ผมเชื่อว่าสมาชิก Blognone คงคุ้นเคยกับชื่อ Dealfish, OLX, Kaidee ซึ่งเป็นเว็บไซต์ประกาศขายของมือสองรายใหญ่ของประเทศไทยที่เปลี่ยนชื่ออยู่บ่อยครั้ง เหตุผลสำคัญคงเป็นเพราะ Dealfish/OLX/Kaidee เน้นยิงโฆษณาแบบถี่ยิบในหลายช่องทาง (พอคนจำแบรนด์กันได้แล้วก็... เปลี่ยนแบรนด์อีกรอบ)
ถึงแม้หลายคนอาจไม่เคยประกาศขายของบนเว็บไซต์แห่งนี้เลย แต่ผมก็เชื่อว่าคงมีคนสงสัยว่าเว็บนี้คือใครกันแน่ ทำไมเปลี่ยนชื่อบ่อย และอยู่ได้อย่างไรเมื่อประกาศลงโฆษณาฟรีไม่คิดเงิน วันนี้เรามาคุยกับคุณทิวา ยอร์ก (Tiwa York) ซีอีโอของ "ขายดีดอทคอม" Kaidee (ชื่อปัจจุบัน) กันอย่างละเอียดครับ
สำหรับคนที่เคยดูโฆษณาอาจคุ้นหน้าคุณทิวา เพราะเขาคือคนที่มาเล่นเป็นพระเอกโฆษณาทุกรอบที่ปรับแบรนด์นั่นเองครับ
โฆษณาตอนเปลี่ยนจาก OLX --> Kaidee
โฆษณาของ Kaidee
ก่อนอื่นเลย หลายคนที่เห็นโฆษณาของ Kaidee ทางทีวีแบบถี่ยิบ อาจสงสัยว่าตกลงแล้ว Kaidee คือใครกันแน่
Kaidee.com เวอร์ชันปัจจุบัน เกิดจากการรวมตัวของเว็บประกาศขายของ 2 รายในไทย นั่นคือ OLX.co.th (ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก Dealfish และเคยเป็นส่วนหนึ่งของ Sanook มาก่อน) กับ Kaidee.com ในปี 2014 (ข่าวการควบรวม) โดยทีมงานหลักคือทีมงาน OLX เดิม แต่เปลี่ยนมาใช้แบรนด์ Kaidee ที่สื่อถึงคนไทยได้ดีกว่าแทน ฟังแล้วเข้าใจทันทีว่ามาขายที่นี่แล้วดี
หลังการควบรวมแล้ว กลุ่มทุนที่เป็นเจ้าของ Kaidee ประกอบด้วย 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
การควบรวมธุรกิจของ Naspers กับ 701Search ค่อนข้างซับซ้อน เพราะดีลนี้ครอบคลุมเว็บไซต์ประกาศขายของในเอเชียหลายประเทศ และเว็บไซต์แบรนด์ OLX ก็ยังมีอยู่ในหลายๆ ประเทศ สำหรับคนที่สนใจ สามารถอ่านข้อมูลจาก ข่าวเก่า และ ประกาศบนเว็บ Naspers จากนี้ไปเราจะสนใจเฉพาะ Kaidee.com ของประเทศไทยเท่านั้น
สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมบริษัทนี้เปลี่ยนชื่อบ่อย เหตุผลหลักๆ คงเป็นเพราะเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลายครั้ง (จากเดิม Sanook แยกแบรนด์เป็น Dealfish จากนั้นไปอยู่ใต้สังกัด OLX ของ Naspers ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ใช้ในหลายประเทศ ก่อนจะมาควบรวมกับ Kaidee) คุณทิวาบอกว่ามาถึงตอนนี้รู้ซึ้งเรื่องการรีแบรนด์บริษัทแล้ว เพราะน่าจะทำบ่อยกว่าใครๆ แต่ถ้าให้แนะนำก็อย่าทำบ่อยเป็นดี เพราะเหนื่อยมาก
คุณทิวาอธิบายว่าภารกิจของ Kaidee คือเป็นตลาดขายของมือสอง เหตุผลในการดำรงอยู่ (why) ของบริษัทคือตลาดของมือสองช่วยให้ชีวิตของคนเราดีขึ้น ตามแนวคิด reduce/reuse/recycle
คุณทิวาบอกว่าคนไทยไม่มีธรรมเนียมการขายของเก่ามากนัก และทุกบ้านมักมี "ห้องเก็บของ" ที่มีของเก่าไม่ใช้แล้วเต็มไปหมด (แถมฝุ่นจับเขรอะด้วย) ถ้านำของพวกนี้มาเปลี่ยนมือ ก็ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดปริมาณของเกะกะที่ไม่ใช้งาน แถมผู้ซื้อก็ได้สินค้าที่ต้องการในราคาถูกอีกด้วย
