ด้วยความที่ตลาดสมาร์ทโฟนแข่งขันกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซัมซุงก็ย่อมต้องพัฒนาและปรับปรุงสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ให้สามารถขึ้นมาแข่งขันในแนวหน้าได้อย่างไม่เคอะเขินอยู่ตลอดเวลา และสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note ที่ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 5 ทางซัมซุงก็ได้ปรับปรุงและพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ของ Galaxy Note ขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้มาเป็น 5 ฟีเจอร์เด่นๆ ของ Galaxy Note รุ่นที่ 5 นี้
ปีนี้ซัมซุงปรับปรุงดีไซน์ของสมาร์ทโฟนแบบยกเครื่องใหม่หมดตั้งแต่ต้นปี ซึ่งแน่นอนว่ายืนพื้นมายังรุ่นปลายปีอย่าง Galaxy Note 5 ด้วย การออกแบบโดยใช้วัสดุโลหะแบบมันวาว ทำให้ Galaxy Note 5 มีความหรูหราและสวยงามมากกว่ารุ่นก่อนๆ ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันถึงแม้ขนาดหน้าจอจะใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว แต่ด้วยการออกแบบขอบของตัวเครื่องให้โค้งมนและบาง ทำให้ Galaxy Note 5 สามารถถือและใช้งานมือเดียวได้สบายๆ
เมื่อต้นปีซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy S6 ที่ได้รับการยอมรับจาก DisplayMate บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบการแสดงผลของหน้าจอว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอดีที่สุด ครึ่งปีหลังซัมซุงได้สานต่อความสำเร็จนั้นด้วย Galaxy Note 5 ที่ได้รับการยอมรับจาก DisplayMate เช่นกันว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีการแสดงผลหน้าจอดีที่สุดในตอนนี้
หน้าจอ Galaxy Note 5 ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED และได้รับการยอมรับจาก DisplayMate ว่าเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดในแทบจะทุกประเภทของการทดสอบ เช่น แสดงความถูกต้องของสีดีที่สุด และมีความสว่างสำหรับสู้แสงแดดมากที่สุด ขณะเดียวกันก็สามารถปรับให้มืดได้มากที่สุด สามารถใช้งานในที่มืดได้โดยไม่แสบตา
จุดเด่นและจุดขาย ของ Galaxy Note ที่มีเหนือ Galaxy รุ่นอื่นๆ คือ S Pen ซึ่งใน Galaxy Note 5 นี้ ซัมซุงได้ปรับปรุงลูกเล่นและเพิ่มฟีเจอร์ให้ S Pen ให้ด้วยเช่นกัน
ฟีเจอร์ Air Command ถูกปรับปรุงหน้าเมนูใหม่ให้เรียบขึ้น พร้อม 3 ฟังก์ชันหลักๆ คือ Action memo สำหรับจดบันทึกโน้ต Smart Select จับภาพหน้าจอหรือบางส่วนของหน้าจอ และสุดท้ายคือ Screen Write เขียนโน้ตลงบนหน้าจอ โดยซัมซุงเพิ่มความสามารถ Scroll Capture หรือการเก็บภาพหน้าจอได้หลายๆ หน้าและเซฟเป็นภาพเดียวมาด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือ Screen-off memo ที่สามารถเขียนโน้ตต่างๆ ลงบนหน้าจอได้แม้หน้าจอจะล็อคอยู่ก็ตาม เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้เวลาต้องการจะจดโน้ตแบบทันที เพียงแค่กด S Pen ออกมาและเขียนลงบนหน้าจอเท่านั้น
