ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราคงคุ้นชื่อแบรนด์ Xiaomi ในนามผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและฮาร์ดแวร์สเปกสูงราคาประหยัดจากจีน ด้วยอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่นาน จึงจูงใจให้เราอยากนำเสนอเรื่องราวของสตาร์ตอัพรายนี้ครับ เผื่อจะจุดไฟแรงบันดาลใจผู้คนให้ลุกขึ้นมาสร้างสิ่งใหม่กัน
(disclaimer: ผมยังไม่กล้าเขียนชื่อแบรนด์-ชื่อผู้คนในงานเขียนนี้เป็นภาษาไทยนะครับ เพราะยังไม่ทราบว่าวิธีการอ่านที่ถูกต้องว่าเขาอ่านอย่างไร)
Xiaomi เริ่มก่อตั้งเมื่อเดือนเมษายนปี 2010 โดย Lei Jun อดีตซีอีโอของ Kingsoft (บริษัทซอฟต์แวร์รายหนึ่งของจีน ทำพวกแอพออฟฟิศ, แอนตี้ไวรัส ฯลฯ) และเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์พอร์ทัลไอทีและดาวน์โหลดโปรแกรมนามว่า Joyo.com และในปี 2004 ก็ถูก Amazon ซื้อไปเป็น Amazon China
ตอนเริ่มแรก Xiaomi ยังไม่ได้ทำฮาร์ดแวร์ของตัวเอง แต่เริ่มจากเป็นทีมทำรอมแบบ after market ให้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในนาม MIUI (อ่านว่า "Me You I") ปัจจุบันรอมตัวนี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อใช้งานกับสมาร์ทโฟนของตัวเอง และใช้กับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ แล้วกว่า 200 รุ่น จุดเด่นของรอม MIUI น่าจะอยู่ที่ความเรียบง่ายและสวยงามต่อเติมจากฟังก์ชั่นพื้นฐานของระบบแอนดรอยด์ทั่วไป (และอดไม่ได้ที่จะเทียบเคียง iOS ในบางมิติ)
ชายเสื้อแดงตรงกลางภาพคือ Lei Jun ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO และ Chairman ของ Xiaomi ล้อมรอบด้วยทีมงานและผู้ร่วมก่อตั้ง
ไม่ได้มีแค่แม่ทัพ แต่ทีมผู้ร่วมก่อตั้ง Xiaomi มีทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย (เรียงจากซ้ายไปขวา):
ในเวทีโลก Xiaomi ยังมี Hugo Barra อดีตรองประธานของ Android Product Management จาก Google มาช่วยดูแล Xiaomi ในส่วน Global Division ด้วย ช่วยขยายตลาดของบริษัทไปยังประเทศอื่นๆ นอกจีนได้มากขึ้น
เห็นได้ว่า Xiaomi ก่อตั้งขึ้นด้วยทีมงานผู้ทรงประสบการณ์ในแต่ละสาขารอบด้าน ไม่เว้นแม้แต่ด้านคอนเทนต์ ที่ได้ Tong Chen อดีตรองประธานและบรรณาธิการบริหารของ Sina.com พอร์ทัลไซต์ใหญ่สุดของจีนมาช่วยดูแล โดยรวมแล้วเรียกว่าฟอร์มดีอย่างยิ่ง
เป็นเกร็ดนิดหนึ่ง: มีการพูดถึงสกิลภาษาอังกฤษอันไม่แข็งแรงในการเปิดตัว Mi 4i ที่อินเดียของ CEO Lei Jun ด้วย แต่ผลที่ได้รับคือ... (ไม่ clickbait) มีการวิพากษ์ในวงกว้างแต่ก็ไม่ได้ส่งผลลบร้ายแรงถึงแบรนด์ขนาดนั้น
ตัวรอม MIUI ปัจจุบันมาถึงเวอร์ชั่น 6 พร้อมทำงานร่วมกับเซอร์วิสต่างๆ ของ Xiaomi เอง ทั้งแอพสโตร์ของตัวเอง (MIUI Market, MIUI Games ไม่จำเป็นต้องใช้แอพจาก Play Store อย่างเดียว), MiCloud (บริการคลาวด์สตอเรจความจุ 5GB ซิงค์กับอุปกรณ์ต่างๆ), MiLife (บริการรวมกลุ่มกันซื้อหรือ group buying เพื่อได้สินค้าและบริการราคาถูก) ฯลฯ ต้องบอกก่อนว่าบริการ Xiaomi ส่วนใหญ่ยังเป็นภาษาจีนล้วน และคงจะค่อยๆ ปรับตัวเพื่อขยายตลาดมายังต่างประเทศต่อไป
ที่น่าสนใจคือตอนนี้มีผู้ใช้ MIUI เกิน 100 ล้านรายเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังมีคอมมูนิตี้ของผู้ใช้อย่างแข็งแกร่งในฟอรั่ม ที่ผู้คนเข้าไปสอบถาม แบ่งปันข้อมูลได้อย่างเสรี
