วันนี้ Sennheiser บริษัทผู้ผลิตหูฟังและไมโครโฟนชื่อดังจากเยอรมนี ได้เปิดตัว Orpheus หูฟังภาคต่อของ Orpheus รุ่นแรกซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นหูฟังที่ดีที่สุดในโลก
Orpheus รุ่นใหม่ ประกอบไปด้วยหูฟังแบบ Electrostatic รุ่น HE1060 ที่มาพร้อมกับเครื่องขยายเสียงหูฟังที่ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกันรุ่น HEV1060 เหมือน Orpheus รุ่นก่อนหน้า แต่ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับปรุงความสามารถให้ดีกว่ารุ่นเดิม ที่ออกมาเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว
สำหรับสเปกภายนอกนั้น ตัวหูฟังจะผลิตจากอะลูมิเนียม ใช้แพดหูฟังที่ทำจากหนังสัตว์และผ้ากำมะหยี่ด้วยมือ สายหูฟังจะใช้ตัวนำทองแดงปลอดออกซิเจน เคลือบด้วยเงิน 99.9%
ส่วนตัวเครื่องขยายเสียงนั้น จะผลิตจากหินอ่อน Carrara ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน ปุ่มควบคุมที่ทำจากทองเหลืองชุบโครเมียม และหลอดสุญญากาศที่บรรจุอยู่ในกระจกควอตซ์จะยื่นออกมาจากตัวเครื่อง และฝากระจกของกล่องหูฟังที่อยู่ด้านบนตัวเครื่อง จะเปิดออกให้เห็นหูฟังที่ถูกเก็บอยู่ภายใน
สำหรับสเปกภายในนั้น ตัวหูฟังใช้ไดอะแฟรมที่เคลือบด้วยทองคำขาว ทรานสดิวเซอร์เซรามิกเคลือบทอง มีภาคขยายแรงดันสูง MOS-FET แบบ Class A ภายในตัว ทำให้ตัวหูฟังสามารถตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 8 Hz - มากกว่า 100 kHz ด้วยความไว 100 dB SPL และมีความเพี้ยนเพียง 0.01% ที่ 1 kHz
ส่วนเครื่องขยายเสียงหูฟังจะใช้ชิป DAC ของ ESS รุ่น SABRE ES9018 ร่วมกับวงจรขยายที่ออกแบบผสมกันระหว่างวงจรขยายแบบหลอดสุญญากาศและวงจรขยายแบบทรานซิสเตอร์ รองรับรูปแบบสัญญาณเสียงความละเอียดสูงแบบ PCM และ DSD ผ่านการเชื่อมต่อแบบ SPDIF ทั้งแบบ coaxial และ optical หรือ USB
Sennheiser ตั้งใจจะผลิตหูฟังรุ่นนี้ไม่เกิน 250 ชุดต่อปี และจะเริ่มวางจำหน่ายช่วงกลางปี 2016 ในราคาชุดละประมาณ 50,000 ยูโร หรือราว ๆ 2 ล้านบาท ณ วันที่เขียนข่าวนี้
ใครที่สนใจ ก็ยังมีเวลาเก็บเงินกันได้อีกราว ๆ ครึ่งปีครับ
ที่มา - Sennheiser, The Verge
Comments
เกินกว่าระดับของคำว่าหูทองไปแล้วมั้งเนี่ย
หูเคลือบทองคำขาว ครับ ฮ่าๆๆๆ
พกพาติดตัวไปฟังนอกบ้านไม่ได้เลยสินะครับ ไม่ต่างอะไรกับเครื่องขยายเสียงแต่ต่อลำโพงไม่ได้ ...
