Risto Siilasmaa ผู้ก่อตั้งบริษัทความปลอดภัย F-Secure และประธานบอร์ดโนเกียคนปัจจุบัน (รับตำแหน่งปี 2012) ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ฟินแลนด์ Kauppalehti เปิดใจถึงความเจ็บปวดของโนเกียที่ต้องขายธุรกิจมือถือทิ้งไป
หมายเหตุ: บทสัมภาษณ์เป็นภาษาฟินแลนด์ แปลจาก Google Translate อีกทีหนึ่ง

- เขาบอกว่าในปี 2012 หลายคนมองว่าโนเกียจะต้องล้มละลายแน่นอน แต่สุดท้ายก็ฝ่าฟันผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนั้นมาได้ หลังขายธุรกิจมือถือให้ไมโครซอฟท์ เขาเรียกประชุมผู้บริหารระบอกว่าเราจะต้องไม่เจอปัญหาแบบนี้อีกแล้ว (never again!) โนเกียจะต้องจดจำช่วงเวลาแห่งความผิดพลาด ที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาหัสไปตลอดกาล
- ช่วงกลางปี 2012 ที่สถานการณ์กำลังแย่ เขาเรียกประชุมบอร์ดและทีมบริหารเพื่อหาทางออก สุดท้ายบริษัทตัดสินใจซื้อหุ้นของ NSN ทั้งหมดจากซีเมนส์ในปี 2013 และขายธุรกิจมือถือให้ไมโครซอฟท์ในช่วงหลังจากนั้นไม่นาน
- จังหวะการซื้อหุ้น NSN และขายธุรกิจมือถือให้ไมโครซอฟท์นั้นสำคัญมาก ถือว่าโนเกียโชคดีเพราะซีเมนส์ต้องการขายหุ้นพอดี และโนเกียก็ได้กระแสเงินสดจากไมโครซอฟท์มาชดเชยเงินที่จ่ายให้ซีเมนส์ด้วย ทั้งซีเมนส์และไมโครซอฟท์ไม่รู้ว่าโนเกียกำลังเจรจากันอยู่ ถ้าซีเมนส์รู้ว่าโนเกียจะขายธุรกิจมือถือให้ไมโครซอฟท์ ก็คงเรียกราคาหุ้นแพงกว่านี้
- Siilasmaa เล่าว่าตลาดหุ้นไม่เข้าใจว่าโนเกียมีแผนการอะไร และไม่เข้าใจว่าทำไมโนเกียต้องขายธุรกิจมือถือทิ้งไป แต่ตอนนี้โลกเข้าใจแล้วว่าธุรกิจมือถือมีปัญหา และผู้ผลิตมือถือทุกราย (ยกเว้นแอปเปิล) แทบไม่ทำกำไรเลย
- เขาพูดถึงไมโครซอฟท์ว่าใช้ยุทธศาสตร์แบบเดียวกับกูเกิล คือสร้าง ecosystem และไม่ทำเงินจากตัวผลิตภัณฑ์โดยตรง แต่หาเงินจากโฆษณาแทน
- เขาบอกว่าโนเกียในปัจจุบันคือบริษัทใหม่ ผู้บริหารชุดใหม่ บอร์ดชุดใหม่ ยุทธศาสตร์ใหม่ วิสัยทัศน์ใหม่ และพนักงานที่เหลืออยู่คือคนที่ผ่านสงครามมาแล้ว แข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าสู่อนาคตใหม่ต่อไป
ที่มา - Kauppalehti via My Nokia Blog, ภาพประกอบจาก Nokia
Comments
สรุปให้เข้าใจคือ Nokia ติด M$ Trojan เลยต้องตัดเนื้อร้ายออกไปพร้อมกับเนื้อดีสินะ
ยังไงอ่ะ
Search google คำว่า nokia elop trojan นะครับ มีให้อ่านเพียบ
ช่วงลุ้นหัวเลี้ยวหัวต่อ ผมว่าตอนนั้นโนเกียเองยังไม่มั่นใจจะออกหัวหรือก้อยด้วยซ้ำ
สรุปให้เข้าใจคือ
และ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ยุทะศาสตร์ใหม่ > ยุทธศาสตร์ใหม่
ไม่รู้ว่าโนเกียกำลังเจรจากับอยู่ > ไม่รู้ว่าโนเกียกำลังเจรจา"กัน"อยู่
ผู้บริหารระบอก ?