ปี 2011 Xiaomi เริ่มขยายตัวเองจากการทำรอม มาเป็นการผลิตฮาร์ดแวร์ของตัวเอง จากการเปิดตัวมือถือ Mi One ที่สร้างความฮือฮา เพราะเป็นสมาร์ทโฟนสเปกสูงในราคาย่อมเยา จนกวาดยอดขายได้กว่า 7 ล้านเครื่อง เกินเป้าที่ตั้งไว้เพียงหลักแสนเครื่องเท่านั้น
ในปีต่อมา ก็ปล่อย Mi 2 ก็พบกับยอดขายล็อตแรก 50,000 เครื่องในจีนหมดใน 3 นาที จวบปัจจุบัน สมาร์ทโฟนของ Xiaomi มาถึง Mi 4 พร้อมปล่อยรุ่นย่อย และรุ่นแฟ็บเล็ต Mi Note โดยยังคงแนวโน้มยอดขายถล่มทลายแบบเดิมในหลายประเทศ
จุดเด่นของสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต (และฮาร์ดแวร์อื่นๆ) ของทาง Xiaomi จะอยู่ที่สเปกของฮาร์ดแวร์เมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มค่ามาก อย่างเช่นสมาร์ทโฟน Mi 4 ตัวเรือธงตอนนี้ คุณจะได้สมาร์ทโฟนชิป Snapdragon 801 2.5GHz, 3GB RAM, สตอเรจ 16/64GB, จอ 5" 1080p ในราคาหมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น
หมายเหตุ: ถ้าไม่นับเครื่องหิ้ว ตอนนี้ (พ.ค. 2558) ผู้ใช้ในประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าของ Mi 4 ในราคา 10,990 บาท โดยผู้นำเข้าสองราย คือโดยทรู และ STREK ซึ่งให้เปิดจองในงาน Thailand Mobile Expo 7-10 พฤษภาคม 2558 นี้
ในด้านฮาร์ดแวร์ Xiaomi คิดไปไกลกว่าสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตมาก บริษัททยอยเปิดตัวสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อีกหลายตัว เช่น
Mi TV 2
Mi Band อยู่ที่ข้อมือนางแบบ มีรีวิวแล้ว
กล้อง Yi เป็นแอ๊กชั่นคาเมร่าสไตล์ GoPro ในราคาย่อมเยา มีรีวิวแล้ว
Xiaomi ถึงขั้นร่วมมือกับแบรนด์ Li-Ning เครื่องกีฬาจากจีน ทำรองเท้าวิ่งสำหรับออกกำลังกาย ซึ่งวัดค่าสุขภาพทำงานร่วมกับ Mi Band ด้วย
ไม่หยุดเพียงเท่านี้ Lei Jun เคยประกาศไว้ว่าจะสร้างอาณาจักรด้าน Internet of Things โดยพร้อมลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพไปแล้วกว่า 20 ราย และมีแผนจะลงทุนเพิ่มในอีกกว่า 100 บริษัท
Xiaomi พยายามวางตัวเองเป็นมวยรองในตลาดสมาร์ทโฟนโลก แต่ก็แอบแง้มว่าอยากเป็น global brand ด้วยกลยุทธ์ตั้งราคาให้ย่อมเยา (ถูกกว่าครึ่งของ iPhone) และลดราคาจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากการตัดมาร์จินหน้าร้านแบบเดิมๆ มาขายออนไลน์ล้วนในจีน, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, อินเดีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และไต้หวัน (ไหนล่ะไทย? รอก่อน)
Hugo Barra เคยกล่าวไว้ในงาน MWC2015 ว่าวิธีรุกตลาดยุโรปจะใช้แผนเดียวกับในสหรัฐ คือค่อยๆ ขายอุปกรณ์เสริมและสินค้าไลฟ์สไตล์ผ่านทางหน้าเว็บ Mi.com ก่อน ทว่าเรื่องสมาร์ทโฟนในสหรัฐหรือยุโรป ก็ขอรุกเจาะตลาดอินเดียให้ได้ก่อนในระยะนี้
ด้านยอดขาย อ้างอิงตัวเลขจาก IDC เมื่อไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2014 Xiaomi มียอดขายสมาร์ทโฟนรวมกันทั้งโลกอยู่ในอันดับที่ 3 เป็นรองแค่ Apple และ Samsung เท่านั้น และเมื่อโฟกัสมาที่ตลาดจีน ยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนก็เอาชนะ Samsung ในบ้านเกิดของตนได้แล้ว (ไม่แน่ใจว่าทิศทางยอดขายในอีกครึ่งปีที่เหลือนี้จะเป็นอย่างไร ก็ต้องลองติดตามดู)