Kaidee ประกาศตัวเองชัดว่าเป็นเว็บประกาศขาย (classifie) เท่านั้น ไม่ใช่โมเดลอีคอมเมิร์ซแบบที่มีการจ่ายเงินผ่านหน้าเว็บ เหตุผลคือ Kaidee มองว่าการขายของมือสองจำเป็นต้องตรวจสภาพของกันอย่างละเอียด และแนะนำให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายนัดเจอกันก่อนตกลงปลงใจซื้อขายเสมอ ทำให้ธุรกรรมบน Kaidee จะไม่วิ่งผ่านบริษัทเลย บริษัททำหน้าที่ช่วยจับคู่ระหว่างคนซื้อ-คนขายเท่านั้น
ปัจจุบัน Kaidee มีประกาศขายของเข้ามาใหม่วันละ 35,000 โพสต์ มีผู้ขายของ 200,000 รายต่อเดือน ถ้านับทราฟฟิก มีคนเข้ามาใช้งาน 6.5 แสนรายต่อวัน (นับ unique visitor) และ 38 ล้านเพจวิว ถ้านับสถิติของปี 2015 มีคนขายหน้าใหม่เพิ่มเข้ามาถึง 1 ล้านราย
สินค้าขายดี 5 หมวดแรกได้แก่ รถยนต์ พระเครื่อง โทรศัพท์มือถือ มอเตอร์ไซค์ และอสังหาริมทรัพย์ (อ่านถูกแล้วครับ พระเครื่องอยู่อันดับ 2 เลยแหละ)
ในเมื่อ Kaidee ลงประกาศได้ฟรี 100% สิ่งที่ทุกคนสงสัยคือเอารายได้มาจากไหน คำตอบของคุณทิวาคือโมเดลธุรกิจแบบฟรีเมียม (freemium) นั่นเอง ที่ผ่านมา Kaidee เปิดให้ลงฟรีทั้งหมด และไม่สนใจเรื่องรายได้เลยเพื่อส่งเสริมให้คนรู้จักและกล้าใช้งาน แต่ช่วงปลายปี 2015 เป็นต้นมา Kaidee ก็เริ่มเพิ่มฟีเจอร์แบบเสียเงิน นั่นคือ "เลื่อนประกาศ" ให้อยู่สูงขึ้น เห็นเด่นชัดขึ้น ประกาศไม่ตกไปง่ายๆ เพิ่มโอกาสขายออกมากกว่าเดิม
ตอนแรก Kaidee มีระบบจ่ายเงินผ่าน SMS ครั้งละ 9/30/50 บาท (ราคาขึ้นกับหมวดหมู่สินค้าด้วย) แต่ผู้ขายให้ความเห็นกลับมาว่า ถ้าต้องการเลื่อนประกาศหลายๆ อัน ต้องมาส่ง SMS ทุกรอบก็เหนื่อยเหมือนกัน บริษัทจึงพัฒนาระบบจ่ายเงินแบบที่สองชื่อ Kaidee Egg ขึ้นมา รูปแบบจะคล้ายการซื้อคูปองมาใช้ภายหลัง วิธีนี้สะดวกกว่า SMS เพราะจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต-เดบิตได้เลย และซื้อทีเดียวเป็นล็อตใหญ่ๆ ได้ด้วย
ตอนนี้ Kaidee ยังเน้นไปที่โมเดลจ่ายเงินเพื่อเลื่อนประกาศเพียงอย่างเดียว แต่ในอนาคตก็จะหาบริการอื่นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ซื้อผู้ขายชาวไทยให้มากขึ้น
ในอดีตคู่แข่งของ Kaidee คือเว็บบอร์ดลงประกาศต่างๆ ที่ตอนนี้ไม่น่ากลัวนัก เพราะจุดเด่นของ Kaidee คือคนเข้าเยอะกว่ามาก ลงประกาศแล้วมีโอกาสขายได้เร็วกว่า แต่ช่วงหลังเริ่มมีคู่แข่งประเภท "ตลาดเฉพาะอย่าง" (vertical market) เข้ามาชิงฐานลูกค้ามากขึ้น ตัวอย่างคู่แข่งลักษณะนี้คือ Airbnb ที่เป็นเว็บเฉพาะสำหรับเช่าห้อง ส่งผลให้คนที่อาจเคยประกาศให้เช่าห้องใน Kaidee อาจย้ายไปโพสต์กับ Airbnb แทน
อย่างไรก็ตาม คุณทิวาบอกว่าสุดท้ายแล้ว ความท้าทายที่สุดของ Kaidee คือการแข่งกับเป้าหมายของตัวเอง เพราะบริษัทตั้งเป้าหมายต้องการให้คนไทย "ทุกคน" เคยมาประกาศขายของบน Kaidee กันให้หมด ดังนั้นถึงแม้ตอนนี้คนเข้าเว็บเยอะก็จริง แต่ยังห่างไกลกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มาก และต้องฝ่าฟันกันต่อไปอีกยาว
ความท้าทายของ Kaidee คือคนไทยยังไม่มีธรรมเนียมการขายของมือสอง ดังนั้น Kaidee จะทำทุกทางเพื่อขยายตลาดคนเหล่านี้ให้มาลองใช้งาน ซึ่งตรงนี้เป็นคำอธิบายว่าทำไม Dealfish/OLX/Kaidee ถึงทุ่มทุนโฆษณาทางทีวี คำตอบคือต้องการขยาย reach ไปยังคนที่ไม่คุ้นเคยกับอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
