ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสร่วมฟังสินค้าในหมวด Hi-Res Audio ประจำปี 2015 ของทาง Sony ก็เลยจะมาแชร์ข้อมูลที่ได้รับมา และประสบการณ์การทดลองฟังเสียงครับ
เนื่องจากผมคิดว่าอาจมีเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านที่ไม่ได้ติดตามเรื่อง High Resolution Audio มาโดยตลอด ผมจึงเขียนบทความนี้ใหม่ โดยยึดตามบทความที่ผมเขียนไว้ที่บล็อกของผมนะครับ
ก่อนเข้ารายงาน ต้องขอเท้าความเกี่ยวกับสินค้า Hi-Res Audio ของ Sony กันก่อนนะครับ
สินค้ากลุ่ม Hi-Res Audio ของ Sony เริ่มต้นมาจากที่ค่ายเพลง Big Three (ได้แก่ Universal Music, Warner Music และ Sony Music) และกลุ่ม Consumer Electronics Association (CEA) ต้องการผลักดันรูปแบบไฟล์เพลงความละเอียดสูงขึ้นมา ทำให้ Sony Electronics เริ่มผลิตสินค้าที่ออกแบบให้สามารถเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูงนี้ขึ้นมา โดยเริ่มต้นจับตลาดในกลุ่มผู้ใช้ Music Lover ซึ่งรักในการฟังเพลงและใส่ใจกับคุณภาพของอุปกรณ์ที่ใช้ฟังเพลงในระดับหนึ่งก่อน หนึ่งในสินค้าตัวที่ใช้บุกเบิกก็คือ Walkman ZX1 ในปี 2013
ปี 2014 ด้วยความสำเร็จในการเข้าถึงกลุ่ม Music Lover ทาง Sony เริ่มเปิดตลาดกลุ่ม Audiophile หรือที่เรามักรู้จักกันในนามกลุ่ม "หูทอง" ด้วยสินค้าที่ออกแบบเน้นในเรื่องของน้ำเสียงมากขึ้น เช่น Walkman ZX2 หูฟัง XBA-Z5 และ MDR-Z7
ในปี 2015 เนื่องจากในกลุ่ม Audiophile เริ่มมีการแข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทาง Sony เห็นว่า ควรจะนำสินค้ากลุ่ม Hi-Res Audio ไปเปิดในกลุ่มผู้ใช้กลุ่มใหม่คือกลุ่มผู้ใช้ธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ได้สนใจในเรื่องเทคนิค สนใจเพียงแค่มีเพลงฟังก็พอแล้ว จึงเป็นที่มาของสินค้า Hi-Res Audio ประจำปีนี้ของทาง Sony ครับ
หมายเหตุ เนื่องจากเวลาในงานมีค่อนข้างจำกัด ผมจึงไม่ได้ใช้เวลาลองกับสินค้าแต่ละอย่างเยอะมาก รวมทั้งของที่นำมาให้ลองก็เป็นสินค้าใหม่ ผลการทดลองฟังที่ได้อาจไม่ถูกต้อง 100% ครับ
h.ear (อ่านว่า "เฮียร์") เป็นหูฟังตระกูลใหม่ที่ทำมาจับในกลุ่มตลาดคนฟังเพลงทั่ว ๆ ไป เน้นในเรื่องของงานออกแบบที่ใช้สีเพียงสีเดียวบนตัวหูฟัง เพื่อให้ดูสวยงามและมีเอกลักษณ์ โดยไม่ละทิ้งคุณภาพเสียงตามสไตล์สินค้า Hi-Res Audio ของ Sony
หูฟังตระกูลนี้จะประกอบไปด้วย หูฟังแบบครอบหู h.ear on หูฟังแบบสอดหู h.ear in และหูฟังสอดหูที่มีระบบตัดเสียงรบกวน h.ear in NC