แต่ความสำเร็จของ Xiaomi ก็ใช่ว่าจะไร้อุปสรรคซะทีเดียว เพราะการผงาดขึ้นมาในระดับโลก ย่อมต้องเจอกับแรงเสียดทานจากรอบทิศ
การดีไซน์ Xiaomi เดินตามรอยของแอปเปิล และมักถูกเรียกว่าเป็น "Apple of China" อยู่เนืองๆ จนถึงขั้นที่ว่าท่านเซอร์ Jonathan Ive แห่ง Apple เคยเอ่ยถึงว่าแบรนด์จีนรายนี้เป็นโจร ก๊อปดีไซน์เขามา ทว่าจากเหตุการณ์นั้นทาง Xiaomi ก็เลือกโต้กลับด้วยการเสนอให้ท่านเซอร์ฯ มาลองใช้ของแบรนด์ตนดู พร้อมระบุว่า "design language" ของ iPhone 6 ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ดังนั้นก็อย่ามาเคลมว่าดีไซน์ตัวเองคือต้นแบบเลย หรืออย่างที่มีคนกังขาว่าทำไมการเปิดตัวสินค้าของ Xiaomi ถึงคล้ายกับ Apple ซึ่ง Hugo Barra เคยกล่าวไว้ว่าบริษัททั่วโลกก็ใช้วิธีการนำเสนอแบบนี้
ในแผ่นดินกว้างใหญ่อย่างเมืองจีนเอง ก็ใช่ว่ามังกรจะมีตัวเดียว ล่าสุดบน Weibo (สื่อสังคมออนไลน์คล้ายทวิตเตอร์ในจีน) เพิ่งมีดราม่าระหว่าง Xiaomi และ LeTV แบรนด์สมาร์ทโฟนร่วมชาติ ที่ต่างคนก็เคลมว่าเครื่องของตนขอบจอบางสุด จากรายงานนี้พยายามจะชี้ว่า ยังมีคู่แข่งร่วมชาติที่ต้องแข่งขันกันแบบรู้กัน แต่เป้าหมายเดียวกันก็คือต่างคนก็ต่างจะงัดกับ Apple ให้ได้เช่นกัน
จากข้อมูลในเว็บไซต์ Whogotfunded ระบุว่าการระดมทุนขุนสตาร์ตอัพเนื้อหอมแดนมังกรรายนี้มีการเปิดเผยตัวเลขแค่ 2 ครั้งจาก 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อ 27 เมษายน 2015 ก็ได้รับเงินลงทุนอีกก้อนแต่ไม่ระบุตัวเลข จาก Ratan Tata นักลงทุนชาวอินเดีย (เครือเดียวกับรถยนต์ TATA) ทำให้มูลค่าของ Xiaomi ตอนนี้อยู่ที่ 45 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ขณะที่ Lei Jun ในวัย 45 ปีก็เพิ่งได้รับตำแหน่ง Businessman of the Year ประจำปี 2014 โดยนิตยสาร FORBES ASIA นับเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในจีนลำดับที่ 8 ณ มูลค่าทรัพย์สินรวม 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ต้องมีสูตรลับ วิธีคิด ดวง กึ๋น อะไรบางอย่างนอกเหนือจากการได้บุคลากรที่ดี เม็ดเงินที่ได้รับและลงทุนต่อ ทำให้ Xiaomi รุ่งโรจน์ในดินแดนตะวันออกในระยะเวลาไม่กี่ปี (5 ปี ถ้าเลี้ยงลูกก็ยังไม่เข้าโรงเรียนเลย) ซึ่งประวัติศาสตร์อาจต่างไปจากตำนานร่วมชาติอย่าง Alibaba ของ Jack Ma ตั้งแต่จุดเริ่มต้นทั้งโครงสร้าง ผลิตภัณฑ์ และการทำงาน
จุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจของ Xiaomi คือการใช้โมเดลธุรกิจแบบไม่ได้ถือครองเทคโนโลยีหรือสิทธิบัตรใดๆ เป็นของตัวเอง แต่เป็นการอาศัยเรี่ยวแรงของพาร์ทเนอร์ได้ทำสิ่งที่แต่ละเจ้าถนัด เช่นใช้พาเนลจอของคนนั้น ชิปประมวลผลของแบรนด์นี้ ซึ่งทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีในราคาย่อมเยา และปรับตัวได้ไวกว่าหากเทรนด์เปลี่ยนไป และอีกอย่างคือความใกล้ชิดกับผู้ใช้ ทำให้รับฟีดแบ็กมาปรับปรุงในรุ่นต่อไปได้อย่างว่องไว แต่เมื่อฐานแฟนใหญ่ขึ้น ความทั่วถึงอาจไม่เหมือนก่อน ก็ต้องมาดูกัน
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
Comments
ไม่ได้จะว่านะคับเพราะผมใช้ของของbrandนี้อยู่หลายอย่าง แต่ผมมองว่าเขาทำแบบไม่ได้คิดเอง อะไรดีอะไรฮิตทำตามคนอื่นในราคาที่ถูกกว่ามากแค่นั้นเลย พร้อมบริการหลังการขายที่ดีเยียม
มันตอบโจทย์ดีนะครับ เงินไหลมาเทมาทีเดียว
+1 แต่ก็ดีกับผู้บริโภคนะ (รึเปล่า?)