Galaxy Note 5 มาพร้อมกับกล้องหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อม OIS และ HDR แบบเรียลไทม์ และด้วย f แค่ 1.9 ช่วยการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Galaxy Note 5 ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
ขณะที่กล้องหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีความกว้างถึง 120 องศา ตอบโจทย์ผู้ที่ชอบเซลฟี่ พร้อมทั้งฟีเจอร์ HDR แบบเรียลไทม์เช่นกัน
ด้านวิดีโอ Galaxy Note 5 มีฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถรวมวิดีโอหลายๆ วิดีโอเข้าด้วยกันและแบ่งออกเป็นหลายๆ ช่องในลักษณะเดียวกับภาพนิ่งได้โดยไม่ต้องออกจากแอพกล้องเลย
แบตเตอรี่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในยุคที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ ใน Galaxy Note 5 นอกจากผู้ใช้จะไม่ต้องรอนานกับการชาร์จผ่านสายด้วยเทคโนโลยี AFC (Adaptive Fast Charging) แล้ว ซัมซุงยังปรับปรุงเทคโนโลยีในการชาร์จไร้สายให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐาน WPC (Wireless Power Consortium) และ PMA (Power Matter Alliance) ทำให้ผู้ใช้สามารถชาร์จ Galaxy Note 5 ผ่านแท่นชาร์จไร้สายรุ่นใหม่ โดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง ซึ่งรวดเร็วกว่าเดิมถึง 1 ชั่วโมงด้วยกัน
Comments
ฟีเจอร์เด่นที่หก: ใส่ปากกากลับด้านแล้วเครื่องพัง
ไม่ใช่เครื่องพัง เซนเซอร์ตรวจจับปากกาพังเฉย ๆ
รู้ครับว่าเล่นมุก แต่กลัวคนที่เขาเข้ามาอ่านแล้วไม่รู้จะเข้าใจว่าเครื่องพังจริง ๆ
เครื่องไม่สมบูรณ์มากขึ้น ยังไงต้องเข้าศูนย์ไปซ่อมอยู่ดี
ถ้าฟังก์ชั่นหลักเสียหาย มันก็คือพังนั้นแหละครับ
เพียงแต่ไม่ได้กระทบกับการใช้งานหลักเท่านั้นเอง
ต้องเอาไปเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนอะไหล่ก็คือพังล่ะครับ
3 reply ข้างบน รอบ ๆ ตัวผมหลายคนเข้าใจว่าใส่ปากกากลับด้านปุ๊ปเครื่องจะพังในทันที แบบแฮงค์ไปเลยแบบนี้ จุดต้นตอก็มาจากอ่านจากอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะครับ เพราะเห็นคนเมนท์ทำนองว่าใส่ปากกากลับดานแล้วเครื่องจะพัง เซนเซอร์พังกับเครื่องพังมันไม่เหมือนกันสักหน่อยครับ
ถ้า ใส่ปากกากลับด้านจะทำให้เครื่องพัง เซนเซอร์หัก = เครื่องพัง
งั้น
ผมเก็บไปคิดคืนนึงแล้วครับ ยังไงก็คิดว่าเซนเซอร์พัง = เครื่องพังไม่ได้ครับ
ยกตัวอย่างแบบนั้นก็ไม่ถูกทีเดียวนะครับ
