สวัสดิการ "เลี้ยงอาหารพนักงานฟรี" เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจให้ผู้คนเข้าไปร่วมงานกับบริษัทเทคโนโลยี หรือเทคสตาร์ทอัพสมัยใหม่ (/me อิจฉาจัง) ล่าสุดมีรายงานของ BuzzFeed เล่าถึงอัตราการทิ้งอาหารที่ไม่ได้รับประทานของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อย่างกรณีของงานสัมมนาครั้งล่าสุดของ Salesforce (แอพ CRM นามระบือ) ที่จัดในเมือง San Francisco มีอาหารเหลือทิ้งกว่า 4,000 กล่อง ตามตัวเลขของ Food Runners กลุ่มอาสาสมัครจัดแจกอาหารให้ผู้ยากไร้
หรืออย่างอีกเคสหนึ่ง Airbnb ทิ้งอาหารเหลือกว่า 1,855 ปอนด์จากงานประชุมพนักงานประจำปี ซึ่งรายนี้มอบหมายให้ Food Shift จัดการอาหารที่เหลือไปทำประโยชน์ต่อ
รายงานชิ้นนี้เล่าถึงวัฒนธรรมการทำงาน จ้างงานด้วยการจูงใจด้วยเรื่องของกินไม่อั้นเหล่านี้ ซึ่งคนของ Food Shift ให้ความเห็นว่า นี่คือสัญญาณของอะไรบางอย่างประดุจกรุงโรมจะล่มสลาย
องค์กรไหนในบ้านเราที่มีเลี้ยงอาหารพนักงาน จัดการกับของเหลือแบบนี้อย่างไร แชร์กันได้ท้ายข่าวครับ
ที่มา - BuzzFeed News
(ภาพจาก LinkedIn Pulse - Is this heaven? No, it's the Google cafeteria.)
รายงานชิ้นนี้ระบุว่าตอนนี้เทรนด์การเลี้ยงอาหารพนักงานกำลังฮิตในแถบ Bay Area นั้น ในขณะที่นอกออฟฟิศก็มีของกินออแกนิค, ฟู้ดทรัคฮิปๆ ให้เลือกด้วยเช่นกัน จนมีธุรกิจสตาร์ตอัพรับส่ง อย่าง Zesty, ZeroCater, และ Cater2me รุ่งเรืองตามกันไป
เรื่องราวยังมีอีกยาวมาก เล่าถึงจำนวนมหึมาของอาหารสวัสดิการที่เหลือรับประทานจากบริษัทไฮเทคเหล่านี้ คิดเฉพาะพื้นที่ย่าน Menlo Park, Mountain View, และ Sunnyvale ที่ตั้งของสำนักงาน Facebook, Google, LinkedIn และ Yahoo ยังมีสัดส่วนประชากรเสี่ยงอดอยากอยู่ถึงหนึ่งในสี่
Peninsula Food Runners from Tod Hing on Vimeo.
Peninsular Food Runner เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ดูแลเรื่องอาหารใหม่แต่เหลือรับประทานนี้กว่า 30,000 z ชุดต่อสัปดาห์
นอกจากจะมีมูลนิธิ หรือบริษัทจัดการอาหารเหลืออย่างจริงจังหลายเจ้าแล้ว ยังมี Chow Match เป็นเว็บไซต์จับคู่บริษัทที่มีอาหารเหลือกับองค์กรที่ต้องการอาหารได้ทันที พร้อมส่งคนไปรับ จัดส่งให้เสร็จสรรพ และช่วยดำเนินการเรื่องลดหย่อนภาษีได้ด้วย
Comments