กำลังเจรจากับ ?
พนักงานที่เหลืออยู่คือคนที่ผ่านสงครามมาแล้ว
นึกภาพออกเลย ว่าโนเกียตอนนี้เหวอะขนาดไหน..
ต้องมองอีกแง่ครับ จะเห็นว่าพนักงานที่ผ่านสงครามมาแล้วแข็งแกร่งเพียงใด
แข็งแกร่งแต่ไม่จำเป็นต้องทนอยู่บริษัทเดิมก็เป็นไปได้ครับ
เคยไหมครับ อารมณ์ว่าทำงานอยู่ในองค์กรที่ผลประกอบการไม่ดี เริ่มไล่คนออก ยุบแผนก งดโบนัส ตัดเงินยิบย่อยทุกวิถีทาง
จนถึงแม้สถาณการณ์ดีขึ้น แต่คนที่ต้องอยู่เห็นภาพเพื่อนร่วมงานโดนไล่ออกไปทีละคนๆ เห็นสภาพถังแตกของบริษัท ถึงตัวเองจะรอดตายมาได้ แต่หลายคนก็จะคิดละว่า "จะเสี่ยงอยู่ต่อไปทำไม?" สู้ขยับขยาย หาที่ลงใหม่ เงินดีกว่าเดิม ไม่เสี่ยงล้มลุกคลุกคลานต่อไปดีกว่าก็มีครับ
ตามที่คุณว่ามาครับ ทุกคนก็ล้วนมีเหตุผลในการเลือกของตัวเอง ไม่ว่าเหตุผลนั้นมันจะคืออะไร เราทุกคนก็คงจะเคยเห็นมาแล้วในช่วงที่ Apple อยู่ในช่วงตกต่ำซึ่งสถานการณ์ก็คงไม่ต่างไปจาก Nokia ก่อนหน้านี้ แต่ที่แน่ๆ ณ ตอนนี้ผมว่า Nokia ก็ถือว่ากลับมาอยู่ในจุดที่เรียกว่าถอยกลับเพื่อมาตั้งหลักได้แล้ว จากนี้ไปก็คงเป็นเรื่องของอนาคต
เสียดาย pureview ครับ
ไม่น่าให้ MS ไปเลย เสียของ...
