เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท วายเอ็มเอ็มวาย จำกัด (YMMY) ได้จัดงานแถลงข่าวเล็กๆ ที่ร้านชาบูชิ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเปิดตัวระบบจองคิวร้านอาหารที่มีชื่อว่า "QueQ" (คิวคิว) อย่างเป็นทางการ หลังจากนำร่องใช้งานมาก่อนหน้านี้แล้วที่ร้านอาหารหลายแห่ง รวมถึงร้านชาบูชิ 20 สาขาในเขตกรุงเทพมหานคร
คุณรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ CEO ของบริษัทฯ เล่าว่า ไอเดียของ QueQ เกิดขึ้นชั่ววูบจากการที่ตนได้เข้าไปใช้บริการ ณ ธนาคารแห่งหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เผยชื่อ) ซึ่งในขณะนั้น ก็มีลูกค้าเข้าไปรอใช้บริการเป็นจำนวนมาก และรอใช้บริการอยู่นานเกือบชั่วโมง คุณรังสรรค์จึงคิดไอเดียว่า ทำไมเราถึงไม่พัฒนาระบบคิวอัจฉริยะที่ให้ลูกค้าจองคิวและไปทำอย่างอื่นได้พร้อมๆ กัน และเมื่อถึงคิว ก็ไม่เสียคิวที่เราจองมา คุณรังสรรค์จึงลงมือเปิดโปรเจค QueQ ขึ้นทันทีโดยมี บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ และเป็นลูกค้ารายแรกของบริษัท
ระบบ QueQ เป็นระบบจองคิวร้านอาหารขนาดใหญ่ ซึ่งมีองค์ประกอบทั้งหมดสองส่วน คือระบบจัดการคิว ณ หน้าร้าน ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ประกอบอีกสองส่วนเช่นกัน คือระบบรันคิวซึ่งทำหน้าที่อยู่บนแท็บเล็ต (อันนี้ผมเข้าใจว่าแต่ละร้านสามารถเลือกได้ แต่ของทางร้านชาบูชิเลือกใช้ Samsung Galaxy Tab) และระบบแสดงผลซึ่งเป็น Android Mini Computer ต่อเข้ากับจอแสดงผลอีกที ส่วนนี้จะทำงานเชื่อมกันเพื่อใช้เป็นระบบเรียกคิว และจัดการคิวสำหรับหน้าร้าน
อีกส่วนหนึ่งคือตัวแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่เปิดให้ฝั่งลูกค้าเข้าไปดาวน์โหลดมาติดตั้งบนสมาร์ทโฟน (App Store, Google Play) ความสามารถของฝั่งนี้คือทำหน้าที่เป็นบัตรคิวและคอยประชาสัมพันธ์โปรโมชันต่างๆ ให้กับร้านค้าโดยตรง (เช่นชาบูชิที่มีส่วนลด 10% เมื่อจองคิวผ่าน QueQ) โดยเมื่อลูกค้าเปิดแอพพลิเคชันขึ้นมา ตัวแอพฯ จะแสดงรายชื่อร้านในระยะรัศมี 1 กิโลเมตรจากตัวผู้ใช้ แล้วถ้าผู้ใช้อยากจองคิว ก็เขย่าเครื่องเพื่อจองคิวได้เลย
เทคนิคนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้จองคิวได้ทุกที่ที่ต้องการ เช่นถ้าเราอยู่ ณ อาคาร A ต้องการไปกินอาหารที่อาคาร B ซึ่งอยู่ห่างกัน 1 กิโลเมตร เราสามารถเขย่าจองคิวที่อาคาร A ก่อนได้เลย โดยเมื่อถึงคิวของเรา ก็จะมีการแจ้งเตือนเข้ามาที่มือถือของเราในทันที โดยระยะเวลาในการรอคิวก็ขึ้นอยู่กับร้านค้าเช่นกัน
ปัจจุบันทาง QueQ เองก็มีลูกค้าคอยสนับสนุนอยู่หลายร้านเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านในประเทศอย่าง ชาบูชิ บาร์บีคิวพลาซา กิมจู และบอนชอนชิคเก้น หรือแม้กระทั่งร้านค้าจากต่างประเทศ เช่น Big O restaurant และ Hai Xian Lao’ จากสิงคโปร์ก็ยังเป็นร้านค้าที่เลือก QueQ ไปให้บริการลูกค้าเช่นเดียวกัน และไม่ใช่แค่สิงคโปร์เท่านั้น ยังมีร้านอาหารในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียที่ให้ความสนใจอยู่พอสมควร ส่วนร้านอาหารในไทยร้านไหนที่สนใจนำระบบไปใช้งานที่ร้าน ก็สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและติดต่อได้ที่เว็บไซต์หลักของ QueQ ได้เลยครับ
Comments
แจ๋มเลย
ชื่อคล้าย QQ ของ Tencent เลยแฮะ ตอนเห็นครั้งแรกนึกว่าเกี่ยวข้องกัน
แต่ชอบไอเดียมากนะครับ แจ่มมาก
หน้าตาโอเคเลย
ชอบมากๆๆ
ชนกับ Project ใน WishList ของผมไปอีกหนึ่ง.
