทำงานได้ด้วยถ้าต้องการ

อันนี้น่าจะนับได้ว่าเป็นการทำให้การรัฐประหาร “ไม่เสียของ” จริงๆ

  • #มิตรสหายท่านหนึ่ง
By: Aoun
AndroidWindows
on 23 January 2015 - 07:47 #784232

กังวลอยู่ข้อเดียว จะเอาออกมาใช้จริงๆเหรอ คิดรอบคอบยัง ถ้าอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วมาใช้บ้างจะโดนเป่านกหวีดไล่อีกไหม

By: tuttap
Android
on 23 January 2015 - 08:39 #784270
tuttap's picture

กฏหมายเหมือนดาบสองคม ครับ ถ้าเราไม่ทำผิดและรอบคอบเสมอ จะอยู่ได้ อย่างมีความสุข ออกกฏหมายแรงๆ กับพวก
โกงกินให้มันแรงๆ คนที่ใช้มันจะใช้อย่างรอบคอบ เพราะถ้าใช้ผิด คนใช้มันจะโดนเอง แบบนั้น ดีกว่าครับ มีเอาไว้ปฏิบัติตามไม่ใช่ เอาไว้ วางเฉย

By: pro.it
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 23 January 2015 - 09:03 #784287

ผมว่า คนทั่วไปกระทบไม่มาก แต่นักลงทุนรายใหญ่หรือ บริษัทใหญ่ๆ ข้ามชาติ คงจะไม่กล้าทำอะไรหรือลงทุนอะไรกับประเทศไทยแน่ ถ้าจากมุมมองของนักลงทุนก็วิเคราะห์ค่อนข้างถูกเลยครับ เพราะมันครอบคลุมแบบกว้างมาก ถึงขนาดไม่จำเป็นต้องมีหมายศาล ถ้าขนาดนี้เกิดมีบริษัทคู่แข่ง แจ้งความใส่ร้ายมาและข้อมูลในบริษัทเกิดรั่วไหลไปถึงคู่แข่งผ่านเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจ ผมว่าบางทีไม่คุ้มที่จะลงทุน ไปลงทุนในบริษัทที่กฎหมายให้ "ความคุ้มครอง" อย่างแท้จริงคงจะดีกว่า แต่ยังไงโดยส่วนตัวไม่สนับสนุนครับ การละเมิดสิทธิส่วนตัวถึงขนาดเข้าถึงอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวโดยไม่มีหมายค้นนี่น่ากลัวมากครับ เกิด เจ้าหน้าทีอยากยัดข้อหา ม.112 แค่เขาหยิบโทรศัพท์คุณมาแล้วเกิดส่ง sms ไปหาใครก็ไม่รู้เป็นข้อความละเมิด ไปหาใครก็ไม่รู้คราวนี้คุณก็แย่แล้วครับ น่าจะนึกคดีอากง sms ได้นะครับ ฉะนั้นไม่เห็นด้วยครับ