รู้รึป่าวครับว่า ที่บอกว่าไม่ได้คิดเอง ทำตามคนอื่นเนี่ย
ผมอยากจะบอกว่าแค่ทำในสิ่งที่คนอื่นทำมาแล้ว ให้ได้ดีคุณภาพระดับนี้ มันก็ยากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะทำได้แล้วครับ ถ้าในไทยมีสักบริษัทที่ทำแบบนี้ได้ รับรองว่าประสบความสำเร็จแน่นอนเลยครับ :)
มีใครบ้างที่ไม่ทำตามคนอื่น อ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่าครับ
ฮ่า ฮ่า นั่นแหละครับ startup
คุณไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่ ไม่จำเป็นต้องคิดค้นอะไรใหม่
แค่สินค้าของคุณมันดีกว่าของที่มีในตลาดปัจจุบัน หรือว่ามันแก้ไขปัญหาของสินค้าในตลาดปัจจุบัน คุณก็ขายมันได้แล้วครับ
แบบแอพเรียก Taxi ไงครับ
ถ้าอ่านตามตัวหนังสือจีน ก็อ่านว่า เสี่ยว-หมี ครับ
เสี่ยว=เล็ก
หมี=ข้าวสาร
เมื่อวานไปงานมา พริ้ตตี้ที่บูทเค้า อ่านออกไมค์ว่า เสียว-หมี่ , อ่านทีผมนี่เสียวเลย ^ ^'
โชว์ Mi3 ให้เพื่อนคนจีนดู เพื่อนออกเสียงว่า "ฉาว หมี่" ครับ
จริง ๆ ก็ไม่ได้ออกเสียง "ฉาว" ซะทีเดียว แต่ออกเสียงควบ "เสียว" ด้วย อธิบายยากนะ ต้องลองทำปากออกเสียงดูครับ
วิธีพูดแบบจีนแท้ๆก็ยาก แต่เอาแบบที่เราพูดง่ายดีกว่า เสี่ยว เราก็เรียกกันแบบนี้ อย่าง เสี่ยวหลงเปา เสี่ยวเอ้อ ส่วนหมี ถ้าคนชอบหนังจีนก็คงรู้จัก หมีเซียะ แซ่หมีแกก็ตัวเดียวกับยี่ห้อนี่ ผมก็เลยอ่านว่า เสี่ยวหมี ครับ
Xiao3 Mi3 เมื่อเสียง 3 เจอกัน ให้เปลี่ยนตัวหน้าเป็นเสียง 2 ดังนั้นการออกเสียงที่ถูกต้องคือ เสียวหมี่ ครับ
หมีตัวเดียวกัน #ห๊ะ
คนจีนที่รู้จักก็อ่านแบบนี้
ชีฉาว-หมี่ อ่านเร็ว ๆ
อย่างเช่นสมาร์ทโฟน Mi 4 ตัวเรือธงตอนนี้ คุณจะได้สมาร์ทโฟนชิป Snapdragon 805 2.5GHz, 3GB RAM, สตอเรจ 16/64GB, จอ 5" 1080p ในราคาหมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น
Mi4 Snapdragon 801 นะครับ
แก้ไขแล้วครับ ขอบคุณครับ
การออกเสียง Xiaomi
According to Barra, the best way to pronounce Xiaomi is to "think of 'show me' and then pronounce the first word as if it [were] 'shower.'"
สินค้าที่ออกมาแต่ละอย่างดีไซน์ สวยงาม เรียบหรู แต่ไม่ยักจะให้เครดิตหรือบอกว่าใครเป็นดีไซน์เนอร์แฮะ
Xiaomi (รวมถึงมือถือแบรนด์จีนอื่นๆ)ก็สมควรมี design language
สำหรับพรีเซนต์สินค้า(ตามสื่อต่างๆ ) บ้างก็คงดีไม่น้อย
มีลำโพง Bluetooth ขายด้วยครับ ผมใช้อยู่ ค่อนข้างดี เสียงดีใช้ได้เลย
ไม่มีลายเซ็น
MIUI หน้าตาก็เป็นแบบนี่มาตั้งนานแล้วตั้งแต่IOS6 OS7นี่เหมือนMIUIมากกว่า แต่แฟนแอปเปิลรับไม่ได้เลยว่าเขาลอก
แค่จะเถียงว่า MIUI ไม่ได้ใช้ flat design มาตั้งแต่แรก
ลองไปไล่ไทม์ไลน์ดู ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้มาตั้งนานอย่างว่าเลยครับ
MIUI V3 ดีไซน์มีกลิ่นซัมซุงชัดๆ
V4 ก็ยังเป็นซัมซุงแต่แบนลงหน่อย
ไม่มีใครพูดถึงหูฟังทองคำสุดหรูจาก Xiaomi Hi-Fi Headphone เลยหรอ ผมเพิ่งได้มา ว่าจะรีวิวพร้อมกับ Mi4 ซะหน่อย
จับคู่กับ Mi4 แล้วแนวเสียงเป็นยังไงบ้างครับ+ขับยากรึเปล่า? โดยส่วนตัวใช้ Mi4 คู่กับ Westone W40 แล้วเสียงกลางมันเด่นไปจนรายละเอียดที่ปลายเสียงหายหมดเลย