ผมเห็นมันมานานมากจนนึกว่ามีมานานแล้ว
เจ้านี่เริ่มวางเครื่องทดสอบเมื่อมกราคม 58 ครับ เพิ่งมาเปิดตัวจริงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี่เองครับ
เคยใช้บริการที่ศูนย์ DTAC เวลารอคิว จะกดหมายเลขโทรศัพท์ ระบบจะเแจ้งเตือนทาง SMS เวลาใกล้จะถึงคิวจะมี SMS เตือนอีกทีหนึ่งครับ
ต่อคิวคือต้องยืนอยู่ในแถวไม่ใช่เรอะ ออกนอกแถวก็เสียสิทธิ์ให้คนข้างหลัง
ถ้าเกิดคิวยาวยืนนานๆมันเมื่อย เค้าเลยทำบัตรคิวให้ได้นั่งรอ ไม่ใช่ว่ากดบัตรคิวแล้วไปเดินเล่นแบบที่คนไทยทำกัน
แล้วพอเดินเล่นอยู่ก็เสือกกลัวจะเสียคิวก็เลยทำแอพมาเตือนซะงั้น
เจ๊งไวๆนะครับ ร้านที่ใช้/สนับสนุนระบบคิวเฮงซวยแบบนี้
...ถ้ามาไม่ทันคิว เขาก็ถือว่าสละสิทธิ์นิครับ อีกอย่างคอมเม้นท์แบบสุภาพไม่ได้เหรอครับ?
เค้าเรียกว่าการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ โดยไม่เดือดร้อนคนอื่นๆ เราจะเสียเวลาไปเปล่าๆ ทำไมเมื่อมันมีวิธีอื่นที่ให้ผลลัพท์ที่เหมือนกัน งงกับความคิดคุณจริงๆ
ไม่มีลายเซ็น
เห็นด้วยว่ากดบัตรดิวและก็ต้องรออยู่บริเวณนั้น มันแสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งที่เรากำลังจะทำ ตั้งใจจะทานอาหารอร่อย รอคิวนานก็ยอมรอ เพราะเราเป็นคนเลือกที่จะมาทานเอง กว่าจะถึงคิวเราก็ต้องใช้เวลา ทำให้อาหารมื้อนั้นเพิ่มคุณค่า ความทรงจำในมื้อนั้นด้วย
ไปกินอาหารนี่มันต้องแสดงถึงความใส่ใจที่จะกินอาหารด้วยเหรอครับ แสดงความใส่ใจแล้วใครได้ประโยชน์อะไร แล้วที่บอกว่าเพิ่มคุณค่าความทรงจำนี่ ผมว่าการให้ไปเข้าคิวนานๆนี่น่าจะเป็นความทรงจำที่แย่นะ หรือว่าคุณชอบร้านอาหารที่ต้องรอคิวนานๆ ร้านอาหารที่คนไปกินแล้วประทับใจน่าจะเป็นเรื่องรสชาติอาหาร บรรยากาศร้าน และบริการของร้านค้ามากกว่านะครับ คงไม่มีใครเห็นคิวร้านอาหารยาวๆแล้วชอบหรอก
เป็นมุมมองของผู้บริโภคครับ แต่ในมุมผู้ให้บริการจะไม่ยอมเสียคนรอคิวแม้แต่คนเดียวอยู่แล้วเขาเลยมีระบบแบบนี้ มันไม่ได้ทำเพื่อผู่บริโภคครับเขาทำให้ผู้บริการครับ แค่ผู้บริโภคได้ประโยชน์อันเล็กน้อยมากๆจากการไปทำอย่างอื่นระหว่างรอ แต่ผู้ให้บริการได้ประโยชน์มหาศาล เพราะลูกค้าจะรอคิวเพิ่มมากขึ้นไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มไปกับการขยายร้าน จ้างลูกจ้างเพิ่ม หรือแม้แต่บริหารให้รวดเร็วรับลูกค้าได้มากขึ้น
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบรอคิวเพื่อเข้าร้านอาหารหรือทำธุระต่างๆ ถ้าหากมีทางเลือกอื่นผมยินดีจะไปใช้บริการตรงนั้นแทน ส่วนบางครั้งที่จำเป็นต้องรอคิวเพราะนัดกับเพื่อนหรือคนอื่นไว้ ผมว่าระบบนี้ก็ช่วยให้เราสามารถบริหารเวลาโดยไม่ต้องมานั่งรอคิวเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งผมว่ามันก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แล้วที่ว่าให้ได้นั่งรอ คุณเคยเจอร้านที่คนรอคิวจนทะลักมั้ยครับ ที่นั่งมันมีจำกัด ความรู้สึกส่วนตัวคือดูสภาพคนที่ไปนั่งพื้นรอมันก็ดูอนาถายังไงไม่รู้