+1 เสียดายของจริง
nokia น่าจะเอา pureview มาผลิตเป็นแบบ supplier ให้ผู้ผลิตอื่นๆ บ้าง
นี่ยังอยากเห็นมีคนเอา pureview 40mpx มาใส่พวกกล้อง action camera แบบ Yi เลย จะแจ่มมากกก
ecosystem บนมือถือที่โนเกียเข้าไปใช้ได้มันมีให้เลือกน้อยแล้วนะสิ หรือจะไปใช้ยุทธศาสตร์ยืมจมูกคนอื่นหายใจแบบ BB10
เชื่อว่าประสบการณ์จะทำให้เราได้เห็นอะไรดีๆจากโนเกีย รอดูโนเกียปล่อยของต่อไป
ผมชอบการดีไซน์ของ Nokia นะ ถ้า Nokia เลือก android ตั้งแต่วันนั้น และไม่มัวแต่ผลัก symbian กับ meego ป่านนี้คงเทียบชั้น Samsung แล้วล่ะ ดูอย่าง Samsung เองยังทิ้ง Bada เลย
และตอนนี้ SS ก็ต้องมานั่งปวดหัวกับส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลง จากมือถือ Android จากจีน ผมเข้าว่า Nokia ในช่วงนั้น คงจะพยายามผลักดัน OS ที่มีความเป็นเอกเทศขึ้นมา เพื่อที่จะไม่ต้องไปแบ่งพื้นที่การตลาดให้กับใคร แต่ปัญหา คือ Symbian กลับไปโตไปตามที่คิด เพราะความล้าหลัง และนักพัฒนาไม่เล่นด้วย ส่วน Meego ก็มาช้าเกิน ทั้ง ๆ ที่เป็น OS ที่น่าใช้ OS หนึ่่งเลยทีเดียว
ตอนนี้ Samsung ก็เริ่มปาดเหนื่อยแล้วครับ ดู sony สิติดลบมาหลายปีแล้ว ดีนะมีพวกเครื่อง console ของตัวเองมาช่วย
ทิ้ง BADA แล้วก็เกิดใหม่เป็น TiZen ครับ แล้วก็ดูเหมือนแท้งตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอีกครับ
ซีอีโอ Cyanogen ฟันธง ชะตากรรมของซัมซุงจะซ้ำรอยโนเกียภายใน 5 ปี
ผมเชื่อโนเกีย ผิดพลาดซ้ำสอง แน่นอน Samsung ปาดเหนื่อยแล้ว อีก 5 ปีไม่รอดเจอพวกพี่จีนสเปคอย่างโหด ราคาติดดิน
ตอนนั้น Android ก็ใช่ว่าจะแหล่มครับ
Spec เครื่องยังห่วยๆ แค่เลื่อนจอยังหนืดๆ เลย
ผมก็บอกได้ว่า
"ถ้า" Nokia ดัน Meego เต็มตัวอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะมีประสบการณ์ด้าน Mobile มากกว่า Google เยอะ
แต่จะทิ้ง Symbian ก็ไม่ได้ เพราะเป็น OS หลักตอนนั้น แต่จะไปต่อก็ลำบาก เลยทำได้ครึ่งๆ กลางๆ ทั้งคู่
การผลักดัน Meego เป็นเรื่องดีครับ ที่ Nokia เจ๊งไม่ใช่เรื่อง Hardware แต่เป็นมุมมองอันคับแคบและเห็นแก่ได้ในตัวเงินในเรื่องของระบบ License ของ Developer อิสระ พูดง่ายๆ คือ กีดกันพวก opensource เต็มที่ในตอนที่ Symbian ยังรุ่งโรจน์ พอ Android เกิด นักพัฒนาอิสระพวกนี้เลยเฮโลหนีไปทั้งยวง พอโปรแกรมน้อย คนก็ไม่อยากใช้ Symbian แล้วครับ