ถ้าเอามาต่อมือถือ Xiaomi Mi4 โดยตรง โดยไม่ปรับอะไรเลย เสียงมันหลบในครับ ต้องปรับหลายอย่างกว่าจะได้เสียงที่ใสที่สุด(ดีสุด)โดยไม่พึ่ง AMP ภายนอก จุดนี้เหมือน Xiaomi จะทำให้ User ทั่วไปที่ไม่ชอบปรับอะไรที่วุ่นวายไม่พอใจเหมือนกันนะครับ พอปรับเสร็จเสียงจะคล้ายๆหูฟัง Bose Headphones ตัวราคาราวๆ 9,000บาทครับ แต่เสียงจะไม่ดุเท่า และเสียงเบสจะไม่หนักมากแบบ Beats Headphones ตัว 8,000บาท ส่วนตัวผมซื้อมาเพราะการออกแบบนี่ล่ะ เพราะมีหูฟัง Hi-Fi ตัวอื่นที่เสียงดีกว่าอยู่แล้ว Xiaomi Hi-Fi Headphones ใช้สแตนเลสสีทองที่ขัดมันอย่างดี ของจริงสวยมาก จนคนในครอบครัวบอกว่าอย่าใส่ให้ใครเห็น เพราะกลัวโดนขโมยครับ โกหกว่าหูฟังตัวละ 2หมื่นบาทก็คงมีคนเชื่อ
สูตรจูนเสียงที่ผมใช้กับ Mi4 กับ Xiaomi Hi-Fi Headphones
1.ฟังเพลงโดยโหลดไฟล์เพลงคุณภาพสูงสุดอย่าง .Flag คุณภาพไฟล์ .mp3 ต่ำกว่า.flag ประมาณ8-30เท่าตัว
2.1จูน EQ เพิ่มคุณภาพเสียงใน Poweramp เลือกโหมด Speaker Loud
2.2เพิ่มคุณภาพเสียงหูฟัง Poweramp > Settings > Headset > High Priority
3.เฉพาะมือถือตระกูล Xiaomi หรือ MI กับมือถือรุ่นอื่นที่ลงรอม Miui ให้ไปปรับคุณภาพเสียงได้จาก
Setting > Sound > Audio Setting > ใส่หูฟัง > Use MI Sound Enhancer > Basic Edition
ถ้าจะฟัง FLAC จริงๆไม่ควรเปิด พวก Sound Enhancer ต่างๆนะครับ
ส่วนเสียงที่ต้องมาปรับเองอันนี้มีปัญหาแล้วหล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นโอมสูงเกินไป หรือตัวหูฟังคุณภาพเสียงไม่ดีเท่าที่อ้าง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมใช้หูฟัง Hi-Fi ที่เสียงดีและใสกว่าอย่าง Yuin Pk2 ด้วย ถ้า Mi Hi-Fi Headphone ไม่เปิด Sound Enhancer เสียงมันหลบในและไม่ใสแบบพวกหูฟัง Beat Headphones ตัว 8,000บาท เสียงไม่ใสเท่าระดับที่ต้องการ ทำใจฟังไม่ได้ครับ อันนี้ทดสอบเป็น 30 กว่ารอบแล้วครับ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีสุด ผมก็หนึ่งในพวกชอบคุณภาพเสียงระดับสูง ให้ฟังเสียงหูฟังคุณภาพต่ำกว่าที่ใช้อยู่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยครับ ฮ่าๆ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ถ้าอ่านตามเสียงจีนแท้เลย ใกล้เคียงภาษาไทยสุดคือออกเสียงว่า "เสียวหมี่" ครับ
Xiǎomǐ อ่านตามพินอินน่าจะเป็น เสี่ยวหมี (ไม่ใช่หมี่แบบบะหมี่) นะครับ
เครื่องคิดเลขดูดีสวยมีชาติตะกูลมากกว่า iphone อีก
ร้องไห้หนักมร๊าก
ฉี่เอ่ามิ
ผมรอเป็นสาวกเลย คือ รอมที่ดี กับ hardware ที่ดี ยอ่งมีน้อยรุ่น ทำให้พัฒนารมได้ง่าย หนีจาก ซัมซุงด่วนเลยผม
หลังจากได้เงินทุนมหาศาล ตอนนี้เหมือนเร่งใช้เงิน ผลิตมือถือออกมาอีกหลายรุ่น แยกย่อยตามความถี่ บางรุ่นก็มีลดสเป็คเป็นอีกรุ่น แต่ไม่เปลี่ยนชื่อ บางรุ่นแค่เปลี่ยนสีเพิ่มเติมมาทีหลัง บางรุ่นใส่ตัว i เข้ามาเปลี่ยนอะไรอีกหน่อย บางรุ่นเปลี่ยนโน้นนี่ บางรุ่น บางรุ่น และบางรุ่น
อยากจะบอกว่า รุ่นมันเยอะมากนะครับ เยอะโคตร ๆ เลย ขนาดพ่อค้าอย่างผมบางทียังงงไปกับมัน
ซึ่งหลัง ๆ รอมบางรุ่นออกตามไม่ทันตัวเครื่องบางแล้วครับ แต่ก็ไล่มาติด ๆ ยังถือว่าเร็วกว่ายี่ห้อใหญ่ ๆ มากเยอะอยู่
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