หูฟังมีข้อดีกว่าลำโพงตรงที่ไม่ต้องมีห้องฟังเพลงซึ่งถ้าจะสร้างให้เสียงดีใช้งบเยอะ และเครื่องเสียงราคากว่าสองล้างคงไม่มีใครใส่ไปขึ้นรถไฟฟ้าครับ กลัวหาย
แต่ผมว่ามีซิสเต็มฟังเพลงสองล้านแบบนี้ยังไงก็ต้องมีห้องฟังเงียบๆกับโซฟาเด็กขี้เกียจซักตัวล่ะครับ
เข้าไม่ถึงจีจี
เยอรมันนี => เยอรมนี
สูญญากาศ => สุญญากาศ
ควอทซ์ => ควอตซ์
เซรามิค => เซรามิก
สูญญากาศ => สุญญากาศ
ณ. => ณ
แท็ก Luxury ด้วยครับ :)
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ทำ Home Theater ได้ห้องนึงเลยทีดียว
สร้างบ้านได้หลังนึงเลยทีเดียว
ข่าวดีคือ สำหรับในไทย ใครอยากได้ ไม่ต้องสั่งจากเมืองนอกเองครับ ตัวแทนในไทย มีแผนจะนำเข้ามาอยู่ :D (ในจำนวนน้อยมากๆ)
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
อยากรู้ว่าความถี่เกิน 20-20000Hz เป็นยังไง
ทำไมหูฟังเทพๆต้องโฆษณา หรือว่ามีคนที่ได้ยินความถี่เกินจากนี้ หลายคน
มีครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ยิ่งต่ำ-สูง เบส-แหลมจะดีครับ ฟังเค้ามาอีกที
เท่าที่ผมเคยค้น ๆ มา ในกรณีช่วงเสียงความถี่ต่ำ (Infrasonic) มนุษย์เรายังสามารถรับรู้ความถี่เหล่านั้นได้อยู่ครับ
ส่วนช่วงเสียงความถี่สูง (Ultrasonic) ผมเห็นมีการศึกษาเรื่องการตอบสนองต่อเสียงความถี่สูงของร่างกาย และเรื่อง Temporal Resolution อยู่ แต่ผลการศึกษาที่ได้นั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
เคยเข้าเว็บที่มันมีให้ทดสอบอยู่น่ะ เจอจากเว็บเฮียมั่น
รู้สึกผมจะรับรู้ได้ถึงแค่7Hz คือไม่เชิงว่ามันได้ยินนะครับ แต่มันแค่จะรู้สึกสั่นๆ
ส่วนเสียงสูงผมไปถึงที่ 20,000Hz พอดี
อาจจะรับรู้ได้ในเชิงแรงสั่นสะเทือนมั้งครับ
เวลาที่คนเราใจสงบมากๆ มันจะทำให้ได้ยินและรู้สึกอะไรมากขึ้น ลองอยู่ในที่สงัดๆเป็นเวลานานๆ จะรู้สึกได้ถึงหัวใจเต้น ชีพจรส่วนต่างๆ เสียงก็เช่นกัน ช่วงเวลาที่วุ่นวายความสามารถในการรับรู้ช่วงความถี่เสียงจะแคบลงต้องเพ่งฟังถึงจะเริ่มจับได้ แต่ถ้ารอบข้างเงียบสงบเสียงเล็กเสียงน้อยก็จะเด่นขึ้น แนะนำให้ไปลองเองเป็นประสบการณ์ ส่วนตัวผมเคยลองแล้วขนแขนสแตนอัพเลยจำมาจนทุกวันนี้ พวกหูทองส่วนใหญ่ก็มีตังกันทั้งนั้นถ้าไม่มีความแตกต่างใดๆเครื่องเสียงราคาแพงหูฉี่คงขายไม่ออก
20-20000 Hz เป็นแค่ gimmick สำหรับลำโพงครับ ไม่ต้องสนใจหรอกครับ
จากประสบการณ์ขายเครื่องช่วยฟังและได้ตรวจการได้ยินมาขอแชร์ตามความรู้เท่าที่มีนะครับ (หากมีตรงไหนผิดไปโปรดเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ)
คนเราได้ยินเสียงที่เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันที่ 125-8000 Hz และช่วงความถี่นี้ 'จะเริ่ม' ได้ยินเสียงความดังที่ไม่เกิน 25 dBในห้องเงียบ จะถือว่าปกติ ถ้ามากกว่า 25 dB แล้วไม่ได้ยินนี้ก็จะถือว่ามีปัญหาเรื่องการได้ยิน
ลักษณะกราฟการได้ยินของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก บางคนหูดีมาก -10 dB ก็ได้ยิน บางคนก็อยู่ปริ่มๆ หรือบางคนก็เอียงไปมา ได้ยินเสียงแหลมดีกว่าเสียงทุ้มนิดหน่อย ก็เป็นสรีระของแต่ละคนไป แก้ไม่ได้
Speech คนเราอยู่ในช่วง 250-4000 Hz
ต่ำกว่า 125 ก็รับรู้ผ่านความสั่นสะเทือน
สูงกว่า 4000 ก็เป็นเสียงแหลมมากๆ เสียงเหมือน ซี่ๆๆ เกินกว่านี้ก็จะฟังยากแล้ว ยิ่งเกิน 8000 Hz ไปแล้วนี่ฟังแทบไม่ออก