h.ear on หรือ MDR-100AAP ซึ่งเป็นหูฟังแบบครอบหู ที่ถูกวางตัวมาแทนตัว MDR-10R ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2013 วัสดุตัวหูฟังจะทำจากพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตรงโครงสร้างหลักของก้านและตัวคัพด้านนอกที่เป็นโลหะ
แพดหูฟังมีขนาดค่อนข้างเล็กกว่า MDR-1A แต่ก็สามารถครอบใบหูขนาดกลาง ๆ ของผมได้ ตัวขับใช้ไดอะแฟรมที่เคลือบไทเทเนียมไว้ ทำให้สามารถตอบสนองความถี่ได้ในช่วง 5 - 60,000 Hz ได้
เรื่องของเสียงนั้น ทาง Sony แจ้งว่า จะมีลักษณะคล้าย MDR-1A คือ ปริมาณเบสไม่เยอะ กลางออกโปร่ง ๆ หวาน ๆ แต่เสียงแหลมของ h.ear on จะไม่ได้แหลมมากนัก ซึ่งเมื่อเทียบกับหูฟังแฟชั่นตัวอื่น ๆ ในท้องตลาด หรือแม้กระทั่ง MDR-10R เอง ที่จูนเสียงเน้นฟังมัน ๆ ไว้ก่อน ก็ยอมรับว่า Sony กล้าทำแนวเสียงแบบนี้กับหูฟังตัวนี้ครับ
ลูกเล่นอีกอย่างของ h.ear on คือสามารถเปลี่ยนสายที่ติดมาไปใช้งานสายอัพเกรดต่าง ๆ ของ MDR-1A ที่เป็นหูฟังรุ่นใหญ่กว่าได้ ซึ่งก็รวมไปถึงสายสำหรับการเชื่อมต่อแบบ balanced กับแอมป์ PHA-3 อีกด้วย
h.ear in หูฟังแบบสอดหูที่ใช้ตัวขับไดนามิคขนาด 9 มม. ที่ออกแบบมาใหม่ ร่วมกับท่อนำเสียง ในตัวถังรูปทรงขวดชิ้นเดียว ทำให้สามารถตอบสนองความถี่ได้ถึง 40,000 Hz สายหูฟังจะเป็นแบบแยกกราวด์ซ้าย - ขวาเพื่อลด cross talk และมาพร้อมปุ่มควบคุมและไมโครโฟน สำหรับใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android และ iOS
เรื่องของเสียง h.ear in นั้นจะเน้นในช่วงเสียงกลางและแหลมเป็นหลัก แต่เสียงแหลมนั้นฟังดูนุ่มนวล ไม่แสบหูมากนัก
หูฟังตัวสุดท้ายที่ได้ลองฟังในงานคือ h.ear in NC หรือ MDR-EX750NA ซึ่งได้เพิ่มเติมระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก Digital NC เข้ามา ความพิเศษของเจ้า h.ear in NC คือ Digital NC นั้นถูกออกแบบใหม่มาให้รองรับการประมวลผลเสียงในความละเอียดสูงได้
ตัวหูฟังจะเพิ่มไมโครโฟนรับเสียงมาให้ข้างละ 2 ตัว เพื่อให้ฟังเสียงจากภายนอก เพื่อนำมาสร้างสัญญาณเสียงกลับเฟส เอาไปหักล้างกับเสียงภายนอกที่ได้ยิน
เรื่องของเสียง ผมคิดว่าเสียงออกมาใกล้เคียงตัว h.ear in ปกติมาก แต่รู้สึกว่าเสียงแหลมมันจะมีน้อยกว่า ส่วน Digital NC นั้นก็สามารถทำงานได้ดี ลดเสียงรบกวนในบริเวณที่ฟังได้ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างเสียง noise ความถี่สูงที่ในงานเปิดเอาไว้ให้ทดสอบระบบนี้ได้
