ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศโครงการ Computer Science For All ส่งเสริมให้นักเรียนชาวอเมริกันทุกคนมีโอกาสเรียนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกทักษะการเป็น "ผู้สร้าง" ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล แทนการเป็นผู้บริโภคแต่เพียงฝ่ายเดียว
โอบามาบอกว่า "วิทยาการคอมพิวเตอร์" กลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีไปเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลสหรัฐจะตั้งงบประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ในโรงเรียน และให้งบประมาณสนับสนุน National Science Foundation (NSF) พัฒนาหลักสูตรและฝึกอบรมครูสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์เพิ่มด้วย
โครงการนี้ของรัฐบาลสหรัฐยังได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลามจากวงการไอที โดยคนดังของวงการอย่าง Bill Gates, Mark Zuckerberg, Jack Dorsey ออกมาโพสต์ชื่นชม และบริษัทใหญ่ทั้ง Apple, Microsoft, Google, Facebook, Salesforce, Qualcomm ก็เข้าร่วมโครงการด้วย
ที่มา - Whitehouse Blog, Whitehouse Press
.@codeorg is making an extraordinary commitment to prepare 25,000 teachers to teach computer science: https://t.co/8ipynh06D4 #CSForAll
— Bill Gates (@BillGates) January 30, 2016
Thank you @POTUS and @codeorg for pushing all schools to teach computer science. https://t.co/IJERCgQBev #CSforAll
— Jack (@jack) January 30, 2016
Comments
แต่ผมไม่เห็นด้วยครับ ใช่ว่าทุกคนจะต้องเขียนโค้ดเป็นซะหน่อย
The Last Wizard Of Century.
คิดว่าน่าจะเป็นวิชาพื้นฐานเฉยๆมั้งครับ แบบ Code.org ที่เน้นให้เด็กเข้าใจคอนเซปต์ของการโปรแกรมมิ่ง
คงไม่เอาเป็นเอาตายแบบการศึกษาไทยหรอกครับ ที่เน้นให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษมา 12 ปี จนเด็กพูดได้คล่องปร๋อกันค่อนประเทศเลย
¯_(ツ)_/¯
เอาจริงๆ ผมว่าน่าจะสอนไปในทางให้คิดวิเคราะห์ด้วยหลักการ programming ละมั้ง(แค่ mit scratch ก็พอแล้ว)
สำหรับผมไม่ต้องรู้ทั้งหมดหรอก รู้จักใช้ if loop ได้ก็น่าจะพอแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่ว่าหลักสูตรจะทำให้เด็กกระหายจนหาทางไปเก็บเกี่ยวต่อกันเองยังไง
อันนี้เป็น "ความเชื่อ" ที่ต่างกันตั้งแต่ระดับฐานรากเลยครับ
คนที่มองอนาคตขาดกับไม่ขาดมันคิดต่างกัน
ผมชอบจัง Code.org
The Last Wizard Of Century.
จากหัวข้อข่าว "นักเรียนทุกคนต้องได้หัดเขียนโค้ด"
ตรงนี้น่าจะทำให้เข้าใจผิดว่าจะไปบังคับเด็กทุกคนให้เรียนเขียนโค้ด
ในเนื่อข่าวเป็น "ส่งเสริมให้นักเรียนชาวอเมริกันทุกคนมีโอกาสเรียนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์"
เรื่องเปิดโอกาสนี่ผมเห็นด้วยนะแต่ถ้าไปบังคับให้เด็กทุกคนต้องผ่านวิชาเขียนโปรแกรมนี่คงไม่ไหว
