Markus Persson หรือ "Notch" ผู้สร้างเกม Minecraft ที่กลายเป็นมหาเศรษฐีหลังขายบริษัท Mojang ให้ไมโครซอฟท์ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ล่าสุดเขากลับไม่มีความสุขในชีวิตมหาเศรษฐีของเขาอีกแล้ว
Markus บ่นเรื่องนี้ทางทวิตเตอร์ โดยเขาบอกว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่เขาอยากทำได้ทุกอย่าง ปาร์ตี้กับเพื่อนสนิทและคนดัง แต่เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งกว่าที่เคย เมื่อเขากลับบ้านเกิดในสวีเดน แทนที่จะรู้สึกสบายเหมือนบ้าน เขากลับต้องรอเจอเพื่อนเพราะแต่ละคนมีภาระทางการงานและครอบครัว โดยเขาต้องนั่งดูเงาสะท้อนของตัวเองบนจอมอนิเตอร์
Hanging out in ibiza with a bunch of friends and partying with famous people, able to do whatever I want, and I've never felt more isolated.
— Markus Persson (@notch) August 29, 2015
In sweden, I will sit around and wait for my friends with jobs and families to have time to do shit, watching my reflection in the monitor.
— Markus Persson (@notch) August 29, 2015
เขารำลึกถึงช่วงเวลาที่ขายบริษัทว่า เขาพยายามให้พนักงานทุกคนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่เขารู้สึกว่าพนักงานของบริษัท Mojang เกลียดเขาแล้ว เขาเคยมีแฟนที่ดี แต่เธอกลัวไลฟ์สไตล์ของเขา เลยหันไปคบกับคนที่มีชีวิตปกติธรรมดาแทน
When we sold the company, the biggest effort went into making sure the employees got taken care of, and they all hate me now.
— Markus Persson (@notch) August 29, 2015
Found a great girl, but she's afraid of me and my life style and went with a normal person instead.
— Markus Persson (@notch) August 29, 2015
Markus เล่าว่าคนที่ประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืนบอกเขาว่านี่เป็นเรื่องปกติที่ต้องพบเจอ และคุณจะผ่านมันไปได้
I would Musk and try to save the world, but that just exposes me to the same type of assholes that made me sell minecraft again.
— Markus Persson (@notch) August 29, 2015
People who made sudden success are telling me this is normal and will pass. That's good to know! I guess I'll take a shower then!
— Markus Persson (@notch) August 29, 2015
หลังจากบ่นเรื่องนี้ออกมาดังๆ ก็ดูเหมือนว่า Markus จะอารมณ์ดีขึ้นครับ
ที่มา - VentureBeat
Comments
คุณพลาดแล้วล่ะ คุณได้สูญเสียสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจ แรงผลักดันและแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ไปแล้ว สิ่งสำคัญอันนั้นที่คนทั่วไปเรียกกันว่า "หนี้สิน"