ผมว่ามันเหมือนกับรถมี 5 เกียร์ แต่ว่าเข้าเกียร์ 5 ไม่ได้แบบนี้มากกว่า
ในกรณีนี้คิดว่าเครื่องพังเหมือนกัน
もういい
ผมลองยกตัวอย่างโดยใช้ตรรกะเดียวกันกับ เซนเซอร์พัง = เครื่องพัง เฉย ๆ ครับ ผมว่าเกียร์มันมีความสำคัญกับรถมากเลยนะครับ เซนเซอร์ตรวจจับปากกามันแค่ฟังชั่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเครื่องเองครับ งั้นเปลี่ยนเป็นเซนเซอร์ตรวจเข็มขัดนิรภัยก็แล้วกันครับ
ขอบคุณสำหรับข้อท้วงติงครับ
โดยหลักๆ ผมก็เห็นด้วยกับคุณนะครับ ถ้าจะพูดถึงว่าอะไรพังถ้าจำเป็นก็ควรระบุชัดเจนไปเลยแหละครับเพื่อความเข้าใจในแต่ละกรณี แต่ของพังยังไงมันก็คือของพัง ถ้าพังแล้วต้องเอาไปซ่อมนั่นก็คือของพังครับ
ในโลกแห่งความเป็นจริงบางอย่างเวลาคุยกันคนก็อาจจะพูดแค่รวมๆ เช่นรถพังบางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรพังแต่รู้แค่ว่าเจ้าของเอาไปซ่อม บางทีการจะพูดลงลึกถึงรายละเอียดมันก็ดูจะเสียเวลาเกินไปและทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับคู่สนทนาว่าจะมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ และจำเป็นต้องอธิบายไปถึงรายละเอียดหรือเปล่า การบอกว่ารถพังก็ดูจะเป็นการพูดที่ทำให้เข้าใจง่ายและกระชับเพียงพอแล้ว
ประเด็นของผมคือคำนี้ทำให้คนหลายคนเข้าใจผิดน่ะสิครับ
ผมว่าคงขึ้นอยู่กับว่าคนจะใส่ใจหารายละเอียดของข้อมูลกันมากแค่ไหนครับว่าพังยังไงอะไรพัง เรื่องคำว่าพังผมว่ามันก็ใช้ได้แบบคำพูดทั่วไปตามแต่กรณี อย่างกรณีนี้คำว่าเครื่องพังผมว่ามันก็ยังใช้ได้นะ เครื่องพังมันไม่จำเป็นต้องพังมันก็ไม่จำเป็นต้องพังย่อยยับจนถึงขั้นใช้งานไม่ได้ถึงจะเรียกว่าเครื่องพัง ซึ่งตรงนี้ก็พูดรวมถึงสิ่งของอื่นๆ ด้วยนะครับ อย่างเมาส์พังเพราะปุ่มคลิกขวาพังผมก็เรียกว่าเมาส์พัง
เครื่องงอ = เครื่องพัง หรือเปล่าครับสำหรับคนไม่ใส่ใจในรายละเอียด
สำหรับผม คนที่ใส่ใจในรายละเอียด = คนชอบ Samsung
มันจะเป็นเสต็ปธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้วมั้งครับบางคนแค่สงสัยรับรู้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ซึ่งก็ต่างจากคนที่สนใจที่จะซื้อเครื่องนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะมีการถามต่อหรือหาข้อมูลต่อ จะสรุปว่าคนที่ไม่สนใจข้อมูลตรงนี้คือคนที่มีคติกับ Samsung ก็ดูจะเป็นการด่วนตัดบทสรุปเกินไป มันมีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่จะไม่ต้องการรู้รายละเอียดตรงนี้
อย่างเรื่องเครื่องไอโฟนงอมันก็ทำให้ผมชั่งใจแล้วก็หาข้อมูลจนมั่นใจระดับหนึ่งถึงได้สั่งซื้อไป เรื่องไอโฟนงอคือไอโฟนพังอันนี้คือเรื่องจริง สามารถเอาไปเคลมและอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันโดยเครื่องนั้นต้องผ่านการทดสอบตามไกด์ไลน์
