ผมเพิ่งทราบในวันนี้ว่า มีมติของคณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว เกี่ยวกับการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 50 ที่ผ่านมา ใจความสำคัญส่วนหนึ่งว่า
"ให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐยุติการใช้อีเมลฟรีของเอกชนโดยเฉพาะของต่างประเทศภายใน 1 ปี และให้ข้าราชการระดับผู้อำนวยการกองหรือเทียบเที่ยบเท่าขึ้นไปต้องใช้ระบบของตนเองหรือภาครัฐภายใน 3 เดือน"
ในเอกสารระบุว่า ถือเป็นนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยของข่าวสารภาครัฐ
งานนี้ก็น่าสรุปได้ว่าข้าราชการ/พนักงานของรัฐจะใช้ hotmail, yahoo, google และอีเมลฟรีอื่นๆ ในการทำงานไม่ได้ ซึ่งคงตีความรวมไปถึง Google Apps ด้วย หลังจากนี้ไปสถาบันการศึกษาของรัฐคงไม่สามารถใช้ Google Apps ได้อีกแล้ว
คิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ?
แล้วระบบภายใน รับรองความปลอดภัยกันได้รึยัง - -*
+1
คงอีกนานเลยอะผมว่า ถ้ารัฐมันยังเป็นกันแบบนี้อยุ่อะ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
งั้นก็ใช้ Google Apps Premier Edition (ไม่ฟรี) ได้สิ
หน่วยงานผมก็ห้ามใช้อีเมลฟรีในการติดต่องานทั้งภายในและภายนอก นัยว่าเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร แต่ไม่ได้ห้ามในการใช้ฟรีอีเมลในเรื่องส่วนตัว ซึ่งพวกเราก็ปฏิบัติกันอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้วครับ แต่ข้อกำหนดข้างต้นนี้ไม่แน่ใจว่าห้ามใช้ฟรีอีเมลทุกกรณีหรือไม่ ถ้าห้ามหมด ผมว่าเป็นการจำกัดสิทธิเกินไป
ใครให้บริการติดตั้งอีเมลสำหรับองค์กรอยู่ รีบประชาสัมพันธ์โดยพลัน
--
--
ห้ามใช้ IM คุยงาน LOL
เหตุผลเพื่อความปลอดภัย นี่ก็เข้าใจ
รัฐกรุณาหัดหันมาใช้ open source บ้าง ..
ผลักดันให้ประชาชนใช้ open source
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่า licence และไม่ต้องใช้ของผิดกฏหมาย
เด็กยุคใหม่ จะได้เข้าสู่ open source เยอะๆ
ประเทศไทยเราจะได้ก้าวไปเร็วๆ
ผมว่าถ้าใช้อีเมล์ฟรี จะดูไม่น่าเชื่อถือสำหรับหน่วยงานสักเท่าไร
แต่เร่ืองความปลอดภัยก็เห็นด้วย เรื่องงาน ใช้เมล์งาน
เรื่องส่วนตัว ใช้เมล์ส่วนตัว แยกแยะก็ดีแล้ว
meddlesome.tech.blog
ถ้าเรื่องเมล์ติดต่องาน ไม่ควรเป็น free email นี่เห็นด้วยครับ ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย ให้ตายสิ
ติดต่อราชการผ่าน free email มันรู้สึกเหมือนโดนพวก phishing อยู่เหมือนกันนะ (แม้ว่าอาจจะจริงก็เถอะ)
แต่ถ้าบังคับห้ามใช้ free email ทุกประการรวมถึงเรื่องส่วนตัวนี่ก็ออกจะกลายเป็นละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไปหน่อย