สำหรับ Meego มันเป็นอะไรที่แหล่มมาก เราสามารถใช้ PyQt ในการทำโปรแกรมได้ โชคดีที่มันยังไม่ตายและได้กลายร่างเป็น Sailfish แทน โปรแกรมบน Android ก็เริ่มอิ่มตัวแล้วล่ะ คนทำเยอะแยะ มันซ้ำกันเยอะมาก เริ่มไม่มีที่ให้นักพัฒนาหน้าใหม่เข้าไปเล่นในตลาดแล้ว ยกเว้นพวกเกมส์ ต่อให้สนุกแค่ไหน ก็อายุสั้นทุกเกมส์ คนเบื่อเร็ว เลยมีที่ให้เล่นได้เรื่อยๆ แล้วก็โปรแกรมเฉพาะต่างๆ ของหน่วยงานรัฐ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ไม่น่าจะเกี่ยวกับ MS เป็นหลักนะ
แต่น่าจะเกี่ยวกับตัวของ Nokia เองที่เทอะทะอืดอาดแล้วหยิ่งทะนง
โลกเทคโนโลยีมันหมุนไปไวอย่างเหลือเชื่อ นับตั้งแต่ iphone ตัวแรก นี่ก็ 8ปี แล้ว
ผมว่าถ้า MS ไม่เข้ามาในตอนนั้นบางที Nokia อาจจะเหลือแต่ชื่อไปแล้ว
ส่วนในอนาคตเร็วนี้ เดี๋ยวคงได้เห็นหนังม้วนเดิมแต่เปลี่ยนผู้เล่นใหม่เป็น นาฬิกา กลุ่มแบรนด์ดั้งเดิมก็ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดมันคนละกลุ่ม หลังจาก Apple ปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมาถึงจะดีหรือไม่ดีแต่มันจะฉุดกระแส Smart Watch ให้โตอย่างรวดเร็วแน่นอน
ไม่รู้แน่หรอกครับ ถ้าตอนนั้น nokia เลือก android วันนี้อาจจะเป็นบริษัทที่ขาย android มากที่สุดในโลกไปแล้วก็ได้ ส่วน microsoft ก็ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อ nokia ส่วน windows phone ก็เป็น os ง่อยๆ เหมือนทุกวันนี้. Win-win ดีออก
รู้อะไรไม่รู้งี้หรอกครับ ก็ใช่ว่าถ้าเลือกแอนดรอยด์แล้วจะรุ่ง อาจจะรุ่งริ่งไม่ต่างกันก็ได้นะ
ในตอนนั้น Nokia ไม่เหลือเงินแม้แต่จะทำแอนดรอยออกมาซักตัวด้วยซ้ำ
BlackBerry ละ? มีแผนอะไรอยู่
ขอ android in blackberry bold pls.
ทำไมผมรู้สึกว่าใครๆก็อยากหนีจากAndroid
สักวันAndroid Phoneอาจจะเหลือแต่ Nexus
Appleยังดีที่มีiOS
แต่แบรนด์อื่นๆ เนี่ย ผมว่าตอนนี้ตั้งตัวใหม่ยากมาก เพราะขนาดNokia ผู้ยึดมั่นใน Windows Phone เพื่อหวังจะมีตลาดSmartPhoneแยกจากAndroid ยังไปไม่รอด
ที่จริงผมอยากให้วงการมือถือกลับไปเหมือนสมัย Feature Phone เหมือนกันน่ะ ยี่ห้อใครยี่ห้อมัน ใช้OSใครOSมันไปเลย
เพราะปัจจุบันAndroid Phone แต่ล่ะยี่ห้อผมว่ามันแทบจะเป็นมือถือที่รูปแบบการใช้งานแทบไม่ต่างกันเลย ต่างกันแค่สเปคกับหน้าตา
อารมณ์เหมือนเวลาเปลี่ยนเครื่องที เดินๆดูมันก็มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่นดี แต่พอเอามาใช้แล้วมันก็เหมือนมือถือเครื่องเก่านี่นา เราเสียเงินเปลี่ยนมันมาทำไมเนี่ย
มองแง่บวก ข้อดีคือคุณแทบไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ไงครับ
เอาเวลาไปศึกษาเมนูของ UI เครื่องใหม่แทน หึหึ