ขนาดคนจบตรีคอมบางคน(เพื่อนผม)จบมาเขียนโค้ดไม่ได้เลย ไปทำอย่างอื่นตอนนี้รุ่งกว่าผมอีก
คนเราชอบไม่เหมือนกับ คนไม่ชอบโค้ด บังคับไปทำให้เขาเกลียดคอมหรืองานสาย IT เปล่า ๆ
สู้ไทยมะได้ ประเทศไทยประกาศให้ปวงชนชาวไทยเรียนรู้การารปกปิกตัวตน เพราะช่องทางธรรมดาอาจไม่ปลอดภัย:P
ไม่แน่น่ะครับ อาจจะมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบใหม่ที่ไม่ต้องอาศัยสายแลน WiFi หรือคลื่นCellular
ดาวเทียม ไม่ก็โน่นเลย ทางวิทยุ VHF
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ผมเชื่อว่า " เด็กจะเกิดการเรียนได้ ก็ต่อเมื่อเขาอยากรู้"
+1
ไม่นะครับ ตอนเด็กผมเรียนเลขก็ไม่ได้อยากรู้นะ มันถือเป็นการเรียนได้ไหมครับ
+555
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
+666
+1
+1
ความเห็นต่อไปนี้ของผม ไม่ได้มาจากความ "เชื่อว่า" นะครับ แต่มาจากการเลี้ยงดูลูกหลานในตระกูลผมเลย (รวมทั้งการได้เลี้ยงดูลูกหลานของตัวเองกับมือด้วย)
"เด็กจะเกิดการเรียนได้ ก็ต่อเมื่อเราทำให้เขาอยากรู้" ครับ แทบไม่มีอะไรเลยที่เด็กจะอยากรู้ได้เองโดยไม่รับการเร้าครับ
อีกข้อคิดหนึ่งในทางกลับกันคือ ตระกูลผมจะสอนกันตลอดมาว่า "อะไรที่ไม่ต้องการให้อยาก ก็ไม่ต้องให้รู้จัก" ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ ครับ อย่างเช่น ลูกหลานผมไม่เหลียวแลขนมถุง เพราะเราทำให้เขารู้จักแต่ขนมที่เราทำเองในครัว (Home made snack ว่างั้นเถอะ) เช่น ปลาเล็กปลาน้อยทอด ถั่วอบคลุกเครื่องเทศสูตรต่างๆ ตลอดจนขนมสดๆ เช่นบัวลอย กล้วยบวชชี ฯลฯ ผลก็คือ เมื่อเขา "ไม่รู้จัก" เขาก็ "ไม่เกิดความอยาก" เพราะ "ความอยาก" เกิดขึ้นเองไม่ได้โดยที่ไม่มี Bias มาก่อนครับ
แทบทุกคนใน "สกุล" ผม เรียนเก่งมากๆ ทุกคน โดยไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เพราะเราถ่ายทอดศิลปะการกระตุ้นให้เด็ก "อยากรู้" กันต่อๆ มาด้วยครับ
"อะไรที่ไม่ต้องการให้อยาก ก็ไม่ต้องให้รู้จัก"
สมัยนี้คงยากหละครับ internet เข้าถึงทุกที่ทุกเวลาแบบนี้
Generation หลังผมในครอบครัวที่พบปะไปมาหาสู่กันถี่ๆ ที่เกิดมาในยุค Internet นี่ ตอนนี้มี 3 คนแล้ว คนที่ 4 จะคลอดในอีก 4 เดือนข้างหน้า แต่ถ้านับทั้งตระกูลเฉพาะที่พบเจอกันก็เกือบ 30 คนแล้ว เราจัดการปัญนี้อย่างนี้ครับ...
พอเราเป็นพ่อแม่ ลุงป้า น้าอา ปู่ย่า ตายาย ปั๊บ... เราเปลี่ยนแปลงตัวเองกันทันทีเช่น
เด็กจะเรียนรู้ตั้งแต่ประมาณ 12 เดือนครับ จะเห็นพฤติกรรมเรา และรู้เองว่า ของเหล่านั้น ไม่สนุก ใช้เพื่อทำงาน ไม่ใช่เพื่อการบันเทิง
เราก็ประสบความสำเร็จกันทั้งตระกูลนะครับ ที่ทำให้เด็กของเรามีภูมิต้านทานในการเสพสื่อทุกชนิดได้เอง ไม่มีใครติด Social network ใดๆ ไม่มีใครดูละคร หรือกระทั่งเกมโชว์
เรื่องนี้ รายละเอียดเยอะมากจริงๆ เกินกว่าจะสาธยายได้หมดครับ มันต้องบรรยาย พูดคุยกันด้วยปาก จะใกล้เคียงความครบถ้วนกว่า
"อะไรที่ไม่ต้องการให้อยาก ก็ไม่ต้องให้รู้จัก"
อ่า...เผด็จการ
คุณอยากรับประทาน Doner ไหมครับ?