อยากรู้ลองฟังดูได้ https://www.youtube.com/watch?v=0VpI_2DTQhY อย่าเปิดดังนะครับ เดี๋ยวตกใจ
หรือหากสนใจ ก็ลองศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ audiogram ดูครับ จะเห็นภาพ (เช่น http://www.jtc.org/parents/ideas-advice-blog-comments/audiogram-of-familiar-sounds)
หรือถ้าให้ชัวร์ก็ลองไปตรวจการได้ยินที่ รพ.หรือ คลีนิกตรวจการได้ยินก็ได้ครับ บอกว่าขอตรวจการได้ยิน แล้วเขาก็ให้กราฟมา (เอาไว้ไปปรับ equalizer ลำโพงเองที่บ้าน เผื่อใครหูตึงไม่รู้ตัว 55)
คนเราแก่ตัวลง ก็จะมีลักษณะอย่างหนึ่งคือ จะสูญเสียการได้ยินตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเสียงแหลมๆ จะหายก่อน (เริ่มจาก 8000 Hz) แล้วก็ค่อยๆ ลามเข้าหาความถี่ที่ต่ำกว่า เรื่อยๆ เสียงแหลมๆ จะมีผลต่อคุณภาพการฟังชัดไม่ชัด ฉะนั้น เสียงเกินกว่า 8000 แทบไม่มีประโยชน์เลยครับ (ตามภาพ http://static.wixstatic.com/media/9d73b1_5b71874038484537b8a50f37d6c5c3de.gif)
***สำคัญมากๆ สำหรับคนฟังเสียงดังๆ ฟังนานๆ ระวังหูจะตึงถาวร ถ้าหูตึงแล้ว จะแก้ไม่ได้นะครับ มี 2 วิธี คือ
1.ใช้เครื่องช่วยฟัง (ราคาหลักหมื่นถึงหลักแสน ต่อข้าง)
2.ประสาทหูเทียม (ราคาหลักล้าน)
ฟังเพลงโปรดถนอมหูของท่านด้วยจ้า อย่าฟังดังเกินครับ
80Hz-8 KHz เป็นเสียงคน+เครื่องดนตรี ทั่วไปที่คนเราควรได้ยินครับ(เครื่องดนตรีบางประเภทไปได้ต่ำกว่านั้นมาก แต่คนจะได้ยินหรือเปล่าเป็นอีกเรื่องนึง เช่นเปียโนเริ่มที่ A0-28Hz) อย่างไรก็ตามเสียงความถี่ต่ำกว่านั้นหรือสูงกว่านั้นคนเราก็ยังได้ยินอยู่ เช่น 60Hz 15KHz คนทั่วไปควรจะได้ยิน ดังนั้นในทางดนตรีจึงเอาเสียงพวกนี้มาช่วยเพิ่มอารมณ์ให้กับเพลงครับ โดยเฉพาะดนตรีสมัยใหม่ที่ไม่ได้มีแต่เสียงคนร้อง+เครื่องดนตรี เช่น EDM อันนี้แนะนำให้ไปดู Frequency Range ของ EDM ครับ
ดังนั้นผมคิดว่า 20Hz-20Khz นั้นเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับดนตรีครับ แต่มากกว่านั้นน่าจะ overkill เหมือนกัน
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
เพลงส่วนใหญ่ sound engineer cut หายตั้งแต่ 30 Hz แล้วครับ รวมถึงความถี่เกิน 20khz ด้วย
คงจะหาฟังได้ยากจริงๆ
เล่นอิเล็กฯเมื่อ20ปีก่อน วงจร Class A ถือว่าเป็นสุดยอดของวงจรขยายเสียงด้านคุณภาพเสียงที่สุดละ
แต่ประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ(กำลังงานสูญเสียเยอะ)สิ้นเปลืองพลังงานในการไบอัสภาคต่างๆให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ
ปัจจุบันไม่รู้ว่า Class A พัฒนาไปถึงไหนละ เท่าที่จำความได้รู้จักถึงแค่ Class H
แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องเครื่องเสียงนี่มันเป็นเรื่องของรสนิยม ต้องฟังเองรู้เอง ชอบแบบไหนก็แบบนั้นไม่ต้องสนใจเรื่องราคา
เบสใสกิ๊ง แหลมนุ่มลึก
สุดๆเลยอ่ะ หูทองคำอย่างเดียวก็ไม่พอ ต้องรวยด้วย อิอิ
..: เรื่อยไป
อยากรู้ว่าถ้าตัดวัสดุแพงๆที่ไม่เกี่ยวกับเสียงออก เช่นหินอ่อน หนังสัตว์ ทองคำขาว อลูมิเนียม
ราคาจะเหลือสักเท่าไหร่
ผมไม่ชอบเล่นหูฟังรุ่นใหญ่ๆขับยากนะ มันต้องพกแอมป์ยุ่งยากและควรจะเป็นของพกพาได้ ส่วนตัวชอบเล่นอินติเกรตแอมป์ดีๆกับลำโพงวางหิ้งแจ่มๆก็อยู่แล้ว