แถมให้ด้วยอีกอย่าง กล้องไอโฟน 6 Plus พังจริงๆ ก็มีครับ
ขอบคุณครับที่เสียเวลามาตอบ ทำให้ได้เข้าใจว่าผมด่วนสรุปเรื่องอคติไป
แต่อย่างไรก็ดีผมมีความเห็นต่าง iPhone งอ /= iPhone พัง ครับ
ถ้าเครื่องยังทำงานได้ จอกดติด แบตไม่งอจนระเบิด มันก็ยังไม่พัง จะเข้าศูนย์หรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับเรา แต่ถ้าเครื่องมันไฟลุกอันนี้พังแล้วครับ ซึ่งอันตรายกว่าเสียบปากกาผิดมาก แต่ท่านที่ไม่สนใจในรายละเอียดก็คงไม่คิดว่ามันอันตรายมากน้อยกว่าการเสียบปากกาผิดสักเท่าไหร่ ซึ่งสำหรับผมเรื่องเสียบปากกาผิดแล้วเซนเซอร์เจ๊งมันก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถ้า Samsung ซ่อมให้ฟรีก็จะเอาไปซ่อม แต่ถ้าไม่ฟรีก็แล้วไม่ซ่อมเครื่องก็ยังใช้ได้ ก็ไม่ต้องซ่อม เหมือนกันกับ iPhone ถ้ามันไม่งอจนแบตระเบิด ก็ไม่เห็นต้องซ่อม ถ้ามันไม่ฟรีครับ
มันก็คงเหมือนกับที่ว่าทำไมเวลารถชนมีรอยถลอกรอยบุบ ไม่ว่าจะในกรณีบุบมากบุบน้อย ส่วนใหญ่ต้องเอาไปซ่อมไปทำสีทั้งๆ ที่มันก็ยังใช้งานได้ดีเหมือนก่อนหน้า เรื่องที่คุณจะตัดสินว่าอันไหนพังไม่พังตรงนั้นคงเป็นทัศนคติส่วนตัว
อย่างกรณีไอโฟน โทรศัพท์มันไม่ได้สร้างมาให้ใช้งานแบบงอๆ แบบนี้ตั้งแต่แรก ถ้ามันงอแล้วเอาไปเข้าศูนย์เพื่อขอพิจารณาเคลมก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร ก็คงแล้วแต่ใครจะพิจารณาส่งศูนย์หรือเอาไปซ่อม เหมือนที่เคยเห็นหลายคนยังใช้มือถือแบบจอแตกๆ อยู่ รู้สึกแปลกใจนิดๆ ตรงที่ว่าถ้ามันไม่งอจนแบตระเบิดตรงนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่างอแค่ไหนแบตถึงจะระเบิด ถ้ารอจนมันระเบิดก่อนก็คงไม่ต้องคิดถึงการซ่อมแล้วล่ะครับ
ส่วนที่บอกว่าไม่สนใจในรายละเอียด(หมายถึงผมไม่สนใจในรายละเอียดที่เครื่องงอหรือเปล่า?) ถ้าใช่ผมก็จะบอกว่าผมสนใจครับ แต่ผมยอมรับความเสี่ยงกับเรื่องนี้ และจากที่แต่ก่อนเคยกังวลมากว่าเครื่องมันจะงอง่ายเปราะบาง พอผ่านการเอาไปปีนเขามาแล้วรอบนึงก็พบว่ามันไม่ได้บอบบางขนาดนั้นสามารถใช้งานได้ปกติในแบบ lifestyle ของผม
สรุปในทัศนคติของผมคือของที่มีรูปร่างผิดเพี้ยนไปจากเดิมโดยไม่ได้เป็นความตั้งใจของผู้ใช้งานหรือมีฟังก์ชั่นที่ผิดปกติก็ถือว่าเป็นของพัง ของมีตำหนิหรือบกพร่อง จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งเจ้าของจะตัดสินใจยังไงก็คงเป็นความเห็นส่วนตัวของแต่ละคน