ไม่หรอก post แบบนี้คือการเรียกความสนใจ เดี่ยวคงมีอะไรใหม่ๆออกมาแน่
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่าส่วนหนึ่งก็คือการเรียกร้องความสนใจนั่นแหละแต่ก็น่าจะหนักพอสมควรอยู่สำหรับเคสนี้ การที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีเป้าหมายในชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เคว้งไปได้เหมือนกัน เคยดูเรื่องของเศรษฐีคนหนึ่งจำชื่อไม่ได้ คือตื่นขึ้นมาแล้วเคว้งมากจนรู้สึกไม่มีความสุขถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย
เชื่อผมสิ คนรวยหาเรื่องอะไรมาทำใด้ง่ายกว่าคนจนเยอะ คนที่รวยแล้วเบื่อจะเงียบๆ ไม่บ่นเพราะหาเรื่องทำอะไรใด้เยอะ
และความจริงแล้การ post ว่าเบื่อบนเน็ตเป็นเรื่องปรกติที่ไม่น่าจะมีใครเอามาทำข่าวด้วยซ้ำ ... ยกเว้นกำลังจะทำอะไรบางอย่างและต้องการความสนใจเลย'ขอ'เป็นข่าว Notch น่าจะอยู่ในกรณีนี้มากกว่า
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เรื่องคนรวยหาอะไรทำได้ง่ายกว่าคนจนเยอะนี่ไม่เถียงแน่นอน คือตรงนี้เราพูดถึงลักษณะคนที่ตกอยู่สภาวะนี้อยู่นะครับอย่าเพิ่งหลงประเด็นไป ลองอ่านดูก่อนครับว่าสิ่งที่มันกำลังเกิดกับเค้ามันทำให้การรับรู้โลกเปลี่ยนไปมากจนรับมือไม่ทัน เหมือนความคิดและตรรกะมันกำลังตีกัน อยากจะทำนู่นทำนี่แต่ก็กลัวจะกลับวนลูปมาเป็นแบบเดิมอยู่ตรงจุดเดิมที่กำลังเป็น
คงต้องไปพบจิตแพทย์แล้วก็ให้เวลาปรับตัวสักระยะถึงจะหาทางออกให้ตัวเองได้ แต่ผมก็เห็นด้วยกับท่านที่บอกว่าให้ลดน้ำหนักนะ แต่ไม่ต้องไปออกรายการเรียลลิตี้ตามที่แนะนำมาหรอก เพราะอารมณ์ตอนนี้ก็คือกำลังขยาดและเบื่อกับวิถีชีวิตแบบนี้ หลังจากดูแลสุขภาพตัวเองทำตัวให้เฟิร์มให้ดีขึ้นแล้ว ผมว่ามันน่าจะช่วยให้เค้าได้ค้นพบคุณค่าของตัวเองและช่วยซ่อมแซมสภาพจิตใจได้เป็นอย่างดี
แรงบันดาลใจที่เรียกว่าหนี้สิน !! orzzzzz 555555
จริงๆ ครับ มีเงินสด 1 ล้านกับมีหนี้ 1 ล้าน ต่างกันเยอะมาก รู้สึกมีอันหลังชีวิตจะมีความสุขกว่า
จริงหรอครับ ฮ่าๆ
ผมคิดตรงข้ามเลย มีเงินยังไงก็อุ่นใจกว่านะ
ถึงผมจะมีไม่ถึง 1 ล้าน แต่ก็พอมีบ้าง แต่ไม่มีหนี้ ผมมีความสุขนะ รู้สึกว่าเราทำงานเพื่องานจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อเงิน แล้วถ้าเราไม่ไหวกับมันจริง ๆ ก็เดินออกมาชิว ๆ กินเงินเก็บแล้วค่อย ๆ หางานใหม่ไปชิว ๆ
ผมมีหนี้มากกว่านั้นเยอะครับและจะมีเพิ่มอีก เพราะผมสามารถเอาเงินที่กู้มาไปหากำไรใด้มากกว่าดอกเบี้ย เร่งชำระหนี้ = เสียโอกาศทำกำไร
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