อูยยยย อันนี้ชนเต็มๆครับ
สินค้าเจ้านี้ดูดีราคาถูก จนผมสอยมาตัวนึงเหมือนกันครับ
ไม่รู้บริการหลังการขายจะเป็นไงบ้าง
ว่าแต่...อยากรู้ว่าคุณ @ibeauty จากข่าวก่อนที่พูดถึง Huawei
จะมีความเห็นอย่างไรกับเจ้านี้น้อ
ชอบ Xiaomi ตรงที่ออกแบบได้หรูมาก และราคาถูกนี่ล่ะ
หูฟังทองคำ Xiaomi Mi Headphones ผมเพิ่งซื้อมาไม่นาน วัสดุเป็นเหล็กขัดมันอย่างหรู เสียงดีกว่าบีสตัว 8,000บาท ประมาณบอสรุ่นหมื่นกว่า เทียบกับร้านมั่นคงรีวิวคงราวๆ 9/10 ดาว เหลือเชื่อที่ราคา 2,6000+- บาท (ราคาจาก Xiaomi เอง ที่ไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง) ของจริงสวยมาก ค่ายอื่นราคาเป็นหมื่นยังใช้วัสดุแบบพลาสติกอยู่เลย เหอๆ ไม่เต็มใจทำสินค้าหรูสมยี่ห้อชื่อดังหูฟังยอดขายอันดับหนึ่งเลย
สรุปแล้ว ใครชอบดูหนัง ฟังเพลง และต้องการโชว์หูฟังเท่ห์สุดหรู ก็ซื้อเถอะครับ (ราคาถูกเหลือเชื่อ)
สินค้า brand Xiaomi พวกที่ไม่คุ้มสุดก็คือ headphone เนี่ยล่ะ = =)
กรณีเอาไปเทียบ beats,bose เอ่อจะเอาหูฟังแบบเปิดไปเทียบกับแบบปิดเนี่ยนะ จุดประสงค์การใช้งานต่างกันไม่เอาไปเทียบกับตู้ลำโพงไปเลยแหล่ะตู้ลำโพงเสียงดีกว่ากัน แถมดังกว่าด้วย
ถ้าจะเอาไปเทียบลองเอาไปเทียบกับ Grado ที่มันลอกดีไซน์มาเหอะครับ ซึ่งแน่นอนว่า Grado เสียงดีกว่าเยอะ
หูฟังถ้าไม่เคยฟัง ไม่ควรเอามาพูดครับ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคล่าแม่มด เหตุผลควรมาก่อนทุกอย่าง
เว็บ MI.com ยืนยันว่ารุ่น Mi Hi-Fi Headphones เสียงบิดเบือนน้อยกว่า และความคมชัดสูงกว่า AKG K551 (ตัวนี้ราคาเกิน 8,000บาท)กับ Sennheiser Urbanite (ตัวนี้ราคา 9,990 บาทในไทย)
ข้อมูลจากเว็บ
MI.com
เหตุผลให้แล้วแต่ไม่ฟังแฮะ = =)
มั่วตั้งกะเอาหูฟังระบบปิด ไปเทียบกับหูฟังระบบเปิดแล้วคุณ ระบบเปิดดีแค่ไหนถ้าคนเขาไม่ต้องการเผื่อแผ่เสียงให้ชาวบ้านฟังก็ไม่มีใครใช้
ถ้าเทียบก็ไปเทียบกับหูฟังในระบบเปิดด้วยกันเหอะครับ ส่วนตัวเคยฟังของเพื่อนมารอบนึง สรุปว่าห่วยอ่ะครับไอ้ตัวนี้เสียงมันสู้ MS-1 ไม่ได้เลย เผลอๆจะห่วยกว่า iGrado พันปลายๆ ด้วยซ้ำ
คำยืนยันจากผู้ผลิต?
ยก user review มาสิครับ= =
ผมก็ว่า ลอก Grado มาหมดเลย แต่ผมชอบนะสวยดี
เรื่องปิดเปิดนี่ก็อีกเรื่องนะครับ แต่เทียบกับค่าตัวยังไงตัวนี้ก็คุ้มนะครับ รีวิวเมืองนอกก็ยังบอกว่าโอเคเทียบเคียงกับหูฟังระดับ 6-8พันได้ แต่ให้เอาไปเทียบ Grado คุณไม่คิดเหรอครับว่าเหมือนเอา Yaris ไปเทียบ BMW i3
คุณไปว่าเขาเอา มวยสากล ไปสู้ กับมวยไทย/คาราแต้ยูโด เทียบไม่ได้
แต่ที่คุณเทียบก็เหมือนเอา มวยไลท์ฟลายเวท ไปต่อยกับ เฮวี่เวท เหมือนกันนะครับ
Grado มันมีตั้งกะรุ่นถูกยันรุ่นแพงอ่ะครับ ตัวอย่างเช่น
Grado SR60e $79
แต่ที่บ่นคือตามปรกติ หูฟังระบบปิด ถ้าจะเอาคุณภาพเสียงเท่ากับระบบเปิดต้องจ่ายแพงกว่าอย่างน้อย 2-3 เท่าเสมอ การเทียบแบบนั้นจึงไม่ยุติธรรมซะเท่าไหร่ ยิ่งถ้าคนทดสอบเสพท์ติดพวกเสียงแบบโปร่งๆ จากหูฟังแบบเปิดนี่จบเห่ ต้องจ่ายแพงกว่ากัน 10 เท่า เพื่อไปเอาพวก W1000X มาเทียบเลยมั้ง = =")
ผมทราบครับว่า grado มีถูกมีแพงแต่คุณบอกเองนะครับว่าให้ไปเทียบ grado รุ่นที่มันไปลอกดีไซน์มา
