HP PageWide เป็นเทคโนโลยีใหม่ของเครื่องพิมพ์ ช่วยให้พิมพ์เอกสารเร็วขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้เครื่องพิมพ์สามารถขึ้นมาเทียบชั้นเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ได้ในแง่ความเร็วการพิมพ์ ในขณะที่ต้นทุนต่อแผ่นถูกกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์มาก
ปกติแล้ว ข้อดีของการพิมพ์แบบ PageWide คือต้นทุนต่อแผ่นที่ถูกกว่า และประหยัดพลังงานกว่า และพิมพ์เร็วกว่า ดังนั้นจึงเหมาะกับองค์กรที่ต้องพิมพ์เอกสารเยอะ และความเร็วของการพิมพ์เป็นเรื่องสำคัญ
เทคโนโลยี HP PageWide ถูกคิดขึ้นมาแก้ปัญหาของเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตทั่วไปใช้หัวพิมพ์ (printhead) ที่เคลื่อนตัวในแนวนอน (ซ้าย-ขวา) ฉีดหมึกลงบนกระดาษ
การที่หัวพิมพ์ต้องเคลื่อนที่ทุกครั้งเมื่อเลื่อนกระดาษ ส่งผลให้ความเร็วการพิมพ์ช้าลง ด้วยการสร้างหัวพิมพ์ที่มีความกว้างเท่ากับกระดาษทั้งแผ่น ทำให้หัวพิมพ์ไม่ต้องเคลื่อนที่อีกต่อไป สามารถเลื่อนกระดาษแล้วฉีดหมึกพร้อมกันทั้งบรรทัดได้เลย ความเร็วการพิมพ์จึงเพิ่มขึ้น และเสียงครืดคราดของเวลาหัวพิมพ์เลื่อนตำแหน่งก็หายไปด้วย เพราะไม่มีส่วนเคลื่อนไหวอะไรอีกแล้ว ความคงทนของเครื่องพิมพ์จึงเพิ่มขึ้นด้วย
ตัวอย่างหัวพิมพ์ที่มี HP PageWide Technology
จากภาพจะเห็นบริเวณหัวพิมพ์ (สีเขียวในภาพ) จำนวน 10 ตัวเรียงต่อกันเท่ากับความยาวของหน้ากระดาษ การเรียงหัวพิมพ์แบบนี้เรียกว่า อาร์เรย์ (array) โดยหนึ่งหัวพิมพ์มีรูหมึก 1,056 รูต่อหนึ่งสี คูณด้วยจำนวนหมึก 4 สี (ฟ้า, ชมพู, เหลือง, ดำ = CMYK) เป็น 4,224 รู รวมทั้งหมด 42,240 รู เฉลี่ยความละเอียดแล้ว 1200 dot per inch
หัวพิมพ์ PageWide ยังออกแบบให้ฉีดหมึกได้ขนาดสม่ำเสมอกว่าเดิม (ใช้เซ็นเซอร์ช่วย calibrate) หมึกหนึ่งหยดมีขนาดไม่เกิน 25 ไมครอน คุณภาพของงานพิมพ์จึงสูงขึ้น เมื่อผนวกกับหมึกพิมพ์รุ่นใหม่ๆ ที่กันน้ำ (pigment ink) และสีสันสดใสกว่าเดิม ผลงานที่ได้จึงออกมาในระดับที่เกือบทัดเทียมเครื่องพิมพ์เลเซอร์แล้ว
ตัวอย่างตลับหมึกของ HP PageWide
ภาพตัวอย่างการทดสอบเทน้ำ จะเห็นว่ากระดาษเปียกแต่หมึกไม่เลอะซึม
HP PageWide ช่วยให้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตของ HP ถือเป็นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตที่พิมพ์เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วถึง 70 แผ่นต่อนาที (ความเร็วเท่ากันทั้งพิมพ์สีและขาวดำ)
เมื่อ HP PageWide เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเร็วการพิมพ์ได้แล้ว ส่งผลให้อิงค์เจ็ตที่มีเทคโนโลยี HP PageWide น่าสนใจขึ้นอีกมากสำหรับการใช้งานในองค์กร นอกจากข้อดีเรื่องหมึกราคาถูกกว่าเลเซอร์แล้ว ยังประหยัดพลังงานกว่า เพราะเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตกินไฟน้อยกว่าเลเซอร์มาก (ไม่ต้องใช้ความร้อนเยอะแบบเลเซอร์) สามารถต่อพ่วงกับ UPS เพื่อพิมพ์งานได้เป็นเวลานาน การนำเครื่องพิมพ์ออกนอกสถานที่ (เช่น งานออกร้านที่อาจต้องพิมพ์โบรชัวร์บ่อยๆ เพราะปรับเปลี่ยนราคาตลอดเวลา) จึงคล่องตัวมากขึ้นมาก
Comments
เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ แต่ไปจับตลาดกลุ่มองกร คาดว่าราคาน่าจะแรง
ให้เดาตลับหมึกก็น่าจะคล้ายพวกเครื่องปร๊อดเตอร์ ไม่ใช่แบบขวดแล้วบีบเติม
ตอนนี้ปริ้นเตอร์แบรนอื่นๆออกรุ่นที่ติดแท๊งมาตั้งแต่โรงงานแล้ว เหลือแต่ hp ที่ยังไม่มีออกมา
ใช้ 8620อยู่ เวลาพิมพ์แบบ draft (เพราะอยากประหยัดหมึก)
มันจะ พิมพ์เร็วมาก
สงสารเครื่อง ไม่อยากให้ทำงาน กระชากไปมา
มีวิธีสั่งให้ มันพิมพ์ช้าลงได้มั้ย
setting > quiet mode
หาไม่เจอ ครับ
ราคาแรงแน่เลย
ไม่แพงครับ ไม่แพง สนนราคาอยู่ที่ 31,490.00 บาท เอง
ราคาแบบนี้ คงไม่เหมาะตามบ้านละ ฮ่า
เขาออกแบบมาเน้นตลาดองค์กรตั้งแต่ต้นอยู่แล้วน่ะครับ ชื่อรุ่นก็คือ OfficeJet
เครื่องราคาหลักแสนครับ ของมีจำหน่ายขายในเมืองไทยกันมา จนปัจจุบัน เป็นรุ่น 2 แล้วครับ
อยากรู้ราคาหมึกพิมพ์ 1 ตลับว่าราคาเท่าไหร่ แล้วตลับนึงพิมพ์ได้กี่หน้า
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
เคยคิดอยู่ว่าถ้าทำหัวพิมพ์ให้กว้างเท่ากระดาษได้นี่มันน่าจะพิมพ์ได้เร็วมากๆ เพราะ Pixma iP3000 นี่พิมพ์แบบ draft นี่ก็เร็วกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่ใช้ที่มหาลัยยุคนั้นอีก แต่ก็คิดว่าราคามันต้องแพงบรรลัยเพราะปกติเวลาเปลี่ยนหัวพิมพ์นี่ก็แพงอยู่แล้ว ไม่นับว่าส่วนไหนไม่ได้ใช้พิมพ์อาจจะตันไปก่อนอีก
เดี๋ยวนี้ต้นทุนหมึก ink ถูกกว่า ผงlasor แล้วเหรอ
อีกหน่อย
ทำหัวพิมพ์ใหญ่ (ทั้งกว้างและยาว) เท่ากระดาษเลยครับ
เร็วเพิ่มอีก หลายเท่า อิ อิ
ผมนึกถึงเครื่องปั้มเลยครับ
จะว่ามันก็เครื่องโรเนียวรึเปล่า 55
ข้อเสียสำคัญของ inkjet คือ หัวพิมพ์ตัน แล้วราคาเปลี่ยนแพงซะอยากซื้อเครื่องใหม่
A smooth sea never made a skillful sailor.
ข้อดีของ HP คือหัวพิมพ์อยู่บนตลับหมึก เวลาหมึกหมดแล้วเปลี่ยนตลับใหม่ หัวพิมพ์ก็จะถูกเปลี่ยนใหม่ด้วย
ตระกูล Officejet ตัวหัวพิมพ์ แยกกับตลับหมึกครับ ซึ่งหัวพิมพ์สามารถเปลี่ยนได้ครับ ยกเว้น Officejet Pro รุ่นที่มาพร้อม HP WidePage Technology จะไม่สามารถเปลี่ยนโดนผู้ใช้งานได้ครับ
อันนี้เค้าทำมาสำหรับออฟฟิศ คงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องหัวพิมพ์ตันอยู่แล้วล่ะ
ผมว่าคงใช้งานแทบจะทุกวันล่ะ อย่างมากก็สองวันที่ไม่ได้ใช้ เสา อาทิตย์
ผมว่าต้องมองในจุดนี้ด้วย
เอ หัวพิมพ์ช่วงฝั่งขวา ๆ มันจะไม่ตันก่อนรึ กำลังนึกภาพเอกสารในสำนักงาน ส่วนใหญ่ฝั่งขวาของกระดาษมักจะโล่ง ๆ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
แสดงว่าแก้ปัญหา เรื่อง paper jam ตอน feed กระดาษได้แล้ว
เยี่ยมไปเลยครับ
แบบนี้การไหลของหมึกจากตลับลงไปที่หัวพิมพ์ มันจะไปยังไงอ่ะครับ
เรื่องหัวตัน นี่เป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาลของ inkjet ถ้าพัฒนาให้มันไม่ตันได้ นั่นและคือสุดยอดนวัตกรรม และจะทำให้ inkjet โดนเด่นกว่า laser ชัดเจน ...เรื่องการเพิ่มหัวให้มันพิมพ์เร็วนั้นมันไม่ยาก แต่ทำให้ inkjet หัวไม่ตัน ตั้งไว้เป็นเดือนแล้วมาพิมพ์ต่อได้เหมือนเลเซอร์..นี่แหละยากสุดๆ
บางรุ่นมีระบบป้องกันหัวตันนะครับ แต่ต้องเสียบไฟไว้ตลอด สงสัยอยู่ว่ามันแอบพ่นหมึกเล่นรึเปล่า