ถ้ามหาวิทยาลัยนี่ผมว่าจริงๆ ก็น่าจะแยกได้ระหว่างอีเมลเด็กกับเมลอาจารย์ และเจ้าหน้าที่นะครับ อย่างเจ้าหน้าที่อาจจะต้องตั้งเมลเซิร์ฟเวอร์เอง ส่วนของนักศึกษาก็ใช้ Google Apps ไปลดค่าใช้จ่ายไปได้มหาศาลเลย
ผมตั้งคำถามในนโยบายนี่คือการสั่งมาของรัฐบาลมีการเตรียมพร้อมอะไรให้กับหน่วยงานที่ขาดความพร้อมบ้าง มีการตั้งหน่วยงานที่รองรับช่วยเหลือให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่พร้อมจะมีติดตั้งบริการของตัวเองหรือไม่ มันคงไม่ดีแน่หากปล่อยให้หน่วยงานทั้งหมดที่ไม่มีความสามรารถในการดูแลระบบเมลของตัวเองได้ ต้องไปขอๆ บริการจากหน่วยงานอื่นๆ แบบ Ad-hoc ทั้งหมด แล้วสุดท้ายมันก็จะเละกันยิ่งกว่าเดิม
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
พูดถึงเรื่องการใช้ email ในมหาวิทยาลัย ผมเคยไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาผม(กับอาจารย์ท่านอื่น ๆ)แล้วท่านก็บ่นให้ฟังถึงการใช้ email ของนิสิต เวลาจะติดต่อกับอาจารย์ ว่า นิสิตชอบใช้
email ที่ไม่ใช่ของที่มหาลัยส่งมา ทำให้อาจารย์ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะถ้าใช้เมล
ของ free mail ทั้งหลาย คงมีไม่เยอะนักที่เราใช้ชื่อจริงเราใน email address
แต่ email ของมหาลัย จะเป็นชื่อจริงกับนามสกุล ที่ระบุตัวเราได้ชัด ซึ่งอาจารย์
หลาย ๆ ท่าน ตั้งเป็นบรรทัดฐานไปแล้ว ว่าการติดต่ออาจารย์โดยใช้ mail ของมหาลัย
คือ มารยาท ไม่ซิ เป็นหน้าที่ เลยมากกว่า ถึงขนาดที่ มีบางท่านพยายามจะผลักดัน
ให้เรื่องนี้กลายเป็นกฎที่นิสิตต้องปฎิบัติ ทำให้ผมคิดว่า ถ้าในมหาลัยเราจะให้นิสิต
ใช้เมลที่อื่น ก็คงจะมีกฎที่ต้อง follow ในการตั้งชื่อ address อีกประเด็นหนึ่ง
ผมคิดว่า คนทำ server ในมหาลัย อาจจะกลัวว่าจะต้องเหนื่อยจากการที่ต้องมา filter
email จากที่ต่าง ๆ ในกรณีที่อนุญาติ ให้นิสิตใช้เมลจากข้างนอก(ซึ่งคงไม่ได้มีแค่
gmail หรือ hotmail)เมลของมหาลัยนี่ โดย spam ได้ง่ายมาก
ผมว่า ถ้านิสิตใช้อีเมล์ข้างนอก ก็ควรจะมีอีเมล์สักอันที่ชื่อ (ไม่ใช่ e-mail address) เป็นชื่อจริง ถ้าใช้อันนี้ติดต่อกับอาจารย์ อาจารย์ก็น่าจะรู้ว่าใครเป็นใครน่ะครับ
จริง ๆ e-mail ที่ชื่อเป็นชื่อจริง ๆ ผมว่าก็ควรจะมีกันอยู่แล้ว (เพราะเป็นเรื่องจำเป็น เช่น ใช้เวลาสมัครงานเป็นต้น)
เรื่องที่ e-mail address ใช้เป็นชื่อจริง อยากทำเช่นนั้นครับ แต่บางครั้งคนเราอยากที่จะมีเมลล์เพียงชื่อเดียวน่ะครับ อย่างมากให้มีสองชื่อก็ดูแลลำบากแล้ว (ซึ่งเมลล์หลักก็คงไม่ใช้ชื่อจริง มันดูเนิร์ดเกินไป) แต่ name นั้นใช้เป็นชื่อจริงอยู่แล้ว
เมลล์ฟรี อย่างน้อยก็ต้องเข้าไป login บ้างเพื่อไม่ให้โดนตัด มีอยู่ 1-2 account ไม่เท่าไหร่ครับ แต่ถ้ามีเยอะกว่านั้นมันยากเกินดูแลจริงๆ