คนธรรมดาอย่างเราๆ เข้าไม่ถึงความคิดของคนรวยจริงๆ
ขอให้เจอเส้นทางของตัวเองเร็วๆนะครับ
ยังไม่ชินสินะ
แลดูชีวิตพี่แกหว่องมากครับ ฮ่าๆ
เดี๋ยวพอติดเล่นหุ้น ก็จะไม่ว่างเองครับ 555+
ก็หาอะไรทำสิ ตั้งเป้าหมายใหม่
เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ มันไม่ใช่แค่ "จะเป็นคนรวย" อย่างเดียวนิ
ผมว่าจากที่อ่านมาน่าจะเป๋จากหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องสาว ที่ชิ่งไปหาคนอื่นที่เป็นคนธรรมดามากกว่า Notch
เห็นด้วยน่าจะเป็นเรื่องสาว
นึกถึงหนัง Absolutely Anything ที่เพิ่งไปดูเลย
พอตัวเอง special แล้ว ดันทำพังด้วยตัวเอง
แค่บอกว่าแฟนกลัวไลฟ์สไตล์ นี่ก็รู้ละว่าเจือกทำตัวเปลี่ยนไปเอง
แบบนี้ สมน้ามหน้ายังน้อยไปมั้ง
หาเป้าหมายใหม่ๆ ในชีวิตครับ
มาอยู่เมืองไทยดิ มีคนรู้ว่ารวย เดี๋ยวหัวกระไดก็ไม่แห้งแล้ว ใครก็ไม่รู้นับญาติกันได้ง่ายๆ
ก็จริงครับ
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ยังชนไม่ได้ ก็ขอให้ถึงเป้าหมายก่อนละกัน
(เพื่อนแม่ผม อายุ 60 ยังไปเชียร์ นักร้อง AF ชื่อะไรผมก็จำไม่ได้ ทุกครั้งที่เดินสาย , ร้องเพลง , เดินแบบ , ไปต่างประเทศ ผมถามว่าทำไปเพื่ออะไร ป้าก็ตอบว่า สร้างเป้าหมายให้ชีวิต ไม่งั้นจะไม่มีอะไรทำ)
แม้ว่ารวยแล้ว ก็ตั้งเป้าหมายใหม่ได้ครับ
มาเที่ยวเมืองไทยก็ไม่เหงาแล้ว พี่
ผมก็เคยรู้สึกแบบนี้ตอนช่วงที่เป็น NEET อยู่ ได้อยู่แบบสบายๆ แต่โดดเดี่ยวมาก ชาวบ้านทำงานกันหมด มีเรานอนกระดิกตรีนอยู่บ้านคนเดียว รู้สึกแตกต่างพอสมควร
พอมาทำงานแล้วเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อย แต่เวลาอยากกินอะไรก็ยังหาเวลานัดกันลำบากเหมือนเดิม...
อันที่จริงถ้าเอาแค่ตามที่เขาโพสต์มาก็รู้สึกว่าชีวิตพี่แกในอนาคตจะตกต่ำกว่าเดิมหรือเปล่าเพราะต่อยอดเงินที่มีอยู่ไม่เป็นและจัดการตัวเองไม่เป็น ถ้าชีวิตมันน่าเบื่อขนาดนั้นทำไมไม่ไปหางานทำ ไอ้ตรรกะที่ว่ารวยแล้วไม่ต้องทำงานนี่ก็ไม่น่าชื่นชมนะ ไม่เข้าใจจริงๆ
คนเราบางทีก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อสบายนะ
ความลำบากมันเป็นอาหารของวิวัฒนาการ
ความลำบากนี่แหละที่ทำให้เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่ทุกวันนี้
จริงๆก่อนที่จะขายบริษัท๖ซึ่งในทีนี้ก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของเค้าไป
ไม่ใช่ว่าจะดูแค่ขายได้กำไรเท่าไหร่ ควรจะดูก่อนด้วยว่า ขายไปแล้วชีวิตเราจะเหลืออะไรให้ทำอีก
อยากแนะนำศาสนาให้เขาจัง :)
อารมณ์เดียวกะพวกปลดเกษียณ
ยังมีหนักกว่าน้า Markus อิกนะ
เช่น พวกไม่ยอมถอดหัวโขน
แบ่งมาให้ผมสัก 10% ก็ได้นะ
อาจารย์แนะแนวแนะนำให้ไปบวช...
