รอบ 4-5 ปีที่ผ่านมาถือเป็นยุคทองของการระดมทุนสตาร์ตอัพ มีบริษัทหน้าใหม่จำนวนมากระดมทุนได้มหาศาล บริษัทที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ มักถูกจัดกลุ่มเป็น "ยูนิคอร์น" (unicorn) ม้าเขาเดียวในเทพนิยาย ปัจจุบันจากสถิติของ Fortune มีบริษัทที่เข้าข่ายมากถึง 173 บริษัท เพิ่มจากสถิติเมื่อปีก่อนที่มีเพียง 80 บริษัท (รายชื่อทั้งหมด)
เส้นทางชีวิตของบริษัทหน้าใหม่เหล่านี้คือเข้าขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ก่อตั้งและนักลงทุน VC ก็มีกำไรกันถ้วนหน้าจากราคาหุ้น IPO ในวันเริ่มขาย และหุ้นของบริษัทเหล่านี้ก็มักพุ่งสูงขึ้นหลังวัน IPO ซึ่งสะท้อนเสียงตอบรับจากตลาดนักลงทุนทั่วไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังมานี้ บริษัทที่เคยเป็นดาวรุ่งของวงการ กลับมีราคาหุ้นตกต่ำลงจากช่วง IPO มาก ตัวอย่างของบริษัทกลุ่มนี้ได้แก่ Zynga (ราคาตกไป 75% เทียบกับราคา IPO), Twitter (ตก 30%), Groupon (ตก 85%), Etsy (ตก 56%), Nimble Storage (ตก 67%), Lending Club (ตกเกือบ 50%), GoPro (ตกเกิน 50%) และ Fitbit
การที่ราคาหุ้นของ "ยูนิคอร์น" เหล่านี้ตกลงจากราคา IPO เป็นภาพสะท้อนว่าการลงทุนในสตาร์ตอัพนั้นไม่สวยหรูอย่างที่นักลงทุนคาด ผลที่ตามมาคือจำนวนบริษัทที่ขายหุ้น IPO เริ่มลดลง จากปี 2014 มีบริษัทไอทีขายหุ้น 36 บริษัท ก็ลดลงเหลือ 23 บริษัทในปี 2015 และถ้าคำนวณรายได้ของบริษัทที่ IPO ในปี 2015 ทั้งหมดรวมกัน จะขาดทุน 9 ล้านดอลลาร์
การที่วงการสตาร์ตอัพเริ่มผ่านพ้นจากจุดสูงสุดของวงการ ทำให้บริษัทที่ยังไม่ขายหุ้น IPO ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Foursquare ที่เพิ่งระดมทุนรอบใหม่ ต้องแลกกับหุ้นในราคาที่ลดลง ส่งผลให้มูลค่าบริษัทลดลงจากการระดมทุนรอบก่อนหน้า (ภาษาในวงการเรียก down round)
ที่มา - Fortune, ภาพประกอบจาก theDURRRRIAN / DevianArt, Wikipedia
Comments
เข้ามาฮารูปปลากรอบครับ 555
การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ นักลงทุนควรสังวร แต่พวกสตาร์ทอัพพวกนี้มันมาแรงจริงอะไรจริง นักลงทุนก็พร้อมเสี่ยงครับเพราะคงหวังว่ามันจะเป็นเหมือนกูเกิ้ลเบอร์2 แต่พอไม่เจ๋งจริงก็ถอนตัวแรงเหมือนกัน สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น
เห็นเพื่อนกลุ่มนึงที่ทำสตาร์ทอัพอยู่
ตอนไปพูดกับนักลงทุนก็พูดโอเว่อไปเยอะมาก
ทั้งๆที่แม้แต่โปรดักก็ยังไม่มี และไม่มีแนวโน้มว่าจะทำได้
คือไม่มีประสบการณ์ในการทำอะไรแบบนี้กันมาก่อน
เงินลงทุนที่ได้มาก็หมดไปกับสิ่งเสริมภาพลักษณ์ซะมาก ไม่ได้เอาไปลงที่ตัวโปรดักเลย
แถมดั้นด้นที่จะติดต่อนักข่าวลงบทสัมภาษณ์ให้ได้ ด้วยสารพัดวิธี หวังเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ผมเลยไม่แปลกใจเลย ที่สตาร์ทอัพจะเจ๊งกันซะเยอะ
ที่พิมพ์มานี่ก็หวังว่าถ้าใครเป็นนักลงทุนผ่านมาเห็นคอมเม้นนี้
ผมอยากให้ท่านใตร่ตรองให้มาก ก่อนจะลงทุนกับสตาร์ทอัพนะครับ
ดีนะไม่เอาโปสเตอร์ภาคใหม่ของ transformers ที่ชื่อภาคคล้ายๆ unicorn มาประกอบข่าว
และส่วนตัวคิดว่า Twitter ตก 30% นี่ก็ OK แล้ว
อย่างไรก็ตาม และ ?
คงเป็นเหมือนฟองสบูดอดคอม
พวกนักลงทุนเห็นอะไรเป็นกระแสก็กระโดดเข้าใส่โดยขาดความรู้ความเข้าใจ
เรียกว่าผลตอบแทนไม่ได้ดังคาดมากกว่าครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
หลังจาก sanook.com เป็นข่าวว่าขายได้หลักล้านบาท(สมัยนั้น ช่วงปี 2000 )
จากต้นทุนแค่ไม่กี่บาทในการเขียนโปรแกรมหลายคนที่ผมรู้จักละลายเงินไปกับการทำเวบ
portal โดยไม่มีความรู้ทางด้านคอมเลยมองแต่ว่าถ้าจะทำเวบ portal เพื่อขายทำกำไรเหมือน
sanook.com ผมคิดว่าคงเหมือนกัน
คือมองแค่ความสำเร็จที่เป็นกระแสแล้วอยากวิ่งตามโดยไม่ได้ศีกษาอย่างแท้จริง
ส่วนตัวไม่คิดว่าราคามันตกเพราะไม่รุ่ง แต่เพราะราคามันสูงเกินความเป็นจริงมาแตกแรกมากกว่า มันก็แค่ลงมาเท่าราคาที่มันควรจะเป็น
+1
..: เรื่อยไป
ลุกช้า จ่ายรอบวง
เม่าดอยเสมอ