เราคงเคยเห็นภาพถ่ายที่มืออาชีพถ่ายกันสวยๆ แล้วอยากจะถ่ายได้บ้าง ครั้นจะซื้อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเพื่อการใช้งานทั่วไป และซื้อกล้องอีกหนึ่งตัวมาถ่ายรูปก็ดูจะสิ้นเปลืองเกินไป วิธีแก้ปัญหานี้คือซื้อสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว แล้วใช้มันเหมือนกล้องระดับโปรได้เลย ซึ่งสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นก็คือ Samsung Galaxy S6 edge+ นั่นเอง
กล้องหลังของ Galaxy S6 edge+ มาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรูรับแสงกว้างถึง f/1.9 ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี ในฝั่งซอฟต์แวร์กล้องมีโหมดให้เลือกปรับมากมาย รวมถึงโหมด Pro ให้ผู้ใช้ปรับค่าต่างๆ ของกล้องได้อย่างอิสระ ดังนี้
ผลจากการที่ผู้ใช้สามารถปรับค่าต่างๆ ได้ตามใจชอบนั้น ทำให้สร้างสรรค์ภาพได้หลากหลายเหนือกว่าโหมดออโต้ในกล้องสมาร์ทโฟนทั่วไป เช่นการถ่ายภาพโดยตั้งความเร็วชัตเตอร์ให้เร็วมากๆ จะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของวัตถุในเฟรมได้นิ่งสนิท จะได้ภาพที่แปลกใหม่เหมือนกับที่กล้องโปรถ่ายได้
จากวิดีโอ เช่นจังหวะที่น้ำจากแก้วกระฉอกออกมา ความเร็วชัตเตอร์ถูกตั้งไว้ที่ 1/750 วินาที และ ISO ที่ 800 ก็เพียงพอต่อการหยุดการเคลื่อนไหวของน้ำให้นิ่งสนิทได้แล้ว
หรือจังหวะที่ดีดสีจากพู่กัน ความเร็วชัตเตอร์ถูกตั้งไว้ที่ 1/500 วินาที และ ISO ที่ 800 แม้ละอองสีจากพู่กันจะยังไม่หยุดนิ่ง แต่ก็ได้มุมมองแปลกใหม่ เหมือนกับว่าละอองสียังเคลื่อนไหวอยู่นั่นเอง บวกกับความละเอียดกล้อง 16 ล้านพิกเซล ทำให้เก็บรายละเอียดภาพได้ครบถ้วน
มาดูการถ่ายภาพโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ กันบ้าง การถ่ายภาพแบบนี้เป็นที่นิยมเวลาต้องการภาพที่แสดงถึงความเคลื่อนไหว มีชีวิตชีวา
จังหวะที่ถ่ายไฟเย็น หากใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงก็จะได้ภาพที่เป็นเพียงจุดฝอยๆ ไม่มีอะไรเด่น แต่พอปรับให้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำลงก็เท่ากับการเปิดรับภาพนานขึ้น เมื่อวัตถุมีการขยับก็จะบันทึกไว้ทั้งหมด ภาพที่ได้ก็จะเป็นเส้นของสะเก็ดไฟจากไฟเย็นที่ลากยาว แลดูมีความเคลื่อนไหว หรือจะวาดเป็นคำว่า LOVE ก็เท่ไม่เบา วิธีการถ่ายคือให้เปิดชัตเตอร์นานถึง 4 วินาที และใช้ ISO เพียง 50 เท่านั้น เพื่อให้พื้นหลังมืด มีเพียงเส้นไฟที่เด่นขึ้นมา
ภาพจาก Picturesocial
ภาพอีกแนวที่เป็นที่นิยมคือการถ่ายรถยนต์วิ่งแล้วเปิดชัตเตอร์ค้างไว้ราว 5 วินาที เพื่อให้ได้ภาพไฟท้ายของรถยนต์ลากยาวไปตามทาง หลายคนอาจคิดว่าต้องใช้กล้องราคาแพง แต่ Samsung Galaxy S6 edge+ ก็ทำได้เช่นกัน
การมาถึงของ Samsung Galaxy S6 edge+ เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกล้องถ่ายรูปในสมาร์ทโฟน ผลทดสอบจากเว็บไซต์ที่เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์รูปถ่ายอย่าง DxOMark ก็ยกให้ Galaxy S6 edge ที่ออกมาเมื่อต้นปีเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 จนถึงปัจจุบัน
Comments
"ใครๆ ก็ทำได้" ...