ที่ทำงานผมมีการจัดบรรยาย/อบรม/สัมมนากันในองค์กรบ่อยในระดับแทบทุกวันครับ วงใหญ่บ้างเล็กบ้าง ซึ่งมักจะมี "ขนมเบรค" มาด้วยเสมอ และเหลือประจำครับ มากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งอาหารเหล่านี้ตัดค่าใช้จ่ายลงงบของ "ฝ่ายงานที่จัดสัมมนา" ครับ
หลังจบบรยายแต่ละครั้งจึงจัดการง่ายมาก คือเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดเลี้ยงจะแพคของเหลือใส่กล่อง ฝ่ายเจ้าของงบก็หิ้วกลับไปกินกันที่ฝ่ายตามสบาย กินไม่หมดก็แบ่งพนักงาน Contract ในฝ่าย หรือถ้าขี้เกียจหยิบกลับไป ทางจัดเลี้ยงเขาก็เอาไปกินกันต่อครับ ไม่เหลือทิ้งแน่นอน
ไอขนมเบรกงานพวกนี้นี่ ...ไม่เคยอร่อยเลย... ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
แปลว่าคุณยังไม่เคยเจอขนมเบรคที่แท้จริง แบบนี้ หรือ แบบนี้ หรือ แบบนี้ ครับ
ที่ผมทำงาน หากมันเหลือจริงๆ จะแบ่งให้แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ภารโรง หากมันเหลือเยอะก็จะมีคนห่อกลับบ้าน บางส่วนก็แบ่งให้ สุนัขรักษาความไม่ปลอดภัยของตึก :D
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
หิวเลย อีกสองชั่วโมงเลิกงาน - -*
ใครเหลือเยอะก็ช่วยติดต่อ รถหมูแดง มาจัดการนำไปแจก
Salesfore => Salesforce
suksit.com
หมดทุกวัน อดกินตลอด
หืมมมมม หิวจริงจังมาก ดูอาหารสิน่ากันเสียจริง
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
อาหารแบบนี้เกรดพอๆกับบุฟเฟ่หัว 500 ในห้างเลย เห็นแล้วเสียดายแทน
ถ้ารวมที่บรรดาโรงแรมทิ้งอาหารล่ะก็นะ เยอะมาก บางทีต้องทิ้งสถานเดียวห้ามแจก
โรงแรมส่วนใหญ่ทิ้งเท่านั้นครับ เรื่องเอากลับ/แจกนี่ไม่อนุญาตเด็ดขาด
ของที่ครบรอบเวลาแล้วยกกลับเข้ามานี่เชฟเองยังไม่มีสิทธิ์แตะเลยครับ (แต่ส่วนใหญ่ก็แอบๆกันไม่ให้น่าเกลียด)
ป.ล. เพื่อนที่เป็นเชฟเล่าให้ฟังมาครับ
จริงครับ เพื่อนที่เคยไปเป็นกุ๊กฝึกหัดในโรงแรมก็บอกเหมือนกัน มันจะมีกล้องวงจรปิดอยู่ในครัวด้วย ถ้าจับได้ว่าใครกินอาหารในครัวเป็นไม่ต้องมีความเจริญก้าวหน้ากันเลยทีเดียว
ผมรู้สึกต่อต้านนโยบายพวกนี้ของโรงแรมมาก พอจะทราบมาว่าบุฟเฟต์โรงแรมโดยเฉพาะโรงแรมเชนใหญ่ๆ เนี่ย พอหมดเวลาบุฟเฟต์นี่ต้องทิ้งสถานเดียว ผมว่ามันเป็นการใช้ทรัพยากรแบบเผาผลาญทิ้งขว้างมากๆ แล้วเหตุผลของนโยบายนี้ก็พอทราบมาว่าเป็นเหตุผลด้านธุรกิจเป็นหลัก (บวกกับเหตุผลด้านสุขอนามัยซึ่งอ้างให้ดูดี) ซึ่งมันฟังไม่ขึ้นมากๆ เสียดายอาหารที่ทิ้งไปวันๆ นึงไม่รู้เท่าไหร่ โดยทางโรงแรมเองก็ไม่คิดจะทำอะไรให้มันดีขึ้นไปกว่านี้