ก็แค่เปลี่ยนจากการ "ยืนต่อคิว" เป็นการ "จองคิว" เท่านั้นเอง
คุณอาจจะนิยามคำว่าจองคิวแคบไป การจะจองคิวไม่จำเป็นต้องไปยืนต่อๆกันเสมอไป ในกรณีร้านอาหารนั้น ใช่ เรายืนต่อๆกัน แต่กับเรื่องอื่นๆที่มีคิวลำดับที่ไม่จำเป็นต้องยืนต่อๆกันเป็นขบวนมีเยอะแยะ และร้านอาหารทุกวันนี้อย่าง ร้านในภาพ คิวมันเยอะมาก ช่วงเวลาเย็นๆถึงจะมีเก้าอี้ให้นั่งก็ไม่พอ บางร้านเนื้อที่ในการยืนรอก็น้อย ยืนรอคิวกันเต็มหน้าร้านเกะกะขวางทางคนอื่นในห้างด้วยซ้ำ ใช้วิธีนี้ก็เป็นไอเดียที่ดี
ผมเคยใช้แอพนี้หลายครั้งตั้งแต่ออกแรกๆแล้ว ถ้าเคยใช้จะรู้ ว่าโดยธรรมชาติถึงเราจะไม่ได้อยู่ในบริเวณ พอใกล้คิวเรา ซักอีกห้าหรือหกคิว เราก็ต้องมายืนหรือนั่งอยู่หน้าร้านแล้ว ก็เกิดคิวแบบเดิมอยู่ดีเพียงแต่คิวจรืงนั้นสั้นลง (แค่ห้าหกคนที่กำลังจะเข้า) เพราะคนที่ได้ถัดไปอีก 10-20 คิวเค้ายังไม่ต้องมายืนก็ได้
ที่ญี่ปุ่นก็มีแบบนี้มานานแล้วนะครับ จองคิวแล้วรับบัตร จะเดินไปไหนก็แล้วแต่พอจะถึงคิวบัตรมันก็ส่งเสียงเตือน ก็ไม่เห็นว่าบริษัทหรือร้านที่ทำแบบนี้จะเจ๊งนะครับ
เขาเรียกบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ไปโฟกัสว่าทุกคนต้องมายืนรอคิวตัวเองครับ หน้าร้านก็คนแน่นโดยไร้ประโยชน์ ลูกค้าก็เมื่อย อารมณ์เสียเปล่าๆ ปล่อยให้ไปเดินเล่นไม่ดีกว่าหรอครับ ใครไม่อยากได้คิวแล้วก็แค่ไม่ต้องมาตามแจ้งเตือน เดี๋ยวเขาก็เรียกคิวถัดไปเอง
"ออกนอกแถวก็เสียสิทธิ์ให้คนข้างหลัง"
ที่เกลียดเข้ากระดูกดำขนาดนี้เพราะเคยไปต่อแถวซื้อไอโฟนจาก Provider เจ้านึงมารึเปล่าครับ?
ผมตกใจมากที่มีคนคิดแบบนี้ การไม่อยู่ตรงนั้นมันต่างกับอยู่ตรงนั้นตรงไหนกันครับ? แทนที่จะใช้เวลาหายใจทิ้งเพราะต้องนั่งรอ ไปทำอย่างอื่น ทุกคนต่างได้เวลาไปทำอย่างอื่นอย่างมีประสิทธิภาพ มัน win-win ชัด ๆ
คนมี่ไม่ใช้ระบบนี้เท่านั้นแหละที่เสียสิทธิ์การใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพ
เอาจริง ๆ เราก็ใช้ระบบแนวคิดแบบนี้อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่งงานให้ส่วนของเราให้เพื่อนทำต่อ รอมันทำเสร็จมันก็จะส่งกลับมาให้เราทำต่อ สั่งสินค้าออนไลน์ คนส่งก็ส่งตามคิวที่คนออเดอร์มาก่อนหลัง ไปสมัครงานแล้วรอเรียก ไปซื้อตั๋วหนังแล้วรอดู นัดกับเพื่อนกินข้าวตอนเย็น ฯลฯ ระหว่างรอเราก็ไม่ได้หายใจทั้งเฉย ๆ ก็ไปทำอย่างอื่นกันทั้งนั้น หรือมีใครเค็มใจซื้อตั๋วหนังตอนเย็นแล้วไปยืนต่อคิวหน้าประตูโรงหนังตั้งแต่เช้าเหรอครับ?