คนปกติ ก็เป็นกันทุกคน ล่ะ
เคยทำอะไรเป็นประจำ สมองคิดแต่เรื่องเดิม ที่ทำอยู่
อยู่มาวันหนึ่ง ไม่ต้องทำแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำ ...... เหงาสิครับ
บริษัทนี้ มีอะไรดี นะ ซื้อกัน เกือบแสนล้านบาท
พี่ช่วยมา ซื้อ DTAC แล้วบริหารเองสิ น่าจะมีอะไรสนุกให้ทำบ้าง
ถ้าตื่นขึ้นมาไม่มีเป้าหมายแต่มีเงินผมก็ขอเลือกนะ เงินขนาดนี้มันหายากกว่าเป้าหมายเยอะ เป้าหมายมันไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ เห็นบอกว่าติดเกมด้วยไม่น่าจะยาก ถ้าผมมีเงินขนาดนี้วันๆคงนั่งเล่นเกมเบื่อๆก็ออกไปผลาญเงินชิวๆ ดึกๆก็ออกตระเวณราตรี เลี้ยงเด็กเลี้ยงต้อยวันละ10คนยังได้ 55555 ผมว่าเรียกร้องความสนใจมากกว่า ส่วนเรืองแฟนน่าจะเปนที่นิสัยเขาถึงทิ้งขนาดที่รวยก็ยังช่วยไม่ได้
เลี้ยงสาวแว่นใช่มั้ยนาย :3
สิ่งที่คุณเล่ามาก็เป็นวิถีชีวิตที่เค้าทำอยู่ครับซึ่งไปๆ มาๆ มันกลวงมากเลยทำให้เกิดความรู้สึกแบบที่เป็นอยู่
เป้าหมายที่ว่ามามันเป็นเป้าหมายที่ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ มันเลยกลวงไงครับ
นึกถึงลำดับขั้นความต้องการของ maslow สิ่งที่เขายังขาดน่าจะเป็นชื่อเสียง
วิเคราะห์ได้เยี่ยมครับ ขาดขั้นที่ 3,4 แต่ 5 เนี่ยไม่แน่ใจ ที่แน่ๆคือขาดเมีย -*-
ปัญหาอยู่ที่วิธีการใช้ชีวิตแล้ว
แนะนำให้เปลี่ยนเป็นจอด้านครับ
+5555555555555555
แก้เรื่อง "เงาสะท้อน" สินะ ถถถถ
ฮาเลย
กลับไปทำงาน หางานทำเบาๆ ไปก่อนก็ได้มั้ง จะได้มีไรทำ มีสังคม อยู่บ้านก็เจอจอคอม ฮ่าๆ
แสดงว่ายังไม่รู้จักชีวิต Slow life (แบบไทยๆ)
เจอแบบนี้แนะนำว่าหางานทำเถอะครับ
ผมก็เคย เจ้านายเคยให้ทำงานอยู่บ้าน ตอนแรกก็ลั้นลา ดีอยู่หรอก สักพักเริ่มไม่ไหววังเวงเกิ้น สุดท้ายก็กลับมาทำงาน Office ถึงไม่มีอะไรจะทำก็มานั่งเล่นรอรับปัญหามาให้แก้ แต่ถ้าบริหารดีเกินไปปัญหาก็ไม่มาสักที ก็นั่งตบยุงใน Office แทน แต่ดีกว่านอนอยู่ห้องเยอะ บอกอารมณ์ไม่ถูก
คนเราอยากมีความหมายด้วยกันทุกคน เมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหมายกับคนอื่นก็จะรู้สึกกลวงๆ ข้างใน
ตอนนี้เค้ามีเงินที่ทำได้ทุกอย่าง แต่รู้สึกว่าคนอื่นไม่มีเค้าก็อยู่ได้
ที่เฟลก็คงจะเป็นเรื่องที่คิดว่ามีเงินทำได้ทุกอย่างนี่แหละครับ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ทำให้เพื่อนหรือคนที่อยากร่วมใช้ชีวิตมาอยู่ด้วยในเวลาที่ต้องการได้อย่างที่คิด สาวก็หนีไปอยู่กับคนธรรมดาแทน
Stay hunger stay foolish ศาสดากล่าวไว้
"To live is to suffer, to survive is to find some meaning in the suffering." - Friedrich Nietzsche
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
คนไม่ทำงานคือคนที่ตายแล้ว
ป.ล.แกอาจจะแค่พูดเปรย ๆ ไป แล้วซักพักเปิดตัวแอพใหม่ช่วยเศรษฐีแก้เบื่อก็ได้นะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ท่าทางจะแย่ เฮียแกไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ขนาดจะผุด idea บรรเจิดได้เรื่อยๆ เสียด้วย
ผมว่า Minecraft น่ะแค่เหมือนโชคดีถูกหวย ไม่ใช่ฝีมือเฮียแกเป็นหลักหรอก เกมมันโตได้ด้วยตัวเองเพราะพลังของการ mod
แต่น่าสงสารนะครับ ตรงประโยค "... the biggest effort went into making sure the employees got taken care of, and they all hate me now."