ผมดูแล้วดีไซน์นี้ มัน PS ซีรี่ส์ชัดๆ คุณคงไม่บอกนะครับว่า PS ซีรี่ราคาไม่กี่พัน
จริงๆผมก็หมั่นไส้การอวยสินค้าอะไรออกนอกหน้าเวอร์ๆนะครับ แต่ถ้าตามจิกเกินไปคุณไม่คิดว่ามากเกินไปเหรอครับ
อีกอย่างเรื่องเครื่องเสียงนะผมว่า รสนิยมมีส่วนมากนะครับ ถึงผมจะไม่ได้มีประสบการผ่านอุปกรณ์พวกนี้เป็นร้อย แต่ผมว่าไอ้ของพวกนี้พอถึงระดับนึง มันจะแยกรสนิยมกับคุณภาพยากแล้วนะ
เอ่อในความหมายคือบอกให้เทียบกับยี่ห้อน่ะ = =")
ส่วนเสียงอย่าไปเทียบ PS เลยครับ ต่างกันมากตามราคา แบบว่าเทียบแล้วต่อให้ถูกกว่า แล้วบอกว่าคุ้มคงตอบว่าไม่ เพราะถ้าไปเทียบกับ grado รุ่นที่ราคาพอๆกันมันก็ไม่ได้ดีกว่ากันซักหน่อย
ส่วนถ้าเน้นดีไซน์ก็น่าจะเข้าผิดตลาด เพราะหูฟังแบบเปิดทั่วไปแล้วมันไม่ได้เน้นใส่ออกไปโชว์ข้างนอก หูฟังระบบเปิดแค่ใส่ออกไปเดินข้างนอกผู้คนก็เขม่นแล้วเผื่อแผ่ชาวบ้านตลอดทาง
ผมมั่นใจได้เลยว่า ใส่แล้วจะไร้ปัญหาเรื่องยุงบินตอมหู หรือแมลงพยายามจะไต่เข้ารูหูส์
Mi Power Bank 16000mAh เพิ่งได้มา อันนี้ซื้อให้คนที่บ้านใช้ไป 2ตัว ไม่ได้ใช้เองครับ วัสดุภายนอกเป็นสแตนเลสขัดมันอย่างดีเหมือนเครื่อง Mac กับ iPhone 6 เลยครับ แฟนๆแอปเปิ้ลที่ชอบของเท่ห์และหรูน่าจะชอบกัน(เจ้าอื่นมีแต่ใช้พลาสติกคุณภาพต่ำที่เหมือนขันน้ำทำเป็นวัสดุภายนอกเกือบทุกเจ้า) ราคาประมาณ 740บาท (ราคาจาก Xiaomi เอง ที่ไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง)ถือว่าถูกกว่าเกือบทุกเจ้าก็ว่าได้ มีไฟ 4ตัวแจ้งเตือนบอกด้วยว่าแบตอยู่ในระดับไหน ใกล้หมดรึยัง ถือว่าดีมากครับ เจ้าอื่นส่วนใหญ่ให้ไฟมาดวงเดียวเอง และให้ช่อง USB มาสองช่องด้วย เจ้าอื่นส่วนใหญ่ให้มาช่องเดียว
สรุป ของหรู คุณภาพสูง ราคาถูกอีกตัวที่ขายดีมาก
=_=
แบตเกรตพอๆ กับ yoobao นั่นล่ะ ถ้าใช้ได้ถึงปีนี่ก็ถือว่าเก่งแล้ว =__=)
คงหมั่นใส้แน่เลย ค้านอย่างเดียวเลย
และถ้าจะไม่เคยใช้แบรนด์นี้แน่ๆ เปิดใจให้กว้างและลองหาของแท้มาใช้ครับ (ย้ำว่าของแท้)
ผมก็ว่ามันเกินคุ้มกับราคาครับ
Yoobao ผมจะ 2 ปีแล้วก็ยังไม่เจอปัญหานะครับ
Dream high, work hard.
ผม 6 เดือนสลายร่าง = =")
ใช้แบบผิดวิสัยการใช้งานปรกติด้วยล่ะ ปล่อยหมดทิ้งไว้เป็นอาทิตย์ ตากแดดในรถบ้าง โดนความร้อนของห้องที่เก็บไว้บ้าง แต่ก็วางไว้คู่กับ eneloop เพราะใช้สลับไปมา
พอผ่านไปราวๆ ครึ่งปีเท่านั้นล่ะ วันหนึ่งเปิดรถมาจะหยิบขึ้นมาใช้ Yoobao บวมตุ่ยเหมือนจะระเบิด ส่วน eneloop แม้ว่าจะเสื่อมไปค่อนข้างจะเยอะ(ลองเอามิเตอร์มาวัด) แต่ยังพอถูๆไถเอามาใช้งานได้ หลังจากนั้นเลยไม่ใว้ใจแบตพวกนี้พอควรกลัววางทิ้งไว้ในที่ร้อนๆ แล้วระเบิด
เคยศึกษาอะไรที่ลึกกว่าที่คุณเข้าใจตอนนี้ไหมครับ
แบตเตอรี่พาวเวอร์แบงค์ของ Xiaomi จ้าง LG กับ Panasonic ผลิต เกรดสินค้ารับรองโดย LG กับ Panasonic ที่เป็นมาตรฐานทั่วโลก
ใครติดตามผลงานผม จะรู้ว่าผมไม่เชียร์บริษัทห่วยๆให้ตัวเองดูโง่หรอก
Premium Li-ion battery cells from reputable suppliers such as LG and Panasonic, with energy densities up to 725Wh/L, add an extra 16000 mAh of battery life to your smartphone, tablet or digital camera. Supports up to 3.5 full charges on Redmi Note 4G (3100mAh).