ตอนนี้ผู้ใช้งาน Kaidee กว่า 70% มาจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นทีมงานต้องทำทุกอย่างเพื่อให้แอพ Kaidee ใช้งานได้ง่ายที่สุด คุณทิวาเล่าว่า "แม่ยาย" ของตัวเองเพิ่งมาเล่นเน็ตบนมือถือได้ไม่นาน มีทั้ง Facebook/Instagram/LINE แต่กลับไม่มี "อีเมล" เมื่อทีมงานพบปัญหาข้อนี้จึงปรับปรุงแอพ Kaidee ให้สามารถสมัครด้วยเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกรอกอีเมลอีกต่อไป
ปัจจุบัน Kaidee มีพนักงานเกือบ 100 คน และเพิ่งเปิดสำนักงานใหม่ที่ตึก AIA Capital Center ที่ถนนรัชดาภิเษกเมื่อปีที่แล้ว (Blognone พาชมออฟฟิศ Kaidee) ตัวสำนักงานหรูหราอลังการตามสไตล์บริษัทไอทีรุ่นใหม่ มีข้าวเที่ยงเลี้ยงพนักงานทุกวัน
คุณทิวาบอกว่าวัฒนธรรมองค์กรของ Kaidee เชื่อมั่นใน "คน" และต้องการพนักงานระดับ world class มาร่วมทีม ยุคสมัยนี้การจ้างคนมีฝีมือเป็นเรื่องยากเพราะทุกบริษัทชิงตัวกัน ดังนั้น Kaidee จึงลงทุนกับการแต่งออฟฟิศและอาหารเพื่อดึงดูดคนเหล่านี้
สไตล์การทำงานของบริษัทเน้นความเปิดกว้างแบบ Silicon Valley เน้นการทำงานรวดเร็ว ล้มเหลวให้เร็ว (move fast, fail fast) ส่วนทีมวิศวกรไม่ได้แยกฝ่ายไอที-ผลิตภัณฑ์ออกจากกัน เพราะเชื่อมั่นว่าคนทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ ดีไซเนอร์ ผู้ดูแลระบบ ฯลฯ ต้องทำงานร่วมกันภายใต้ทีมเดียวกัน กระบวนการพัฒนายึดหลัก continuous deployment ขึ้นโค้ดเวอร์ชันใหม่วันละ 10-20 ครั้ง
ในภาพรวมแล้ว ผมคิดว่า Kaidee ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีไทยที่น่าสนใจอีกราย เพราะเป็นบริษัทที่ตั้งมาได้นานพอสมควร (4 ปี) มีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัทใหญ่ แต่ทีมงานเป็นคนไทยเกือบทั้งหมด มีวัฒนธรรมการทำงานแบบเดียวกับบริษัทชื่อดังในต่างประเทศ และมีผลงานจับต้องได้ชัดเจน แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ขั้นต่อไปบริษัทกำลังอยู่ในช่วงเริ่มหาโมเดลรายได้ที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทลักษณะนี้ Kaidee จะก้าวไปได้ไกลแค่ไหนก็ต้องติดตามและเอาใจช่วยกันต่อไปครับ
โซนโต๊ะทำงาน
โซนทานอาหาร
ห้องประชุม แต่งตามธีมสินค้ายอดนิยมแต่ละประเภท
โต๊ะปิงปอง โซนสันทนาการ
ผมไปตอนเที่ยง เจอพนักงานกำลังทานข้าวกัน เลยมีโอกาสแจมด้วยครับ อาหารอร่อยทีเดียว มีไอติมตบท้ายด้วย
Comments
ใช้ดีอยู่แต่หลังมีคนแปลกๆมาใข้ อย่างขายของ1500ต่อเหลือ500บาทบอกกำลังท้องคิดว่าสงสารเถอะ แหมเจ๊เล่นถามนี่โน่นั่น ขอดูรูปซะเยอะ ถามใบเสร็จอีก ใครจะลดให้ อีกรายก็ถามมากแบบเจ๊พอตอนหลังบอกเดี๋ยวขอถามเมียก่อน เออแล้วไม่คุยให้เรียบร้อยก่อนถาม อีกรายมาถึงสนใจจะเอาพอบอกอยู่ตจว.ไม่เอา พอไปดูประวัติแกก็อยู่ตจว.เหมือนกัน สรุปแอพนี้ก็ใช้บ่อยขายของที่ได้รางวัลมาบ่อยแล้ว
เคยไปหาซื้อของมือสอง (iPhone 5s) แล้วโดนมิจฉาชีพโกง สุดท้ายเลยเข็ด อาจจะเป็นเพราะเราโง่เองก็ได้ แต่ที่ผ่านมาซื้อขายที่ pdamobiz ไม่เคยมีปัญหา