เหมือนโทรศัพท์มือถือ เคยใช้โทรศัพท์สองเบอร์สองเครื่อง แต่สุดท้ายมันไม่เวอร์ค (ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วตุง ดูแลลำบาก กลัวหาย เสียเงินหลายต่อ) ก็ต้องลงเอยด้วยเบอร์เดียวเครื่องเดียวเหมือนเดิมจริงๆ แล้วหาโปรฯ ที่คุ้มที่สุดเอา
ประเด็นเรื่องอีเมลล์ของมหาวิทยาลัย ถ้าจะตั้งนโยบายอะไรอย่างนั้น ก่อนอื่นคงต้องกลับไปทบทวนก่อนครับว่าบริการอีเมลล์ของมหาวิทยาลัยนั้นดีพอแล้วหรือยัง ยกตัวอย่างเช่น ผมส่ง Project ขนาดเกิน 10MB ให้อาจารย์ ตัวเลือกผมมีไม่กี่ที่จริงๆ คือ gmail (อาจารย์ก็ยังใช้ gmail รับเลย) ถ้าให้ใช้เมลล์ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น ผมจะทำอย่างไรล่ะครับ
gmail สิครับ ไม่ได้ login นานแค่ไหนก็ไม่ตัด
ที่เกษตรเป็นรหัสนิสิตของป. ตรี จะเป็น b45xxxxx at ku.ac.th นานๆๆๆๆ ทีได้ใช้ จำได้ว่าเคยใช้สมัคร paypal ครั้งนึง เพราะมันห้ามใช้อีเมล์ฟรี
---------- iPAtS
iPAtS
ของที่นเรศวรก็คล้ายๆ กันคือป.ตรีเป็น u44xxxxxx at nu.ac.th ส่วนของป.โทเปลี่ยนจาก u เป็น g
Little RX
My Twitter
รู้อายุเลย
และหลังจากที่จบไปแล้ว user นั้นก็จะโดนลบไป .... (แต่ตอนนี้ก็ยังใช้ได้อยู่)
ตัว u46xxxxxx@nu.ac.th เห็นตอนนี้ใช้ Microsoft Outlook Web Access อยู่
เห็นตอนนี้มี NU Live Mail จะได้เป็น @mail.nu.ac.th แทน ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง จบออกมาก่อน -_-'
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ตั้งแต่เรียนมาเคยลองเข้าไปเช็คเมล์มาครั้งนึง หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย
เมื่อกี้ไปลองเช็คดูยังใช้ได้ด้วยจริงๆ แฮะ
Little RX
My Twitter
ที่ภาควิชาผมเค้าก็มีอีเมล์ให้เด็ก ตอนแรกก็คิดว่าจบแล้วจะโดนลบ แต่พอคุยกับอาจารย์ กลายเป็นว่า เค้าจะไม่ลบ ถือว่าให้เป็นของขวัญเด็ก สำหรับเวลาใช้สมัครเรียนหรือสมัครงาน มันจะดูน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักกว่าใช้พวกอีเมล์ฟรี
onedd.net
คล้ายกันเลย
molecularck โม-เล-กุล-ซี-เค
http://www.digimolek.com
ผมคิดว่าปัญหาสำคัญที่นิสิตไม่หันมาใช้เป็นเพราะ UI อีเมล์ของมหาวิทยาลัยสู้ของฟรีเมล์ไม่ได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีเรื่องความเสถียรของระบบ เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าอาจารย์สั่งงานผมมาทางเมล์แล้วผมไม่ได้รับ (เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับตัวผมเอง อารมณ์เสียกันไปพักใหญ่ทั้งผมและอาจารย์)
ผมคิดว่าประเด็นสำคัญของระบบอีเมล์กลางคือ มันเป็นระบบที่ไม่มีการแข่งขัน ซึ่งทำให้ระบบมีประสิทธิภาพต่ำ? และหน่วยง่านรัฐเช่นมหาวิทยาลัยเองนั้นมีเงินทุนพอที่จะสร้างระบบอีเมล์ดีๆได้อย่างฟรีเมล์เช่น gmail เลยหรือ? เราต้องเสียเงินลงทุนไปเท่าไหร่ต่อหนึ่งองค์กร? เอาเงินมาซื้อหนังสือ ให้งบวิจัย หรือเพิ่มโอกาสทางการศึกษาจะดีกว่าไหม?