ดังนั้นทางออกที่ผมพอจะทำได้คือ เป็นคนนึงที่ "แบน" อาหารบุฟเฟต์ในโรงแรมทุกกรณี โดยเฉพาะโรงแรมฝรั่งเชนใหญ่ๆ ใครมาชวนผมไม่ไป ไม่สนับสนุนให้เป็นส่วนหนึ่งที่อุดหนุนวงจรอุบาตว์นี้ เวลาจองโรงแรมก็เลือกแบบไม่มีอาหารเช้าเสมอถ้าราคาถูกกว่า (เงินจะไม่ตกไปถึงส่วนห้องอาหาร) เป้าหมายผมก็ขอเป็นส่วนนึงที่ทำให้ห้องอาหารโรงแรม "เจ๊ง" จะได้หยุดพฤติกรรมผลาญทรัพยากรโลกเหล่านี้ ไม่ก็เปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนนโยบายซะที ไม่ใช่เผาผลาญทิ้งขว้างอาหารทุกวันๆ แบบนี้ โดยไม่คิดจะทำอะไรให้จรรโลงขึ้นเลย แล้วค่าบุฟเฟต์ที่ชาร์จลูกค้าก็ไม่ได้ถือว่าถูก ต้นทุนส่วนนึงก็คงคิดในส่วนของอาหารเหลือที่ทางโรงแรมทิ้งขว้างหล้งหมดเวลาไปแล้วเรียบร้อย
คือเอาไปให้พนักงานทานต่อหรือเอากลับบ้านเป็นสวัสดิการก็ยังดี ไม่ได้ทิ้งเสียเปล่า แต่นี่ทิ้งสถานเดียวเพราะเหตุผลเรื่องธุรกิจ ผมก็เลยขอเป็นส่วนนึงให้ธุรกิจล้างผลาญพวกนี้ไปไม่รอดแล้วกัน
+1 รู็สึกเสียดายอาหารเหล่านี้มานานมากแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้เลย (โดยส่วนตัวไม่ได้พักโรงแรมไหนอยู่แล้ว และไม่มีปัญญาไปกินบุปเฟต์โรงแรมอยู่แล้ว) เคยจะติดต่อขออาหารพวกนี้ไปบริจาค ก็เจอเรื่องห้ามอย่างเข้มงวดอย่างที่กล่าวมานี่แหละครับ TT^TT
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ถ้ามีคนเอาไปต่อได้แทนที่จะทิ้ง มันจะมีกลุ่มคนที่ทำให้ทำของออกมาเยอะๆ ให้คนกินไปน้อยๆ ให้เหลือเยอะๆ แล้วไปกวาดผลประโยชน์จากตรงนั้นครับ
แต่ก็นั่นแหละนะ
แก้การทำออกมาเยอะๆ เพื่อให้เหลือโดยคุมที่ปริมาณวัตถุดิบต้นทางไงครับ เช่น มา 100 คน ก็จัดวัตถุดิบไว้ที่ 110 คน (เผื่อคนกินจุ แต่ปกติก็มักจะมีคนกินน้อยรวมอยู่ด้วย เลยไม่ต้องเผื่อเยอะถึงแม้จะมีคนกินจุมากันเยอะ) แล้วตอนทำยังไงก็เสกให้มันได้ออกมาเป็นอาหารสำหรับ 120 คน ไม่ได้หรอกครับ
แล้วถ้าถึงเวลาพนักงานเอาของออกมาแค่พอสำหรับ 70 คนล่ะครับ แล้วอ้างว่าหมดแล้ว
ลูกค้าก็จะไม่พอใจ ด่าร้านอาหาร (เหมือนเวลาไปกินบุฟเฟ่ต์แล้วเจอของหมด) ในขณะที่พนักงานเก็บไว้กินเองสบายใจ ร้านอาหารก็เจ๊งครับ
อีกอย่างการประมาณการบุฟเฟ่ต์โรงแรมอาจทำได้ยากครับ ยิ่งโรงแรมหรูๆ เกิดมีท่านผู้ใหญ่มาเลี้ยงวันเกิดพร้อมลูกน้องอีกฝูง มาแบบไม่ได้เตรียมการไว้ ทางห้องอาหารจะบอกว่าไม่มีอาหารเพราะไม่ได้จอง แบบนี้ก็เสียลูกค้านะครับ