ไปออกเรียลริตี้ลดความอ้วนซะ
ได้หล่อ ได้ชื่อเสียงในวงกว้าง เผลอๆ จะปิ๊งไอเดียทำธุรกิจอย่างอื่นได้อีก
ปรึกษาจิตแพทย์ กินยาแก้ซึมเศร้าปรับ neurotransmitters เดี๋ยวก็กลับมา function ใหม่.
ไม่ค่อยง่ายครับ ... คนดังชั่วข้ามคืนหลายคนเป๋และมีชีวิตที่ย่ำแย่มากๆเพราะเจอโรคของการบริหารชีวิตหรูหราไม่เป็นครับ นักฟุตบาล เศรษฐีใหม่ และคนที่โด่งดังจากเน็ตมักจะเจอปัญหานี้เป็นจำนวนมากครับ
แล้วมันจะนำพาไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวอีกหลายๆอย่างเลยครับ
ปล. เพราะทำงานในวงการบันเทิง รวมถึงอยู่ในวงการที่เจอคนประเภทที่เข้าข่ายมากมาย เลยเห็นว่ามีคนประเภทนี้เกิดขึ้นเยอะครับ .... แล้วที่สำคัญยิ่งกว่าคือเค้าไม่รู้ว่าจะจัดการกับตัวเองได้อย่างไรครับ .... มันกลายเป็นโรคกึ่งๆซึมเศร้าครับ หลายคนเข้าวัดก็ไม่หาย หลายคนปรึกษาหมอก็ไม่ดีขึ้นครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
เปิดมูลนิธิเลยมั้ยครับ ช่วยผู้ยากไร้ ช่วยโลก รักษาธรรมชาติ
เหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้าน่ะคะ กลุ่มคนเหล่านี้เสี่ยงฆ่าตัวตายสูงด้วยสิ
คิดใหม่ทำใหม่ สิ คุณ มี นิ้วเดียวหรือไง พูดเป็นแค่นี้หรือ สิ่งที่แลก ไปก็ สมน้ำสมเนื้อแล้ว นี้
จะว่าไปก็อาจจะจริง ก่อนวิกฤตปี 40 เป็นคนเคยรวย ทำงานงกๆ เงินเก็บตรึม แต่ไม่มีเวลาใช้ ไม่เคยอยากได้อะไร กินข้าวก็กินดึกๆ ในร้านดีๆ คนเดียวไม่เห็นมีความสุขเท่าไหร่ ตอนนี้หนี้บาน เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ชีวิตลันล้ามาก ไม่กลัวห่าอะไรในชีวิตเลย สู้อย่างเดียว 55+
อันนี้ต่างกันนะครับ พอดีเจ้านี้ตอนทำงานงกๆ เงินเก็บไม่ตรึม (แต่ก็เยอะแหละ) แต่ตอนรวย เงินเก็บตรึมนี่งานไม่มีนะครับ
ไปบวชสักพรรษาสิพ่อหนุ่ม