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
เรียน คุณ OXYGEN2
หรือหากท่านต้องการดำเนินคดี สามารถติดต่อทีมงาน ได้ที่เบอร์โทร 02-119-5000 หรือที่อีเมล cs@kaidee.com ค่ะ
ทีมงาน Kaidee
ออฟฟิศน่าทำงานจริงๆ
Educational Technician
ล่าสุดได้ moto 360 มาจาก Kaidee เนี่ยแหละ
kaidee แต่ซื้อไม่ดี อย่างน้อยเว็บก็น่าจะทำระบบจ่ายเงินไว้กับตัวกลางก่อน เมื่อไม่มีปัญหาแล้วค่อยจ่ายเงินให้ผู้ขาย อะไรแบบนี้ บางทีการนัดเจอซื้อขายแม้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่จังหวะ เวลา มันไม่ตรงกันเลยต้องสั่งออนไลน์ ส่งของผ่านไปรษณี หรือบริษัทขนส่งอื่นๆ ซึ่งหลายรายโดนโกงจากคนลงประกาศใน kaidee แต่ก็ไม่เคยมองตรงนี้แล้วเอาไปแก้ไขปรับปรุงอะไรๆ ให้ดีขึ้นเลย ถ้าจะมองว่าเว็บตัวเองเป็นแค่เว็บลงประกาศขายธรรมดาก็แล้วแต่เลยครับ เปิดมานานแล้ว แต่ไม่เห็นการพัฒนาอะไรที่มองจากภายนอกเข้าไปเลยสักนิดเดียว
ขออภัยที่บ่นครับ จากเสียงผู้ใช้ที่ลงประกาศขาย กับหาซื้อสินค้ามือสองและโดนโกง
ข้อนี่มันผิดพลาดตรงที่ให้ลงทะเบียนด้วยfacebook ซึ่งบางคนไม่ได้มีรูปของตัวเองหรือประวัติอะไร แต่ kaideeกลับปล่อยให้ขายได้ ผมยเคยเจอคนที่ขอลดแต่เราไม่ลดให้ ด่าด้วยคำหยาบอีก หน้าตาชื่อก็ปลอม ไม่รู้kaideeปล่อยมาได้ไง
เขาไม่มีกระบวนการตรวจสอบอะไรเลยครับ ซึ่งเว็บแบบนี้ ลงทุนขนาดนี้ ทำไม่ถึงง่อยขนาดนี้
แค่มีfacebookคุณก็สมัครได้ไม่เกิน5นาที สมัครเสร็จลงประกาศรอเวลาอนุมัติสืนค้า ไม่เกินวันนึง
จริงๆ น่าจะบังคับให้สมัครได้เฉพาะเบอร์โทรศัพท์ไปเลยนะ อย่างน้อยก็ยากขึ้นนิดนึง
เฟสมันสมัครง่ายเกิ๊น
นั่นสิครับ คิดเหมือนกันเลย ถ้าจะซื้อของออนไลน์ทั้งทีต้องมานัดเจอกันให้วุ่นวาย แบบนี้จะออนไลน์ไปทำไม เราก้าวผ่านยุคเว็บประกาศไปนานแล้ว เว็บ e-commerce เกิดขึ้นมาก็เพื่ออำนวยความสะดวก เจ้าใหญ่ๆเขาลงทุนกันไปเยอะเพื่อพาเราทิ้งยุคเก่าๆไป ให้เราซื้อของได้ง่ายและปลอดภัย โอเคถ้าเป็นบ้านมือสอง รถมือสองอันนี้เข้าใจนะ แต่ของบางอย่างก็อยากซื้อให้เสร็จในระบบไปเลย
เรียน คุณ 7elven
ทีมงาน Kaidee
เคยลงขาย iPad Air ไปตอนแรกก็ลงไว้เฉยๆแต่ขายได้จริงแหะแต่ระบบก็ถือว่าใช้งานง่ายแต่ยังสงสัยอยู่ว่าถ้าทุนหมดจะหารายได้จากไหน เพราะทุ่มลงไปกับการเลี้ยงพนักงานซะเยอะขนาดนั้น
FREE FOR ALL
แต่ kaidee นี่ตั้งแต่ OLX แล้วนี่ขึ้นชื่อเรื่องมิจฉาชีพมากๆเลยนะ ไม่เห็นจะปรับปรุงยังไงเลย
เขาคงคิดว่า ยิ่งมีคนลงประกาศเยอะเท่าไหร่ ก็จะได้เอาตัวเลขนี้ไปขอเงินจากนายทุนเพิ่มได้มั้งครับ เลยไม่มีมาตรการอะไรเลย
อ้างอิงข้างบนครับ โมเดลหาเงินคือระบบเลื่อนประกาศด้วยการจ่ายเงิน แล้วคนต้องเลื่อนประกาศของตัวเองก็เพราะมีประกาศเยอะเกิน สรุปคือประกาศยิ่งเยอะยิ่งดีครับ ระบบปล่อยให้โพสฟรี
เราต้องพึ่งตัวเองครับ ถ้าระบบมันเขี้ยวเรื่องประกาศ ประกาศในนั้นก็จะน้อย คงไม่มีใครขึ้นไปเลื่อนประกาศครับ ทางออกมีนะครับ แต่ BU เขาต้องไปทำการบ้านกันล่ะ
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