ถ่ายภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆ ยังไงก็สู้กล้อง dslr ไม่ได้อยู่ดี ผมถามหน่อย ภาพใน video ถ่ายกันกี่รอบ ถึงจะกดได้พอดีกับภาพแบบนั้น ถ้าใช้กล้อง dslr กด shutter แช่เลยครับ 10 รูป ดีสัก 1 รูป แต่ถ่ายกันรอบเดียวผ่าน ผมก็รับได้แล้ว ไม่ใช้ ทำกับ 10 รอบ เพื่อเอารูปแค่รูปเดียว คงเบื่อไม่ก็วงแตกก่อนได้ภาพละครับ
ผมว่าไม่ควรเอา DSLR มาเปรียบเทียบกล้องมือถือนะครับ
+1
"ใครๆ ก็ทำได้"
แต่ต้องมีขากล้องเท่านั้น
ใช้ Burst mode ในมือถือก็ได้ครับ ถ้าแสงดีๆ ยังไงก็น่าจะได้รูปที่ต้องการไม่ยาก
Burst shot พอทำได้ครับ แต่ยังไงก็ต้องพึ่ง Shutter Speed ที่สูงด้วย
ส่วนคุณภาพรูปไม่ได้แน่นอน
ผมว่าหลักๆ มันขึ้นอยู่กับการจัดแสงนะ ส่วน slow shutter ใครจะถือได้นิ่งๆ 4 วิ 5 วิ คือถ้ารู้เบสิคของการถ่ายภาพ รู้ธรรมชาติของมือถือตัวเอง กล้องมือถือส่วนใหญ่ก็สามารถให้รูปตามที่ต้องการได้ ที่จะแตกต่างกันจริงๆ คือคุณภาพของภาพในสภาพแสงน้อยๆ
ไม่มีปุ่มชัตเตอร์ก็จบอยู่ดี
Coder | Designer | Thinker | Blogger
+1020
Ad นี้เข้าวันที่ 15 พอดี ไม่รุ้จะเกี่ยวกับพรุ่งนี้(วันที่ 16) ที่ทั้งสาม operator จะเปิดจอง 6s ป่าวนะ
อันนี้ผมเล่นกะ Lumia มาจะ 2 ปีแล้วครับ -_- Lumia 520 ด้วยสิ แต่หลังอัปเดตเป็น Lumia Black, speed shutter ได้สูงสุดแค่ 1 วิเอง (ไม่มีผลกับรุ่นเรือธง) เลยไม่นุกเท่าตอนแรกที่ปล่อยให้ใช้ถึง 4 วิ สงสัยตัดออกกลัวเซ็นเซอร์พัง 55
ສະບາຍດີ :)
เข้าใจว่าทำได้จริงและกล้อง S6 เองก็ดี
แต่ใช้จริงเนี่ย (ในชีวิตประจำวัน)
จะได้แบบนี้หรือใกล้เคียง มันก็ยากอยู่นะ
ไม่ใช่เป็นกล้อง S6 แล้วจะทำได้หมด
คนถ่ายก็ต้องมีความเข้าใจด้วย (ฝีมือ ประสบการณ์ แสง สภาพแวดล้อม บลาๆ)
ใครๆก็ทำไม่ได้มากกว่า ภาพสวยให้เป็นเครดิตตากล้อง 85%
ทำไมนึกถึงดราม่า S Pen Competition
อารมณ์แบบ "ใครๆก็วาดรูปสวยได้ แค่ใช้ S Pen"
คิดเหมือนกันเลยครับ
รักนะคะคนดีของฉัน
+1 ใช่ๆ พอจะลืมๆ ซัมซุงก็มา remind ให้ซะเอง
Pro นี้ที่นี้ คือ Pro กว่า คนทั่วไปที่มักใช้โหมด auto ใช้ป่ะ
จากคนที่ไม่รู้เรื่องกล้องอย่างผม
ดูแล้วผมว่าถ้าใช้มือถือเครื่องนี้อย่างผมก็คงถ่ายได้ เพราะมันดูง่ายกว่ากล้องจริงจัง
แต่คงมีปัญหาในเรื่องการจัดแสงให้มันออกมาสวยซะมากกว่า
...ถ้าคุณถ่ายกับมือถือได้ กล้องจริงๆ คุณก็ถ่ายได้ครับ เเถมดีกว่าด้วย เพราะมันใช้หลักการเดียวกันครับ
เมื่อไหร่จะอัพเดตให้ S6 ฮะ?