นอกเหนือจาก MDR-EX750NA แล้ว h.ear in NC ยังมีหูฟังรุ่นย่อยที่มีเฉพาะตัวหูฟังอย่างเดียว แล้วใช้ตัวประมวลผล Digital NC ในอุปกรณ์ ออกแบบมาให้สำหรับ Walkman โดยเฉพาะ คือ MDR-NW750N และสำหรับ Xperia คือ MDR-NC750 ซึ่งนอกจากค่าความต้านทานที่ไม่เท่ากันแล้ว ทุกอย่างก็หน้าตาเหมือนกันหมด
ในงานยังได้มีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ของหูฟัง h.ear เหมือนในประเทศอื่น ๆ ด้วย ซึ่งในบ้านเรา ได้คุณวิโอเลต วอเทียร์ และคุณเล็ก Greasy Cafe มารับหน้าที่นี้ครับ
ส่วนสีของ h.ear ที่มีให้เลือกซื้อนั้น เป็นสีชุดเดียวกับของ Walkman A25 คือ Charcoal Black, Viridian Blue, Bordeaux Pink, Cinnabar Red และ Lime Yellow ซึ่ง MDR-EX100AAP และ MDR-EX750AP จะมีขายทั้งหมด 5 สีที่ว่ามา ส่วน MDR-EX750NA จะมีเฉพาะสี Charcoal Black และ Cinnabar Red และ MDR-NC750 จะมีเฉพาะสีขาวและสีดำซึ่งเป็นโทนสีของสินค้ากลุ่ม Xperia ครับ
Walkman A20 เป็นภาคต่อของ Walkman A10 เมื่อปีที่แล้ว ตัวเครื่องโดยรวมแล้วยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งรูปทรง หน้าตา และ OS แต่เพิ่มความสามารถให้ระบบ Digital NC ภายใน ให้รองรับการประมวลผลเสียงแบบความละเอียดสูงได้ครับ
น้ำเสียงของ A20 จะเน้นในช่วงเสียงเบสและเสียงกลางเป็นหลัก คล้าย ๆ กับ A10 เมื่อปีที่แล้ว ใครที่กำลังมองหาเครื่องเล่นเพลงขนาดเล็กที่ให้น้ำเสียงคุณภาพหน่อย A20 ก็จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะรุ่นขนาด 32 GB ที่มีหูฟัง MDR-NC750 มาให้ด้วย ซื้อทีเดียวได้ พร้อมฟังได้เลย ไม่ต้องไปเลือกหูฟังเพิ่มเติมให้เสีย
Walkman ZX100 เป็น Walkman ที่ถูกวางตัวมาแทน Walkman ZX1 ที่เคยเป็นเครื่องเล่นรุ่นเรือธงประจำปี 2013 และวางตัวให้ชนกับเครื่องเล่นในช่วงราคาไล่ ๆ กัน อย่าง Astell & Kern AK Jr ซึ่งทาง Sony ได้เปลี่ยนแปลง OS จาก Android มาเป็น OS ที่ใช้งานใน Walkman A20 ของ Sony เอง แต่ตัดทอนความสามารถการเล่นไฟล์สื่อประเภทอื่นออก เหลือแต่การเล่นเพลงเท่านั้น
การเปลี่ยนมาใช้ OS ของตัวเองนั้น ทำให้ Sony สามารถเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่เป็นจุดอ่อนใน ZX1 ให้นานขึ้นกว่าเดิมถึง 70 ชม.เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องอ่านการ์ด microSD และระบบ Digital NC ภายในมาให้อีกด้วย (แต่ไม่แถมหูฟัง MDR-NC750 ให้)
ส่วนเรื่องของเสียงนั้น ยังคงแนวเสียงของ ZX1 เหมือนเดิม แต่ถูกปรับให้ดีขึ้น ทั้งเสียงเบสสามารถลงได้ลึกขึ้น เสียงกลางใส ๆ และเสียงแหลมที่คมและเด่นมากขึ้นกว่าเดิม