แค่เลื่อนประกาศผมว่าไม่พอจ่ายค่าเงินเดือนพนักงานเกือบ 100 คน ในบริษัทหรอกมั้งครับ ยังไงก็ต้องมีนายทุนหนุนหลัง ไม่งั้นจะควบรวมกินการ olx kaidee เข้าด้วยกันได้ไง (อย่าบอกนะว่าแค่เงินเลื่อนประกาศก็ทำได้) มันต้องมีแผนระยะสั้น ระยะยาว วิธีหาเงิน เพื่อไปเสนอนักลงทุน ช่วงนี้ก็คงต้องดึงคนมาใช้งานเยอะๆไว้ก่อน
ผมแค่พูดตามข่าวต้นฉบับครับ เรื่องช่องทางหาเงินทางอื่นต้องมีอยู่แล้วล่ะครับ ส่วนที่ผมพูดคือเรื่องประสบการณ์การมใช้งานว่าต้องทนหรือปรับตัวกันไป
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
เว็บที่เต็มไปด้วยการหากินของโจร และจนวันนี้ก็ยังแก้ไขปัญหาเรื่องการโกงไม่ได้
ยังกล้ามีโมเดลหาเงินอีกเรอะ ขออภัยที่พูดแรง แต่มีคนโดนหลอกจากเว็บนี้เยอะมาก
เข้าใจว่าต้องการทำให้ง่าย อยากให้คนมาซื้อขายเยอะที่สุด ตอนนั้นอาจจะมี member เสียเงินอะไรตามมาครับ
แต่มันง่ายจนเกินไป โจรเยอะแยะเต็มไปหมด อย่างที่รู้ๆกันแจ้งความก็ไปก็ไม่คืบ บางคนเอาบัตรประชาชนปลอมคนอื่น
มาโพสอ้างว่าเป็นคนขาย คนนั้นเสียหายอีก โจรก็ใช้มุขเดิมหลอกไปเรื่อยๆ
ผมซื้อขายเว็บจีน aliexpress ยังน่าเชื่อถือกว่าเยอะ สินค้ามีปัญหาสามารถ open dispute เอาเงินคืนได้เต็มจำนวน
ถ้าเค้ามาอ่านเจอบ้างก็คงดี ก่อนที่วงการอีคอมไทยจะเสื่อมไปกว่านี้ ประเทศไทยเราเพิ่งก้าวเข้าวงการอีคอม ผู้ซื้อหน้าใหม่ก็เริ่มซื้อขายกับเว็บใหญ่แบบนี้แหละ ถ้าซื้อครั้งแรกแล้วโดนโกง คงไม่กล้าซื้ออีก แถมพลอยทำให้เว็บเล็กๆที่ตั้งใจทำมาขายของ คงไม่ต้องขายกัน เพราะขาดความเชื่อใจกันไปหมด
เห็นด้วย ซื้อ Aliexpress ยังดูปลอดภัยกว่า
จริงครับ
ผมซื้อของจาก Aliexpress ผมเช็คเจอว่าของที่ส่งเป็นของปลอมแจ้งไปทาง Aliexpress
เถียงกันไปมากับคนขายอยู่หลายอาทิตย์ แล้วผมก็ได้เงินคืนเต็มจำนวนผ่านบัตรเครดิต
ตราบใดที่ยังมองว่าตัวเองเป็น Craigslist แบบฉบับเอามาปัดแก้มแต่งหน้าทาปากอยู่ ผมว่าเรื่องการแก้ปัญหาตรงนี้ก็คงน่าจะยังไม่ใช่ First priority
อยากให้ ceo เข้ามาอ่านความเห็นในนี้ แล้วตอบด้วยจะดีมากครับ
มีประสบการณ์เกี่ยวกับ Kaidee ครั้งนึงครับ เป็นการไปประกาศขาย Note 3 ก่อนขายก็ไปสำรวจราคาว่าคนอื่นปล่อยเท่าไร ผมเลยตั้งราคาขายต่ำกว่าคนอื่น (ประมาณ 800 บาท) เพื่อให้ของเราขายได้ ปรากฏว่าลงไปได้ 5 นาทีมีคนโทรมาเลยครับ พร้อมต่อราคาเราลงไปอีก 200 (รวมเป็นต่ำกว่าราคาที่คนอื่นขาย 1 พัน) บอกนัดรับของค่ำนี้เลยได้ไหมที่ BTS สยาม (ผมบอกว่าสะดวกตามแนว BTS) ตกใจมากครับอะไรจะง่ายขนาดนี้ ก็ไปตามนัดเช็คของและรับเงินกลับมาบ้านแบบงงๆ ทำไมง่ายแบบนี้ฟร่ะ
ด้วยความสงสัยผมเลยเอาเบอร์โทรของคนที่มาซื้อของผม ไป Search ตามเน็ต ปรากฏว่าคนนี้เป็นเจ้าพ่อที่สิงอยู่ในหมวดมือถือของเว็บ Kaidee เลย หน้าทีแกคือคอยช้อนมือถือรุ่นดังๆ ของคนที่มาปล่อยราคาต่ำๆ กว่าคนอื่น เอาไปปล่อยต่อในราคาที่แกเป็นคนควบคุมเอง (user เดียวโพสต์ขายหลายเครื่องมาก) ทึ่งอยู่เหมือนกันครับ พี่แกทำเป็นล่ำเป็นสันเลย
วันต่อมาผมเข้าไปค้น เจอพี่คนนี้เอา Note 3 LTE (คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องที่ซื้อจากผมมานี้แหล่ะครับ) มาปล่อยต่อในราคาสูงกว่าที่มาซื้อผมไป 1,200 บาทแหน่ะ