ถ้าคุณไม่อยาก... งั้นผู้ปกครองผู้ชุบเลี้ยงคุณมาคงเป็น "เผด็จการ" สินะครับ ที่ไม่บอกให้คุณรู้จัก
Doner kebap อร่อย โด่งดังมาก เป็นรากของเคบับที่พัฒนาแพร่หลายไปทั่วโลกตอนนี้ เป็นอาหารประจำชาติตุรกี
ถ้าคุณไม่อยากทานมัน ไม่รู้จักมัน ก็น่าเสียดายนะครับ ที่คุณก็เกิดมาอยู่ในครอบครัว "เผด็จการ" ซึ่งผมแน่ใจว่ามีอีกแสนล้านอย่างในโลกนี้ ที่คุณไม่ "อยาก" มัน เพราะคุณ "ไม่รู้จัก" มัน โอ...ทุกคนรอบตัวคุณ ช่างเผด็จการไปหมดเลย ที่ไม่ Bias ใส่หัวคุณให้รู้จักทุกสิ่งในจักรวาลนี้
การบังคับ ห้าม ในสิ่งที่ผู้ถูกห้าม "รู้จักแล้วและต้องการมัน" ต่างหากครับ จึงเรียกว่า "เผด็จการ"
เมื่อถึงวันที่คุณได้มีบุตร ธิดา เป็นของตนเอง ได้ชุบเลี้ยงเองแล้ว วันนั้น คุณจะได้พิสูจน์ตรรกะเป๋ๆ ของคุณด้วยตัวคุณเองครับ
ทั้งครอบครัวผมไม่รู้จักหนอกครับ Doner อะ
แต่เราคงมองคนละมุม
ผมไม่คิดว่าเขาจะให้เรียนจนไปถึงแบบ Expert นะ แม้แต่ Intermediate ก็ด้วย คงจะเรียนประมาณขั้น Beginner เข้าใจตรรกะ หลักการทำงานของโปรแกรมเสียมากกว่า คล้ายเรียนคณิตศาสตร์ไรงี้มั้ง
น่าจะคล้ายๆวิชาเลือกคอมพิวเตอร์ของระดับมัธยมบ้านเราแหละครับ
เรียนเขียนโปรแกรมแบบเบื้องต้นมากๆ ครอบคลุมแค่แนวคิดการใช้ Flow chart แล้วก็ Control Structure พื้นฐานอย่าง if/else, for loop แค่นั้นแหละมั้งครับ
แนวคิดคงไม่ต้องการให้เขียนโปรแกรมระดับสูงเป็นกันหมดหรอก (ไม่งั้นคณะ CS, CPE จะมีไว้ทำไม)
น่าจะแค่ให้มี logic พื้นฐานติดตัวแล้วก็เข้าใจคอมพิวเตอร์นิดหน่อย
ผมคิดว่า วิชาเขียน Code ตามข่าวนั้น เป็นแบบ code.org เช่นกัน เพราะเป็นโครงการที่ดีจริง ซึ่งมีโครงการในญี่ปุ่นด้วย ระบบของ code.org นี้ ทำให้รู้จักโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทำให้อ่านระบบพื้นฐานของจักรกล เช่น ฟังก์ชันของกล้อง และฟังก์ชันของระบบ OS แบบรู้ว่า มีที่มา (ด้าน code) อย่างไร ครับ
จัดตัวเลือกวิชาเพิ่มอีกหน่อยให้เด็กเลือกเองไม่ดีเร้อ คนระดับโลกที่เมกาก็ต้องตั้งหลายแนว
สอนพื้นฐานให้เข้าใจหลักการคิดแบบ programming เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่สำหรับผมคิดว่าควรเป็นวิชาเลือกอะไรทำนองนี้มากกว่า
ถ้ามองในแง่ยุทธศาสตร์วงการไอที คือ Core Competency ของสหรัฐเลย ดังนั้นหากทำให้เด็กทุกคนเข้าถึงฐานรากของวงการไอที วงการไอทีสหรัฐก็จะมั่นคงยาวนาน ส่วนบ้านเรา...ก็ไม่รู้สินะว่าควรเป็นเกษตร (ที่ต้องยอมรับว่าเราเก่งจริง แต่กำไรน้อยเสี่ยงสูง) กับอุตสาหกรรม สรุป เรียนกันแบบเดิมนั่นแหละ :D
ไทยที่ส่วนใหญ่อุตสาหกรรมยังใช้แรงงานคนอย่างเข้มข้นละมังครับ น่าจะต่างจากเค้าอยู่