อันนี้ผมเห็นด้วยเลยครับ จริงๆๆ sony เองก็มี Vita OS ที่รันใน PS Vita อยู่ น่าจะลองทำ เครื่องที่เป็น Android + Vita OS ขายดูบ้าง ถ้าพอจะดันให้ Vita OS เกิดได้ ก็น่าจะรีบทำเอาไว้เป็น OS สำรอง เหมือนกัน
ผมว่าที่ทุกคนไม่หนีจาก android คือ ส่วนแบ่งที่ว่าน้อยจริงๆมันก็เยอะพอตัวเยอะพอที่โนเกียที่ว่าน้้อยยังจะกลับมาทำ android ขายใหม่ เพียงแต่ IOS ขายเครื่องโดยเฉลี่ยแพงกว่าทุกเจ้าคือ
ขายมือถือได้ 10%ของตลากทั้งหมดแต่มี กำไร90%ของตลากทั้งหมด
เพราะAndroidมีระบบการแข่งขันที่รุ่นแรงต่างจาก IOS ที่จะทำยังไงก็ได้เพราะไม่มีการแข่งขัน
และจากอดิตจนถึงปัจจุบัน OS ของทั้ง Android กับ IOS ดึงความสามารถที่ดีของแต่ละผ่ายมาทำให้ระบบและการใช้งานไกล้เคียงกันขึ้นเรื่อยๆ
อนาคต IOS จะขายดีจนกว่าความพรีเมียมจะหมดไปซึ่งเป็นเรื่องยากในเร็วๆนี้
อนาคต Android จะรุ่นซอยตั่งแต่จัดเต็มไปจนถึงรุ่นที่ราคา = ฟีเจอร์โฟน ต่ำกว่า 1000 ถ้าค่าเงินไม่เปลี่ยน
อนาคต windows p คาดเดายากคงขึ้นอยู่กับ windows 10
iPhone ไม่ยิ่งกว่าหรอครับ หน้าตาแทบไม่เปลี่ยนเลย รูปแบบการใช้งานจะเข้าอะไรก็ยังหลายจิ้มเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
หน้าตาแทบไม่เปลี่ยน learning curve เลยต่ำไงครับ ลองดู android แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อสิครับ เปลี่ยนทีก็ต้องหัดกันใหม่หมดเลย โดยเฉพาะการจัดเรียงเมนู setting นั่นน่ะ
ส่วนหน้าจอ ui launcher ของ android นั่นถือเป็นความสะดวกที่สามารถลากเอาไอคอนที่ใช้บ่อยมาไว้บนหน้าจอได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ อย่างเวลามีคนเอา android มาให้ผมทำอะไรสักอย่าง จะเห็นว่าไอคอนมันลายตาไปหมด เพราะเล่นลากเอาแอพส์จำนวนมากมาไว้บนหน้า launcher นั่น เลยกลายเป็นเหมือนมี home 2 หน้าซ้อนกัน สับสนมากครับ ที่จริงอะไรที่ไม่ค่อยใช้ น่าจะจัดใส่โฟลเดอร์เอาไว้เวลาหาแอพส์มันจะง่ายกว่ามาก แต่คนส่วนมากไม่ค่อยทำกัน
ผมว่าลูกค้าหลักของตลาดสมาร์ทโฟน คือ คนที่ไม่สันทัดด้านเทคโนโลยีนะครับ
ในส่วนของiOS ที่หน้าตามันเหมือนกันหมดก็เพื่อต้องการให้Userไม่ต้องเรียนรู้สิ่งเก่าๆที่ได้เรียนรู้จากเครื่องเก่า Userมีหน้าที่แค่เรียนรู้ฟีเจอร์ใหม่ที่มีในเครื่องใหม่เท่านั้น
แต่ในส่วนของAndroid นอกจากUserจะต้องเรียนรู้ฟีเจอร์ใหม่ของเครื่องใหม่แล้ว ยังต้องหาฟีเจอร์เก่าในเครื่องใหม่ด้วย เช่น วิธีปิดแอพเบื้องหลัง บางเจ้าก็ใช้วิธีกดปุ่มHomeค้าง บางเจ้ากดHome2ครั้ง บางเจ้าก็มีปุ่มเฉพาะไปเลย ฯลฯ