พวกนี้มีเยอะครับ ตามเพจซื้อขายทั่วไป ผมยังงงที่คนยังซื้อขายด้วย
คนส่วนมากคงไม่ทราบน่ะครับ (ผมก็เพิ่งทราบ) ผนวกกับบางท่านอาจจะต้องรีบใช้เงิน เลยปล่อยให้เกิดกลไกตลาดแบบนี้
เมื่อก่อนผมก็เคยทำนะครับในเว็บ OCZ หาคนขายร้อนเงิน ราคาถูกๆ ซื้อใว้ แล้ว ซักพักค่อยมาปล่อย บวกเพิ่ม ทำกำไรได้ดีเลยครับ
บ.นี้น่ะเหรอ เหมือนได้ตังก์มาแล้วต้องใช้ให้หมดๆไปยังไงอย่างนัั้น
ภายนอกดู(อาจจะ)ดี แต่ข้างใน(อาจจะ)กลวงโบ๋ คล้ายๆบ.ระยะสั้น
อยากรู้ว่าถ้าด้วยลำแข้ง จะหาเงินจากไหนไปจ่ายค่าเช่า-แต่งออฟฟิสซะขนาดนั้น
นี่ยังไม่รวมค่าโฆษณาที่ยิงทิ้งยิงขว้างอีกนะ
แล้วเรื่องการโกง ด้วยความที่อาจจะมีผลประโยชน์ คิดตื้นๆก็ค่าอัพอันดับ ลึกๆก็อาจจะเป็นจำนวนคนเข้าใช้ หรืออย่างอื่น
มันก็เลยเป็นรังโจร หลอกพวกที่ยังอ่อนต่อโลก internet
ซึ่งในบทความก็บอกว่าเน้นให้พวกมือใหม่ใช้ (ที่แม้แต่สมัครอีเมล์ไม่เป็น)
แต่ดันไม่มีอะไรช่วยเขาเลย เหมือนต้อนหมูเข้าปากหมาเลยทีเดียว
ลงเงินยิงโฆษณาให้หน้าใหม่เข้ามาโดนหลอกแท้ๆ
รอวัน...
+1
อ่านคอมเมนต์แล้วแบบ มีแต่คนมีประสบการณ์แย่ๆมาโพสต์
ผมพูดในฐานะคนที่เอาของไปขายนะครับ เป็น MBP รุ่นนึง ราคาตามท้องตลาด การซื้อขายลุล่วงไปด้วยดี เรามีใบเสร็จไปให้ผู้ซื้อ ตรวจสอบได้ ตรวจของสิบห้านาทีเสร็จ ได้รับตัง จบการดีล
บางทีก็อยู่ที่ User ด้วยหรือเปล่าครับว่าจะมีวิธีตรวจสอบของก่อนตกลงจ่ายเงินยังไง ถึงระบบจะมีเรื่อง Verify คนยังไงคนมันจะโกงก็โกงได้อยู่ดี ยกเว้นว่าเว็ปจะจัดการการจ่ายเงินแบบ ebay ซึ่งมันก็ไม่ใช่แนวทางที่ Kaidee ทำตัวเป็นแค่บอร์ดสำหรับโพสต์
ผมมองมันคือช่องว่าง ทีนี้อาจจะมีรายใหญ่หรือรายใหม่เข้ามาทำระบบแบบนี้ คนก็จะย้ายไปเองแหละครับถ้า Kaidee ยังจัดการกับปัญหาที่หลายๆคนเจอไม่ได้สักที ยังไงเข้ามาอ่านก็ปรับปรุงนะครับ เสียงลูกค้าที่เป็น Power User หลายคนในนี้ยังเจอ แล้วนับประสาอะไรกับคนพึ่งหัดใช้อินเทอร์เน็ต
ถ้าคนทำกันแค่ "เลิกใช้เว็บของเค้า" ก็คงจะดีครับ
แต่ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว มันจะกลายเป็น "เลิกใช้ E-commerce" ซะมากกว่า ซึ่งส่วนตัวผมว่ามันเป็นการจัดความเจริญของ E-Commerce ในบ้านเราเลยนะ
เรียน คุณ cartier
ทีมงาน Kaidee
ผมเข้าไปค้นหา และซื้อแต่ของในจังหวัดตัวเองนะ
เบื่อมาก เวลาหาของจากเสิร์ชเอนจิ้น จะเจอประมาณว่า ขออภัย ประกาศนี้ ถูกลบ ไม่มีอยู่ในระบบ
น่ารำคาญมากๆๆ ขนาดว่าระบุในเสริชเอน ไปแล้วว่า ให้ค้นหาภายในสัปดาห์ หรือ 24ชม
จะดักไว้ทำไมก็ไม่รู้ พาลเกลียดเว็บนี้ไปเลย จะพูดแรงกว่านี้ก็เกรงใจ
WE ARE THE 99%
จริงครับ เหมือนจะเรียก traffic จาก Google เฉยๆ คือเขียนให้ Bot ของ Google เข้าถึงข้อมูลได้ จึงมีข้อมูล Index อยู่ แต่พอเราเข้าไปดูกลับบอกว่าประกาศหมดอายุแล้ว
ส่วนตัวคิดว่า ถ้าไม่ดูแลคนซื้อ แบบนี้ก็ไม่ต่างจากเว็บนัดซื้อขายทั่วไปแหละ แค่เปลี่ยนมาให้ค้นง่ายขึ้น โจรก็ยังเยอะเหมือนเดิม
ถ้ามีหน้าใหม่มาแข่งขัน ระบบยืนยันตัวผู้ขายหรือกันเงินไว้ก่อน
ขายดีก็ขายดีเหอะ...