เบื้องต้นสำหรับคนที่มี Walkman ZX1 อยู่แล้ว ถ้าคุณมีการใช้งานบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งต่าง ๆ อยู่ Walkman ZX100 อาจจะไม่คุ้มค่าแก่การอัพเกรดเท่าไรครับ
สินค้าที่ผมไม่คาดคิดว่า Sony จะนำเข้ามาทำตลาดในไทย ก็คือ CAS-1 ชุดเครื่องเสียงพร้อมลำโพงขนาดเล็กสำหรับคอมพิวเตอร์
ในชุดจะประกอบด้วย Main Unit ที่มีวงจรขยายลำโพงแบบ S-Master HX และวงจร DAC และวงจรขยายสำหรับหูฟังที่นำมาจากแอมป์หูฟังรุ่น PHA-2
และลำโพงที่มีดอกวูฟเฟอร์ขนาด 62 มม. และดอกทวีตเตอร์ขนาด 14 มม. จำนวน 1 คู่ และรีโมทควบคุม 1 อัน
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมมาให้ครบชุด ทั้งสายลำโพง สไปค์รองลำโพง และฐานรองลำโพงทำจากเหล็กหนา 5 มม. ซื้อมาแล้ว แค่ต่ออย่างเดียวก็ฟังเพลงได้เลย ไม่ต้องหาของแต่งเพิ่มอีก
การเชื่อมต่อนั้น รองรับทั้งการต่อสาย USB จากคอมพิวเตอร์หรือ Walkman เข้ามา และ Bluetooth นอกจากนี้ยังสามารถเล่นไฟล์เพลงบนแฟลชไดรฟ์ได้ด้วย
ส่วนเรื่องของเสียงนั้น โดยส่วนตัว ผมฟังแล้ว รู้สึกถูกใจ เพราะเสียงแต่ละย่านออกมาแบบพอดิบพอดี โปร่ง ฟังสบาย ๆ ซึ่งคนที่ใช้หูฟังหรือลำโพงไร้สาย Sony อยู่ แล้วต้องการอัพเกรดไปเล่นชุดลำโพงเล็ก ก็จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ครับ
สำหรับราคานั้น ทาง Sony เคาะมาที่ 35,990 บาท ถ้าเทียบกับลำโพงยี่ห้ออื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน เช่น KEF X300A Wireless ที่มีขนาดใหญ่กว่าและรองรับ DLNA และ B&W MM-1 ที่มีขนาดไล่ ๆ กัน แต่ความสามารถน้อยกว่า ก็จัดว่าสมเหตุสมผลอยู่
นอกเหนือจากเครื่องเสียงบ้านแล้ว Sony ยังได้เปิดตัวเครื่องเสียงรถยนต์ในกลุ่ม Hi-Res Audio ซึ่งทาง Sony ก็โฆษณาว่านี้คือเครื่องเสียงในรถยนต์ชุดแรกของโลกที่รองรับการเล่นเพลงในรูปแบบความละเอียดสูงได้
ในชุดจะประกอบไปด้วยฟร้อนท์ RSX-GX9 ที่ใช้ชิป DAC รุ่น Sabre จาก ESS (ผมดูจากสเปกแล้ว มันคือการย่อเครื่องเสียงบ้านลงไปในฟร้อนท์ขนาด 1 DIN ชัด ๆ)แอมป์ขยายรุ่น XM-GS4 และดอกลำโพง Super Tweeter รุ่น XS-GS1 ส่วนลำโพงสำหรับเสียงย่านอื่นและซับวูฟเฟอร์จะใช้ร่วมกับสินค้าที่มีอยู่แล้ว
แต่น่าเสียดาย ที่เวลาในงานหมด ผมเลยไม่มีโอกาสได้ไปลองฟัง ชุดเครื่องเสียงที่เขาติดตั้งไว้ในรถยนต์ที่จอดในงานครับ
สำหรับสินค้าที่เปิดตัวในงานนี้ หูฟัง h.ear และ Walkman เริ่มวางขายมาได้สักพักนึงแล้ว ส่วน CAS-1 และเครื่องเสียงรถยนต์จะเริ่มจัดจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมที่จะถึงนี้ครับ
Comments
ท้าวความ => เท้าความ
รุปแบบ => รูปแบบ
เรือง => เรื่อง
เสียงของนั้น ?