ยอมรับเลยว่าแนวคิดแกแน่จริง อาจารย์หลายๆท่านก็เคยพูดไว้ว่า Computer Science จะเป็นศาสตร์เฉพาะทางไปเลย(แกจะสื่อว่าเป็น Math Com) ไม่ใช่เป็ดอย่างที่เราเรียนกัน ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ
เพราะบางสาขาอาชีพมันจำเป็นต้องใช้ก็มี อย่างงาน Audio จะให้คนที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาเขียนโปรแกรมซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกจริต Sound Engineer ไหม หรืออย่างงาน Biomedical ก็ต้องใช้ทั้งศาสตร์ด้านเขียนโปรแกรมเหมือนกัน
นั่นหมายความว่าการเขียนโปรแกรมเป็นเรื่องพื้นฐานที่จะใช้กับงานสาขาอาชีพนั้นๆ เป็นปกติประจำวันของเขาครับ
เท่านี้ก็เห็นยุทธศาสตร์ของอเมริกาแล้วว่าต้องการให้ software แทรกไปในทุกวงการ ถึงแม้ไม่ได้เป็นผู้ผลิต Hardware. แต่สุดท้ายก็ต้องใช้ SW จาก US ผมว่าต่อไปทุกวงการจะมีซอฟต์แวร์แทรกซึมไปทุกจุด ถ้าใครยึดครองตรงนี้ได้ ก็แทบจะครองโลกข้อมูลกันเลยทีเดียว ถามว่าเมืองไทยควรเลียนแบบไหม ผมว่าถ้าจะทำก็เน้นเฉพาะด้านดีกว่าเช่น SW ด้าน Agriculture. ก็น่าสนใจหุ่นยนต์. ฟาร์ม ฯลฯ
นี้เป็นเรื่องดี
ถ้าเป็นเมืองไทยยุคลุงตู่จะมีชายชุดเขียวไปสอนวิชาคลั่งชาติ+วิชาบิดเบือนปชต.กับเด็กๆถึงโรงเรียนแทน
+1
มีบางคน เขาเรียนเขียนโปรแกรมจากออนไลน์ แล้วได้ทำเกมหนึ่งดังมาก และขายให้บริษัทดังด้วย เขาไม่ได้โดนบังคับและใจรักด้วยครับ
หัดเขียน ก ไก่ ประเทศไทย ยังเป็นปัญหาระดับชาติ ไม่ต้องไปหวัง...
มันทำให้ได้มาซึ่ง ตรรกะ วิธีคิด มากกว่าการเขี่ยนโค้ดมั้งครับ
ประเทศไทยติดหล่มล่มแล้วล่มอีกมาสิบกว่าปีแล้วก็เพราะเรื่องนี้ล่ะครับ
สอน ให้"เชื่อ" ห้าม"คิด"
ก็ดีนะครับ เหมือนกับผมโดนบังคับเรียนวิชาสังคมตอน ม ต้น ที่ตอนนั้นก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม แต่พอมาเรื่อยๆก็พอมีประโยชน์บ้างบางที
ของไทยนี่ขอเบสิคสกิลทางด้านคอมพิวเตอร์ก่อนครับ ในระดับประถมถึงมอต้น เพราะเวลาคอมมีปัญหาก็วิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาไม่เป็น บางคนใช้มาเป็นสิบๆปี
สำหรับผู้ใช้อย่างผมแล้วอยากให้คนไทยทั่วรู้จักการแก้ปัญหาเป็น ไม่ต้องถึงระดับการเป็นผู้สร้างหรอก
ผมว่าปัญหาไม่ใช่เบสิคสกิลทางด้านคอมพิวเตอร์นะครับ แต่เป็นการคิดแบบเหตุและผลไล่เรียงอะไรไม่ได้มากกว่า
ผู้นำบ้านเขาแลดูมีวิสัยทัศน์นะครับ
ถ้าเป็นประเทศแถบๆนี้ ก็คงฟันธงได้เลยว่าเป็นแค่คำโม้เพ้อฝัน กินงบจบๆกันไปขำๆ เพราะถึงมีหลักสูตร มีคนอยากเรียน ก็ไม่มีคนสอนที่เก่งจริงรู้จริงพอจะสอนได้ คนที่รู้ก็แทบไม่มีใครประสบความสำเร็จระดับโลก