ปล. ทั้งหลายทั้งมวลที่ว่ามา ผมก็ไม่สนับสนุนการทิ้งอาหารเหมือนกันนะ แต่เคยลองศึกษาแล้วก็เจอข้อจำกัดแบบที่เขียนไว้นั่นแหละครับ
คือแผนของผมมันเหมาะกับพวกงานที่รู้จำนวนคนเท่านั้น ถ้าบุฟเฟ่ต์แบบไม่รู้จำนวนคนล่วงหน้าก็ต้องหาวิธีที่เหมาะสมกว่านี้ เช่น ตอนแรกอาจจะเอาออกมาเยอะๆ ให้ดูสวย แต่คอยดูตลอดว่ามันพอกับจำนวนคน ณ ตอนนั้นหรือเปล่า ถ้าพอก็ปล่อยไปถึงแม้จะดูไม่สวยก็ตาม แต่ถ้าไม่พอค่อยเติม ประมาณนี้ครับ แต่กรณีที่รู้ล่วงหน้าแล้วว่ามีกี่คนแต่ยังจัดมาไม่พอนี่ผมก็ยอมรับไม่ได้ เว้นแต่จำนวนที่เขารู้นั้นน้อยกว่าจำนวนที่เจ้าของงานรู้ครับ
"เช่น ตอนแรกอาจจะเอาออกมาเยอะๆ ให้ดูสวย แต่คอยดูตลอดว่ามันพอกับจำนวนคน ณ ตอนนั้นหรือเปล่า ถ้าพอก็ปล่อยไปถึงแม้จะดูไม่สวยก็ตาม แต่ถ้าไม่พอค่อยเติม"
เท่าที่ทราบมา ปัจจุบันเขาก็ใช้วิธีนี้แหละครับ คือทุกวันนี้ที่มันเหลือ ๆ กัน ก็เหลือจากการใช้วิธีนี้แหละครับ คือต่อให้กะยังไงมันก็ยังเหลืออยู่ดี เขาแค่พยายามให้มันเหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นแหละ เพราะเหลือน้อย = กำไรเยอะขึ้น แต่ในทางกลับกัน ทำไม่พอ = เสียลูกค้า ขาดทุนแบบยาว ๆ ดังนั้นการกะยังไงก็มีความเสี่ยง การกะบนความเสี่ยงจึงมีการ "เผื่อ" ปนอยู่ด้วยเสมอ เป็นที่มาของของเหลือเหล่านี้ครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ผมว่างั้นต้องเลิกอุดหนุนรวมไปถึงร้านอาหารตามห้าง รึ ร้านเบเกอรี่ดีๆด้วยล่ะมั้งครับ ทุ่มนึงขายหมดไม่หมด เขาก็โยนทิ้ง ดีหน่อยก็เอามาลด 50%
ต้องทำแบบในญี่ปุ่นสิครับ ตามซูเปอร์หลัง 4 ทุ่ม แพ็คกล่องลด 50% ไปเลย
นั่นไงครับ คุณก็ยกตัวอย่างว่าร้านทั่วไปเค้ายังเอามาลด 50% เลย นั่นแหละตัวอย่างที่ดี ฮ่าๆ
อย่างที่คุณยกตัวอย่างมา ว่าร้านต่างๆ ก็พยายามจะปล่อยของเหลือโดยไม่ทิ้งเปล่าเหมือนกัน เช่นเอามาลด 50% นี่ถือเป็นความพยายามที่ดีมาก เอาจริงๆ ร้านพวกนี้ถ้าของเหลือหลังปิดร้าน เค้าเอาไปแจก รปภ. หรือแม่บ้านห้างด้วยซ้ำ จริงๆ แล้วโดยสามัญสำนึกของคนไทยเราเห็นคุณค่าของทรัพยากรนะ เราจะไม่ทิ้งกันพร่ำเพรื่อ ของเหลือจริงๆ เรายังเอาไปให้หมาแมวจรกินเลยครับ ดังนั้นร้านแบบไทยๆ ผมไม่ห่วงอยู่แล้ว สังคมไทยเราปลูกฝังให้เห็นคุณค่าของอาหารกันมาแต่เด็กๆ