ครับ ต่างคนต่างมีแนวความคิด มีทัศนคติส่วนตัว ไม่เหมือนกันสักคน รวมถึงคำว่าพัง แม้ยังใช้ได้บางคนก็จะเรียกว่ามันพังแล้ว อีกคนก็จะบอกว่าเป็นแค่นี้เรียกว่ามีตำหนิไม่พังสักหน่อย ความพังไม่พังมันอยู่จิตของแต่ละคนที่จะกำหนดให้ความสมบูรณ์แบบของสภาพของสิ่งต่าง ๆ ที่ตนรับรู้ ความต้องการความสมบูรณ์แบบอย่างมากของจิตย่อมทำให้ความพังเกิดได้ง่ายกว่าจิตที่ต้องการน้อยกว่า แต่ในความต้องการความสมบูรณ์แบบกลับสามารถยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบได้ถ้ามีความรักต่อสิ่งนั้น ๆ รุนแรงกว่า เช่น การยอมรับว่ามีความเสี่ยงในสิ่งที่มีอันตรายมากกว่าสิ่งที่มีอันตรายน้อยกว่าเพราะไม่ได้รักในสิ่งที่อันตรายน้อยกว่า ความต้องการความสมบูรณ์แบบก็จะไม่ยอมรับสิ่งที่อันตรายน้อยกว่าที่ไม่ได้รักมากกว่าสิ่งที่อันตรายมากกว่าที่รักนั้นเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรักทำให้สามารถก้าวข้ามจิตตนเองทำให้เกิดการย้อนแย้งได้ในทุกผู้ทุกคนซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาครับ
แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่จะตัดสินว่าเครื่องนั้นอุปกรณ์นั้นมีปัญหาหรือเปล่า เขายึดหลักฐานทางกายภาพโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์ที่สามารถชั่งตวงวัดได้เป็นหลักครับ
ถูกต้องครับ และจิตของคนก็เลือกที่จะยอมรับในบางสิ่งแต่ไม่ยอมรับในบางสิ่ง และเลือกที่จะเรียกบางสิ่งทั้งชิ้นว่าพังทั้งที่แค่บางส่วนมีเท่านั้นที่พัง เพราะจิตปรารถนาอยากจะเรียกเช่นนั้นโดยไม่สนใจหลักฐานทางกายภาพ ด้วยหวังผลบางอย่างครับ
คนแขนหัก = คนพัง = คนป่วยมากกว่านะครับ
อันที่จริง เอาสิ่งที่มีชีวิตไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตมันก็ไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไหร่นัก ขอบคุณครับ
ผมแค่อยากจะ Note ไว้สั้น ๆ ว่า "ใส่ปากกากลับด้านแล้วเครื่องพัง" มันเป็นแค่มุกของความเห็นที่ 1 เท่านั้นเองครับ สิ่งที่เขาคอมเมนท์ไม่ได้เป็นความจริง เพราะมันไม่ได้พัง แค่ปากกาติด และต้องฝืนที่จะดึงมันออกมาเซนเซอร์ถึงจะพัง ผมกลัวคนที่เข้ามาอ่านแล้วไม่รู้เฉย ๆ ครับ ไม่ได้จะก่อความวุ่นวายนะครับ
มิใช่น้อยๆๆ 555
ผมว่ามีคนอย่างนี้อยู่แหล่ะ โลกถึงได้น่าสนุก
'มีจุดยืนที่ชัดเจน เห็นต่างแต่ไม่รุนแรง'
ข้าน้อยขอคารวะ
ถ้างั้นควรจะบอกว่า
จุดเด่นของรุ่นนี้คือ ถ้าเสียบปากกาผิดด้านแล้วดึงออกมาทำให้เซ็นเซอร์ตรวจจับปากกาหัก
พอหักแล้วใช้ฟังก์ชั่นปากกาไม่ได้ ต้องเอาไปเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนเซ็นเซอร์ ถึงจะใช้งานได้
แบบนี้ถูกไหมครับ
(ไปพูดให้เพื่อนฟัง เพื่อนผม มึงจะพูดให้ยาวทำไม ก็บอกเครื่องพังก็จบ 555)
+1
กะจะมาเล่นพอดี ถถถถถถถถถถ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ยังครับ ใส่กลับด้านแล้วยังไม่พัง จนกว่าคุณจะดึงมันออกมา... แคร๊กกก