แต่นี่คือประเทศ ที่มีบริษัท Microsoft Apple Google FaceBook อะไรอีกล่ะ นับไม่หวั่นไม่ไหว บุคลากรมหาศาล
ดังนั้นผมว่าไม่แปลกและเป็นไปได้จริง
¯_(ツ)_/¯
ในขณะที่ประเทศบางประเทศยังสอนให้ท่องค่านิยม12ข้อเพราะคิดว่ามันคือการปลูกฝังให้เด็กเป็นคนดี:)
คงต้องยอมรับกันแล้วว่าการไล่ตรรกะในการเขียน/หาจุดบกพร่องของโปรแกรม มีความจำเป็นต่อการอยู่รอดในโลกสมัยใหม่ต่อจากคณิตศาสตร์ ส่วนตัวผมเห็นว่าวิชาทักษะทั้งคณิตศาสตร์และภาษาเป็นพื้นฐานของการศึกษาในหลายแขนง ถ้าพื้นฐานเหล่านี้ไม่แน่นจะทำให้การศึกษาต่อยอดเป็นไปแบบไม่มั่นคง เช่นเด็กอาจตอบข้อถามที่มีระดับความยากมากกว่าได้แต่พลาดในคำถามพื้นฐาน ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นในพื้นฐานซึ่งเปรียบเสมือนส่วนรากฐานที่ปล่อยไว้นานวันก็ยิ่งซ่อมยาก นอกจากนี้เด็กวัย 0-6 ปีควรได้รับการลงทุนเพื่อสร้างทัศนคติและวินัยที่ดี(หลายประเทศที่พัฒนาแล้วให้ความสำคัญกับเด็กมากที่สุด)เพื่อความพร้อมในการศึกษาระดับสูงสุดที่เขาสามารถทำได้ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือความศิวิไลซ์ของประชากรในอนาคตควรมาพร้อมด้วยจิตสำนึกที่ดี (เห็นข่าวดังในตอนนี้ผมรู้สึกห่วงลูกหลานขึ้นมาเลย)
ผมว่าสำคัญคือพื้นฐานตรรกะ ไม่เกี่ยวกับว่าจะได้เขียนโปรแกรมหรือไม่ก็ตาม
มันเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ
และเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกๆคน ทุกๆสายอาชีพการทำงาน ควรจะมี
บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ทุกคนมีตรรกะอยู่ในระดับสูง
แต่ถ้าสามารถทำให้เด็กที่เริ่มเรียน มีการจัดระเบียบการคิดให้ดีตั้งแต่แรกก็จะดีมาก
+1
การเขียนโปรแกรมโดยไปแสดงผลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่น่าจะเป็นสิ่งที่เร้าใจของเด็ก ๆ สมัยนี้ยิ่งถ้าสามารถสร้างการส่งข้อความหากันในหมู่เพื่อนสนิทคงเป็นโฮมบรูคลับได้เลย นับเป็นการออกกำลังความคิดที่มีความสนุกเพลิดเพลินได้ฝึกความคิดไปในตัว
เป็นเรื่องที่ดีนะ จริงๆ สมัยเรียนมัธยมวิชาคอมพิวเตอร์ก็มีให้เรียนเขียนโปรแกรมอยู่ อย่างภาษา BASIC และ เคยโดนให้เรียนให้เขียน VB 6.0 ด้วย
คือการจะบอกว่าควรสอนในสิ่งที่ผู้เรียนอยากเรียน มันก็อาจจะใช่ในวิชาขั้นสูง หรือนำมาประกอบอาชีพ แต่หากเรามองว่ามันคือ วิชาพื้นฐาน มันก็ไม่ได้แย่นะ (หลายวิชาที่บรรจุเป็นวิชาพื้นฐานหลายๆ ตัว ควรถูกลดจำนวนชั่วโมงลงด้วยซ้ำ เพราะสอนซ้ำไปมาทุกๆ ปีจนรู้สึกว่า เยอะไปมาก) ซึ่งหากมองว่ามันคือวิชาทั่วไปที่ควรมีเรียน มันก็มีคนทำได้ และมีคนตกตามวิชาปรกติทั่วๆ ไป เช่นกัน ขนาดคนเรียน com sci