เว็บไซต์ Re/code รายงานว่า IHS iSuppli บริษัทวิจัยที่มักจะมีการประเมินราคาต้นทุนของสินค้าหลายๆ ตัวที่เพิ่งจะเปิดตัวในตลาด ได้ออกมาประเมินราคา Galaxy 6 edge ของซัมซุง ที่เพิ่งจะเริ่มขายจริงจังไปได้ไม่กี่วัน โดยระบุว่าต้นทุนนั้นสูงมาก จนอาจจะถือได้ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีต้นทุนสูงที่สุดของซัมซุงที่เคยผลิตมา
IHS ระบุว่า S6 edge รุ่นที่ใช้กับเครือข่าย Verizon Wireless ของสหรัฐอเมริกา ที่ความจุ 64 GB มีต้นทุนจากการประเมินอยู่ที่ 290 ดอลลาร์ สรอ. (ประมาณ 9,400 บาท) แพงกว่า Galaxy S5 ที่ความจุเดียวกันถึง 34 ดอลลาร์ สรอ. (ประมาณ 1,100 บาท) และแพงกว่าคู่แข่งอย่าง iPhone 6 และ 6 Plus เสียด้วยซ้ำ โดยชิ้นส่วนที่แพงที่สุดคือหน้าจอที่ประเมินไว้ 85 ดอลลาร์ สรอ. (ประมาณ 2,700 บาท) รองลงมาคือชิป Exynos 7 ที่ราคา 29.50 ดอลลาร์ สรอ. (ประมาณ 950 บาท) ตามลำดับ
แน่นอนว่าการประเมินครั้งนี้ยังไม่รวมถึงต้นทุนค่าวิจัย การตลาด บรรจุภัณฑ์ และอื่นๆ โดยรายงานฉบับเต็มจะปล่อยให้ดาวน์โหลดในอีกไม่นานนี้
ที่มา - Re/code
Comments
อย่าลืมอย่างนึงนะครับ samsung ไม่ต้องพัฒนา OS เองแบบ Apple
ไม่ได้ พัฒนา CPU เองแบบ Apple ฉะนั้น เอามาเทียบกันไม่ได้
ถึง S6 จะทำออกมาดีแค่ไหนก็แล้วแต่ อย่างไงก็ยั่งรู้สึกว่า โทรศัพท์ Samsung เป็นโทรศัพท์ที่มีความคุ้มค่า ต่ำมากๆๆอยู่ดี เมื่อเทียบกับ iPhone หรือ Xperia หรือ HTC
ลองมองแบบไม่อคตินะครับ exynos ใช่ว่าเอา A57 มาทำตรงๆ ได้ ก็ต้องวิจัยอีก
ส่วนคุ้มค่าเนี่ย ถึงผมจะคิดว่าแบรนดิ้งไม่ดีเท่า แต่ performance นี่กินขาดมานานนะครับ
[S]
แล้ว
Xperia และ Htc พัฒนา OS เองแบบ Apple
พัฒนา CPU เองแบบ Apple ฉะนั้น เลยเอามาเทียบกันได้ !?!!!??
อคติ ล้วนๆ ไม่มาก ไม่น้อย ไปกว่านี้
พูดยังกับว่า google ส่งอะไรให้ก็จับยัดใส่เลยงั้นแหละ
ถ้ามันง่ายยังงั้น ทำไมแต่ละค่ายมันถึงเสียเวลานานจังกว่าจะอัพเดตได้
"ถึง S6 จะทำออกมาดีแค่ไหนก็แล้วแต่ อย่างไงก็ยั่งรู้สึกว่า โทรศัพท์ Samsung เป็นโทรศัพท์ที่มีความคุ้มค่า ต่ำมากๆๆอยู่ดี เมื่อเทียบกับ iPhone หรือ Xperia หรือ HTC"
อคติ ล้วนๆ
ล่อเป้ามากเลยครับ ตอบแบบนี้
S6 ผมยกให้ซัมซุงกินไปครับ Apple ผมยอมรับแค่ Eco วงจรข้อมูลที่ทำให้ผมหลุดไปไหนไม่ได้ ไอทูน ไอคลาว คีย์เชน บลาๆๆ ต้องยอมรับว่าสิ่งที่มีมูลค่าของ Apple ไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้ครับ มันคือ Eco System ที่นับวันยิ่งไร้รอยต่อ เครดิตตัวเองหน่อย ผมใช้ MBA / iPad / iPod / Apple TV / iTunes Match นอกคอกหน่อบก็ BB / WP ยอมรับว่าเป็นวงจรที่เชื่อมกันไปมาสะดวกดีมากครับ แต่ถ้าเจอ Device ที่ดีกว่าตอบโจทย์กว่า ผมพร้อมแปร
SS ต้องทำการบ้านอย่สงหนักถ้า Eco ตัวเองไม่แกร่งพอ ถึง Device จะดีแค่ไหน คนก็จะอยู่ด้วยพักเดียวแล้วไหลไปไหลมา ไม่อยู่กับตัวเองตลอดไป และ ภาพลักษณ์เดิมๆ ที่ต้องล้างไพ่ล้างตา นี้ก็เรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน ในขณะนี้ผม OK กับ UI แล้วนะ แต่ยังกลัวว่าจะบวมตอนปลาย เท่านั้น