ผมมองการจองคิวคือการสร้าง “แผน“ (plan) ขึ้นมาว่าเราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอนาคต โดยมีการ “ตกลงร่วมกัน“ เรียบร้อยแล้ว ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง “ทั้งหมด“ ไม่ว่าจะตัวเราเอง ผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการคนอื่น ๆ สองอันแรกชัดเจนอยู่แล้ว แต่อันหลังนี่มีวิธีแตกต่างกันไป จะยืนต่อคิวกันเลยให้เห็น จะเป็นป้ายบอกว่าเหลืออีกกี่คิว หรือจะโชว์ให้เห็นบนปฎิทินที่แชร์ให้คนอื่นดู หรือเป็นแอพอย่างในข่าวนี้ มันก็แค่เปลี่ยนรูปแบบเท่านั้นเอง
เหมือนในภาพในคอมเมนต์ด้านล่าง แทนที่จะยืนเหนื่อยร้อนต่อคิว ก็เอารองเท้ามาต่อคิว จะได้นั่งได้หลบแดด มันก็แค่การปรับตัวง่าย ๆ อย่างนึงเท่านั้นแหละ
Adapt or die.
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เค้ามองเห็นคุณค่าของเวลาและเลือกที่จะบริหารเวลาให้ตัวเองมากกว่ามั้งครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เอาแบบไม่ต้องรอคิวไม่ได้เหรอ จะเอาเงินไปให้แล้วยังต้องให้รออีก (เคยซื้อของในห้างเยอะๆ แล้วคิวยาวเยียดผมทิ้งของเลยครับ เดินออกจากห้างตัวปล่าวไปซื้อทีอื่นดีกว่า)
อย่าพูดเหมือนมีคุณอยู่คนเดียวบนโลกนี้สิครับ ไม่เอา ไม่เอา
แล้วแต่สถานการณ์ครับ เวลาเป็นเงินเป็นทอง
ผมว่าเดี๋ยวก็คงมี Fast Track ออกมาขายเพิ่ม ประมาณจ่ายเงินเพื่อซื้อคิวพิเศษเพื่อลัดได้ไวกว่าคิวปกติ ซึ่งตามสวนสนุกในเมกาทุกแห่งก็มีระบบนี้ทั้งหมด
ในไทยไม่ค่อยชอบต่อคิว ร้านไหนคิวหน้าร้านยาวหน่อย คนไม่ไปต่อแล้ว
แต่ในต่างประเทศ สิงค์โปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง วัฒนธรรมต่อคิวเข้าร้านอาหารที่เป็นที่นิยมนี่เป็นเรื่องธรรมดามาก
ผมว่าไม่ได้นิยมนะ..... ถ้ามีตัวเลือกอื่นเขาก็ไม่ได้อยากมาต่อคิวหรอก
...วัฒนธรรมต่อคิวเข้า "ร้านอาหารที่เป็นที่นิยม" นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก...
เรื่องมากนะ คนที่คิดแง่ลบ เขาออกแบบมาเพื่อให้เราบริหารเวลาตัวเราเอง ถ้าไม่อยากใช้ก็เชิญยืนรอหน้าร้านต่อไป เขามีoptionให้รอ / เหมือนอย่างผมเวลา ซื้อยาเยอะขายส่ง เขามีoptionให้โทรสั่งไปก่อนล่วงหน้า2ชม. พอไปถึงก็กดปุ่มรับของ มีคนที่ยืนรอกดบัตรคิวเป็นชั่วโมงเพียบ ทางร้านก็โปรโมทวิธีแบบนี้อำนวยความสะดวกก็ไม่รู้จักใช้กัน จะมายึดติดอะไรนักหนา ถ้าไม่ยอมปรับตัว
"ออกนอกแถวก็เสียสิทธิ์ให้คนข้างหลัง"
คนข้างหลังเค้ารออยู่เฟ้ย เอ็งขี้เกียจรอก็ออกไป
ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนก็มักจะมีการปรับตัวพัฒนาแนวคิดวิธีการหรือเทคโนโลยีเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและยุคสมัย ส่วนที่ปรับไม่ได้ก็จะเข้าสู่กระบวนการคัดสรรโดยธรรมชาติต่อไป
ก่อนหน้าที่จะถึงสัก 2 คิว ก็แจ้งเตือน ระยะเวลาในการรอคิว สัก 1 นาทีน่าจะพอ แหม่ ไหนๆก็ตั้งใจมากินแล้ว จะเดินไปไหนไกล