ถ้าปัญหาอยู่ที่การระบุตัวคนส่งไม่ได้ ผมว่าเราก็มาแก้ที่ปัญหาการระบุตัวดีกว่า เช่นชื่ออีเมล์ หรือประยุกต์ใช้ OpenID
PoomK
จากที่ผมอ่านเอกสารดูๆ แล้วเหมือนเขาไม่อยากให้ mail ถูก route ออกไปนอกประเทศมากกว่าครับ และคงไม่อยากให้ใช้บริการอีเมลของเอกชนเลย ต้องใช้ของตัวเองหรือไม่ก็ของรัฐจัดให้เท่านั้น นอกจากนี้มีการพูดถึงการจัดเตรียมซอฟต์แวร์เข้ารหัสลับด้วย ส่วนเรื่องภาพลักษณ์นั้นในเอกสารไม่ได้พูดถึงไว้เลยครับ (แต่อาจมีในเอกสารแนบที่ไม่เห็น)
หน่วยงานกลางที่พัฒนาคือ สำนักงาน ก.พ.ร., สำนักข่าวกรองแห่งชาติ, สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ, สบทร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หากเน้นที่ความมั่นคงปลอดภัยของข่าวสารภาครัฐ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวกับความมั่นคงน่าจะดำเนินการก่อนเป็นอันดับต้นๆ หน่วยงานสถาบันการศึกษา เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้มีข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัย แต่ก็ต้องถูกมตินี้บังคับให้กลับมาใช้บริการของรัฐหรือของตนเองเท่านั้น งบประมาณของหน่วยงานส่วนหนึ่งก็คงต้องสูญเสียไปกับเรื่องนี้
จะว่าไปแล้วสิ่งที่เป็นความลับหรือสำคัญก็ไม่ควรถูกส่งผ่านเครือข่ายอยู่แล้ว หรือหากจะส่งก็ต้องมีวิธีการที่เหมาะสม แต่อะไรที่เป็นความลับหรือไม่เป็นความลับ บางทีก็ยังไม่ชัดเจนด้วยซ้ำไป อีกอย่างวิธีอื่นที่ไม่ต้องใช้อีเมลก็มีถมไป
มีพูดถึง PGP บ้างไหมครับ?
มีแต่ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ลองหาซอฟต์แวร์เข้ารหัสครับ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะพิจารณายังไง
ผมเคยเห็น thaisecuremail.com
ของ GITS เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่เรารู้จักกันดีในนาม truehits ซึ่งเว็บเมล์ตัวนี้มีความสามารถเกี่ยวกับ PKI แต่ผมไม่เคยใช้ครับ เคยแต่เห็นเขาใช้กัน
เรื่องนี้ต้องดูรายละเอียดให้ดี ๆ นะครับ อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย
คงไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไหร่ ถ้าความลับของชาติมันไปอยู่ในเครื่องของใครก็ไม่รู้
ผมเข้าใจดี ถ้าจะย้อนถามกลับมาว่า เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเราดีแล้วหรือยัง
แต่ว่า
ถ้าไม่มีการเริ่มต้น ไม่มีการบังคับ มันก็จะไม่มีการลงมือทำ ถ้าไม่พังก็จะไม่มีการซ่อม การปรับปรุง
ต้องเริ่มทำ ต้องโดนแฮ็คซักที จะได้ปรับปรุง อย่าพูดเรื่องกระทรวงไอซีทีนะ เพราะหวังอะไรกับกระทรวงนี้ไม่ได้แล้ว
ต้องดูกันไปเรื่อย ๆ จัดซื้อจัดจ้างอะไร ก็ให้พอเหมาะพอควรล่ะกัน
เก่งจริงต้องมี Blackberry ให้พนักงานทุกคนใช้ ... แน่นอน สุดท้ายก็ต้องตกในมือของ RIM อีก (ฝรั่งเศสก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน)
@TonsTweetings
คงต้องเริ่มจากแนะนำสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติให้รู้จัก e-mail ก่อนล่ะครับ
-ไม่แน่ใจว่า รมต.คนปัจจุบันนี้รู้จัก e-mail หรือเปล่า
หวังมากไปเปล่าครับ
ผมได้ยินมาว่า โน้ตบุ๊ค ที่ รัฐสภาเบิกให้ ส.ส.ทุกคนใช้นะ
ส.ส. บางคน เอาไปให้ลูกน้องตัวเองใช้แทน เพราะเปิดเครื่องไม่เป็น !!