ถ้าเป็นพวก manual control ล่ะฝันเถอะครับ เพราะมันเป็นจุดกั๊กไว้สำหรับ note 5, edge plus
เจ๋งครับ Ad เข้าใจง่ายดี ขนาดผมใช้คนละค่าย ดู Ad แล้วรู้สึก มันใช้ง่ายดีนะ ชอบๆ
ถ้าคนถ่ายรูปเป็น จะหาสภาพแสงที่เหมาะ กับการถ่ายเป็นอยู่แล้วครับ ผมไม่ worry เรื่องการจัดแสง ของ Ad
นั่นถึงเป็นข้อแตกต่างระหว่างช่างภาพ กับผู้ใช้ทั่วไป อยู่แล้ว
. . ถ่ายภาพแบบมือโปร ใครๆก็ทำได้ครับ กล้อง SS พร้อมแล้วจาก Ad นี้ ที่เหลืออยู่ที่หาแวดล้อมที่เหมาะสมให้ได้ภาพที่สวยงาม
เชียร์นะ จาก iPhone User : )
ที่ผมคาใจยังไม่หายคือการโฆษณาโดยเอารูปที่ไม่น่าจะเป็นการถ่ายจากกล้องตัวนี้มาใส่เข้าไปในบทความนี้ด้วยครับ ในรูปสุดท้ายทั้งโบเก้ของหลอดไฟที่ดูอลังการและ DR ที่สูงจนยากที่จะเชือว่าถ่ายโดยมือถือ ตรงนี้มันเหมือนจะทำให้ความคาดหวังมันที่จะได้รูปแบบนี้สูงเกินไปหรือเปล่า
งานถนัดของ Samsung ครับ เอารูปมาใส่ แล้วก็ไม่บอกรายละเอียดอะไรมาก
ปล่อยให้คนดูคิดเอาเอง
เป็นสาเหตุนึงที่แม้ว่าใครจะชื่นชมว่าแบรนด์นี้ดีแค่ไหน ผมก็ซื้อใช้ไม่ลง ผมเกลียดการตลาดแบบนี้ครับ
รูปสุดท้ายยังไงก็ต้องเข้า PS หรือ LR หรือไม่ก็ต้องผ่าน App สักตัว
ไม่งั้นทำสีแบบนี้ไม่ได้แน่นอน มันไม่ได้แค่ปรับโทนสีตามที่หัวข้อข้างบนว่ามาหรอก
แล้วไปดูที่เว็บต้นทางก็ไม่เห็นจะบอกว่าเป็นรูปที่ถ่ายมาจากมือถือ EXIF ก็ไม่มี
สรุปว่า S6 Edge+ ทำแบบนี้ได้ แต่ไม่ใช่รูปนี้ จบข่าว
+1 ไม่ชอบการตลาด Samsung
ผมยอมรับว่าไม่เคยลองใช้ iOS เลย ไม่ใช่ไม่ชอบ
แต่หลายๆ อย่างมันไม่เหมาะกับผมแค่นั้น
จะว่าไปก็จริง ผมไม่ได้สังเกตเลย ขอบคุณครับที่ทักท้วง หากจริงล่ะก็จบกันเลย : (
ใคร ๆ ก็ถ่ายได้นี้มันโฆษณาเกินจริงไปหรือเปล่า เห็นใน Droidsans เค้าก็ลองทำยังไม่เห็นออกมาสวยอย่างนี้เลย มันต้องมีทั้งความรู้ ทั้งฝีมือ ทั้งสถานที่ ทั้งสภาพแวดล้อม ตัวแปรมันเยอะจะตาย ตัวกล้องมันเป็นแค่ตัวแปรเดียวไม่น่าจะทำให้มันประโยคนี้จริงได้เลย ใครคิดนี้
ยุคนี้โทรศัพท์เน้นถ่ายรูปมากกว่าใช้ติดต่อสื่อสารละ