มีคนไปลองเอาปากกาใส่กลับด้านที่เครื่องเดโมตามศูนย์แล้วหรือยังครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ทำไม่ได้ครับ s pen เครื่องตัวโชว์จะหุ้มที่ยึดปากกาที่ปลายด้ามแล้วพ่วงสายยึดไว้ดังนั้นใส่ไปมันก็จะใส่ไม่ได้สุดครับ ซึ่งใส่ไประดับนั้นมันยังไม่โดนเซ็นเซอร์ยึดไว้เลยดึงออกมาง่ายๆได้เลย
แถวบ้านเรียกพังนะ เสียบปากกาผิด ทำเซ็นเซอร์หัก ฟังชั่นไม่ทำงาน
ไม่เรียกพังแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ แถมเป็นจุดขายของเครื่องอีก
แถวบ้านผมเรียกเซนเซอร์พังไม่ใช่เครื่องพังครับ อย่าง iPhone งอก็ไม่ใช่ iPhone พัง นอกจากจะเปิดไม่ติดอันนั้นจึงจะเรียกว่าเครื่องพังครับ
งั้นไปซื้อ s6 ไม่ดีกว่าหรอ
ปล.ว่าแล้วต้องมา ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้น้อ
ขอบคุณที่ให้ความสนใจในความเห็นของผมครับ ถ้ามีเวลาจะโต้แย้งด้วยเหตุผลผมพร้อมรับฟังและพร้อมที่จะเสนอความคิดของผมด้วย และถ้าความเห็นของผมไม่ถูกใจท่านก็ต้องขอให้ท่านทำใจ เพราะมันเป็นธรรมดาที่เมื่อมีการแสดงความในสังคมย่อมมีความเห็นต่าง ด้วยเหตุที่มนุษย์แต่ละคนมีประสพการณ์ไม่เหมือนกันย่อมมีความคิดและการแสดงออกไม่เหมือนกัน ซี่งย่อมนำมาซึ่งความขัดแย้ง การโต้เถียงกันด้วยเหตุผลย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดคือเสียแค่อารมณ์ และเมื่อท่านมีความฉลาดทางอารมณ์เพียงพอก็จะตัดอารมณ์ออกไป และมุ่งไปสู่การใช้เหตุผล นำมาซึ่งประโยชน์มากกว่าครับ
เข้าเรื่องครับ ผมเสนอว่าคำว่าพังทั้งชิ้นนี้เป็นการกล่าวหาเกินไป ตัว Note 5 ที่เซนเซอร์ตรวจจับปากกาว่าเสียบในเครื่องพังมันก็ยังเขียนหน้าจอได้เหมือนเดิม จะเรียกว่าเซนเซอร์พังแล้วเครื่องจะเสียความสามารถในการเขียนจอให้กลายเป็นเขียนไม่ได้เหมือนเครื่องโทรศัพท์ที่ไม่มีสไตลัสนั้นมันไม่จริงมั้งครับ
ปล. เมื่อมีการคุยกันด้วยเหตุผล เมื่อมีความเห็นที่มีเหตุผลซ้ำเดิม ผมก็มายืนยันความเห็นต่าง ดังนั้นการมาตอบความเห็นของผมมันน่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการถูกหวยเยอะมากนะครับผมว่า
+1
ไม่ขอตัดสินว่าถูกหรือผิด (และไม่คิดว่าการตัดสินถูกผิด มันจะสร้างประโยชน์อะไร) แค่อยากจะบอกว่าชอบวิธีคิดครับ
รู้สึกอยากได้ก็ screen off memo นี่แหละ เป็นข้อเดียวจริง ๆ
วันที่ 9 เลยนะ ถถถถถถ
ออกแบบมา 5 รุ่นแล้ว เรื่องปากกานี่ไม่น่าพลาด.....ปล่อยลงตลาดมาได้ยังงัย
ของที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติวิสัยของมันก็คือ "พัง" ครับไม่มีความปกติวิสัยใดๆที่จะไปอธิบายว่าส่วนไหนพังเวลาสื่อสารกับคนทั่วๆไป ส่วนมากก็เรียกรวมๆกันแบบจำกัดความเข้าใจง่ายๆก็คือ "พัง" ครับ ไอ้ส่วนที่ว่าจะพังยังไงส่วนไหนพังเป็นเรื่องที่จะถามกันลงลึกเข้าไปอีก
ซื้อมาแล้ว ใช้โปรผลประโยชน์ทับซ้อน
ทรูลด 2,000 + AIS ลด 4,000
เหลือ 19,900 ผ่อน 0% 10 เดือน แพงกว่า note 4 นิดเดียวเอง คุ้มมั่กๆ