เอาไปให้เด็กเกรียน เล่นเกมส์ป่าว - -
เวลาติดต่องานผมจะใช้อีเมล์แอดเดรสของที่ทำงาน แต่เวลามีเมล์เข้าให้ forward มาเข้า gmail หมดเลย มีอะไรก็เช็คที่เดียวพอ
เพราะ gmail มันให้เพิ่ม account เองได้ ก็เพิ่ม account ที่ทำงานเข้าไป เวลา compose เมล์ใน gmail ก็เลือกเอาว่าจะส่งจาก account ไหน
- - - - -
suksit.com
suksit.com
เท่าที่อ่านๆ มาหลายๆท่านกำลังหลงประเด็นกันหรือเปล่า เอะหรือกระทู้แจ้งไว้ไม่หมด เรื่องใช้ email ฟรี นี่น่ะครับ เรื่องจากกระทู้ เท่าที่ผมได้รับรู้มาจากผู้ได้รับ mail ฉบับนี้ จาก nectec (ออกเป็นมติ ค.ร.ม.มาแล้ว เมื่อไหร่ไม่ทราบ)โดยตรงหลักๆ ตรงประเด็นสั้นๆ คือ
หน่วยงานรัฐห้ามใช้ google app ในการทำ mail server (google app สามารถสร้าง web mail ภายใต้ชื่อองค์กร ต่างๆ ได้เช่น @student.bu.ac.th ได้เลย หลายๆที่ทำแบบนี้อยู่เพราะ ระบบของ google มีการใช้งานครอบคลุมสะดวกกว่าไม่ต้องเปลืองค่าจ้าง admin มาดูแล server อะไรเลย)
ส่วนเรื่องราชการ ใช้เมลภายในส่งถึงกันถ้าทำ google app มันก็เป็นรปแบบนั้นได้อยู่แล้ว ที่ผมมองคือ google app มันสะดวก หลักๆเลยเรื่อง spam mail แล้วให้กลับมาทำ Server mail กันเองแบบเก่านี่ก็ต้องซื้อตัวกรองดีๆ อีกค่าจ้งผู้ดูแล ฯลฯ จะให้ทำ server ทิ้งๆ ไม่มีคนดูตั้งตามมีตามเกิดแบบหลายๆที่ที่ทำกันอยู่ เท่าที่เคยไปยืม shell มาใช้ ผมว่าเด็กสมัยนี้รู้มาก(ผมมองเป็นเรื่องดี)เจาะกันพรุนพอดี ผมเห็นด้วยกับหน่วยงานที่เป็นเรื่องของความมั่นคงต่างๆ แต่หน่วยงานการศึกษา มันต้องลำบากขนาดนั้นเลยหรือ
ถ้าไม่ให้ใช้มีระบบรองรับให้หน่วยงานของรัฐ บ้างไหม ที่ทำได้คล้ายๆ google app ตอนนี้ที่ทราบมีที่ nectec ทำอยู่แต่ ถ้าจำไม่ผิดต้องการ spam filter ต้องเสียตังแม้เป็นหน่วยงานรัฐเองก็ตาม
Nectec หาทางหาตังเข้ากระเป๋าเองหรือเปล่างานนี้...
Ton-Or
Ton-Or
เห็นด้วยครับ มีสิทธิสูง
@TonsTweetings
ผมว่า nectec คงไม่ทำเองหรอก แต่ gits เนี้ยไม่แน่...
ตอนเรียนเมลล์ที่ใช้เป็นของภาควิชาอยู่แล้ว
อาจเป็นเพราะยูนิกซ์ด้วยมั้ง
ไม่เคยใช้เมลล์ฟรีส่งหาอาจารย์อ่ะ
เดี๋ยวนี้นักศึกษาส่งการบ้านด้วยเมลแล้วเหรอนี่ ก่อนนี้ต้องส่งเป็นดิสก์ 3.5" กับรายงานเป็นเล่ม
--
--
บางทีก็ MSN ครับ
ที่อ่านมาทั้งหมด แสดงว่าไม่มีใครไปอ่านคำสั่งจริงๆ และเหตุผลของฝ่ายเลขาฯที่เสนอแนบประกอบการพิจารณาจริงสินะ
แนะนำวันที่ 18 นี้ไปฟังที่ บมจ ทีโอที ห้องAuditorium ชั้น2 อาคาร9
ไม่สะดวกไปครับ ถ้าเป็นไปได้เอามาฝากหน่อยสิครับ ผมอยากทราบทั้งหมดเหมือนกัน
รู้ก็อย่ากั๊ก
ของบางอย่างมันบอกไม่ได้ ของบางอย่างมันก็บอกได้