ที่มา
MI.com
รับทำแต่ไม่ได้หมายความว่าสินค้าตัวเดียวกัน เหมือนรองเท้า Pan กับ Nike, K-SWISS ก็โรงงานเดียวกัน แต่เวลาใส่แล้วทำไมสัมผัสต่างกัน ส่วน Power bank Panasonic เวลารับทำหรือขาย มันก็ไม่ได้ให้เทคโนโลยีพวกวงจรชาร์จ ที่ซื้อมาจาก Sanyo eneloop ไปซะหน่อย
เป็นผมจะหามาลองใช้เองครับ สินค้าดีหรือไม่ดีพูดได้เต็มปาก
ไปมโนว่ามันแค่เกรดนั่น เกรดนี่ เอาเอง มันก็พวกหยิกเล็บเจ็บเนื้อ พูดไปก็ย้อนกลับ
ปล. ผมใช้ตัว 10400 ของ mi นานแล้วก็เกิดจากการลองใช้ พูดได้ว่าคุ้มมากเลย
(ซื้อก่อนของปลอมมาเต็มตลาด)
ส่วนของ eneloop ก็ดีนะแต่เทียบกับราคาก็แพงกว่าเป็นธรรมดา
เปลี่ยนหรือซื้อใหม่ ก็คงเป็น Mi เหมือนเดิม แต่ต้องของแท้นะ
เคยใช้อยู่ตัว Slim 5000mAh แต่แน่นิ่งไปนานแล้ว หลังจากทะลึ่งเอาไปชาร์จ iPad (เหมือนเวลาชาร์จจ่ายกระแสไม่ค่อยพอ และร้อนมาก) ส่วนตัวที่ได้มาอย่างหนึ่งที่หวาดเสียวคือกดปิดไม่ได้(แต่เปิดได้นะ) ไม่แน่ใจว่าสวิตช์เสียหรือเปล่าแต่หลังจากที่เจ้งเลยแงะมาดูแล้วไม่น่าจะปลอม
บอกเผื่อไว้ว่า ของปลอมตัวนี้ เยอะมาก ที่เห็นขาย ๆ ในปัจจุบัน ปลอมเยอะกว่าจริงอีกนะครับ จนถึงขั้น CEO มาบ่นเรื่องนี้
ลองเข้ากลุ่มของสินค้าจำพวกนี้ จะเห็นว่ามีช่วงนึง หลายคนที่ซื้อไปต่างหวาดผวา (อย่างกับนิทาน) กันเลยทีเดียว เพราะซื้อไปนี้มีโอกาสเจอของปลอมสูงมาก ๆ ถึงขั้นร้านที่มีชื่อเสียงไว้ใจได้ ซื้อขายมานาน แต่คนต่างพากันกังวลไปหมด เพราะของปลอมระบาดหนักสุด ๆ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ผมใช้มา3ปียังอยู่ดีปกตินะ
อยากได้แบตแบบในคอมเครื่องที่ผมใช้อยู่เนี่ยครับ 7 ปีกว่าแล้ว ใช้จนเฉียดหมดประจำ หมดจนดับก็มีบ้างแต่ไม่บ่อย ทิ้งไว้ในรถอบๆ บ้างนานๆ ที ถึงตอนนี้เพิ่งเสื่อมไป 25% นิดๆ เอง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเอาแบตอะไรมาทำท่าไหนมันถึงได้ทนเยี่ยงนี้ - -"
นี่เพิ่งถอดปลั๊กไปนอนเล่นบนที่นอนยาวๆ ตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืนครึ่งจนตีสามเนี่ยครับ เหลือ 9% เลยยกกลับมาเสียบ ดูวิดีโอครึ่งชม. เล่นเว็บ โหลดไฟล์ ใช้งานปานกลางแบบไม่มีพักเลย
คนไทยจะเปลี่ยนทรรศนคติเกี่ยวกับสินค้าจากจีนเพราะแบรนนี้แหละ ผมเชื่อ
ก็ยังยากครับ คนไทยฝังใจเรื่องสินค้าจีน = คุณภาพต่ำ ถึงแม้จีนจะมีสินค้าทุกระดับคุณภาพก็ตาม แต่คนไทยเข้าไม่ถึงเพราะผู้นำเข้าเลือกที่จะเอาสินค้าราคาถูกมาขาย เพราะขายได้ง่ายกว่าสินค้าคุณภาพดี แต่ราคาใกล้เคียงของญี่ปุ่น
เช่นแอร์ยี่ห้อ GREE ที่จีนใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง พอมาไทยก็ดับ อีกอย่างคือ xiaomi ถึงแม้จะขายได้ถล่มทลายในจีน แต่คนที่มีเงิน หรือเงินถึงก็นิยมที่จะเลือกซื้อเลือกหา iPhone มาใช้มากกว่า โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ที่มีภาพลักษณ์ติดหรู นิยมของนอกมากกวา่สินค้าประเทศตัวเอง รถยนต์ก็เช่นกัน คนในเมืองใหญ่นิยมใช้รถยุโรปมากกว่ารถจีน แต่ในเมืองเล็กๆที่ความเจริญน้อยกว่า จะเห็นรถจีนมากกว่ารถยุโรป
ผมนี่มั่นใจใน Xiaomi Meizu มาก
ส่วน Oppo Lenovo ก็โอ แต่ขัดใจกับรอม
ผมก็ใช้ของยี่ห้อนี้อยู่บางชิ้นนะครับ เพื่อนหิ้วมาให้จากจีน
มีหูฟังอินเอียร์ piston v3 99หยวน (ไม่รู้เรียกถูกไหม) กับ มินิเราเตอร์ 129หยวน
หูฟังผมว่ามันก็เสียงโอเคนะ ดีในระดับนึง ผมไม่ได้เป็นนักฟังเพลงตัวยง (บางทีก็แยกไม่ออกว่าอันไหน mp3 หรือ flac )
เราเตอร์ N300AC867 ผมเอามาต่อฮาร์ดดิส เป็นที่แบ็คอัพรูปจากมือถือบ้าง ไฟล์เพลงบ้าง ซิงค์ไปมา คอมกับมือถือ จริงๆมันคงทำได้อีกหลายอย่างครับ แต่ผมอาจจะใช้ไม่เป็น และด้วยเฟิร์มแวร์ด้านในเป็นภาษาจีนหมดเลย (นั่งอ่านเวบ ตปท. อยู่นาน มีแปลไว้ + google translate)
ส่วนตัวผม รวมพอใจกับคุณภาพสินค้า วัสดุก็ดูดี ดีไซน์สวย สินค้าอื่นๆของเขาก็น่าลองนะ ราคาไม่แรง
สินค้าบางตัวของยี่ห้อนี้ เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นละครับ
ช่วงนี้ฮิตกล้องกัน เห็นมีออเดอร์เพียบเลย