แฟลชไดร์ฟ => แฟลชไดรฟ์
Consumer Electronics Association ตัวย่อคือ CEA ครับ ไม่ใช่ CES (แต่ถ้าเขียนอธิบายต่อท้ายว่าผู้จัดงาน CES ก็ดีครับ)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เสียง Hi-Res แต่ภาพแรกสุดมันไม่ Hi-Res อ่ะครับ :)
Sony เน้นเสียงธรรมชาติมั้งครับ :-)
Hi-rez ระดับกลางอย่างรุ่น F880 ไร้ทายาทซะแล้วรึ
สินค้าสายนี้มันแพงจับใจดีจริง ๆ
เพิ่มเติม: zx100 กับ zx1 ไม่น่าเทียบกันได้นะ ตัว zx1 นี่มีความยืดหยุ่นการใช้งานมากกว่าเยอะ
ตามสไลด์ของ Sony ตัว ZX100 จะอยู่ต่ำกว่า ZX1 นิดหน่อยครับ เถ้าไม่นับ OS Android ความสามารถเดิมทุกอย่าง + ความสามารถของ ZX2 ถูกนำมาใส่ให้ทั้งหมดครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
ภาพแรกนี่...หูฟังเค้าออกแบบมาสวยทุกสีเลย...เลือกไม่ถูก
เห็นลำโพงนี่ตอนแรกกำลังอยากได้เลย ขนาดกำลังดีไม่เกะกะ
พอบอกราคาเท่านั้นแหละ
พับเก็บ จบ เพราะไม่มีปัญญาซื้อจริงๆครับ
นึกว่าสัก 5-6000 จะกัดฟันซื้อมาอยู่
HiRes นี่ค่อยจับต้องได้หน่อยว่ามันเหนือกว่า ไม่เหมือนพวกหูทองหลอกตัวเอง
Audio overkill? Some question benefits of 'high-res' music
เสียงของลำโพงสู้ mm1 หรือ m2 ได้ไหมคับ ฟังก์ชั่นเยอะน่าสนใจดีอะ
ผมว่าเสียงดีกว่า Music Monitor ครับ เพราะลำโพงตัวใหญ่กว่า พื้นที่ในการฟังมันเยอะกว่า M2 นี้ถ้าเอียงหัวหน่อย เสียงมันก็จะเปลี่ยนแล้วน่ะครับ ต้องฟังใกล้จริง ๆ
ส่วน MM-1 ผมว่าเสียงมันคนละแนวกัน ขึ้นอยู่กับความชอบมากกว่าครับ แต่ Main Unit ของ CAS-1 ลุกเล่นเยอะกว่ามาก เพราะมี DSP ช่วยเรื่องการฟังในระดับเสียงต่ำ ป้องกันรบกวนชาวบ้านตอนกลางคืน กับพวก DSEE HX อะไรแบบนี้ครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
ผมว่าจะโดดไปเล่นมอนิเตอร์แทนละครับ พวก KRK, Presonus อะไรแบบนั้น
ถ้าพวก Pro Monitor คงต้องหา Audio Interface มาพ่วงอีกทีน่ะครับ ซึ่งพวกที่ดี ๆ แต่ละตัว ราคาก็ไปไกลและเกินความจำเป็นสำหรับคนทั่ว ๆ ไปอยู่ ถ้าไม่ได้เอาไปอัดเสียง
เห็นเขียนถึง KRK เห็นตอนนี้ออก Rokit รุ่นใหม่มาแล้ว ดูน่าสนใจอยู่เหมือนกันครับ
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
ตอนนี้ใช้ PodStudio UX2 อยู่ครับ ไม่แน่ว่าอาจจะไปทาง Focusrite หรือ Presonus ในอนาคต :-)
ถ้าสนใจ Near Field Monitor ที่คุ้มแต่หาในไทยยากหน่อยก็ JBL LSR305 กับ LSR308 ครับ เห็นฝรั่งชมกันเยอะมากเมื่อเทียบ performance กับราคา แต่เหมือนมหาจักรจะไม่ได้นำเข้ามา ต้องหาสั่งกันเอง T^T
แพงขนาดนั้นจัด Marantz PM7005
กับ Q Acoustics CONCEPT-20
ไปเลยมั้ยครับ ?
มีตังแล้วค่อยไปอัดกับ ลำโพงเอา B&W หรือ ProAc อีกทีนึง ให้จบไปเลย
แล้วเทียบกับ Kef 300A เสียงเป็นไงครับ อยู่ระดับเดียวกันมั้ยครับ
ทำไม presenter ไม่ใช่ IU T^T
เห็นราคาแล้วหนาวยะเยือก
That is the way things are.
โชคดีจังที่ตัวผมเองเป็นพวกหูทองแดง