คลายข้อสงสัยไปได้พอสมควร ชอบสถานที่ทำงาน :)
เคยหา Neuxs 5 มือสอง คนขายบอกมีประกันอยู่ ขออีมี่ไปเพื่อจะเช็คประกันกับศูนย์ก่อน เค้าก็ส่งอีมี่กลับมา แต่พอไปเช็คกลับเป็นเครื่องต่างประเทศ หรือเป็นอีมี่ที่โพสๆ กันในเนต คนขายคง google แล้วส่งมาให้ ไม่ได้เจอเครื่องเดียว แต่เจอ 2-3 เครื่องเลยที่เป็นลักษณะนี้ ส่วนใหญ่พวกนี้จะไม่มีกล่อง ไม่รู้เป็นเครื่องโจรรึเปล่า
จะซื้อขายก็ดูกันดีๆ ซื้อมือถือขออีมี่โทรไปเช็คกับศูนย์ก่อนทุกครั้ง เผื่อเครื่องโจร หรือโดนหลอกว่าเป็นเครื่องศูนย์มีประกัน
เรียน คุณ xxa
ทีมงาน Kaidee
ไม่เคยใช้ แค่ลงแอปไว้ พอมาอ่าน comment ก้อตัดสินใจว่าจะไม่ใช้บริการ -_-'
ผมอยู่ในกลุ่มคนเล่นเกม Console ใน FB ก็เคยเจอคนในเพจเอาประกาศใน Kaidee
มาให้ช่วยกันกด Report เหมือนกันครับ โดยเขาจับได้ว่ามันเป็นประกาศของมิจฉาชีพแน่ๆเพราะว่า
เอารูปจากกระทู้อื่นหรือโพสต์ขายในเว้บอื่นๆมาใช้ทั้งดุ้นเลย รายละเอียดก็แทบจะก้อบมา แต่รู้ว่าโกงแน่เพราะ
ต่างกันตรงสถานที่ของคนขายในประกาศ ที่ส่วนใหญ่จะใส่เป็นต่างจังหวัดไกลๆ อย่าง แม่สาย หรือเชียงราย
อะไรพวกนี้ แล้วก็ไม่มีนัดเจอ ส่งไปรณีย์อย่างเดียว ซึ่งมีคนโดนโกงด้วยวิธีแบบนี้
เยอะมากเพราะว่าพวกนี้จะตั้งขายราคาถูกกว่าราคาตลาดมากๆล่อให้คนติดต่อซื้อ
ก็เลยช่วยๆเขากด Report ให้ไปซึ่งก็ได้ผลอยู่ครับราวๆ 10 นาที
ประกาศนั้นก็หายไปจากระบบ แต่ตั้งแต่นั้นมาก็คิดว่ามันเป็นแหล่งรวมโจรจริงๆครับ
ถ้าผมเป็นฝั่งคนซื้อคงจะคิดหนักมากๆก่อนใช้บริการ แต่ฝั่งคนขายส่วนตัวก็คิดว่ามันสะดวกดีละครับ
อ่านแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ปกติผมหาซื้อของมือ 2 จากเว็บไอทีมีชื่อและอยู่มานาน ไม่เคยผิดหวัง เพราะส่วนใหญ่คนที่เข้ามาขายประวัติค่อนข้างดี และเราก็ระวังตัวมาก กลัวพลาด(ภรรยาจัดหนักแน่)
เคยเจอบ้างเล็กน้อย เช่น คุยถามดี ๆ ไม่มีปัญหา พอจะนัดเจอดูของส่งของ บอกไม่ว่าง อยู่ต่างจังหวัด แล้วเลี่ยง ๆ ไปพร้อมพูดต่อด้วยอาการไม่รับแขก ไม่เหมือนกับวิสัยพ่อค้าพ่อขาย(ออกแนวนักเลงนิด ๆ ) เลยไม่คุยต่อ แล้วติดตามภายหลัง ก็พบว่าคนที่เราคุยด้วยมีปัญหาจริง
ของมือ 2 ถ้าซื้อเป็นได้ของดี ราคาถูกครับ เห็นรายละเอียดที่ท่าน ๆ โพสต์มา ก็ยังอยากเข้าไปดูและลองใช้บริการเค้าหน่อยเหมือนกันครับ แต่ก็ต้องระวังตัวเพิ่มอีกหน่อย...