แต่แนวคิดแบบฝรั่ง ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีค่านิยมเหลือกินเหลือใช้ ดังนั้นของเหลืออะไรเค้าทิ้งหมด ไม่เสียดายเพราะเค้ามีค่านิยมบริโภคทรัพยากรได้ไม่จำกัด ยิ่งถ้ามันจะส่งผลต่อธุรกิจหรือการบริหารจัดการแล้ว เค้าเลือกที่จะเอาผลประโยชน์ของตนมากกว่าการคำนึงเรื่องการใช้ทรัพยากรโลก ในเมื่อการบริหารห้องอาหารโรงแรม ถ้าเก็บของเหลือได้แล้วอาจจะส่งผลต่อการทุจริต ก็มีนโยบายให้ทิ้งของเหลือมันซะดื้อๆ เลย บริหารจัดการง่ายดี เรื่องเสียดายไม่เคยอยู่ในความคิด
แล้วของเหลือพวกนี้ ไม่ใช่ของเหลือธรรมดาด้วยนะครับ ตัวผมเองเมื่อก่อนก็นอนโรงแรมบ่อย กินอาหารโรงแรมบ่อย มีบัตร member โรงแรมลด 50% ด้วยซ้ำ ก็เลยเห็นมาเยอะ อาหารบุฟเฟต์ดีๆ ที่เราเห็นในไลน์อาหารนั่นแหละ อาหารดีๆ ที่ชอบเอามาถ่ายรูปขึ้น IG กัน ดูดีมีระดับ แต่พอหมดเวลาปุ๊บ เช่นหมดช่วงเช้า ช่วงเที่ยง ช่วงเย็น อาหารดีๆ ที่เราตักทาน ถ่ายรูปอัพ IG กันนั้น พนักงานโรงแรมก็จะต้องเก็บเททิ้งทั้งหมดทันที กวาดเอาอาหารในถาดเถใส่ถังเศษอาหารทิ้งหมดเลย แล้วส่วนใหญ่อาหารก็ยังเต็มถาดอยู่เพราะมีการเอามาเติมเสมอไม่ให้พร่อง เห็นแบบนี้แล้วเสียดายสุดๆ เลยครับ อาหารดีๆ ถาดนั้น อาจช่วยให้คนยากไร้หลายคนอิ่มท้องได้เลย
หลังๆ ผมเริ่มสำนึกได้ และไม่อยากเป็นส่วนนึงที่ไปสนับสนุนวงจรอุบาตว์เหล่านี้ ผมเลยเลิกกินบุฟเฟต์โรงแรมเชนใหญ่ๆ ชิ่อดังๆ อย่างเด็ดขาด เพราะคิดว่าถ้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไป ก็ต้องเป็นส่วนนึงที่ร่วมกันให้หยุดมัน เป้าหมายผมก็คือโรงแรมต้องเลิกทำนิสัยแบบนี้ หานโยบายที่ดีกว่านี้ ไม่งั้นก็ช่วยเจ๊งไปเลยครีบ โลกเราจะลดการเผาผลาญทรัพยากรลงไปได้อีกเยอะมากเลย
ลองทำ Campaign Change.org ดูสิครับ
ห้างที่เมืองผม พนักงานกั๊ก เอาไว้เองเลยครับ ไอ้ของลดราคา คนซื้ออย่างเรา เห็นเค้า หยิบไว้ใต้โต๊ะไม่รู้จะเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้ไหม
ทำไหมต้องรูปซูชิ T_T
ที่ Kaidee หมดทุกวัน ใครมาช้านี่ไม่ทันแน่นอนครับ
I will change the world, to the better day.
หิวจ้า...
มันประดุจกรุงโรมจะล่มสลายยังไงเหรอครับ
บริษัทใหญ่โต/คนรวยล้างผลาญอาหาร ลองนึกถึงคนอีกหลายล้านคนทั่วโลกที่อดอยากไม่มีอาหารให้กินอิ่มท้องดูสิครับ
เท่าที่เคยไปงานแบบนี้มา
ไม่เคยห่อทันเลย
เลยสงสัยว่า เมืองนอกเค้าไม่นิยมห่อกันเหรอครับ
อาจจะเพราะแบบนี้ก็ได้ครับ
http://www.cookiecoffee.com/food/59832/cockroach-in-japan-restaurant-how-to-fine-responsibility
อ๋อ กันโดนแทงไปด้วย มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ขอบคุณครับ
ไม่ทิ้งบ้าง พนักงานก็อ้วนเป็นหมูน่ะสิ