ยังตกในวิชาหลายๆ ตัวที่เป็นชิชาบังคับเลย การเอามาบรรจุเป็นวิชาพื้นฐาน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร เขียนโปรแกรมเอาแค่พื้นฐาน หาภาษาง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ก็ช่วยให้ใช้เวลาไปทำความเข้าในพวก logic การทำงานแทนมาพะวง syntax ได้เยอะ พวก Python หรือ Go อะไรพวกนั้น (พวก C, Java หรือ VB.NET คงดูเยอะไป)
เอาแค่หลักเขียน math พื้นฐานนิดหน่อย, data type (พวก numbers, collection data type, string, array), comparisions (Boolean), control flow แล้วก็ input/output (keyboard, print) เอาแค่นี้ก็หมดเทอมแล้วมั้ง
คือมองว่านำมาสอนเพื่อฝึกการลำดับความคิดให้เป็นระบบ ซึ่งหากเรียนพวก math อาจจะเห็นภาพไม่ชัด ใช้การ coding พวกนี้ช่วยเสริมอาจจะมองอะไรเป็นรูปเป็นร่างได้ดีมากขึ้น
ตอนผมม. 6 ก็มีสอนนะ 7 ปีก่อน แต่เหมือนเป็นหลักสูตรไม่บังคับ
จารย์ก็จัด Turbo C มาให้ เทอร์โบสมชื่อ สองชั่วโมงจบคลาส......
แต่ค่อนข้างเห็นด้วยที่จะสอนพวก Basic programming นะ ผมว่ามันค่อนข้างเป็นภาพต่อของวิชาตรรกศาสตร์ดี
ไม่ได้แค่ท่องจำเฉยๆ แต่ต้องเข้าใจ
ก็ใช่ว่าทุกคนจะชอบ coding เนอะ แต่ถ้าเด็กทุกคนมีโฮกาสได้เรียน ใครชอบก็เรียนต่อ ใครไม่ชอบก็หยุดเรียน ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ เห็นด้วยกับหลายๆคนที่บอกว่าวิธีคิด ตรรกะ มันได้ใช้ในชีวิตประจำวันเยอะเหมือนกัน ฝึกการคิด ถ้าเด็กๆมีโอกาสได้เรียนก็ถือเป็นเรืองทีดี
..: เรื่อยไป
ในยุค Internet of Things ที่จะมาถึง สิ่งที่เราเจอๆปัจจุบัน ทีวีอยู่ดีๆก็เปิดหนังเสียวให้ดู กล้องมองเด็กถูกแอบส่อง ฯลฯ ในอนาคตการถูกโจมตีทางไซเบอร์จะเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกมาก ทุกอย่างต่อเข้าเครือข่ายระยะไกลอย่าง Internet
ที่บอกไม่จำเป็น คำพูดนี้จะมีน้ำหนักน้อยลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป เรื่อง software อยู่ในระดับ 'ควรรู้' ของเราในวันนี้ จะเป็นเรื่องที่ 'ต้องรู้' ของคนยุคต่อไป ในเมื่อเขาเกิดมาถูกล้อมรอบด้วยสิ่งของที่คนยุคเราสร้างไว้ให้
ครับ ผมเห็นด้วย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เตรียมพร้อมเด็กๆเพื่อให้อยู่ในโลกที่ internet กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเขา
โอ๊ววว จะมีคนซ่อมคอมเป็นทั่วประเทศเลยสินะ
ไทยแลนด์ออนลี่นะครับ
เห็นโรงเรียนไทยบางที่สอนเขียนโปรแกรมตั้งแต่ ม. 1 เลยก็มีนะ
สมัยผมเรียน ได้เรียน DOS ตอน ป.5
T-Lotus ตอน ป.6
ก็ดี อีก10ปี เมกาจะผลิตหุ่นยนตร์เสมือนคนจริงๆ แล้วให้เราสามารถเขียนโค๊ดใส่ได้