ขอรบกวนท่าน ๆ ที่เคยมีปัญหากับการซื้อขายของเว็บนี้ ให้ข้อมูลเพิ่มอีกนิดจะเป็นพระคุณมากครับ ว่าท่านทำยังไงต่อ เช่น แจ้งความ โพสต์ต่อ แจ้งเตือน หรือไม่ได้ทำอะไรต่อเลยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เคยใช้ ชอบสองอย่าง คือ ดูเหมือนจะใช้คน ตรวจประกาศ คงจะกรองประกาศไม่ได้คุณภาพไปเยอะอยู่ อย่างสองคือ เหมือนจะมีนายหน้า จ้องซื้อไปขายต่อเยอะ ก็สะดวกดีสำหรับผม ไม่ค่อยคิดมากเรื่องเงิน ขายๆไปเอาตังมาหมุนไวๆเน้นสะดวก
ส่วนเวลาจะซื้อ ผมไม่เคยซื้อเว็บนี้นะ ส่วนใหญ่ไปหาจากเว็บเฉพาะทางมากกว่า ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกเหมือนอุ่นใจว่าได้ของจากคนที่เขาชอบทางนั้นจริงๆ อุ่นใจกว่าซื้อจากนายหน้าเน้นกำไรมั้ง
"Kaidee ประกาศตัวเองชัดว่าเป็นเว็บประกาศขาย (classifie) เท่านั้น ไม่ใช่โมเดลอีคอมเมิร์ซแบบที่มีการจ่ายเงินผ่านหน้าเว็บ เหตุผลคือ Kaidee มองว่าการขายของมือสองจำเป็นต้องตรวจสภาพของกันอย่างละเอียด และแนะนำให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายนัดเจอกันก่อนตกลงปลงใจซื้อขายเสมอ ทำให้ธุรกรรมบน Kaidee จะไม่วิ่งผ่านบริษัทเลย บริษัททำหน้าที่ช่วยจับคู่ระหว่างคนซื้อ-คนขายเท่านั้น"
ผมว่าในบทความเค้าก็ประกาศชัดนะ
Methuz'es Blog
เห็นด้วยครับ เห็นออกตัวกันแรง อ่านกันบ้างมั๊ย
ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องบ่น
โมเดลธุรกิจเค้า ไปเจ้ากี้เจ้าการอะไรนักหนา
อยากได้นั่นอยากได้นี่ อยากให้ทำนั่น อยากให้ปรับนี่
เค้ามาขอเงินคุณไปทำธุรกิจเหรอ
ผู้ถือหุ้นเค้ายังปล่อยให้ทำเลย ไปยุ่งไรกะเค้ามากมาย
เค้าก็บอกชัดเจน ว่าเค้าทำอะไร ไม่ทำอะไร
ไม่พอใจก็ออกมาทำเองเลยดีมั๊ย
ใจเย็น ๆ นะครับ ผมว่าสำหรับคนซื้อ การโกงก็เป็นปัญหาจริง เพียงแต่ว่า Kaidee อาจจะยังไม่ได้โฟกัสแก้ปัญหาตรงนี้
ซึ่งก็ต้องเคารพทั้งความคิดของ Kaidee และ Users
Methuz'es Blog
แล้วความเห็นในนี้ใครบังคับให้มาอ่านล่ะ
ใครบังคับล่ะ?
ผมว่าหลายคนที่เค้าบ่นๆ ข้างบนนี่โดนมากับตัวเองเลยมังครับ
อย่างนี้บ่นได้ไหมครับ?
ยังไงผมว่าการวิจารณ์อย่างอิสระบนพื้นฐานความจริงมันก็เป็นเรื่องปกตินี่ครับ
คนที่บ่นก็ลูกค้าทั้งนั้น เขามีประสบการณ์ไม่ดีเขาก็แนะนำ คุณยังจะไปว่าให้เขาทำเองอีก เหมือนร้านอาหารในฐานะลูกค้าเราก็มีสิทธิ์ติไม่ใช่เหรอ ถ้าเจ้าของบอกว่าถ้าไม่อร่อยคุณก็ไปทำกินเอง แล้วแบบนี้ร้านจะรอดไหมครับ
ด่ากันโหดจัง เรื่องโกง ผมว่าถ้าไม่โอนเงินไปก่อน และนัดเช็คของกันในที่ปลอดภัย ก็โอเคอยู่นะ
ถ้าจะเอาแบบ ebay ก็คงต้องเว็บอื่นแค่นั้นเอง
ขายง่ายจริงๆครับ
ขายได้หลายอย่างแล้ว อย่าง เก้าอี้ซื้อมาไม่ได้ใช้แล้ว ประกาศขาย ก็มีคนมาซื้อนะ มารับที่บ้านเลย
Craglist เมืองไทยซินะ
ถ้าตามต้นฉบับต้องซื้อขายแบบนัดเจอกันตัวเป็นๆเท่านั้น
แนวคิดตรงข้ามกับ Jack Ma โดยสิ้นเชิง
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เข้ามาให้กำลังใจทีมงานครับ อย่างน้อยก็มี feedback เข้ามาแจ้งรับรู้ในปัญหานี้
เรียน คุณ nrml
ทีมงาน Kaidee
เรียนทีมงาน Kaidee
อยากให้ลองอ่านความคิดของ Jack Ma เปิดตำนานการสร้าง Alibaba ดูนะครับ
ผมคิดว่าบริบทหลายอย่างของเมืองไทย คล้ายกับเมืองจีนในยุคที่ Alibaba ก่อตั้งมาก และ Kaidee ก็เดินเกมคล้ายตามยุทธศาสตร์ของ Alibaba หลายข้อ ซึ่งผมคิดว่าจุดเดียวที่เหลืออยู่ที่ควรจะทำคือระบบการจ่ายเงินเหมือน AliPay ปัญหาทั้งหมดที่ทุกคนมาบ่น ๆ ในข่าวนี้มันแทบจะหายเกลี้ยงได้เลยครับ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!