+1 ครับ ตอนแวบแรกที่ลองเล่นชอบ S6 Edge มากครับ ปัจจุบันใช้ iMac/MacBook/iPod/iPad/iPhone3,4,5,6/iTunes Match แต่ผมเองยังชอบ S6 Edge ซึ่งยอมรับว่ามันเยี่ยมจริงๆ ถึงแม้จะแอบเหมือน iPhone 6 และ OS ก็ยังไม่แกร่งจริงๆ แต่ถ้าทำให้เชื่อมกันได้หมด สมมุติ SS เอาจริงเรื่อง Eco System วันนั้น Apple ก็เถอะตายแน่นอนครับอุปกรณ์ SS มีมากมายแค่ไหนตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ใช้มือถือควบคุมได้มันจะเยี่ยมแค่ไหนละ
คงลำบากครับ เพราะโอเอสมือถือ, แท๊ปเลตก็พึ่งพา google โอเอส notebook ก็พึ่งพิง microsoft อาศัย 3rd party apps มันก็ได้เท่าที่เห็นอยู่ครับ
ใช่ครับ ยังไงก็ต้องพึ่ง 3rd party ลองมองมุม Apple อย่างเช่น iTunes ทำแอพใช้บน Windows อีกทั้งยังให้บริการที่ได้เหมือนบน Platform OS X ด้วย ผมมองว่าการ Convergence กันไม่จำเป็นต้องยึด OS เป็นหลักนะครับ ให้ยึดที่ Service และ Function ดีกว่าครับ ในอนาคตพวก IoT ก็มาผมว่า ยังไงตลาด SS โตแน่นอนครับ
+1 S6 ดีไซด์สวยครับ แต่ถ้าพูดถึง ecosystem Apple กินขาดจริงๆ
Apple ID ตัวเดียว ทำได้สารพัด แต่กับซัมซุงและแอนดรอยด์ ไม่รู้ว่าต้องใช้กี่ ID เพื่อให้ได้บริการเทียบเท่า ยิ่งถ้าเคยจ่ายเงินหรือใช้บริการพวก iCloud แล้ว ยิ่งถอนตัวจากโครงข่ายบริการของ Apple ลำบากครับ
ลืม Bada ไปแล้วสินะครับ
OSฟรีครับ แต่เขาก็ต้องมาปรับปรุงพัฒนาจนเป็นTouchWiz ของเขา ยังมีเรื่องความสามรถต่างๆของมือถือที่ทำให้แตกต่างชาวบ้านอีก อันนี้ต้องพัฒนาเองใชัเงินเองส่วนเรื่อง S6คุณจะมองว่าคุณภาพต่ำก็แล้วแต่คุณแต่คนซื้อเขาไม่มองแบบนั้นแน่
อคติล้วนๆ 55
"performance นี่กินขาดมานานนะครับ"
สงสัยดูกราฟมโนจน..
"performance นี่กินขาดมานานนะครับ" เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจแต่เรื่องลื่นนี้ผมมันใจว่าapple ลื่นกว่า
มีข่าวก่อนหน้านี่ว่าandroid 5.0ทำงานเสถียรกว่า OS8 ในblognoneก็มี แค่คุณเปิดใจให้กว้างหน่อย
ถ้ายังไม่ดูคลิปก็อย่าเพิ่งพูดครับ
เขาอาจจะ reply ผิดคนรึเปล่าครับ
คลิปประมาณนี้มันวัดกันด้วยอะไรครับ คือถ้าจะวัดแอพต่อแอพก็ควรจะเป็นเครื่องที่รีเซ็ตใหม่ลงแอพเดียวกันแบบ fresh install แล้วก็กดรันพร้อมๆ กันไม่ใช่เหรอครับ ถ่ายคนละครั้งแบบนี้ตัวแปรปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้มันมีเยอะ แต่ก็คงต้องยอมรับแหละว่ารอบนี้ Samsung ทำการบ้านมาดี แล้วยังมีโชคนิดๆ ในเรื่องของชิพอีกต่างหาก
หมายถึงปัญหาเรื่องความร้อนในขณะทำงานของ snapdragon 810 สินะครับ
แต่ตอนนี้ samsung ต้องไปแก้ปัญหาใหม่เรื่องคุณภาพจอที่ defect เยอะเหลือเกิน แถมยังมีปัญหาเกี่ยวกับ software ที่ควบคุมไฟแฟลชอีก เห็นทาง xda บ่นกันมาพักใหญ่แล้ว
Apple ลื่นกว่าจริง ๆ .......ลื่นเป็นปลาไหลเลยล่ะ...อุ๊ป
การที่ผลวิจัยว่าแอปเปิลมีต้นทุนถูกกว่านิดหน่อย มันจะเสียเหลี่ยมตรงไหนเนี่ย คือจริงๆ ต้องชมซัมซุงที่กล้าลงทุนมากขึ้นด้วยซ้ำ (อาจจะหักลบค่าโฆษณาไปในตัว ให้สินค้าทำหน้าที่แทนงบเลยไปตรงนี้ได้ 55) หรือหมายถึงตัวเองซื้อของที่เจ้าของกินกำไรมากเกินไปเลยเสียหน้า? ทั้งหมดมันต้นทุนวัสดุก็น่าจะเข้าใจง่ายๆ นี่นา -..-'
my blog
เขาต้องชนะทุกอย่างครับ ยอมไม่ได้
บางยี่ห้อ ต้นทุนชิ้นส่วน อาจจะถูกกว่า แต่ไปแพงที่ค่าภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งในส่วนตรงนี้ คือค่าที่กลวงที่สุดหละ เพราะมันประเมินไม่ได้อยู่ที่ ความคิดของคนที่จะเป็นคนให้ราคา
6 Plusv => 6 Plus
แสดงว่าพี่แซมจัดเต็มกับ S6 หมดหน้าตักจริงๆ