เอาตรงๆผมว่ามันน่ารำคาญมากๆเลยครับ เหมือนเราซื้อรถใหม่เพราะรถเก่ามันช้าไม่ทันใจ แต่รถใหม่ที่เราถูกใจดันเป็นรถนอกที่เป็นพวงมาลัยซ้าย ตอนซื้อก็อาจจะคิดว่าข้อเสียข้อเดียวไม่เป็นไรหรอก แต่เอาจริงๆ มันแทบจะต้องกลับมาเรียนวิธีขับรถใหม่เลยทีเดียว แค่เพราะรถที่เราซื้อมามันเป็นแบบพวงมาลัยซ้าย ต้องปรับความเคยชินของมือที่เข้าเกียร์ ปรับสายตาการกะระยะจากเผื่อซ้ายเป็นเผื่อขวา ฯลฯ
ก็คล้ายๆกับเปลี่ยนเครื่องAndroidที่มันใช้ปุ่มBackคนล่ะด้านกัน แค่ปุ่มBack แต่Userต้องปรับตัวเยอะขนาดไหนลองคิดดูดีๆ
ถ้ามันเปลี่ยนใหม่แล้วดีขึ้นมันก็ดีไป เช่น iPhoneเมื่อก่อนใช้แค่จอ3.5นิ้วใช้งานมือเดียวสะดวก พอเพิ่มเป็น4นิ้วถ้าใช้โมเดลแบบเดิมรับรองใช้ไม่สะดวกแน่ Appleก็เลยทำให้มันบางลง เพื่อลดระยะที่อุ้งมือโอบเครื่องทำให้ยังสามารถใช้มือเดียวไดสะดวกอยู่ พอเพิ่มเป็น4.7/5.5 ซึ่งมันใช้มือเดียวแบบเดิมๆไม่ได้แน่ Appleเค้าก็ออกแบบiOSให้มันสามารถใช้มือเดียวได้สะดวกแทน
และในตอนเปิดตัวเค้าก็เอาฟีเจอร์นี้มานำเสนอด้วย ซึ่งถ้าดูผ่านๆก็จะเหมือนมันก็แค่ลูกเล่นอีกลูกเล่นหนึ่ง แต่ถ้ามองลึกลงไปจะเห็นถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่สามารถดึงลูกค้าเก่าๆที่มีอคติว่าจอใหญ่แล้วมันใช้มือเดียวไม่สะดวกให้กลับมาซื้อiPhoneที่จอใหญ่ขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะเข้ากับรูปแบบการใช้งานของตนเองไม่ได้
ที่จริงสิ่งที่ผมอยากให้หลายๆแบรนด์เค้าเลียนแบบAppleมากที่สุดก็คือหลักการออกแบบการใช้งานของUser มากกว่าการออกแบบรูปร่างหน้าตาสินค้า เพราะการที่เราจะซื้อสินค้าชิ้นนึง ผมว่าหลายๆคนมีดีไซน์เป็นตัวเลือกหนึ่งในการตัดสินใจซื้อด้วยแน่ๆ แต่ถ้าเราลองมองออกไปไกลๆเมื่อดีไซน์ที่เราเลือกมาหมดความนิยมไปแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังอยู่กับเรา ซึ่งก็คือ ความเคยชินในการใช้งานUIของเครื่องนั้นๆครับ
และนี่คือสิ่งที่Appleเห็น(มานานมาก)แต่บริษัทอื่นไม่เห็นครับ
อยากบอกว่า Android เป็นตัวเลือกที่ "ต้องเลือก" ของค่ายมือถือในตอนนี้ เพราะ ios ถูกผูกกับ apple เท่านั้น และ wp ขายใด้น้อยจน nokia ต้องขายตัวเอง
Feature Phone ส่วนใหญ่เป็น Linux ในตระกูล rtos ครับ
OS ใคร OS มันมีข้อเสียคือ app ใคร app มัน R&D ใคร R&D มัน ดังนั้น pc ถึงนิยม windows เพราะมัน compatable สุดท้าย Google ที่ลงทุน R&D ก็ต้องการกำไรมาทดแทนในส่วนดังกล่าว
ทั้วไปสินค้าปรับปรุงตามที่ user ส่วนใหญ่ต้องการ ถ้าทุกเจ้าทำถูกต้อง สุดท้ายหน้าตาจะเหมือนกันหมดครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo