หลัง Pebble เปิดตัวนาฬิการุ่นจอสี Pebble Time และได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี (ขณะที่เขียนข่าว ยอดระดมทุน 8 ล้านดอลลาร์แล้ว) เว็บไซต์ Medium Backchannel ก็มีบทสัมภาษณ์ Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Pebble ถึงเบื้องหลังการสร้าง Pebble Time ครับ
- โครงการ Pebble Time เริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2013 โดย Migicovsky ระดมสมองพนักงานทั้งบริษัทว่าควรทำอะไรถัดจาก Pebble รุ่นแรก โครงการนี้ใช้โค้ดเนมว่า Project Snowy (ตามชื่อหมาในการ์ตูน Tintin)
- Pebble ทราบว่าจะต้องเจอการแข่งขันจากแอปเปิลและกูเกิล ซึ่งแนวทางของแอปเปิลคือสวยหรู ราคาแพง ส่วนกูเกิลคือสร้างส่วนต่อขยายของ Android แต่ Pebble ก็สร้างจุดเด่นของตัวเอง เน้นจับตลาดคนที่อยากทำงานต่างๆ ให้เสร็จ (people who want to get shit done) ไม่ใช่คนใส่โรเล็กซ์ หรือคนใส่นาฬิกาดำน้ำ
- บริษัทลองทำนาฬิกาต้นแบบเป็นจำนวนมากด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ ส่วนเรื่องหน้าจอก็ลองหมดทั้ง LCD, AMOLED สุดท้ายมาลงตัวที่หน้าจอสี E-paper แสดงผล 64 สี จากบริษัทในญี่ปุ่นรายหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) Migicovsky บอกว่าจอรุ่นที่ใช้นี้ไม่ได้มีคุณภาพดีเด่นเหนือใคร แต่ตอบโจทย์สำหรับนาฬิกา และช่วยให้ Pebble Time มีแบตอยู่ได้ 7 วัน
- ฝั่งของซอฟต์แวร์ Pebble ใช้ประสบการณ์ที่ทำนาฬิกามานาน วิเคราะห์ว่าแนวคิดการยก "แอพ" จากสมาร์ทโฟนมาอยู่บนนาฬิกานั้นไม่เวิร์ค บริษัทจึงหาแนวทางใหม่คือ Timeline ที่แบ่งเวลาเป็นอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต (ดูคลิปประกอบ) ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดความสามารถเพิ่มให้ Timeline ได้ แต่มันจะแสดงผลบน Timeline ไม่ใช่ในแอพแยกเฉพาะ
- แนวคิด Timeline ต่างไปจาก Google Now ตรงมีความแม่นยำกว่า เพราะเป็นข้อมูลจริงๆ ในอดีตหรือข้อมูลที่ผู้ใช้บันทึกเอาไว้ให้แจ้งเตือนอนาคต ในขณะที่ Google Now เน้นการพยากรณ์ความต้องการของผู้ใช้
- Timeline ทำงานเข้ากันได้กับแอพของ Pebble รุ่นแรก และนาฬิกา Pebble รุ่นแรกก็จะได้อัพเกรดเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ในอนาคตด้วย
- Migicovsky บอกว่า 90% ของรูปแบบงานที่เราทำผ่านแอพ สามารถปรับใช้กับ Timeline ได้เลย แอพที่เป็นข้อยกเว้นคือเกม แต่เกมบางประเภทอย่างการเลี้ยง Tamagotchi ตามเวลาก็สามารถใช้กับ Timeline ได้เช่นกัน
- รอบนี้ Pebble มีเงินพอที่จะผลิต Pebble Time ขายตามหน้าร้านปกติได้ แต่บริษัทเลือกกลับไประดมทุนผ่าน Kickstarter เพราะเป็นการเชื่อมโยงกับชุมชนผู้ใช้ดั้งเดิม (core user base) บริษัทสามารถสื่อสารกับคนเหล่านี้ได้โดยตรง
ที่มา - Medium Backchannel
Comments
ผู้ใช้ทั้งเดิม => ผู้ใช้ดั้งเดิม?
แก้แล้ว ขอบคุณครับ
เลือกวิธีขายได้ยอดมากเลยนะครับ
หรือว่า Samsung Windows Phone & Tizen จะใช้ได้!
ios + Android มั้งครับ แต่พูดถึง Samsung แยกออกมาเพราะยอดขายเยอะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ข้อสุดท้ายนี่ผมว่าด้านการตลาดล้วนๆเลยนะ ระหว่างกลับมา KS กับเปิดตัวสินค้าใหม่เองนี่ แบบแรกแย่งพื้นที่ข่าวได้เยอะกว่าเยอะเลย
ไม่ต้องยัดลูกเล่นมาเยอะ เช่น มีแอพทำนู้นนี่นั้น เล่นเกมส์ได้ รัน windows ได้ ไม่เอา
อยากได้แบตอึดๆ
อยากได้หน้าปัดเปลี่ยนได้
fitness นิดหน่อย
แค่นี้แหละที่ผมต้องการ
มาดูกันว่า smartwatch ตัวไหนเข้าเป้าบ้าง(เข้าไปแล้วหนึ่ง)
ชอบที่สุดคือการมอง kickstarter เป็นหน้าร้านนี่แหละ แฟนพันธุ์แท้รักตายเลย
หากผมอยากซื้อมาใช้บ้างต้องทำอย่างไรครับ
ตอนนี้ก็ kickstarter
ไม่ก็รอวางจำหน่ายแล้วซื้อผ่านเว็บ
สุดท้ายก็อยู่ที่ลูกค้าเลือก อนาคตไม่ได้อยู่ที่บริษัทเห็นว่าแบบไหนดี
ผมว่าด้วยความที่มันมีดีมาตั้งแต่รุ่นแรก บวกกับราคาที่ถือว่าเหมาะสมก็ดูไม่น่าแปลกใจที่จะขายได้ดีขนาดนี้ ดูอย่าง Microsoft Band ที่ตั้งราคาไว้ใกล้เคียงกันก็ขายดีเช่นกัน ซึ่งนั่นก็น่าจะพิสูจน์ได้ระดับหนึ่งแล้วว่าลูกค้ายินดีจ่ายให้กับสินค้าประเภทนี้ที่ราคาเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้รับ
ลูกค้าจะเลือกได้อย่างไร ถ้าบริษัทไม่ได้เอาอนาคตในแบบที่ตัวเองเห็นว่าดีมานำเสนอ
บน kickstarter ตอนนี้ 9M usd แล้ว ... ผมว่าลูกค้าเลือกเยอะไช้ใด้นะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ทำไมคิดถึงยุคที่มือถือเริ่มมีจอสีใหม่ๆ
จอมันคลาสิคชอบๆ